WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เรืองของเบรค...ที่ควรทราบ
pnu
จาก pnu
118.172.254.45
อาทิตย์ที่ , 20/9/2552
เวลา : 22:05

อ่านแล้ว = 3236 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       ก่อนจะโพสข้อความนี้ผมคิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะสาระและเนื้อหามันค่อนข้าง ยาวมากพอสมควร กลัวเพื่อน ๆ สมาชิกจะเบื่อกันซะก่อน แต่มาคิด ๆ ดูแล้ว ผมว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์แก่ บรรดาเพื่อน ๆ สมาชิก กับคนที่กำลังคิดจะทำอะไรกับเบรค ควรอ่าน เพื่อทำความเข้าใจกับระบบเบรคของรถซะหน่อย เพื่อวิเคราะห์ได้ว่า คุ้มมั๊ยที่เราจะเสียเงิน หลายหมื่น เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของการเบรคเพิ่มขึ้น หรือ อาจจะเท่าเดิมแต่ได้แค่ความเทห์... ถ้าเป็นไปได้ผมจะตัดเป็นตอน ๆ สัก 2-3 ตอนกันเบื่อละกันนะครับ

รถยนต์ทุกวันนี้ ไม่เพียงแต่ต้องพัฒนาให้ แรง เร็ว และ ดูแลให้ทะยานไปได้เท่านั้น ระบบเบรค ก็ต้องเยี่ยมและได้รับการดูแลควบคู่กันเสมอ แล่นได้ก็ต้องหยุดได้ ! ระบบเบรค-BRAKE หรือห้ามล้อ มีหน้าที่ชะลอความเร็วหรือหยุดรถยนต์ตามการสั่งงานของผู้ขับ โดยมีพื้นฐาน คือ สร้างแรงเสียดทานด้วยผ้าเบรค ซึ่งกดเข้ากับจานหรือดุมเบรค ที่หมุนตามล้อ เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ในยุคที่รถยนต์เพิ่งถือกำเนิดขึ้น การสั่งให้ผ้าเบรคกด หรือ คลาย เป็นการใช้ระบบกลไก เช่น ก้านโยกหรือสลิง คล้ายระบบเบรคของจักรยาน ซึ่งสะดวกในการออกแบบและทำงาน แต่ขาดความแม่นยำในการควบคุมจากผู้ขับ เช่น สลิงยืดหรือต้องปรับตั้งบ่อย ต่อมาจึงใช้ของเหลวในการถ่ายทอดการสั่งงานจากผู้ขับไปยังการกดผ้าเบรค ซึ่งกลายเป็นระบบเบรกพื้นฐานมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วจึงพัฒนาส่วนปลีกย่อยกันออกไป แต่ไม่ว่าจะมีรายละเอียดของอุปกรณ์อย่างไร ก็ยังใช้การถ่ายทอดด้วยของเหลว คือ น้ำมันเบรคเป็นหลัก หลักการถ่ายทอดการควบคุมด้วยน้ำมันเบรค จากการกดเท้าลงบนแป้นเบรก เพื่อสั่งให้ผ้าเบรคขยับตัวกดจานหรือดุมเบรค เปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ คือ นำกระบอกเข็มฉีดยามา 2 อัน ดูดน้ำไว้ทั้ง 2 กระบอก แล้วต่อท่อยางขนาดเล็กที่บรรจุน้ำไว้เต็มเข้ากับหัวของกระบอกฉีดยาทั้ง 2 น้ำทั้งหมดก็กลายเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อกดแกนของกระบอกฉีดยาด้านหนึ่งเข้าไป ( เสมือนมีการกดแป้นเบรกที่ต่ออยู่กับแม่ปั๊มด้านบน ) น้ำก็จะถูกไล่ผ่านท่อยางขนาดเล็ก ทำให้แกนของกระบอกฉีดยาอีกตัวหนึ่งดันออก เสมือนกระบอกเบรคที่ล้อดันผ้าเบรกออกไป จะเห็นว่าของเหลวในระบบต้องไม่มีการรั่วซึม ลูกยางรีดในกระบอกต้องกักน้ำได้ และไม่มีอากาศปะปนในระบบ การถ่ายเทแรงดันจึงจะเป็นไปอย่างสมบูรณ์

พื้นฐานของระบบเบรค

ประกอบด้วยอุปกรณ์หลัก คือ แม่ปั๊มบน- ตัวสร้างแรงดัน, ท่อโลหะและท่ออ่อน, กระบอกเบรคที่ล้ออย่างน้อยล้อละ 1 กระบอก ผ้าเบรค และจานเบรค ( ดิสก์ ) หรือดุมเบรค ( ดรัม ) จากนั้นจึงมีการพัฒนาเสริมอุปกรณ์อื่นเข้ามา เช่น แม่ปั๊มบนตัวเดียวแต่แบ่งเป็น 2 วงจรภายใน เป็นล้อหน้า-หลัง หรือทแยงหน้าซ้าย-หลังขวา หน้าขวา-หลังซ้าย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเมื่อระบบย่อยหนึ่งบกพร่อง จะได้ยังเหลือแรงเบรคอยู่บ้าง,หม้อลมเบรค ช่วยผ่อนแรงในการกดแป้นเบรค โดยการใช้แรงดูดสุญญากาศที่ได้จากท่อไอดีของเครื่องยนต์ มีหลายขนาด เล็กหรือใหญ่ไปก็ไม่ดี,วาล์วปรับแรงดันน้ำมันเบรค ติดตั้งต่อจากแม่ปั๊มเบรคตัวบน ก่อนที่น้ำมันเบรคจะถูกส่งไปยังล้อต่าง ๆ ช่วยให้แรงดันน้ำมันเบรกกระจายไปอย่างเหมาะสม ,เพิ่มจำนวนกระบอกเบรคเพื่อเพิ่มแรงกดที่ผ้าเบรค ,เพิ่มขนาดจาน-ดุมเบรค พร้อมเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรคให้สามารถสร้างแรงเสียดทานได้มากขึ้น,เอบีเอส ป้องกันการล็อกของล้อ ฯลฯ

แม่ปั๊มเบรค

ทำหน้าที่สร้างแรงดันน้ำมันเบรค เมื่อมีผู้ขับกดแป้นเบรค ส่วนใหญ่ติดตั้งไว้กับหม้อลมเบรก ภายในประกอบด้วยลูกยางหลายลูกและสปริง โดยจะคืนตัวเองเมื่อไม่มีการกดแป้นเบรค อาการการเสีย คือ ไม่สามารถสร้างแรงดันได้จากลูกยางที่หมดสภาพ ไม่สามารถดันรีดน้ำมันได้ หรือรั่วย้อนออกมา หรือเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวเสื้อกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางพร้อมชุดซ่อมหรือเปลี่ยนทั้งตัว

หม้อลมเบรค

เป็นเพียงอุปกรณ์ที่ช่วยผ่อนแรงกดแป้นเบรคให้เบาเท้าขึ้น กลายเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถยนต์ยุคใหม่ไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกับระบบน้ำมันเบรค โดยใช้แรงดูดสุญญากาศจากท่อร่วมไอดีของเครื่องยนต์มาช่วยดันแผ่นยางไดอะเฟรมและแกนแม่ปั๊มตัวบนเมื่อมีการกดแป้นเบรค โดยประสิทธิภาพที่แท้จริงของระบบเบรคยังขึ้นอยู่กับอุปกรณ์อื่น ไม่ใช่เฉพาะที่ตัวหม้อลม ขนาดของหม้อลมต้องพอเหมาะ ขนาดเล็กไปก็หนักเท้าเหมือนเบรคไม่ค่อยอยู่ ขนาดใหญ่ไปก็เบาเท้า แต่แรงกดที่มากเกินไปในขณะที่อุปกรณ์อื่นยังเหมือนเดิม ก็อาจทำให้ล้อล็อกได้ง่าย เมื่อเบรคบนถนนลื่น หรือ เบรคกะทันหัน อาการการเสียที่พบบ่อย คือ ผ้ายางไดอะเฟรมภายในรั่ว เมื่อกดแป้นเบรคจะแข็ง และเครื่องยนต์จะสั่น เหมือนอาการท่อไอดีรั่ว ทดสอบโดยกดแป้นเบรคในขณะจอดและติดเครื่องยนต์เดินเบาไว้ ถ้าหม้อลมปกติ การเหยียบเบรคเมื่อติดเครื่องยนต์แล้วจะเบาเท้ากว่า ถ้าหม้อลมรั่วแต่แม่ปั๊มตัวบนดี ยังสามารถใช้ระบบเบรคตามปกติได้ แต่จะหนักเท้าในการกดแป้นเบรคเท่านั้นการซ่อมหม้อลมบางรุ่นมีอะไหล่ให้เปลี่ยนเฉพาะผ้ายางไดอะเฟรมพร้อมชุดซ่อม แต่ส่วนใหญ่มักต้องเปลี่ยนทั้งลูก ซึ่งมี 2 ทางเลือกทั้งของใหม่และเก่าเชียงกง

ท่อน้ำมันเบรค

ประกอบด้วยท่อโลหะขนาดเล็ก ทำจากเหล็ก หรือ ทองแดง แล้วมีท่ออ่อนที่ให้ตัวได้ ต่อจากท่อโลหะบนตัวถังไปยังชุดเบรค ล้อที่ขยับตลอดเวลาที่ขับอาการเสีย คือ ท่ออ่อนบวมหรือรั่ว ส่วนท่อโลหะนั้นแทบไม่พบว่าเสียเลย ท่ออ่อนทั่วไปผลิตจากยางทนแรงดันสูง ทนทานเพียงพอสำหรับการใช้งานปกติ แต่ก็มีแบบพิเศษที่นิยมใช้ในรถแข่งมาจำหน่าย เป็นแบบท่อหุ้มสเตนเลสถัก ซึ่งทนทั้งการฉีกขาดจากการกระแทกภายนอกหรือแตกด้วยแรงดันจากภายใน ซึ่งไม่จำเป็นนัก แต่ถ้าอยากจะใส่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย และอาจลดอาการหยุ่นเท้าให้การตอบสนองรวดเร็วขึ้นเล็กน้อย ถ้าท่ออ่อนเดิมขยายตัวได้บ้างเมื่อกดเบรค กระบอกเบรคที่ล้อ ทำหน้าที่รับแรงดันน้ำมันเบรคที่ถูกดันมา เพื่อดันลูกสูบเบรคภายในกระบอกแล้วไปกดผ้าเบรค ขนาดและจำนวนลูกสูบ มีผลต่อแรงกดของผ้าเบรคมีอย่างน้อย 1 กระบอก 1 ลูกสูบ ( POT ) ต่อ 1 ล้อ ภายในประกอบด้วยลูกสูบพร้อมลูกยางหรืออาจมีสปริงด้วย การมีขนาดของกระบอกเบรคใหญ่หรือจำนวนกระบอกเบรคต่อ 1 ล้อมาก ๆ ( 2-4 POT ) จะทำให้มีแรงกดไปสู่ผ้าเบรคมากขึ้น แต่ก็ต้องใช้แม่ปั๊มตัวบนที่รองรับกันได้ดีด้วย รถยนต์ญี่ปุ่นหรือรถยนต์ขนาดเล็ก-กลาง มักใช้คาลิเปอร์ดิสก์เบรคแบบลูกสูบเดี่ยว 1 POT หรือเรียกว่า SLIDING CALIPER โดยที่รถยนต์ขนาดกลางส่วนใหญ่มักใช้คาลิเปอร์แบบ 2 POT ลูกสูบคู่ประกบซ้าย-ขวาคร่อมจานดิสก์เบรค และ รถยนต์ขนาดใหญ่ อาจใช้คาลิเปอร์แบบ 4 POT ในชุดดิสก์เบรคล้อหน้าอาการเสีย คือ ลูกยางหมดสภาพ ไม่สามารถดันลูกสูบเบรคออกไปได้เต็มที่หรือน้ำมันเบรกรั่วซึมออกมา และเสียทั้งตัวลูกยางพร้อมตัวกระบอกเป็นรอย การซ่อมจึงมีทั้งแบบเปลี่ยนเฉพาะลูกยางและชุดซ่อม หรือ เปลี่ยนทั้งตัว

ดิสก์/ดรัม

เป็นชุดเบรคที่ล้อ คือ อุปกรณ์ชิ้นที่หมุนพร้อมล้อและรับแรงกดจากผ้าเบรค ผลิตจากวัสดุเนื้อแข็ง เรียบแต่ไม่ลื่น เพื่อให้ผ้าเบรคกดอยู่ได้ ทนความร้อนสูง และไม่สึกหรอง่าย ดิสก์/ดรัม มีจุดเด่นและด้อยต่างกัน พื้นฐานดั้งเดิมของรถยนต์ส่วนใหญ่เมื่อหลายสิบปีก่อน นิยมใช้แบบดรัม-DRUM หรือแบบดุมครอบ ต่อมาก็เปลี่ยนมาใช้แบบดิสก์-DISC หรือแบบจาน เพราะความเหนือชั้นในประสิทธิภาพ แล้วก็ยังพัฒนาตัวดิสก์และอุปกรณ์อื่นให้ดีขึ้นไปอีก ดรัมเบรค มีลักษณะเป็นฝาครอบทรงกลม มีผ้าเบรคโค้งแบน เป็นรูปเกือบครึ่งวงกลมติดตั้งภายในตัวดรัม ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นเป็นฝาครอบโลหะทรงทึบ โดยไม่เห็นหน้าสัมผัส และ ชุดผ้าเบรคที่ถูกครอบไว้ เมื่อมีการเบรค ผ้าเบรคจะเบ่งออกไปดันกับด้านในของตัวดรัม โดยเปรียบเทียบง่ายๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรค ยืดแขนออกไปแล้วมีผ้าเบรคติดอยู่ที่ฝ่ามือ มีฝาครอบหมุนอยู่ เมื่อมีการเบรคก็ยืดแขนดันฝ่ามือออกไปให้ฝาครอบหมุนช้าลง ดรัมเบรคมีจุดเด่นคือ ต้นทุนต่ำ, ทนทาน และมีพื้นที่ของผ้าเบรคมาก แต่มีจุดด้อยคือ กำจัดฝุ่นออกจากตัวเองได้ไม่ดีและอมความร้อน เพราะเป็นเสมือนฝาครอบอยู่ ซึ่งจะทำให้แรงเสียดทานของผ้าเบรคลดลงหรือผ้าเบรคไหม้ และเมื่อใช้งานไปสักพัก หน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับดรัมอาจไม่แนบสนิทนัก ต้องตั้งระยะห่างบ่อย หรือแม้แต่มีการปรับตั้งโดยอัตโนมัติก็อาจยังไม่สนิทกันนัก จนขาดความฉับไวในการทำงาน มีผ้าเบรคให้เลือกน้อยรุ่นน้อยยี่ห้อ และเมื่อลุยน้ำจะไล่น้ำออกจากดรัมและผ้าเบรคได้ช้า ดิสก์เบรค มีลักษณะเป็นจานแบนกลม มีผ้าเบรคแผ่นแบนติดตั้งอยู่รวมกับชุดก้ามเบรค ( คาลิเปอร์ ) แล้วเสียบคร่อมประกบจานเบรค ถ้ามองจากภายนอกทะลุกระทะล้อเข้าไปจะเห็นเป็นจานโลหะเงา เพราะถูกผ้าเบรคถูทุกครั้งที่เบรค และ มีชุดก้ามเบรคคร่อมอยู่ด้านใดด้านหนึ่ง เมื่อเบรคจะมีการบีบผ้าเบรคเข้าหาตัวดิสก์ ต่างจากแบบดรัมที่เบ่งตัวผ้าเบรคออก โดยเปรียบเทียบง่ายๆ คือ คนเป็นกระบอกเบรค มีผ้าเบรคอยู่ที่ฝ่ามือ ทำแขนเหมือนกำลังยกมือไหว้แต่ไม่ชิดสนิทกัน มีแผ่นกลมหมุนแทรกอยู่ระหว่างมือ เมื่อมีการเบรคก็ประกบฝ่ามือเข้าหากัน

ดิสก์เบรกมีจุดเด่น คือ ประสิทธิภาพสูง แม้มีพื้นที่สัมผัสของผ้าเบรคน้อยกว่าแบบดรัมในขนาดดิสก์หรือดรัมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากัน ทำงานฉับไว ควบคุมระยะห่างและหน้าสัมผัสของผ้าเบรคกับตัวดิสก์ได้ดีโดยไม่ต้องปรับตั้ง ไม่อมฝุ่นเพราะทำความสะอาดตัวเองได้ดี ไล่น้ำออกจากตัวดิสก์และผ้าเบรคได้เร็ว แต่มีจุดด้อยที่ไม่สามารถนับเป็นจุดด้อยได้เต็มที่นัก คือ ต้นทุนสูงและผ้าเบรคหมดเร็ว โดยมีรายละเอียดย่อยออกไปอีก เช่น มีการพัฒนาการระบายความร้อน เพราะยิ่งผ้าเบรคหรือตัวดิสก์ร้อน ก็ยิ่งมีแรงเสียดทานต่ำลงหรือผ้าเบรคไหม้ ด้วยการทำให้พื้นที่ของจานเบรค สัมผัสกับอากาศมีการถ่ายเทกันมากขึ้น โดยการผลิตเป็นจานหนา มีร่องระบายความร้อนแทรกอยู่ตรงกลาง เสมือนมีจาน 2 ชิ้นมาประกบไว้ห่างๆ กันและมีครีบถี่ ๆ ยึดรถยนต์ในสายการผลิตส่วนใหญ่นิยมใช้ระบบดิสก์แบบมีครีบระบายความร้อนในล้อหน้า เพราะเบรคหน้ารับภาระในการเบรคมากกว่า ส่วนการเจาะรู และเซาะร่อง มักนิยมในกลุ่มรถยนต์ตกแต่งหรือรถแข่ง เพราะระบายความร้อนได้ดี สร้างแรงเสียดทานได้สูงแต่กินผ้าเบรค และแค่มีครีบระบายก็เพียงพออยู่แล้ว

ส่วนการขยายขนาดของดิสก์เบรคให้มีเส้นผ่าศูนย์กลางมากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรค เพราะ สามารถเพิ่มพื้นที่ของผ้าเบรคพร้อมกับใช้คาลิเปอร์-ก้ามเบรคให้ใหญ่ขึ้นได้ และ มีการระบายความร้อนดีขึ้นจากพื้นที่สัมผัสอากาศที่มากขึ้น นับเป็นหลักการที่เป็นจริง แต่ในการใช้งานมักมีขีดจำกัดที่ตัวดิสก์และก้ามเบรคต้องไม่ติดกับวงในของกระทะล้อ รถแข่งหรือรถยนต์ที่ใช้กระทะล้อใหญ่ๆ จึงจะเลือกใช้วิธีขยายขนาดของดิสก์เบรคนี้ได้
นับเป็นเรื่องปกติที่ระบบดิสก์เบรคมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางใกล้เคียงกับระบบดรัมเบรค ทั้งที่มีพื้นที่หน้าสัมผัสของผ้าเบรคน้อยกว่า แต่ด้วยจุดเด่นข้างต้น ดิสก์เบรคจะให้ประสิทธิภาพในการเบรคสูงกว่าดรัมเบรค ตัวดิสก์และดรัมเบรค ผลิตจากวัสดุเนื้อแข็งกว่าผ้าเบรคเพื่อความทนทาน แต่ก็ยังมีการสึกหรอจนไม่เรียบขึ้นได้ เพราะผ้าเบรคก็มีความแข็งพอสมควร จึงกัดกร่อนตัวดิสก์หรือดรัมเบรคได้ เมื่อผ้าเบรคหมด ถ้าหน้าสัมผัสของดิสก์หรือดรัมเบรคไม่เรียบก็จะทำให้ผ้าเบรคสัมผัสได้ไม่สนิท แต่ก็ไม่ใช่สูตรสำเร็จว่าต้องเจียร์เรียบตัวดิสก์หรือดรัมเบรคทุกครั้งที่เปลี่ยนผ้าเบรคตามสไตล์ช่างไทยที่ต้องการเงินเพิ่ม เพราะต้องดูว่ายังเรียบพอไหม ถ้าเป็นรอยมากจนลึกเข้าไปค่อยเจียร์ เพราะดิสก์หรือดรัมเบรคมีขีดจำกัดในแต่ละรุ่นว่าต้องไม่บางเกินกำหนด เจียร์มาก ๆ ก็เปลือง เพราะต้องเปลี่ยนใหม่เร็วขึ้น การเจียร์จานดิสก์เบรค มี 2 วิธีหลัก คือ ถอดออกมาเจียร์ ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมใช้กันทั่วไป และเจียร์ในรถยนต์ด้วยเครื่องมือพิเศษโดยไม่ต้องถอดออกมา ซึ่งมีข้ออ้างว่าดีกว่าการถอดออกมาเจียร์ เพราะไม่ต้องถอด-ใส่ให้อุปกรณ์ต่างๆ ช้ำและรวดเร็ว ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว การเจียร์โดยไม่ต้องถอดเหมาะสำหรับประเทศที่มีค่าแรงแพง และถ้าลูกปืนล้อนั้นมีสภาพไม่ปกติก็เจียร์ได้ไม่เรียบ เพราะฉะนั้นถ้าดิสก์เบรคถอดไม่ยากจนเกินไป ควรเลือกใช้วิธีถอดออกมาเจียร์ดีกว่า

การเลือกติดตั้งระบบเบรคในแต่ละล้อมีหลักการพื้นฐานคือ ประสิทธิภาพของระบบเบรคล้อคู่หน้าต้องดีกว่าล้อคู่หลังเสมอ เพราะเมื่อมีการเบรคน้ำหนักจะถ่ายลงด้านหน้า ล้อหลังจะมีน้ำหนักกดลงน้อยกว่า ระบบเบรคหน้าจึงต้องทำงานได้ดีกว่า มิฉะนั้นเมื่อกดเบรคแรงๆ หรือเบรคบนถนนลื่น อาจจะเกิดการปัดเป๋หรือหมุนได้ เสมือนเป็นการดึงเบรคมือ ดังนั้นถ้าอยากจะตกแต่งระบบเบรคเพิ่มเติมก็ต้องเน้นว่า ประสิทธิภาพของเบรคหลังต้องไม่ดีกว่าเบรคหน้า กลุ่มที่เปลี่ยนเฉพาะจากดรัมเบรคหลังเป็นดิสก์ โดยไม่ยุ่งกับดิสก์เบรคหน้าเดิม ต้องระวังไว้ด้วย รถยนต์ในอดีตเลือกติดตั้งระบบดรัมเบรคทั้ง 4 ล้อ แล้วจึงพัฒนามาสู่ ดิสก์เบรคหน้า-ดรัมเบรคหลัง และสูงสุดที่ดิสก์เบรค 4 ล้อ แต่ก็ยังยึดพื้นฐานเดิมคือ เบรคหน้าต้องดีกว่าเบรคหลังเสมอ แม้จะเป็นดิสก์เบรคทั้งหมด แต่ดิสก์เบรคหน้ามักมีขนาดใหญ่กว่า มีครีบระบายความร้อน มีผ้าเบรคขนาดใหญ่ และมีแรงกดมากๆ จากกระบอกเบรคขนาดใหญ่ โดยดิสก์เบรคหลังมักจะเป็นขนาดไม่ใหญ่นัก ไม่มีครีบระบาย มีผ้าเบรคขนาดไม่ใหญ่ และมีแรงกดไม่มากจากกระบอกเบรคขนาดเล็ก เพื่อไม่ให้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเบรคหน้า
ผ้าเบรค คุณเลือกได้

ผ้าเบรคเป็นอุปกรณ์สร้างแรงเสียดทาน โดยการกดเข้ากับดิสก์หรือดรัมเบรค มีพื้นฐาน คือ เนื้อวัสดุของตัวดิสก์หรือดรัมเบรคต้องแข็งเพื่อไม่ให้สึกหรอเร็ว แต่ต้องมีผิวไม่ลื่น ส่วนผ้าเบรคต้องมีเนื้อนิ่มกว่าตัวดิสก์หรือดรัม เพื่อให้มีแรงเสียดทานสูงและสึกหรอมากกว่า เพราะเปลี่ยนได้ง่าย โดยมีการผลิตขึ้นจากวัสดุผสมหลายอย่าง และอาจผสมกับโลหะเนื้อนิ่ม เพื่อให้เบรคในช่วงความเร็วสูงได้ดี ในอดีตใช้แร่ใยหินแอสเบสตอสเป็นวัสดุหลักของผ้าเบรค เมื่อผ้าเบรคสึกจะเป็นผงสีขาว ไม่เกาะกระทะล้อ แต่สร้างมลพิษในอากาศ ทำลายระบบหายใจของสิ่งมีชีวิต ปัจจุบันจึงหันมาใช้แกรไฟต์-คาร์บอนแทน เมื่อผ้าเบรคสึกจะมีผงสีดำออกมาเกาะเป็นคราบ ดูสกปรก แต่...ไม่อันตราย ผ้าเบรคมีหลายระดับประสิทธิภาพและความแข็ง ด้วยหลักการง่าย ๆ คือ ยิ่งนิ่มยิ่งสร้างแรงเสียดทานได้ง่าย แต่ไม่ทนความร้อน อาจลื่นหรือไหม้ในการเบรคบ่อย ๆ หรือเบรคในช่วงความเร็วสูง และยิ่งแข็งยิ่งทนร้อน เบรคดีในช่วงความเร็วสูง แต่ต้องการการอุ่นให้ร้อนก่อน หรือเบรคช่วงความเร็วต่ำไม่ค่อยอยู่ จึงต้องเลือกให้เหมาะสมกับลักษณะการขับและสมรรถนะของรถยนต์ ผ้าเบรคเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่ง ถ้าเดิมใช้งานแล้วไม่พึงพอใจ ก็สามารถเลือกให้แตกต่างจากผ้าเบรคมาตรฐานเดิมได้ เพราะผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่มักเลือกผ้าเบรคเนื้อนิ่ม เพื่อรองรับการใช้งานปกติในความเร็วต่ำ-ปานกลาง ผู้ผลิตผ้าเบรคที่เชี่ยวชาญและมีผ้าเบรคหลายรุ่นให้เลือก เช่น FERODO, BENDIX, ABEX, AKEBONO, METALIX, REBESTOS ฯลฯ

เกรดประสิทธิภาพผ้าเบรค

มีหลายระดับ แบ่งตามการทนความร้อน เพราะการสร้างแรงเสียดทานในการเบรคต้องมีความร้อนเกิดขึ้น เมื่อผ้าเบรกร้อนเกินขีดจำกัดประสิทธิภาพจะลดลง ลื่นหรือไหม้การเลือกต้องขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานและสมรรถนะของรถยนต์ เกรดมาตรฐาน S-STANDARD ใช้กับรถยนต์ทั่วไป ยกเว้นรถยนต์สมรรถนะสูงหรือรถสปอร์ต ส่วนผสมของเนื้อผ้าเบรคสร้างความฝืดได้ง่าย เนื้อผ้าเบรคนิ่ม สามารถลดความเร็วได้ทันที ไม่ต้องการการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน ทำงานได้ดีเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลาง หรือในขณะที่มีความร้อนสะสมไม่สูงนัก แต่อาจลื่นหรือไหม้ได้ง่ายเมื่อต้องเบรคบ่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง หรือเบรคในช่วงความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว สาเหตุที่รถยนต์ทั่วไปถูกกำหนดให้ใช้ผ้าเบรคเกรด S เพราะส่วนใหญ่ยังต้องมีการใช้งานในเมือง หรือมีการใช้ความเร็วไม่จัดจ้านนัก แม้จะขับเร็วบ้างหรือกระแทกเบรคแรงๆ บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย จึงถือว่าเพียงพอในระดับหนึ่ง เกรดกลาง M-MEDIUM-METAL รองรับการเบรคในช่วงความเร็วปานกลาง-สูงได้ดี เพิ่มความทนทานต่อความร้อนโดยตรง และความร้อนสะสมในการเบรคสูงขึ้นกว่าผ้าเบรคเกรด S แต่ยังคงประสิทธิภาพการใช้งานช่วงความเร็วต่ำ-ปานกลางได้ดี เพราะเนื้อผ้าเบรคยังไม่แข็งเกินไป ไม่ต้องอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อนส่วนมากจะมีส่วนผสมของโลหะอ่อน หรือวัสดุที่สามารถสร้างแรงเสียดทานเมื่อมีความร้อนสูงได้ดี มีความแข็งปานกลาง เนื้อของผ้าเบรคอาจเป็นสีเงาจากผงโลหะที่ผสมอยู่รถยนต์ทั่วไป ถ้าผู้ขับเท้าขวาหนัก แม้ไม่ได้ตกแต่งเครื่องยนต์ หรือเครื่องยนต์มีพลังแรงสักหน่อย ก็สามารถเลือกใช้ผ้าเบรคเกรด M แทนเกรด S เดิมได้ เพราะยังสามารถรองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบและทุกช่วงความเร็ว โดยอาจมีจุดด้อยด้านประสิทธิภาพการเบรคในช่วงที่ผ้าเบรคยังเย็นอยู่ใน 2-3 ครั้งแรก และมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคเกรด S เพียง 20-50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น เกรดกึ่งแข่ง R-RACING เป็นผ้าเบรคเกรดพิเศษ ซึ่งถูกผลิตเพื่อรองรับรถยนต์สมรรถนะสูงจัดจ้าน-รถแข่ง เหมาะกับการใช้ความเร็วสูง หรือมีความร้อนสะสมที่ผ้าเบรคจากการเบรคถี่ ๆ และรุนแรง เนื้อของผ้าเบรคเกรดนี้มักมีการผสมผงเนื้อโลหะไว้มาก บางรุ่นเกือบจะเป็นโลหะอ่อน เช่น เป็นทองแดงผสมเกือบทั้งชิ้นการใช้งานในเมืองด้วยความเร็วต่ำจำเป็นต้องมีการอุ่นผ้าเบรคให้ร้อนก่อน และเบรคหยุดได้ระยะทางยาวกว่าผ้าเบรคเนื้อนิ่มเกรด S-M ส่วนในช่วงความเร็วสูง ร้อนแค่ไหนก็ลื่นหรือไหม้ยาก

ผ้าเบรคเกรดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานทั่วไป ยกเว้นรถสปอร์ตหรือรถยนต์ที่มีสมรรถนะสูงจัดจ้านจริงๆ เพราะไม่เหมาะกับการใช้งานด้วยความเร็วต่ำ ซึ่งลื่นกว่าผ้าเบรคเกรด S อีกทั้งยังมีราคาแพงกว่าผ้าเบรคเกรด S-M ไม่น้อยกว่า 3-5 เท่าด้วย ในการจำหน่ายจริงมักไม่มีการแบ่งผ้าเบรคเป็นเกรด S-M-R อย่างชัดเจนไว้บนข้างกล่อง ในการเลือกใช้จึงต้องเลือกด้วยการสอบถามระดับของผ้าเบรคในยี่ห้อที่สนใจ ซึ่งมักระบุเพียงว่าผ้าเบรครุ่นนั้นทนความร้อนสูงกว่าอีกรุ่นหนึ่งในยี่ห้อเดียวกันหรือไม่ หรือดูช่วงตัวเลขของค่าความร้อนที่ผ้าเบรคชุดนั้นสามารถทำงานได้ดี เช่น ผ้าเบรคเกรด S-M ทำงานได้ดีตั้งแต่ 0-20 องศาเซลเซียสขึ้นไป ในขณะที่ผ้าเบรคเกรด R มักมีค่าความร้อนเริ่มต้นที่ 50-100 องศาเซลเซียสขึ้นไป อันหมายถึงการใช้งานในช่วงความร้อนต่ำไม่ดีหรือต้องอุ่นผ้าเบรคก่อนนั่นเอง ควรเลือกเกรดผ้าเบรคให้ตรงลักษณะการใช้งานอย่างรอบคอบ และโดยทั่วไปเกรด M น่าสนใจที่สุด เพราะคงประสิทธิภาพการเบรคช่วงความเร็วต่ำไว้ใกล้เคียงกับเกรด S แต่รองรับความเร็วสูงได้ดีกว่า และราคาไม่แพง ราคามาตรฐานของผ้าดิสก์เบรค 2 ล้อ ( 4 ชิ้น ) เมื่อซื้อนอกศูนย์บริการ เกรด S-M สำหรับรถยนต์เกือบทุกรุ่น ตั้งแต่ซิตี้คาร์ยันรถสุดหรู ไม่แตกต่างกันมากนัก 800-2,000 บาท คือ ราคาพื้นฐาน ส่วนดรัมเบรค 2 ล้อ ไม่น่าเกิน 1,000 บาท การเปลี่ยนผ้าดิสก์เบรคส่วนใหญ่จะเปลี่ยนทั้งชิ้น ไม่ใช่เอาแผ่นเก่าไปลอกและย้ำเฉพาะตัวผ้าเบรคเข้าไปใหม่ แต่ผ้าดรัมเบรค มี 2 ทางเลือก เปลี่ยนทั้งชิ้นฝักเบรคพร้อมผ้าเบรคใหม่ทั้งอันเลย กับนำฝักเบรคเดิมไปลอกผ้าเบรคออก แล้วย้ำหรืออัดผ้าเบรคใหม่เข้าไป ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้วิธีหลังกับผ้าดรัมเบรค

น้ำมันเบรค

ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการถ่ายทอดแรงดันจากแม่ปั๊มตัวบนไปยังกระบอกเบรคทุกล้อ ผลิตจากน้ำมันแร่ สาเหตุที่ไม่ใช้น้ำเปล่าเพราะมีความชื้น เกิดสนิมในระบบได้ง่ายและมีจุดเดือดต่ำ ถ้าของเหลวในระบบเบรคร้อนจัด ก็จะเดือดจนเกิดอาการ VAPOUR LOCK กลายเป็นไอแต่ไม่มีทางออก อยู่แต่ในท่อและพยายามจะดันออก ไม่สามารถถ่ายเทแรงดันได้ตามปกติ มาตรฐานของน้ำมันเบรค แบ่งตามจุดเดือดและจุดเดือดชื้น สาเหตุที่ต้องมี 2 จุดเดือด เพราะในการใช้งานจริง ต้องมีความชื้นจากอากาศและการลุยน้ำแทรกเข้ามาผสมในน้ำมันเบรค จนมีจุดเดือดต่ำลงเรื่อย ๆ โดยมีการแบ่งมาตรฐานของน้ำมันเบรคด้วยตัวอักษรย่อ DOT แล้วตามด้วยตัวเลขเดี่ยว ระบุไว้ข้างกระป๋อง เช่น DOT3, DOT4 มีจุดเดือดและจุดเดือดชื้นสูงสุดในการใช้งานที่ DOT5 รถยนต์ทั่วไปกำหนดใช้น้ำมันเบรค DOT3-4 แต่ถ้าจะใช้ DOT4 ไว้ก็ดี เพราะไม่มีผลเสียใดๆนอกจากราคาของน้ำมันเบรคที่แพงกว่ากันไม่มาก ส่วน DOT5 นั้นสูงเกินกว่าการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าคิดว่าระบบเบรครถยนต์ของตนร้อนมากๆ ก็อาจเปลี่ยนไปใช้ DOT5 ได้ แต่ต้องแน่ใจว่าตัวน้ำมันเบรคไม่มีการกัดกร่อนลูกยางเบรค เพราะในบางกระแสบอกว่า ถ้าระบบเบรคเดิมกำหนดให้ใช้แค่ DOT3-4 ถ้าเปลี่ยนไปใช้ DOT5 อาจมีปัญหานี้ขึ้นได้ จึงควรตรวจสอบให้ดีก่อนเลือกใช้ การใช้รถยนต์ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรเติมผสมน้ำมันเบรคข้ามรุ่นข้ามยี่ห้อหรือข้าม DOT เพราะถ้าไม่เข้าห้องทดลองทางเคมี จะไม่สามารถทราบได้เลยว่าน้ำมันเบรคต่างรุ่นต่างยี่ห้อหรือต่าง DOT เมื่อผสมกันจะมีปฏิกิริยาทางลบต่อกันหรือไม่ ควรเปลี่ยนน้ำมันเบรคทั้งระบบทุก 1-1 ปีครึ่ง แม้ไม่มีการรั่วซึม เพราะจะเป็นการไล่ความชื้นที่ผสมอยู่ในน้ำมันเบรคออกจากระบบ เพื่อป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมที่เกิดจากความชื้น ซึ่งจะทำให้ลูกยางเบรครั่วได้ง่าย และจะได้ใช้น้ำมันเบรคจุดเดือดสูง ๆ ต่อไป กรณีนี้มักถูกมองข้าม เพราะถือว่าน้ำมันเบรคยังไม่รั่ว ก็ไม่ต้องทำอะไร ทั้งที่ค่าใช้จ่ายไม่กี่ร้อยบาทและทำได้ตามร้านเบรคทั่วไป

การเพิ่มประสิทธิภาพของระบบเบรค

มีหลายวิธี หลากระดับ และหลายค่าใช้จ่าย โดยขึ้นอยู่กับพื้นฐานเดิมและระดับของความต้องการประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเริ่มจากค่าใช้จ่ายต่ำและง่าย คือ เปลี่ยนผ้าเบรคเกรดสูงขึ้น จาก S เป็น M หรือจาก M เป็น R มีความสะดวก เปลี่ยนได้เลยโดยไม่ต้องดัดแปลงใดๆ แต่ต้องเลือกเกรดผ้าเบรคให้ตรงกับความต้องการและลักษณะการใช้งาน เปลี่ยนเฉพาะตัวดิสก์เบรค ขนาดเท่าเดิม แต่มีเนื้อวัสดุฝืดกว่าเดิม มักมีเฉพาะชุดแต่ง และไม่ครบในรถยนต์ทุกรุ่น ขยายขนาดจานดิสก์เบรคพร้อมคาลิเปอร์-ก้ามเบรคชุดใหม่ มี 3 ทางเลือกหลัก คือ ...

1. ชุดแต่งชื่อดัง ถ้ามีตรงรุ่นก็แทบไม่ต้องดัดแปลง แต่แพง
2. ดัดแปลงจากรุ่นสูงกว่าในรถยนต์ยี่ห้อเดียวกัน และมักเป็นของเก่าเชียงกง ไม่แพงนัก เช่น นิสสัน 200เอสเอ็กซ์ นำชุดเบรคของสกายไลน์มาใส่ หรือโตโยต้า โซลูน่า นำชุดเบรคของ โคโรลล่า เลวินมาใส่ อาจมีการดัดแปลงบ้าง แต่ก็มักไม่ยาก
3. ดัดแปลงข้ามรุ่นกันเลย ยุ่งยาก แต่ไม่เกินความสามารถช่างไทย ยกชุดมาจากรถยนต์รุ่นสูงกว่า คล้ายกับข้อ 2 ในหัวข้อที่แล้ว ( ขยายขนาดดิสก์เบรคพร้อมคาลิเปอร์-ก้ามเบรคชุดใหม่ ) แต่เป็นการยกมาทั้งชุดดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมก้ามเบรค หม้อลมพร้อมแม่ปั๊ม อย่างนี้ไม่ต้องลุ้นอะไรมาก ประสิทธิภาพของเบรคดีขึ้นและล้อไม่ล็อกง่ายแน่ เปลี่ยนจากดรัมเบรคเป็นดิสก์เบรค มักมีการพุ่งความสนใจไปที่การเปลี่ยนจากดรัมเบรคหลังในรถยนต์หลายรุ่น สามารถทำได้ แต่ต้องแน่ใจว่าถ้าทำเฉพาะเบรคหลังแล้วจะไม่ดีไปกว่าเบรคหน้าเดิม ถ้าไม่แน่ใจก็ควรหาวิธีทำให้เบรคหน้าดีขึ้นตามไปด้วย อย่าลืมความยุ่งยากในการดัดแปลงระบบเบรคมือล้อหลังไว้ด้วย ขยายหม้อลม ถ้าไม่มีการเพิ่มขนาดชุดเบรคที่ล้อ ควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ไว้ เพราะหม้อลมใหญ่จะผ่อนแรงในการกดเบรคมากขึ้น ทำให้มีแรงกดที่ผ้าเบรคมากขึ้นในขณะที่ทุกอย่างยังคงเดิม การเบรคแรง ๆ หรือ เบรคบนถนนลื่น ล้ออาจล็อกจนปัดเป๋-หมุนได้ง่าย ถ้าอยากเพิ่มขนาดของหม้อลมจริงก็อย่าเพิ่มมาก หรือเปลี่ยนเมื่อมีการขยายขนาดกระบอกเบรคที่ล้อก่อน เจาะรูดิสก์เบรคเดิมเองเพื่อช่วยระบายความร้อน ควรหลีกเลี่ยง เพราะรูที่เจาะต้องได้ตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้ดิสก์เบรคสั่น และเสี่ยงต่อการร้าว เพิ่มจำนวนหรือขนาดคาลิเปอร์-ก้ามเบรคในแต่ละล้อ ถ้าไม่แน่ใจว่าติดตั้งเข้าไปแล้วล้อจะล็อกง่ายก็ไม่ควรทำ เพราะจานเบรคขนาดเท่าเดิมจะร้อนง่าย แรงดันน้ำมันเบรคจากแม่ปั๊มอาจไม่สมดุลกัน เพราะต้องกระจายแรงดันน้ำมันเบรคต่างออกไปจากเดิม เบรค นับเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการจะทำให้รถยนต์ทะยานไปได้ดังใจ แล่นได้แต่หยุดไม่ได้ก็แย่ !


จบแล้วจ้า...

http://www.benzunity.com/forum/index.php?PHPSESSID=f815732e563b1fdd740e8afb3b89c39b&topic=6135.msg31293#msg31293






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
       วู๊ววว...อู่คุณ PNU มีช่างเก่ง ๆ อย่างนี้นี่เอง

ขอ้มูลดีมีประโยชน์มากครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

mop จาก SUPERMOP 58.8.157.149 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 06:48   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442207

คำตอบที่ 2
       ข้อมูลแน่นปึ๊กๆ

ป.ล. พี่pnu ต่อไป โพสต์ไว้สัก 3 คอลัมน์ แล้วก็ค่อยโพสต์ต่อในค.ต. ถัดไปก็ดีนะครับพี่ จะได้มีนางแบบในทุกๆ คำตอบ จะชวนให้น่าอ่านยิ่งๆขึ้นไปครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

หมูน้อย JUC121 จาก หมูน้อย JUC121 125.24.236.179 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 07:04   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442210

คำตอบที่ 3
       ขอบคุณครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.242.178 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 07:37   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442219

คำตอบที่ 4
       ขอก๊อบไว้ก่อนละกันพี่ มันยาว เดี่ยวค่อยอ่าน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ครรชิต7335 จาก ครรชิต7335 124.122.129.76 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 08:40   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442232

คำตอบที่ 5
       อิ อิ .... พี่ ครับ Vari lock มาโผล่ในกระทู้ นี้ด้วยเหรอ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chat.chuchat.chu จาก คน(โรง)เหล็ก 58.136.10.137 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 09:22   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442244

คำตอบที่ 6
      



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

sararat จาก ดร.โด่ง 61.90.249.221 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 11:07   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442280

คำตอบที่ 7
       ซู๊ดดดดดดยอดดดดด.................วันนี้ได้ความรู้เพิ่มอีกแว้วววววว

อู่นี้อยู่ใหนเหรอพี่....น่าไปทำรถจัง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

AKE8411 จาก AKE8411 203.146.125.236 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 11:39   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442292

คำตอบที่ 8
       ส่งช่างตกงาน....ไปอยู่กับคุณ PNU ดีกว่า





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

mop จาก SUPERMOP 61.90.33.151 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 17:24   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442388

คำตอบที่ 9
      
.....โห...ได้ช่าง ของพี่ SUPERMOP ...สงสัย ถ่ายน้ำมันเครื่อง + ล้างหม้อน้ำ ....ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง แน่ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chat.chuchat.chu จาก คน(โรง)เหล็ก 125.24.8.117 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 20:27   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442423

คำตอบที่ 10
       ช่าง...อะไร..ฟ่ะ..ไม่ Safety-First เล้ย...เสื้อผ้าใส่ นิดเดียว...วู้ว...( หอน.) ฮิฮิ..



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Pegasus จาก Pegasus 125.27.80.108 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 20:58   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442425

คำตอบที่ 11
       อิอิอิ...ยินดึครับพี่ SUPERMOP

มาเป่ากรองอย่างเดียวก็ได้ครับ ทั่น คน(โรง)เหล็ก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.240.161 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 23:33   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442453

คำตอบที่ 12
       หรือจะมาล้างวาริล็อคดีครับ





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.240.161 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 23:35   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442454

คำตอบที่ 13
       หรือจะมาจูนแก๊ส





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

pnu จาก pnu 118.172.240.161 จันทร์, 21/9/2552 เวลา : 23:41   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442455

คำตอบที่ 14
       อิ อิ ... ล้าง vari lock ให้ผมช่วยเป็นลูกมือ นะ๊พี่...จะได้เข้าไปช่วยจับโน้น จับนี่ ได้สะดวก ....งานจะได้ปรานีตหน่อย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

chat.chuchat.chu จาก คน(โรง)เหล็ก 58.136.10.147 อังคาร, 22/9/2552 เวลา : 09:16   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442507

คำตอบที่ 15
       อู่อยู่ใหนคร้าบบบ,,,



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

dudiDui จาก dudiDui 124.121.42.94 อังคาร, 22/9/2552 เวลา : 16:35   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 442744

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันพฤหัสบดี,28 พฤศจิกายน 2567 (Online 5223 คน)