คำตอบที่ 114
....24 ตค 52 ...เช้าแล้วมีฝนลงมาเล็กน้อย วันนี้แล้วที่ ..............บรรดาเด็กน้อยจะขึ้นไปเดินบนเส้นทางแห่งเทพ........ พวกเราก็ยังได้ยินเสียงเพลงแว่วๆมาว่า ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย....จากพี่ๆทีมพังงาที่มีรอยยิ้มเปื้อนหน้ากันทุกคน ว่าจิถามแล้วว่า..ยิ้มอัยหรัย.... แต่เราก็ลูกผู้ชายชื่ออ้ายแผน เดินหน้าไม่มีถอยเหมือนกัน ขอบอก แม้ว่าใจจะหวิวๆหิดอยู่เหมือนกัน
- เปิดประตูสู่
" ..เส้นทางแห่งเทพ...เขาชาลี จังหวัดพังงา.. "
...........เราออกเดินทางจากอุทยายานแห่งชาติศรีพังงา เวลาประมาณ 08.00 น. ต้องขอบคุณ จนท.อุทยานแห่งชาติศรีพังงา ทุกๆท่าน ที่อำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเรื่องสถานที่ ลานกางเต้นส์ตอนเช้ายังมาตัดหญ้าเพิ่มพื้นที่ให้อีก ห้องน้ำที่สะอาดมากๆ บรรยากาศโดยรอบยอดเยี่ยม ประทับใจมากๆครับ ขอบคุณครับ เราตั้งที่หมายแรก ปั้มแก้ส LPG เพื่อเติมพลังงานให้กับรถ และเราพบว่าเป็นปั้ม LPG ที่ขายที่แพงที่สุดที่เราเคยพบมา สมาชิกแวะเข้าเติมแก้ส ยกเว้นทีมหาดใหญ่ออกอาการไม่อยากเติม พี่ไก่มาทันกันที่ ปั้มแก้สพอดี ตะโกนมาว่า ..แพงเหอ ที่ไม่เติม..แฮะๆ รู้ทันจริงๆพี่บ่าว รอให้มันที่สุดก่อนพี่ไก่เหอค่อยมาเติม เดินทางตอถึง ปตท คุระบุรี หรือบ้านนางย่อน อำเภอสุดท้ายของจังหวัดพังงา ที่ติดกับจังหวัดระนอง เราแวะเข้าไปเติมน้ำมัน หาเสบียง แบ้นพี่ไก่ไปหาของฝาก จนท.บนเขาชาลี สหัสซื้อขนมหลอกเด็กเพียบเพื่อไว้ล่อลูกชายไม่ให้ร้องกลับบ้าน ( ขอบอกว่า..พ่อมันไม่ค่ายบาย.. ) WJ คันเดียวในทีม แต่ใจ เอ็ม 150 สีหน้ายังมีรอยยิ้มที่ยิ้มเพราะไม่รู้ว่า ข้างหน้ามันเป็นอย่างไร พี่ไก่เดินมาดูรถทุกคัน พอมาถึงคัน WJ บอกคำเดียว ..ไปด้าย บายๆ .. ( เจ้าขอรถยิ้มปากถึงหู คิดในใจรถเราหรอย รถเราหรอย ) มีพรรคพวกพี่ไก่ที่ลงมาจากเขาชาลีให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เส้นทางไม่น่าจะผ่านขึ้นไปถึงที่หมายได้ เพราะมีไม้ล้มขวางทางหลายจุด ขนาดไม้ที่ล้มขนาดถังแก็ส ( ไม่รู้แก้สกี่กิโล ม้ายด้ายถาม ) มีเถาวัลย์ห้อยลงมาเต็ม และที่สำคัญต้องข้ามคลองซึ่งไม่แน่ว่าน้ำจะพัดพาเอาหินมาขวางมากน้อยแค่ใหน และน้ำจะเชี่ยวม้าย น้ำลึกม้าย .....ทุกคนฟังข้อมูลแล้ว..เงียบกริบ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะสโลโมชั่น......ตุบ.......ตุบ.........ตุบ.....ฯ ไม่มีคำถามจากทีมพังงาเลยว่า ..ไปม้าย.. ( เราอยากจะให้ถามใจจะขาด เพื่อเราจะได้ตอบว่า..อย่าไปเหย.. ช่างไม่รู้ใจเอาเสียเลย )
..........ประมาณ 09.30 คนพร้อม รถพร้อม เสบียงพร้อม (แต่ใจไม่ค่ายพร้อมเด้.. อิ อิ) ZJ สีน้ำเงินทีมพังงานำหน้า มีดพร้า ขวาน พร้อม ซาไก - นราฯ คันที่ 2 ในรถมี แต่ข้าวผัดเคยใส่ชั้นมาเต็มๆ 4 ชั้น ตามหลังด้วย พี่เบิ้ม บ่าววี ได้ข่าวว่า แม่บ้านซื้อยาดม 3 อัน เผื่อขาดเผื่อเหลือ อุด 2 ข้าง สำรอง 1 อัน โอเค ผ่าน พี่ชำนาญ ยิ้มนิ่งๆ เหมือนเดิมพูดคำเดียว..ไป เพือนไปได้ เราไปได้....สั้นๆ ขบวนข้างหลังพร้อม ...ลุย...
- เริ่มต้นถนนลาดยางอย่างดี ประมาณ 8 กม. ถึงด่านแรกไต่ขึ้นเส้นทางเชิงเขา ทางดีๆมี ZJ คันนำไม่ไป หักขึ้นไหล่ทางตลิ่งสูงเลย กะวัดใจดอกแรก แต่เสียใจครับ ทุกคันขับไต่ขึ่นทางได้หมดทุกคัน บอกว่า บายๆ แบบนี้ชิวๆ ผ่านขึ้นมาเห็นสวนยางข้างหน้าคิดในใจ หรือว่าเขาหลอกว่าลำบาก เป็นทางในสวนยางมากกว่า พอหักทางขึ้นซ้าย แม่จ้าวเหอ....ทางข้างหน้า ชันขึ้นไป ร่องหินลึกซ้าย-ขวา ล้อหลุดลงไปก็ต้องลากขึ้นแน่นอน มีก้อนหินใหญ่น้อยสลับกันออกมาต้อนรับเราเลย หินฟัดกับลูกไข่ซาไกขาดตั้งนิ่ง ตั้งแต่เริ่มต้นเลย เป็นลางบอกเหตุว่างานนี้สาหัสแน่ นี่ขนาดเริ่มต้นไข่ขาดแล้ว ทุกคันผ่านพ้นขึ้นมาได้ท่ามกลางการลุ้นหัวใจจิขาดหน้าซีด หน้าเซียวกันเป็นแถว จอดกลางป่ายาง ออกมายืนข้างรถหน้าตาเป็นองค์ลงกันถ้วนหน้า พี่ไก่เดินขึ้นมาบอกว่า...ทางบายๆ ข้างหน้าลาดยาง... เราเลยคิดว่า ออ มีแค่นี้ ไปต่อก็ได้ว่ะ พี่เบิ้มบอกว่า เอาแค่ไม้ล้มแล้วกัน ค่อยหลบ แต่พอจบคำพี่เบิ้มได้ยินเสียงแว่วๆมาตามลมว่า พี่ไก่สั่งพี่โป๊ เอาเครื่องเลื่อยมาแล้ว ไปได้ ไปได้ .....ช่างไม่รู้ใจกันเลยยยยยยยยยย... เอามาทำหรัยเครื่องเลื่อย เอามาทำหรัย.... ขับขึ้นเนินชันตามหลังกันขึ้นไปเรื่อย พี่ไก่ลงเดินไปประคองคอยบอกไลด์ WJ คันอื่นพี่ไก่ไม่หวงเลย
- พอขับข้ามชันเนินลงมาเจอมาสะพานแรก เห็นพานฉาบเป็นลม ใช้ต้นไม้ 2 ต้นพาด ซ้าย-ขวา ขนาดความกว้างพอดีตัวรถแป๊ะ ไม่เผื่อใครเลย แล้วพานเจ้ากรรมนายเวรตัวนี้แหละที่ขากลับได้ทำให้เราติดอยู่ประมาณ 3 ชั่วโมง พี่ๆทีมพังงาลงมาดูลายให้ กว่าจะขับผ่านได้แข็งทั้งตัว แต่ไอ้ที่เคยแข็งกลับไม่แข็งกลับนวลเป็นดินน้ำมัน ห้อยยานเลย 5 5 5
- ผ่านสะพานแรก ก็เป็นทางไต่ขึ้นสูง มีร่องน้ำ สลับหินใหญ่เล็ก ให้หวาดเสียว เยี่ยวเหลือง ล้อหน้ายก ล้อซ้ายลงลึก หลังตูดโด่งขึ้นมามั่วไปหมด หัวกระดกเกือบเห็นเทวดา เสียงเครื่องลั่นเขา บรู้...บรู้..โครม..บรู้ๆ..โป้ง...ตลอดทาง พี่เบิ้มจอดลงมาแลใต้ท้องรถบ่อยมาก กลัวใต้ทองลาย ( สงสัยไม่ชอบท้องลาย )พอขึ้นไปถึงสุดปลายเนิน ทีมพังงาบอกว่า มันชื่อ ...ควนตีนเป็ด... ยังสงสัยเลยว่า มันไปเกี่ยวกับเป็ดตรงใหน(ทราบทีหลังว่ามี ต้นตีนเป็ดมากแถวนั้น) จริงๆมันน่าจะชื่อ ควนหมาถดมากกว่า พอขึ้นไปถึง ซาไกลงจากรถมายืนมองลงไปตามทางที่ไต่ขึ้นมา ยังนึกเลยว่า..กูขับขึ้นมาได้ปรือ...บ้าม้าย.....แต่ที่มันส์คือ พอตัวเองผ่านก็ขึ้นมาลุ้นเพื่อน หรอยได้เท่ห์ 5 5 5 ทีมพังงาบอกว่า เคยมาติดที่ควนนี้นานจนต้องกางเต้นส์นอน ถึงใจ ใจถึงกันจริงๆ
- หลังจากนั้น ก็เป็นเส้นทางไต่ขึ้นสลับแนวหินตลอด ด่านขวาเป็นเหวลึกพอประมาณ มีป่าไผ่ขึ้นเต็ม ได้ยินเสียงนกเฮือกบินผ่านหัวไป เงยขึ้นไปดูเห็นตัวแวปๆ นึกในใจงานนี้พบของจริงแล้วเรา มองไปข้างทางเห็นเป็นทางลึกลงไปสุดสายตา คิดในใจว่าถ้าหลุดลงไป ต้นไผ่คงรับน้ำหนัก JEEP ไว้ได้น๊ะ แต่เสียดายไม่ได้ลอง อิ อิ
- ข้ามสะพานมาเรื่อย ตัวสะพานที่ข้ามมาเหมือนกันทุกที่ ประหยัดไม้มาก บางจุด ใช้ไม้ 2 ต้น ขอบที่เหลือด้านข้างพอรถขึ้นไปเหยียบ เหลือพื้นที่ประมาณ ไม่เกิน 2 นิ้ว เหยียบพอติดหัวแม่ตีน เราก็กระดึบ กระดึบ ข้ามไปโดยมีพี่ๆคอยบอกไลด์ กระโดกกระเดกไต่ขึ้นไป ลงเนิน ข้ามสะพานตามซอกเขา จนถึงที่ที่มีไม้ล้มขวาง ต้นไม้ที่ล้มขวาง ทางโคนอยู่ในขอบเหวด้านล้าง ปลายอยู่บนเนินสูง รถผ่านไม่ได้แน่นอน ลงมาหารือกันอีกครั้ง ว่าจะรอเลื่อยที่จะตามมาหรือจะลงมือใช้เครื่องมือที่มีอยู่กันไปพลางๆ ก็สรุบว่า ก็เพื่อไม่ให้เป็นการเสียวเวลา อาวุธที่มี ขวาน 2 ด้าม เลื่อย 1 ปื้น(เล็กๆแต่คมเกินตัว) คนละเฉาะ คนละแฉะ ผลัดกันคนละทีสองที ที่เหลือก็เก็บภาพ ใครเนือยก็กินข้าว ปรากฎว่าเราโชคดี ไม้กลวงในขาดเร็วกว่าที่คิดไว้ ใช้เวลาไปประมาณ 2 ชั่วโมงก็ขาด ดีใจกันทั่วหน้า (..ที่ดีใจตอนนั้นขี้หกขอบอ..) จะใช้วินส์หน้ารถซาไกดึงเอาไม้ออก พี่ไก่ทำท่าจิดึง ซาไกนึก เสียใจครับพี่ไก่เหอ ..สายรีวินส์โมท.. ลืมไว้บ้าน... 5 5 5 (นักเดินทางพันธุ์แท้ห้ามเลียนแบบ)ดีที่พี่ไก่ไม่ดึงสลิงออกมา เลยต้องเอามณีแดงแอบข้างให้น้องน้ำเงินขึ้นของพี่เบิ้มขึ้นมาทำหน้าที่ดึงไม้ออก พี่เบิ้มคงนึกในใจ ..มันแกล้งกูม้าย...5 5 5 ลากไม้แอบข้างทางได้ พร้อมกับได้รับการติดต่อมาทาง ว. ว่า หมู เบตง , ไขย้อย พร้อมเพื่อนมาถึงเชิงเขาด้านล่างแล้วกำลังหาทางขึ้น เลย ว. แจ้งบอกให้รอทีมงานจากพังงาจะได้ขึ้นมาพร้อมกันทีเดียว เอาไม้ออกก็เดินทางตอ บางช่วงก็คลานข้าม..สะพานพอเพียงมาตลอดทาง คันนำหน้าต้องฟันสายเถาวัลมาตลอด ปรับทางให้คันหลัง งานหนักเลยตกอยู่ที่คันหน้า
- มาถึงทางไต่เนินลงทางแคบมาก ลงสุดแล้วต้องข้ามห้วยเล็กๆ พอลงในห้วยต้องหักขวา สลับลาย เพื่อไต่ขึ้นไหล่สูงชัน ZJ คันนำ พุ่งปรี้ด ขึ้นไปเลยขึ้นสุดเนินไปตั้งนิ่งอยู่ ตามด้วยพี่เบิ้มไต่ลง หักขึ้น ท้ายปัดควับลงห้วย ล้อหน้าตะกุยทางหินพ่านเหม็ด จนหวาดเสียเยี่ยวเล็ด ดีที่เป็นที่ JEEP ดึงตัวมันเองตะกุยจนขึ้นไปได้ เราเลยต้องลงช่วยกันดับก้อนหินเสริมความแข็งแรกไลด์ใหม่ มีจนท.ขับรถมอไซด์มาทันช่วยดับหิน แถมยังบอกปลอบใจว่า.....ข้างหน้ายังลำบากจังหูเหลย น่าจิไปไม่ได้...(..มันปลอบใจตรงใหนฟ่ะ..) พ้นลำห้วยก็ไต่ขึ้นเนินที่ยากลำบากพอกันตอเสียงเทือนทั้งป่า เหมือนจิบอกว่า JEEP มาแล้วอย่าขวาง JEEP มาแล้วอย่าขวาง
- แต่เส้นทางแห่งเทพ ก็ทำให้เราหนุกหนาน ยิ่งขับขึ้น ยิ่งมั่นใจในตัวเอง มั่นใจในประสิทธิภาพของยานพาหนะที่เรากับลังบังคับมันอยู่ JEEP ชื่อมันสั้นๆ แต่ถ้าบรรยายสรรพคุณ คุณภาพยาวเป็นหน้ากระดาษแน่นอน เราค้นพบตัวเอง คนพบ JEEPแล้ว ไม่ว่าจะได้สูง ขึ้นหิน ลงมาจากที่ชัน ข้ามห้วย ฯลฯ มันพาเราไปได้แน่นอน ที่เหลืออยู่ที่สมาธิ จิตใจ ความนิ่ง และความบ้าของคนขับที่จะผ่านอุปสรรคต่างๆ ฝนเริ่มมาพรำๆ เหมือนเทพพรมน้ำมนต์ให้กำลังใจลูกหลานที่มาไกล ขับไปบ่นไปขอให้ก๋ง ตามข้างทางที่ท่องเที่ยว ที่เราขับผ่านมาตลอดทางเมื่อตอนกลางวัน มาอยู่ช่วยดัน ช่วยผลักให้ขึ้นไปถึงปลายยอดให้ได้
- ถึงไม่ล้มต้นที่ 2 ไหล่เขาด้านขวา เหวลึกซ้าย ZJ คันนำต้องสละยางอะไหล่ลงตั้งไว้ข้างทางถึงจะผ่านไปได้ มาติดหนึบคันของซาไก เนื่องจากมีเหล็กชูโผล่ขึ้นมา 2 อัน (ใช้ติดไฮลิฟแจ็ค) ติดต้นไม้ไม่สามารถผ่านไปได้ เสียเวลาตรงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง พร้อมทั้งฝากบาดแผล และร่องรอยราวหลังเปิดไว้ กับรถของซาไกตูเช่เอียงไปข้างหนึ่ง น๊อตยึดราวหลังคาหลุดออกมา 3 - 4 ตัว ถึงตรงนี้ ไข่ขาด หัวแตก ฝากรอยแผลไว้ 2 แผลให้กับ...เจ้ามณีแดง..แล้ว ฝนก็ยังประพรมลงมาเรื่อยๆ ทางเริ่มมีลื่นเล็กน้อยถึงปานกลาง ถึงตรงนี้ทุกคนคิดถึงบังแมวมาก ถ้ามาด้วยคงได้ถอดหลังคา หรือม้ายก้ากลับบ้านตั้งแต่อยู่ในปั้ม ปตท.แล้ว 5 5 5 ทุกคันพูดถึงบังแมวตลอดเวลาติดอุปสรรค
- ไต่มาจนถึงจุดสูงสุด ข้ามสะพานมาครบ 6 สะพาน แบบลุ้นระทึก ก็มาถึงที่ ที่สหัสกับพี่ชำนาญต้องพรากของรัก ข้างหน้าเป็นคลอง กว้างประมาณ 50 เมตร ตลิ่งเป็นทราย ทางลงชันมาก ร่องซ้ายลึก กลางคลองมีหินโผล่ขึ้นมาให้เห็นดูสวยงาม ระคนหวาดเสียวถ้าไปชนมัน น้ำลึกสุดประมาณ 1 เมตร หรือมากกว่านั้นไม่แน่ใจ ซ้ายมือเป็นสะพานเชือกสลิงคนข้าม ไม่ได้วัดระดับน้ำ น้ำไหลเชี่ยวมาก ฝั่งตรงข้ามเป็นลานหินใหญ่น้อยทอดตัวขึ้นตลิ่งตรงระยะทางที่ต้องอยู่ในคลองประมาณ 25 เมตร ช่วงกลางคลองต้องหักขวาตามไลด์เพื่อหลบหินใหญ่ โชคดีของคันหลังที่ติดตรงไม้ล้ม พี่เบิ้ม กับ ZJ มาถึงจุดนี้ก่อนได้ลงไปช่วยกันเรียงหินสร้างไลด์เพื่อให้รถได้ข้ามไปง่ายขึ้น เรามาถึงก็ช่วยกันเสริมไลด์ ปรับหิน แต่งพื้นที่ให้ดูดีมีสกุล เพื่อจะได้ข้ามกัน ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ เรามาตลอดทาง รักกัน พร้อมใจกัน เหมือนชาติปางกอนเคยเป็นพี่น้องกัน ...เฮ้อ...ความยากลำบากสร้างมิตรภาพความรักในหมู่มิตรได้จริงๆ... ทุกคนมีสีหน้าวิตก เพราะครานี้มองไม่เห็นทางแน่นอนนอกจากมีเซาเดอร์ หรือกล้องใต้น้ำ โอกาสที่รถจะไถลไปชนหินมีมาก เนื่องจากน้ำแรง แล้วรถแสตนดาร์ทที่มาด้วย จะข้ามหินกลางคลองไปได้ม้าย ไลด์เสร็จ ทุกคันมาถึง ประชุมหารือ ก็มีมติสละรถ 1 คัน คือ WJ ของสหัส พี่ไก่บอก ความลับออกมาว่า เป็น WJ คันแรกที่ขึ้นมาถึงนี้ได้ สหัสจงภูมิใจ คราหน้าไปเหล่าม้าย (..พี่ไก่คงไม่รู้เจ้าของมันไม่ค่ายบาย..) ก็ให้ขนสัมภาระแยกขึ้นคันที่ว่าง เราก็เริ่มข้ามคลองมิตรภาพทันที ZJ ไปกอนแบบชิวๆ เพราะ ไป-มา หลายครั้งแล้ว รถยกสูง เลยไปแบบชิวๆ พี่เบิ้มตามหลัง ก็ผ่านไปด้วยดี มีบาดแผลเล็กน้อยเป็นที่ระลึก คันที่สามซาไก ปรากฎว่า ตรงกลางคลองช่วงหักหลบหิน หินไม่หลีกให้ครับพี่น้อง หัวไดหลังซ้ายกระแทกหินดังเทือนเข้าไปในรถ นึกในใจ กูแล้วเหล่า..หักห้อยแต่ไม่หลุด ได้แผลที่ 3 จากการเดินทางครั้งนี้ เริ่มแรก ไขขาด ครั้งที่ 2 หัวแตกหลังคาเกือบหลุด ครั้งนี้ไดหัก แต่ยังโอเค ยังไปได้ครับพี่น้อง รถพังซ่อมได้อยู่แล้ว บายๆ ถึงคิวพี่ชำนาญลงตลิ่งชั่น พอหัวจิ้มลงในคลองไปปรากฎว่า หยุดนิ่ง เครื่องครางดังปรกติ แต่ล้อไม่เดินแล้ว ทีมงานเข้าไปดูปรากฎว่าล้อหน้าไม่ทำงาน กระเพราไก่ ไข่ดาวขาด ( เพลาหน้าขาด ) เลยต้องให้คันหลังวินส์ขึ้นกลับมาจอด ต้องสละรถอีกคัน ก็ยังได้เห็นรอยยิ้มพี่ชำนาญ พร้อมทั้งเสียพูดเบาๆ ตามสไตล์ ..บายๆ.. ขนถ่ายสำภาระขึ้นรถที่ว่าง ที่หลือก็ทยอยกันลงข้ามคลอง ลุ้นระทึกกันทุกคัน มันทุกวินาที เสร็จตั้งขบวนกันใหม่ อากาศเริ่มมัวๆ ฝนยังพรำๆ ทีมพังงาบอกไตเนินข้างหน้าขึ้นไป ทางลาดยาง มาแล้วเหล่าทางลาดยาง ที่พูดๆมายังสาไม่พบทีมาแล้วเหล่าแล้วเดินลงก็จะถึงที่หมาย ก็เป็นเส้นทางที่สาหัสเหมือนเดิม ไต่ขึ้นสูง ตามแนวป่าไผ่ ทางเป็นร่องน้ำสลับไลด์ ร่องลึกบ้างตื้นบ้าง ฟัดกันไปตลอดทางจนถึงจุดสูงสุด ก็เริ่มไต่ลง เส้นทางดีขึ้น จนแลเห็นหลังคาที่ทำการ...หน่วยป้องกันรักษาป่าเขาชาลี... ได้ยินเสียถอนหายใจ เฮ้ออออออออออออออออออ......ถึงเสียที พระอาทิตย์เริ่มหรี่ไฟมัวๆ เพื่อประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งพุงก็ร้อง
- ลงไปถึงที่ทำการ สมกับที่เดินทางมา ไม่เสียใจเลยที่อุตส่าดั้นด้นมาให้ถึง พื้นที่ไหล่เขา มีแนวลำธารไหลผ่าน ท่ามกลางขุนเขาสองข้าง เสียงน้ำไหลดังเทือนทั้งป่า แมง แมลงร้อง พร้อมทั้งสมุนแดรกคิวล่า ชูคอสลอน ตะโกนบอกต่อกันไป ..อาหารกูมาแล้ว อาหารกูมาแล้ว..มากจริงๆทากตัวเล็กๆ พอดูดเลือดตัวอ้วนๆ บ่าววี่นึกว่ามันเกาะกินเลือดอยู่ที่หวางขา ตะปปหนัดเหนียงหน้าเขียวเลย ตกลงม้ายช้าย เป็นหนอนน้อยของตัวเอง ผลัดผ้าอาบน้ำ โม้กันฉาวเม๋ บ้างแช่น้ำ บ้างหุงข้าว บ้างกางเต้น บ้างถ่ายรูป มั่วกันไปหมด ตามใจที่ต้องการของแต่ละคน
- คำลง กินข้าวกินปลาเสร็จแล้ว พี่ไก่ ตัดสินใจลงไปตาม ขบวนที่ตามหลังมา สุดยอดจริงๆพี่ไก่ ปรากฎว่าไปถึงคลองก็พบทีมที่ตามมาก็พากันกลับมา รวมพลคนไม่บายนั่งโม้กันท่ามกลางขุนเขา จนง่วงแอบหนีไปนอนทีละคนสองคนจบเงียบเหลือแต่เสียงไพรป่า ...ณ ที่ทำการหน่วยป้องกันรักษาป่าเขาชาลี...
- ....ข้าคือผู้พิชิต...