จาก แว่นน้ำ IP:118.172.238.230
จันทร์ที่ , 28/3/2554
เวลา : 22:08
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
TOYOTA Land Cruiser 70
บางคนอาจจะรู้จัก TOYOTA Land Cruiser เฉพาะในรุ่น VX 100 อันสุดหรู บางท่านก็ลึกลงไปอีกหน่อยคือ ย้อนกลับไปได้จนถึงรุ่น VX 80 ที่ดังสุดๆในบ้านเราเช่นกัน แต่ถ้าจะพูดถึงรถ Land Cruiser ที่เป็นต้นตำรับจริงแล้ว ก็ต้องย้อนอดีตไปจนถึงรถคันแรกที่ออกมาจากสายพานการผลิตหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองไปได้ไม่นาน ความต้องการรถยนต์ที่สามารถใช้งานได้ในทุกสภาพเส้นทาง เครื่องยนต์ที่บำรุงรักษาง่ายและระบบช่วงล่างที่ทนทานกำลังเป็นที่ต้องการอย่างสูง ซึ่งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่น ต่างก็พัฒนารถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อของตัวเองออกมาโดยตลอด เช่น ค่ายมิซูบิชิ เขาก็ออกจี๊ปมิซูที่มีรูปร่างหน้าตาเช่นเดียวกับจี๊ปต้นตำรับอเมริกา อยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงทุกวันนี้ ค่ายนิสสันก็ออกรุ่น Patrol (หรือ safari ในปัจจุบัน) สำหรับค่ายโตโยต้าก็ออก จี๊ป BJ มาในปี 1951 เช่นเดียวกัน
ก่อนจะมาเป็น Land Cruiser 70 วันนี้
เมื่อครั้งที่โตโยต้าผลิตจี๊ป BJ ออกมาในเดือนมกราคม ปีโชวะที่ 26 (หรือปี 1951 โชวะ เป็นปีรัชกาลของญี่ปุ่นที่มาสิ้นสุกในปีโชวะที่ 63 ปัจจุบันใช้เป็นปี เฮเซ ที่ 11) โดยจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับรถจี๊ปค่ายอื่นๆ มีจำนวนที่นั่งเพียง 2 ที่นั่งเท่านั้น ด้วยอดการผลิตทั้งสิ้น 298 คัน ส่วนรหัสตัวถังที่ระบุเอาไว้ว่า BJ นั้น คำว่า BJ สามารถแยกออกได้ความว่าตัวแรก B มาจากรหัสเครื่องยนต์ในตระกูล B Series ส่วนตัว J ก็หมายถึงลักษณะของตัวรถคือ Jeep นั่นเอง ดังนั้นเครื่องยนต์ที่ใช้ในจี๊ป BJ รุ่นแรกนี้ก็คือเครื่อง B ดีเซล 4 สูบ
ข้ามมาอีก 2 ปี คู่แข่งจากค่ายอื่นๆ ก็ทยอยเปิดตัวตามกันมา ไม่ว่าจะเป็นนิสสันหรือมิตซูบิชิ ซึ่งหลังจากนั้นแนวทางการพัฒนาเพื่อให้เป็นรถเพื่อการใช้งานอเนกประสงค์จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในปีโชวะที่ 29 (คศ.1954) หรือ 4 ปีให้หลัง โตโยต้าก็ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่ในแบบไมเนอร์เชนจ์พร้อมตั้งชื่อรุ่นให้ใหม่จากจี๊ป BJ มาเป็น Land Cruider พร้อมกับรถรุ่นใหม่ BJ 26 และได้มีการเพิ่มเครื่องยนต์เบ็นซินในตระกูล F ซึ่งเป็นเครื่องเบ็นซิน 6 สูบ แถวเรียง 3.8 ลิตร OHV จ่ายน้ำมันด้วยคาร์บูเรเตอร์ ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้าเข้ามในรุ่น FJ 25 เพิ่มความหลากหลายให้กับผู้ใช้มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นก็มีการไมเนอร์เชนจ์ตามมาอยู่เนืองๆ จนกระทั่งถึงปี 1956 ก็มีการไมเนอร์เชนจ์ออกมาเป็น Land Cruider FJ 28 พร้อมกับการแบ่งขนาดตัวรถด้วยระยะความยาวของฐานล้อคือ จะมีขนาด 2,285 มม.และ 2,400 มม.
ในระหว่างปี 1954 ถึง 1960 Land Cruider ออกรถรุ่นต่างๆมามากมายเป็นสิบรุ่น โดยเริ่มตั้งแต่ Land Cruider 20 ในปี 1955 พอถึงปี 1959 ก็ออกรุ่นใหม่ เป็น Land Cruiser 30 แวก้อน ช่วงยาวแบบ 4 ประตูใช้เครื่องยนต์ในตระกูล F เช่นเดิม ปี 1960 เริ่มมี Land Cruisser 40 ที่มีรุ่นแรกเป็น FJ 40 และ 43 ตามลำดับ หลังจากนั้นก็ผลัดกันเปิดตัวระหว่างรุ่น BJ กับ FJ เช่นในปี 1974 ก็ออก BJ 40/43 ตามมา พอย่างเข้าปี 1975 ก็ให้ FJ 56 V พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก F มาเป็น 2 F ที่มีขนาดความจุโตขึ้นคือ 4.2 ลิตรเบ็นซิน 6 สูบ ข้ามมาปี 1979 Land Cruiser 40 ก็ออกไมเนอร์เชนจ์ รุ่น BJ 41 J พร้อมด้วยเครื่องรหัส 2 B ดีเซล 4 สูบ ขนาด 3.2 ลิตร มีบอดี้ที่ออกพร้อมกันนี้ได้แก่ BJ 41 V/41/44 V/44 (V หมายถึง Van) 4-10
บอดี้เชนจ์ครั้งใหญ่เกินขึ้นในปี 1980 ออกมาเป็น Land cruiser 60 ใช้เครื่องยนต์เบ็นซินรุ่น 2 F ขนาด 4.2 ลิตร OHV ใช้ชื่อรุ่นว่า FJ 60 และ BJ 60 ที่วางเครื่องดีเซล 3 B 4 สูบ 3.4 ลิตร เว้นระยะไปจนกระทั่งปี 1982 ก็ไมเนอร์เชนจ์อีกครั้ง ในบอดี้ Land Cruiser 40 และ 60 ซึ่งจัดว่าเป็นการเปลี่ยนครั้งสุดท้ายของตัวถังชุดนี้ โดยจัดวางเครื่อง 3 B ใหม่ให้กับรุ่น 40 ส่วนรุ่น 60 ก็เพิ่มเครื่องในตระกูล H เข้าไป คือ บล็อก 2 H ดีเซล 6 สูบแถวเรียง OHV ขนาดบรรจุ 3.9 ลิตร
158 เดือน 15 ปี ของ Land Cruiser 70 ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1984 ค่ายโตโยต้าก็ได้ทำการเปิดตัวรถลุยรุ่นที่เป็นอีกหน้าหนึ่งของตำนานอ๊อฟโร้ด นั่นคือ Land Cruiser 70 อันเป็นการปิดตำนาน 24 ปี ของบอดี้ 40 อันยิ่งใหญ่
เปิดตัวชุดแรก 1984-1990
หากจะเทียบเป็นปีรัชกาลของทางญี่ปุ่นอันเป็นต้นกำเนิดของรถคันนี้แล้ว จะเท่ากับเวลาในช่วงเดือน 11 ปีโชวะที่ 59 ยาวมาถึงเดือน 1 ปีเฮเซที่ 2 (คศ.1984-1990) ซึ่งจะมีอยู่เพียง 2 รุ่นเท่านั้นคือ BJ 70 (V) กับ BJ 73 V (ถ้าเป็นรหัส (V) หมายถึงหลังคาไฟเบอร์) ความแตกต่างของรถทั้งสองรุ่นนี้อยู่ที่ลักษณะของหลังคา สามารถแบ่งออกได้เป็น BJ 70 V จะเป็นรุ่น 2 ประตูหลังคาแข็ง BJ 73 V จะเป็นแบบ 2 ประตูหลังคาไฟเบอร์ และสุดท้าย BJ 70 ซึ่งเป็นแบบ 2 ประตูหลังคาผ้าใบ ตัวเลข 70 และ 74 คือ ตัวที่จะบอกถึงระยะความยาวของฐานล้อ โดยตัวเลขน้อยก็เป็นแบบฐานล้อสั้นถ้าตัวเลขมากขึ้นก็หมายถึงฐานล้อยาวขึ้นเช่นกัน
นอกจากความแตกต่างในเรื่องของหลังคาแล้ว รูปร่างหน้าตาของ Land Cruiser 70 รุ่นแรกก็แทบจะไม่มีความผิดเพี้ยนไปจากเดิมสักเท่าไรเลยโดยกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมไฟกลม ซึ่งรูปแบบนี้ก็ลอกมาจากรุ่น 40 เดิมที่เคยใช้อยู่นั้นเอง ฝากระโปรงขึ้นสันเหลี่ยมขนาดใหญ่ ไฟเลี้ยวอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตระกูลจากเดิมที่ยึดอยู่กับบังโคลนก็ย้ายขึ้นมาอยู่ด้านหลังไฟหน้าแต่ยังคงรักษาขนาดที่ใหญ่โตเอาไว้เช่นเดิม กันชนหน้าเป็นแบบเหล็กปั๊มขึ้นรูปขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมามากเพื่อใช้เป็นที่ติดตั้งวิ้นช์จากโรงงาน
เครื่องยนต์ 3 B
สำหรับครื่องยนต์นั้นแน่นอนว่ายังคงเป็นตระกูล B อยู่นั่นเอง (จะสังเกตได้จากรหัสตัวถัง) แต่เพื่อความทันสมัยจึงได้พัฒนาขึ้นมาจากรุ่น 40 ที่เป็นเครื่องแบบ 2 B เปลี่ยนฝาสูบใหม่ เอาเพลาลูกเบี้ยวมาปรับปรุงใหม่ให้มีสมรรถนะเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์รหัส 3 B ที่ใช้นี้จะเป็นแบบดีเซล 4 สูบแถวเรียง OHV ขับเพลารูปเบี้ยวด้วยเฟืองมีขนาดกระบอกสูบX ระยะชักเท่ากับ 102.0 มม.x 105.0 มม. เท่ากับความจุกระบอกสูบ 3,431 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 20:0:1 สามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 98 1แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 23.0 กก.-ม. ที่ 2,200 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังจากเดิมในบอดี้ 40 เครื่อง 2 B จะใช้งานคู่กับเกียร์ธรรมดาเดินหน้า 3 จังหวะ แต่พอมาถึงบอดี้ 70 ใหม่นี้จะใช้เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอยู่ไม่น้อย ช่วงล่างหน้า/หลังยังเป็นแบบเพลาแข็ง แหนบแผ่นซ้อน เพื่อความทนทาน
หลังจากที่ออกมาได้แค่ปีเดียวเท่านั้น โตโยต้าก็จัดการไมเนอร์เชนจ์ ทันทีในช่วงปลายปี 1985 โดยรุ่นใหม่ที่ออกมานี้จะมี BJ 71 V และ BJ 74 V เห็นรหัสตัวถังแล้วก็ทราบได้ทันทีว่าไม่มีรุ่นหลังคาอ่อนออกมาอีก ในช่วงนี้จะตรงกับที่ทางการได้กำหนดมาตรฐานไอเสียใหม่ทำให้จำเป็นจะต้องพัฒนาเครื่องยนต์ให้มีการเผาไหม้สะอาดมากขึ้น แน่นอนว่าหนทางหนึ่งคือการปรับที่ตัวเครื่องยนต์ และอีกทางหนึ่งที่นิยมมากที่สุดคือ การเพิ่มอุปกรณ์อัดอากาศเข้าไป แน่นอนว่าโตโยต้าเขาก็ได้ให้ทางเลือกมาทั้งสองทาง
เครื่องยนต์ตัวแรกที่พัฒนามาใหม่คือ 3 B-ll ที่มาจาก 3 B เดิมนั่นเอง แต่ได้ปรับปรุงระบบการจ่ายน้ำมันชุดกระเดื่องวาล์ว และอื่นๆอีกเพื่อให้ได้ตามที่ทางการกำหนดไว้ จึงทำให้กำลังตกลงมาจากเดิมที่มีอยู่ โดย 3 B-ll จะมีแรงม้าสูงสุด 94 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 22.5 กก.-ม.ที่ 2,000 รอบต่อนาที
อีกทางเลือกคือ 3 B-T ซึ่งเป็นเครื่องติดเทอร์โบ แต่เขาก็ไม่ได้ติดเข้าไปเฉยๆ โดยได้มีการปรับเปลี่ยนลูกสูบและชิ้นส่วนสำคัญๆ ที่ต้องรับแรงให้มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมกับลดอัตรา ส่วนกำลังอัดลงมาเหลือเพียงแค่ 17.6:1 เท่านั้น ตัวเทอร์โบที่ใช้เป็นรุ่น CT 26 ของโตโยต้าเองสามารถสร้างแรงม้าได้สูงสุด 120 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 29.0 กก.-ม.ที่ 2,000 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังสำหรับในรุ่น BJ 74 V ได้เพิ่มความสะดวกสะบายด้วยเกียร์ออโตเมติคจากโรงงาน ภายในห้องโดยสารแผงหน้าปัดเปลี่ยนใหม่เพิ่มไฟสัญญาณสำหรับเทอร์โบมาให้ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อก็มาใช้แบบกดปุ่ม นอกจากนั้นยังสามารถล็อคเพลาได้ทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังเพียงแค่ดึงขาที่เขาทำไว้ให้เท่านั้น หลังจากนั้นก็ใช้งานเครื่องทั้งสองมาจนถึงวาระสุดท้ายตอนต้นปี 1990
เมื่อถึงเวลาอันสมควร โตโยต้าก็ได้ทำการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ในรูปแบบของ บอดี้เชนจ์ ให้ Land cruiser 70 ตั้งแต่ช่วงต้นปี 1990 กันเลย เพื่อให้ได้รถลุยสมรรถนะสูงเข้ามาทดแทนรุ่นเก่า ซึ่งการเปลี่ยนครั้งนี้ จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนจากชุดกระจังหน้าที่เคยกันเป็นบล็อคๆก็หันมาใช้เป็นแบบช่วงยาวตลอด พร้อมทั้งติดตั้งกระจกมองมุมมาให้ (สำหรับบางรุ่นเท่านั้น) รวมทั้งมีการเปลี่ยนรหัสตัวถังจากที่เคยเป็น BJ มาเป็น PZJ ซึ่งหมายความว่านอกจากตัวถังภายนอกจะเปลี่ยนไปแล้ว ตัวเครื่องยนต์ก็เปลี่ยนตระกูลไปด้วยเช่นกัน
Land Cruiser 70 รุ่นใหม่นี้มีรหัสระจำตัวว่า PZJ 70 (V) และ PZJ 77 V สำหรับรุ่นใหม่นี้มีอายุตั้งแต่ต้นปี 1990 จนถึงต้นปี 1994 สำหรับตัวเลข 70 นั้นไม่มีปัญหา แต่ 77 ที่มีใหม่ในรุ่นนี้จะหมายความถึงตัวรุ่นยาว 4 ประตูที่เพิ่งมีมาเป็นครั้งแรกเช่นกัน
หากแต่ว่าใน Land Cruiser 70 รุ่นเดิมที่เคยใช้ระบบบล็อกล้อหน้าแบบธรรมดาคือ ต้องลงไปหมุนเองตอนที่จะเปลี่ยนจากขับ 2 ล้อเป็น ขับ 4 ล้อ ก็ได้โอกาสจัดการกับดุมหัวเพลาใหม่ให้เป็นแบบออโตเมติคแต่ก็ยังคงมีแบบธรรมดาหมุนด้วยมือเป็นอ๊อพชั่นโรงงานให้เลือกใช้อยู่ด้วยเช่นกัน
มาถึงเครื่องตระกูล HZ กับ PZ
ถ้าหากยังทนใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3B-ll หรือ 3-T อยู่ก็คงจะสู้กับคู่แข่งลำบาก รวมทั้งเครื่องยนต์ใหม่ๆ ก็ได้รับการพัฒนาขึ้นมา จึงได้นำเอาเครื่องยนต์ดีเซลตระกูล P มาใช้ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือหนึ่งในตระกูล H ที่วางอยู่ใน Land Cruiser 80 ลูกพี่ใหญ่นั่นเอง เพียงแต่ว่าบล็อก 1 PZ ที่นำมาใช้นี้จะมีเพียงแค่ 5 สูบเท่านั้น ระบบขับเพลาลูกเบี้ยวเป็นแบบ OHC ขับด้วยสายพาน มีขนาดกระบอกสูบxระยะชักเท่ากับ 94.0x100.0 มม. ความจุกระบอกสูบ 3,469 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 22.7:1 ให้แรงม้าสูงสุด 115 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 23.5 กก.-ม.ที่ 2,600 รอบต่อนาที
พร้อมๆ กับที่เปิดตัวเครื่องยนต์รุ่น 1 PZ ออกมา เครื่องยนต์รุ่น 1 HZ ก็ได้ถูกบรรจุเข้าไว้เป็นหนึ่งในทางเลือกของ Land Cruiser 70 ด้วยเช่นกัน โดยจะใช้รหัสประจำตัวว่า HZJ 73 V ช่วงยาวที่มีจุดเด่นตรงที่หน้ากระจังเคยใช้ตัวหนังสือ TOYOTA เต็มๆก็เปลี่ยนมาใช้เป็นโลโก้ สามห่วง ตอนต้นปี 1995 ซึ่งก็ใช้กับรถค่ายโตโยต้าทั้งหมด นอกจากนั้นที่ด้านข้างของหลังคาตอนหลังจะมีตัวหนังสือ Land Cruiser ขนาดใหญ่ติดมาจากโรงงานโดยจะทำมาพร้อมๆกับการหล่อไฟเบอร์หลังคาเลย
ภายในห้องโดยสารของ HZJ 73 V จะมีแผงหน้าปัดใหม่ซึ่งจะได้เฉพาะรุ่น ZX เท่านั้น เพราะถ้าเป็น LX ที่ใช้เครื่องยนต์ 1 PZ จะยังคงใช้แผงหน้าปัดเดิมรุ่นเก่าอยู่ เบาะนั่งออกแบบใหม่ให้ดูหรูหราเพิ่มขึ้นด้วยการใช้เบาะผ้าสลับสี ส่วนเครื่องยนต์จะเป็นรุ่น 1 HZ ดีเซล แถวเรียง 6 สูบ OHC ขับเพลาลูกเบี้ยวด้วยสายพาน ความจุกระบอกสูบ 4,163 ซีซี. อัตราส่วนกำลังอัด 22.7:1 ให้กำลังสูงสุด 135 แรงม้าที่ 4,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม. ที่ 2,200 รอบต่อนาที
หลังจากที่ออกรุ่นใหม่มาเพียงแค่ 3 เดือนกว่าๆ รุ่น HZJ 77 VHV ช่วงยาวพิเศษก็ตามมาทันที ซึ่งถือว่าเป็นช่วงยาวที่สุดของ Land Cruiser 70 แล้ว มีถึง 4 ประตูแล้วยังไม่หนำใจ ยังยืดช่วงหลังออกไปอีกเพื่อขยายห้องโดยสารให้กว้างที่สุดอีกต่างหาก ในบอดี้นี้ก็ยังมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ทั้งรุ่น 5 สูบดีเซลและ 6 สูบดีเซลเหมือนเดิม และในรุ่น ZX ซึ่งเป็นรุ่นท็อปจะสังเกตได้ง่ายๆจากภายนอกคือ ที่บังโคลนหน้า/หลังจะมีชุดแต่งมาให้คือ คิ้วยางเสริมความกว้างออกไปอีก ส่วนภายในห้องโดยสารก็จะมีคอนโซนกลางมาให้เพื่อความสะดวกสบาย เบาะนั่งสามารถปรับความสูงได้ หลังคายังเจาะช่อง ซันรูฟ มาให้ แต่ถ้าเป็นรุ่น LX จะมีเป็นอ๊อฟชั่นจากโรงงานครับ
Land Cruiser 70 ถูกใช้งานมาจนถึงต้นปี 1994 ก็ออกรุ่นใหม่ตามมาอีก คือ HZJ 70 (V) และ PZJ 70 (V) ช่วงสั้น ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายที่ใช้ช่วงล่างด้านหน้าใช้แหนบที่มาสิ้นสุดเอาในปี 1999 นั้น ได้ปล่อยตัวสั้นออกมาอีกครั้ง ซึ่งนอกจากขนาดของตัวรถแล้ว สิ่งอื่นๆแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย และถ้านับตั้งแต่รุ่นแรกของ Land Cruiser 70 ที่ออกมาเมื่อพฤศจิกายน 1984 จนถึงเดือนสิงหาคม ปี 1999 จะมีทั้งหมดถึง 97 รุ่นด้วยกัน
แก้ไขเมื่อ : 28/3/2554 22:09:54
|