จาก แว่นน้ำ IP:118.172.238.230
จันทร์ที่ , 28/3/2554
เวลา : 22:50
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
TOYOTA Land Cruiser 80
รถในตระกูล Land Cruiser ของค่ายโตโยต้านั้นมีหลากหลายรุ่น ตั้งแต่รุ่นเล็กๆอย่าง Land Cruiser 40 ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับรถจี๊ปที่เราคุ้นตากันดี ขยับขึ้นมาอีกหน่อยก็จะเป็นรุ่น 70 รุ่นนี้จะเน้นเรื่องลุยเป็นสาระสำคัญที่คนไทยรู้จักกันดี ใหญ่ขึ้นมาอีกนิดเป็นรุ่น 80 ซึ่งเพิ่งจะหมดไปจากสายพานการผลิตเมื่อไม่นานมานี้เอง (จะเป็นรุ่นที่เรายกขึ้นมาแนะนำในครั้งนี้) และที่พัฒนามาจากรุ่น 70 คือ รุ่น 90 หรือ Prado ที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้ว และสุดท้ายที่ออกมาเพื่อออกทดแทนรุ่น 80 คือ รุ่น 100 ที่ในเมืองไทยขายดีเหมือนให้เปล่า
ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะให้ Land Cruiser 80 เป็นรถที่เพียบพร้อมไปด้วยความหรูหรา สะดวกสบายเครื่องยนต์ทรงพลัง ระบบขับเคลื่อนและกันสะเทือนต้องเยี่ยม ดังนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ 80 เปิดตัวอย่างเป็นทางการมันจึงสามารถทำยอดขายได้สูงถึงกว่า 600 คันภายในเดือนเดียวเท่านั้น และตลอดอายุตั้งแต่ปี 1989 จนถึง 1997 หรือ 9 ปี Land Cruiser 80 ทำยอดขายได้มากกว่า 2,500 คันต่อเดือน เมื่อปี 1995 ซึ่งส่วนหนึ่งก็คือรถที่ถูกนำเข้ามาจำหน่ายในบ้านเรานั่นเอง
และเพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่คิดว่าจะจับรถมือสองหรือเป็นเจ้าของเดิมอยากจะทราบว่าจริงๆแล้วรถที่ตัวเองขับอยู่นี้ เป็นรถปีไหนรุ่นอะไรกันแน่ คราวนี้จะได้ทราบความจริงกันเสียที
รุ่นแรก ปลายปี 1989 จนถึงต้นปี 1992
Land Cruiser 80 เปิดตัวมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 16 เดือนตุลาคม 1989 ซึ่งก็พอจะเทียบได้กับว่าเปิดตัวในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์นั่นเอง โดยในรุ่นแรกนี้จะยังใช้โลโก้คำว่า TOYOTA ติดที่กระจังหน้าพร้อมกับมีสีให้เลือกทั้งสิ้น 5 สี ซึ่งจะเป็นแบบ ทูโทน ไปเสียหนึ่ง แน่นอนว่ายังคงเป็นสีพื้นๆ อย่างสีขาว แดง น้ำเงิน
ตอนที่เปิดตัวได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 รุ่นคือ แบบแวก้อนและแบบแวน ซึ่งจะมีจุดแบ่งระหว่างทั้งสองรุ่นอยู่ที่ขุมพลังประจำรถ โดยให้รุ่นแวก้อนใช้เครื่องยนต์เบ็นซิน ส่วนรุ่นแวนจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก ทว่าทั้งสองรุ่นนี้ต่างก็จะมีตัวท๊อปของตัวเองเช่นเดียวกัน
เครื่องยนต์ที่นำมาใช้กับ Land Cruiser 80 ปีนี้จะมีทั้งสิ้น 3 รุ่นคือ 1 HD-T เป็นเครื่องยนต?ดีเซลเทอรโบ 6 สูบแถวเรียง OHC ความจุกระบอกสูบ 4,163 ซีซี. เครื่องที่สองคือ 1 HZ เป็นเครื่องดีเซล 6 สูบแถวเรียง OHC ไม่มีเทอร์โบ ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 4,163 ซีซี. และสุดท้ายจะเป็นเครื่องยนต์รุ่น 3 F-E เป็นเครื่องยนต์เบ็นซิน 6 สูบแถวเรียง OHC ความจุกระบอกสูบ 3,995 ซีซี.
การแบ่งรุ่นของ Land Cruiser 80 นี้จะแบ่งย่อยลงไปได้อีกเป็น 9 รุ่น โดยแบ่งเป็นแวก้อน 2 รุ่น และแวนอีก 7 รุ่น สำหรับในรุ่นแวก้อนจะใช้เครื่องยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งเป็นตัวกำหนด ถ้าเรียกเป็นชื่อรุ่นก็จะได้ออกมาเป็น VX Limited ใช้เครื่องยนต์ 3 F-E เป็นเครื่องเบ็นซิน 6 สูบOHC ความจุ 3,995 ซีซี. เกียร์ออโตเมติค 4 สปีด ระบบขับเคลื่อนแบบ Full Time 3 WD และที่ออกมาคู่กันจะเป็นรุ่น VX ธรรมดา ใช้เครื่องยนต์รุ่นเดียวกัน ระบบส่งกำลังเหมือนกัน ความแตกต่างจะมาอยู่ที่อุปกรณ์ตกแต่งภายในห้องโดยสารเท่านั้น
ในรุ่นแวก้อน ไล้ตั้งแต่ตัวหรูสุดจะเป็นรุ่น VX Limited ว่างเครื่องยนต์ดีเซล 1 HD-T เกียร์ออโตเมติค 4 สปีด และระบบขับเคลื่อนแบบ ขับ 4 Full Time รุ่นต่อมาจะเป็น VX ธรรมดา โดยในรุ่นนี้จะมีเกียร์ให้เลือกใช้ทั้งแบบเกียร์ออโตเมติค 4 สปีคกับเกียร์ธรรมดา 5 สปีด ใช้เครื่องยนต์ 1HD-T เช่นกัน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Full Time และ Part Time ตามลำดับ
ลดระดับลงมาอีกหนึ่งรุ่นจะเป็น GX ซึ่งใช้ขุมพลังดีเซล 1 HZ 6 สูบ แถวเรียงเช่นเดียวกัน รุ่น GX นี้ จะมีให้เลือกทั้งเกียร์ออโตเมติคและเกียร์ธรรมดา แต่ระบบขับเคลื่อนจะเป็นแบบ 4 Full Time เหมือนกันทั้ง 2 คัน สุดท้ายจะเป็นรุ่น STD วางเครื่องยนต์ 1 HZ ดีเซล 6 สูบ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบขับเคลื่อนแบบขับ 4 Part Time อย่างเดียวเท่านั้น ในระหว่างนี้ก็ได้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมอุปกรณ์อีกเล็กน้อย เช่น เพิ่มแผงควบคุมระบบปรับอากาศแบบออโตเมติค เบาะนั่งด้านหลังติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ ELR ยึด 3 จุด รวมทั้งเบาะจุสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเข้าไปอีกหลายอย่าง
รุ่นที่สอง กลางปี 1992 ถึงต้นปี 1995
หลังจากเปิดตัวมาได้ 2 ปีเศษๆ Land Cruiser 80 ทำไมเนอร์เชนจ์ครั้งแรกโดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคมปี 1992 การปรับปรุงในครั้งนี้มีจุดใหญ่ๆที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือ ตัวรถถูกลดความสูงลงมาถึง 40 มม.พร้อมๆกับการเปิดตัวเครื่องยนต์เบ็นซินรุ่นใหม่ 1 FZ-FE ที่เข้ามาแทนเครื่องตัวเก่า 3 F-E นอกจากนี้ยังได้เพิ่มกระจกมองมุมมาให้ ซึ่งจะเรียกว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการติดตั้งกระจกมองมุมให้กับรถขับเคลื่อน 4 ล้อนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ในเรื่องของความปลอดภัย Land Cruiser 80 ไมเนอร์เชนจ์นี้ยังได้ทำการเปลี่ยนดิสค์เบรกหน้าให้มีขนาดใหญ่ขึ้นจากเดิม 286 มม. เป็น 311 มม. ส่วนด้านหลังก็ขนายตามขึ้นไปด้วยเช่นกัน คือ จากเดิม 312 มม. ขยายใหม่เป็น 335 มม. พร้อมเพิ่มระบบป้องกันล้อล็อค ABS มาให้เป็นอ๊อฟชั่นในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ Part Time เพิ่มความปลอดัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยคานเหล็กนิรภัยในประตูทุกบาน ล้อแม็กจากเดิมที่ใช้ขอบ 15 ก็เปลี่ยนมาเป็น 16 นิ้ว โป่งล้อเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นอีก 15 มม. เหล็กกันโคล่งเปลี่ยนจากเดิมที่มีใช้อยู่ 2 ขนาด คือ ด้านหน้ามีเส้นผ่าศูนย์กลางเท่ากับ 24/26 มม. เปลี่ยนเป็น 29 มม. และด้านหลังจากเดิม 23/25 มม.ก็เปลี่ยนมาใช้ ขนาดเดียวคือ 25 มม.
สำหรับระบบส่งกำลังเกียร์ออโตเมติค ได้เพิ่มระบบควมคุมการทำงานเปลี่ยนเกียร์ด้วยอิเล็คทรอนิคส์ ECT พร้อมกับเปลี่ยนแผงคอนโซลเกียร์ สำหรับรุ่นที่ออกมาจำหน่ายนี้ได้เปลี่ยนโทนสีใหม่พร้อมกับเพิ่มตัวเลือกให้มากขึ้น คือ จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 5 สี รวมทั้งแบบทูโทนมาให้อีก 1 เช่นเดิม ไมเนอร์เชนจ์ครั้งนี้ Land Cruiser ยังคงชื่อรุ่นต่างๆ เอาไว้เช่นเดิม เปลี่ยนเฉพาะตัวเครื่องยนต์จาก 3 F-E มาเป็น 1 FZ-FE เท่านั้นเอง
รุ่นที่สาม ปี 1993 ถึงปี 1995
ในการไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่สาม การเปลี่ยนแปลงหลักๆในช่วงนี้คือ การเพิ่มรุ่น VX Limited เข้าไปในกลุ่มของเครื่องยนต์ดีเซลตัว 1 HZ ซึ่งเท่ากับว่ามีรุ่นหรูอย่าง VX Limited ครบทุกเครื่องยนต์แล้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังได้ปรับเปลี่ยนสีใหม่ให้แปลกตายิ่งขึ้น แต่ก็ยังคงสีให้เลือกอยู่เพียงแค่ 6 สี (รวมรุ่นทูโทนด้วยแล้ว) โดยจะมีสีหลักๆ ที่มีมาโดยตลอดคือ สีขาว สีน้ำเงิน และสีแดง ที่เหลืออีก 3 สีก็จะสลับสับเปลี่ยนกันไป
ในส่วนของเครื่องยนต์ ตั้งแต่เดือน ธันวาคม ปี 1993 เป็นต้นมา มาตรการลดมลพิษได้ถูกนำมาใช้กับเครื่องยนต์ รุ่น 1 HD-T เพื่อควบคุมแก็สไนตรัสอ๊อกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์พร้อมกับการจัดรุ่นจัดลำดับกันนิดหน่อย โดยสามารถเทียบได้ตามตารางต่อไปนี้
เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อน
รุ่นแวก้อน
VX Limited 1 FZ-FE 4 A/T Full Time
VX 1 FZ-FE 4 A/T Full Time
รุ่นแวน
VX Limited 1 HD-T 4 A/T Full Time
VX 1 HD-T 5 M/T Full Time
VX 1 HD-T 5 M/T Part Time
VX Limited 1 HZ 4 A/T Full Time
VX 1 HZ 4 A/T Full Time
GX 1 HZ 4 A/T Full Time
GX 1 HZ 5 M/T Part Time
ขึ้นปี 1995 ได้ไม่นานไมเนอร์เชนจ์อีก
แล้วก็ถึงวันที่ Land Cruiser มียอดขายพุ่งขึ้นไปเกิน 2,500 คัน หลังจากที่ได้เปิดตัวรุ่นไมเนอร์เชนจ์ดังนี้ ครั้งนี้เปลี่ยนโลโก้จากที่เคยเขียนเป็นตัวเต็มว่า TOYOTA มาใช้เป็นแบบที่บ้านเราเรียกว่า สามห่วง หรือภาษาทางการของโตโยต้าเรียกว่า โตโยต้า มาร์ค แล้วยังได้เพิ่มถุงลมนิรภัยเข้าไปเป็นอ๊อฟชั่นให้เลือกเสียเงินอีกด้วย
ในส่วนของการเปลี่ยนแปลงทางด้านเครื่องยนต์ ก็ได้ติดตั้งระบบ EGR เพื่อช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนเอาไอเสียกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนั้นยังได้ปรับปรุงเทอร์โบใหม่ให้กับเครื่องรุ่นเดียวกันนี้อีกด้วย พร้อมกับเปลี่ยนฝาสูบให้กับเครื่องยนต์ รุ่น 1 HD-T ใหม่ เป็นแบบ 4 วาล์วต่อสูบ และเปลี่ยนชื่อรหัสเครื่องยนต์ใหม่เป็น 1 HD-FT
สำหรับสีตัวรถ ปี95 นี้มีสีมาให้เลือกใช้อีก 2 รวมเป็น 8 โดยยังมีสีหลักๆ เป็นขาว แดง น้ำเงิน และทูโทน
วาระสุดท้ายของ 80 ปี 1998
ปี สุดท้ายของ Land Cruiser 80 มาถึงในระหว่างปี 1998 หลังจากที่ทำไมเนอร์เชนจ์ครั้งสุดท้ายในวันที่ 8 สิงหาคม 1998 โดยมีการเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปอีกหลายรายการ เช่น ได้ติดตั้งระบบเบรค ABS ป้องกันล้อล็อคเข้าไปในรุ่นที่เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (Full Time) และถุงลมนิรภัย SRS Air Bag มาให้เป็นมาตรฐานจากโรงงาน
รุ่นต่างๆที่สิ้นสุดในปีนี้ จะประกอบด้วย
เครื่องยนต์ เกียร์ ระบบขับเคลื่อน
รุ่นแวก้อน
VX Limited 1 FZ-FE 4 A/T Full Time
VX 1 FZ-FE 5 M/T Full Time
GX 1 FZ-FE 5 M/T Full Time
รุ่นแวน
VX Limited 1 HD-FT 5 M/T Full Time
VX 1 HD-FT 4 A/T Full Time
GX 1 HD-FT 4 A/T Full Time
GX 1 HD-FT 5 M/T Full Time
GX 1 HZ 4 A/T Full Time
GX 1 HZ 5 M/T Full Time
GX 1 HZ 5 M/T Part Time
สำหรับสีภายนอกก็ยังคงมีให้เลือกมากมายถึง 9 สีด้วยกันโดยจะแบ่งออกมาเป็นทูโทนซะ 2 สี ที่เหลือจะเป็นสี่ประเภท ขาว แดง น้ำเงิน เขียว เทา หลังจากนั้นก็ได้เปลี่ยนมาเป็นรถรุ่นใหม่ที่เรารู้จักกันในนาม Land Cruiser VX 100 นั่นเองครับ
สำรวจเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ที่ใช้อยู่ใน Land Cruiser 80 นั้นจะเน้นที่ความจุต้องสูงเอาไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นตัวเครื่องเบ็นซินหรือดีเซลเพื่อให้การใช้งานได้อย่างคล่องตัวที่สุด และที่สำคัญ เกือบจะทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงหรือไมเนอร์เชนจ์ ก็จะต้องมีเรื่องของเครื่องยนต์เข้ามาเอี่ยวด้วยทุกทีไป ดังนั้นเพื่อมิให้เกิดการสับสนว่าเครื่องรุ่นไหน หน้าตาเป็นเช่นไรก็จะขอแนะนำเครื่องยนต์ที่มีใช้งานอยู่ใน Land Cruiser 80 ตั้งแต่รุ่นแรกมาเลย
3 F-E เครื่องยนต์เบ็นซินในตระกูล F ที่นำมาใช้นี้ เป็นแบบ 6 สูบแถวเรียง OHV มีความจุกระบอกสูบเท่ากับ 3,955 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบxระยะชักเท่ากับ 94.0 มม.x95.0 มม. ให้กำลังได้สูงสุด 155 ps ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 29.5 กก.-ม. ที่ 2,600 รอบต่อนาที อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 9.8 กก./ลิตร เป็นเครื่องติดรถ Land Cruiser รุ่นแรกตั้งแต่ปี89-92 โดยเครื่องยนต์ในตระกูล F นี้มีกำเนิดมาตั้งแต่ปี 1955 เริ่มมาตั้งแต่รุ่น 2 F แล้วก็เป็น 3 F ในเวลาต่อมา ซึ่งในยุคแรกนั้นแน่นอนว่าระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงเป็นแบบคาร์บูเรเตอร์ที่ถูกใช้งานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนเมื่อโตโยต้าออก Land Cruiser บอดี้ 60 จึงได้เปลี่ยนระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงกับฝาสูบใหม่ให้กับเครื่อง 3 F มาเป็นแบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิคส์พร้อมกับเพิ่มรหัสต่อท้ายใหม่เป็น 3 F-E ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
1 HZ เครื่องยนต์ดีเซลยุคแรกที่นำมาใช้นี้มีประจำการอยู่ใน Land Cruiser ตั้งแต่รุ่นแรกที่ออกมาจนถึงต้นปี 1998 เรียกว่ามาพร้อมกันแล้วก็ไปพร้อมกันเลยทีเดียว เครื่อง 1 HZ นี้ถูกบีบให้อยู่ในรุ่นแวน GX กับรุ่น Stan dard ตลอดมาโดยอาจจะเป็นเพราะเป็นเครื่องยนต์ที่มีกำลังต่ำที่สุดในกลุ่มก็ว่าได้ รายละเอียดคือ เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียง OHC ขนาดความจุ 4,163 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบxระยะชักเท่ากับ 94.0 มม.x100.0 มม. ให้กำลังได้สูงสุด 135 ps ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 28.5 กก.-ม.ที่ 2,200 รอบต่อนาที มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 14.5 กม.ฝลิตร เท่านั้น
1 HD-T เครื่องรุ่นนี้มีมาตั้งแต่แรกคลอด จนกระทั่งต้นปี 1995 ถึงได้ถูกปรับปรุงใหม่ ซึ่งความจริงแล้ว 1 HD-T นี้ก็คือ เครื่องบล็อกเดียวกับ 1 HZ นั่นเอง เพียงแต่มีการปรับเพิ่มพลังด้วยการติดตั้งเทอร์โบเข้าไปก็จะได้แรงม้าออกมาเป็น 165 ps ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 37.2 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบต่อนาที และอัตราความสิ้นเปลืองน้ำมีนเชื้อเพลิงที่ความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. เท่ากับ 15.2 กม./ลิตร
1 FZ-FE เป็นเครื่องเบ็นซินในตระกูล F ที่มีการพัฒนามาจาก 3 F-E โดยได้ทำการขยายความจุเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเพิ่มเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปเพื่อให้ได้กำลังสูงสุดโดยเจ้าเครื่อง 1 FZ-FE นี้ เริ่มนำมาใช้ตั้งแต่ช่วงกลางปี 1992 เป็นต้นมาจนถึงสิ้นสุด Land Cruiser 80 เลยทีเดียว
เครื่องรุ่นนี้จะเป็นแบบเบ็นซิน 6 สูบแถวเรียง DOHC 24 วาล์ว ความจุกระบอกสูบเท่ากับ 4,476 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบxระยะชักเท่ากับ 100.0 มม.x 95.0 มม. ให้กำลังออกมาสูงถึง 215 ps ที่ 4,600 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 38.0 กก.-ม. ที่ 3,200 รอบต่อนาที มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ความเร็วคงที่ 60 กม./มม. เท่ากับ 10.8 กม./ลิตร
1 HD-FT เป็นเครื่องยนต์ที่ได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุด จากรุ่น 1 HD-T มาทำการเพิ่มระบบขจัดไอเสีย EGR ปรับระบบวาล์วโดยเพิ่มวาล์วมาเป็น 24 ตัว หรือ 4 วาล์วต่อสูบ เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 6 สูบแถวเรียง OHC 24 วาล์ว ความจุกระบอกสูบ 4,163 ซีซี. ขนาดกระบอกสูบxระยะชักเท่ากับ 94.0 มม.x100.0 มม. ให้กำลังสูงสุด 170 ps ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 38.7 กก.-ม.ที่ 2,500 รอบต่อนาที พร้อมกับอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 14.8 กม./ลิตร
ปิดตำนานสุดยอดรถหรูในยุค 90 ของ Land Cruiser 80 จากค่ายโตโยต้า แต่ไม่ได้หมายความว่ารถรุ่นนี้จะหมดความนิยมตามลงไปด้วยเสียเมื่อไร เพราะปัจจุบันนี้ Land Cruiser 80 ก็ยังเป็นที่ต้องการของนักนิยมรถอ๊อฟโร้ดระดับหรูหราอยู่อีกมาก
แก้ไขเมื่อ : 28/3/2554 22:51:25
|