จาก x-200 IP:125.25.146.229
พฤหัสบดีที่ , 12/11/2552
เวลา : 09:42
อ่านแล้ว = 1230 ครั้ง
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระผู้ทรงพระคุณประเสริฐของปวงชนชาวไทยนั้น ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่นานัปการ มิใช่เพื่อพระองค์ แต่เพื่อความเจริญของประเทศ เพื่อความอยู่ดีมีสุขของราษฎร โดยไม่ได้ทรงนึกถึงความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าแห่งพระวรกาย ที่จะต้องทรงตรากตรำเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจบรรดานั้น ด้วยความเสียสละทั้งกำลังกายพระวรกาย กำลังความคิดตลอดทั้งพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ อย่างที่ไม่เคยที่จะทรงคิดเสียดาย ขอเพียงอย่างเดียวให้ได้บรรลุพระราชประสงค์เช่นที่ได้พระราชทานพระปฐมบรมราชโองการไว้เมื่อครั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ที่ว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม ยังความร่มเย็นเป็นสุขบังเกิดแก่ราษฎรภายใต้พระบารมี จากพระราชจริยาวัตร ที่ราษฎรเห็นกันจนชินตาว่าได้เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกที่ที่มีปัญหา ทุกที่ที่เกิดความทุกข์ร้อน เพื่อทรงหาทางขจัดปัดเป่าหรือบรรเทาปัญหาและความเดือดร้อนที่เกิดแก่ราษฎรให้หมดไปหรือเบาบางลงไปเท่าที่พระองค์จะทรงปฏิบัติได้ ดังนั้น ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารบ้านเมืองจึงควรที่จะยึดพระองค์เป็นแบบในการเสียสละความสุขส่วนตนแล้วประพฤติปฏิบัติตนให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม อันได้แก่ประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ ดังเช่นพระราชดำรัส ตอนหนึ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่คณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๔สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ ครั้งที่พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรีนำคณะรัฐมนตรีเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเขารับตำแหน่งหน้าที่ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน ความว่า ..รัฐบาลนั้นเป็นสถาบันหนึ่งในสถาบันสำคัญของประเทศ และจะต้องปฏิบัติ โดยถือว่าชาติบ้านเมืองเป็นเป้าหมายสำคัญ และความอยู่ดีกินดีของประชาชน เป็นสิ่งที่ปรารถนา ในการนี้ก็จะต้องใช้ความรู้ ความสามารถทุกอย่างมาปฏิบัติ และต้องเข้าใจว่าทุกส่วนทุกสาขาของชีวิตประชาชนจะมารวมอยู่ที่ท่าน จึงต้องมีการร่วมมือการประสานงานที่เหมาะสม โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตัว หรือประโยชน์ แม้แต่งานที่ตัวทำ จะต้องประสานประโยชน์ทั้งหลายให้เข้ากัน และพยายามทำให้เหมาะสมที่สุด...ซึ่งจะต้องการความตั้งใจจริง ต้องการความซื่อสัตย์สุจริต...ฉะนั้น ถ้าทุกคนได้ปฏิบัติด้วยความสามารถอย่างนี้ ก็เชื่อว่าบ้านเมืองจะก้าวหน้าและปลอดภัย ซึ่งก็จะต้องเป็นหน้าที่ของแต่ละบุคคลและแต่ละส่วนแต่ละฝ่ายที่จะเร่งในข้อนี้...
พระราชดำรัสที่ได้อัญเชิญมานี้ แม้ว่าได้พระราชทานไว้ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๕๒๙ แต่ก็ไม่
ล้าสมัยแม้ในปัจจุบัน กลับจะสอดคล้องอย่างยิ่งต่อสภาพการณ์ของบ้านเมืองเราในขณะนี้ ที่ผู้อำนาจบริหารบ้านเมืองควรอย่างยิ่งที่จำได้ยกพระราชดำรัสตอนนี้ขึ้นมาใคร่ครวญให้ถี่ถ้วนอย่างถ่องแท้เพื่อจักได้แก้ไขปัญหาของประเทศให้ลุล่วงไปได้ด้วยดีดังกระแสพระราชดำรัสที่ได้พระราชทานไว้แก่ผู้มีหน้าที่บริหารประเทศ
|