จาก เขียว IP:203.146.11.2
ศุกร์ที่ , 17/11/2549
เวลา : 10:48
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
มันมากับความเงียบ
เรื่องเกี่ยวกับสมอง ซึ่งอาการต่างๆของโรคเกี่ยวกับสมองนี้ต้องถือว่าเป็นอาการที่มาเงียบๆไม่รู้ตัว จะถือว่าเป็น โรคเงียบ ก็ได้
ผมอยากจะเตือนคุณๆที่ปล่อยตัวจนกระทั่ง โรคเงียบ เหล่านี้เข้ามาครอบครองคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวอยากจะให้ระวังเฝ้าไว้ว่า อย่าวางใจเป็นอันขาด นึกถึงชื่อเรื่องว่าจะใช้ว่าอย่างไรดี นึกถึงมันมากับความมืด ของท่านมุ้ยได้ เลยอยากจะขอยืมชื่อมาใช้ เพื่อเลียนแบบ จึงขอเปลี่ยนเป็นชื่อว่ามันมากับความเงียบ
ครับ มันจะมาอย่างเงียบๆจริงๆ มันมาในขณะที่คุณกำลังมีความสุขสนุกสนานอยู่กับการกินของอร่อยๆแถมยังตามด้วยความสุขแบบคนขี้เกียจด้วย คือกินอย่างเอร็ดอร่อย กินจนมากเกินไป กินเสร็จแล้วก็ขี้เกียจไม่ทำอะไรเลย โรคเงียบ ก็เลยค่อยๆคลานเข้ามาเล่นงานคุณโดยไม่รู้ตัว
มีคนไข้หลายคนมาปรึกษาผมด้วยอาการประหลาดหลายอย่าง และสำหรับผมที่เห็นว่าเป็นอาการประหลาดมากที่สุดก็คือไม่ยอมมาหาหมอ มักจะแก้ตัวอยู่ตลอดเวลาว่า ฉันไม่เป็นอะไร แล้วจะให้ไปหาหมอทำอะไรกัน?
ไม่ยอมมาหาหมอ ไม่ชอบหมอ แต่ในขณะเดียวกันก็จะบ่นอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไมมันปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว?ทำไมปวดหัวบ่อยเหลือเกิน? ทำไมไม่ค่อยมีแรง? ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา เหล่านี้เป็นต้น
ศาสตราจารย์ นายแพทย์วินเตอร์ กริฟฟิทห์ ซึ่งเป็นอาจารย์คณะเวชศาสตร์ครอบครัวแห่งมหาวิทยาลัยอริโซนา สหรัฐอเมริกา ได้ระบุของอาการ โรคเงียบไว้ หลายกลุ่ม และได้แจกแจงกลุ่มโรคและอาการของโรคไว้ดังนี้
1.ความดันโลหิตสูง อาจารย์กริฟฟิทห์ ระบุว่าโรคนี้แพทย์บางคนเรียกกันว่า ฆาตกรเงียบ (SILENT KILLER)ทั้งนี้เพราะผู้ที่ป่วยด้วยความดันโลหิตสูงนี้ จะไม่มีอาการอะไรเลยในระยะแรก
อวัยวะที่เกี่ยวข้องกับโรคนี้โดยตรง คือ หัวใจ เส้นเลือด ไต และตา สำหรับไตและตานี้
ถ้ามีอาการเกี่ยวข้องด้วย แสดงว่าโรคความดันโลหิตสูงได้คืบหน้าร้ายแรงไปไกลแล้ว
การจะรู้ว่าความดันโลหิตสูงหรือไม่นั้น ต้องใช้เครื่องวัดความดันโลหิต (SPHYGMOMANOMETER)ร่วมกับการใช้เครื่องหูฟัง แต่สมัยนี้ก็มีเครื่องวัดอัตโนมัติแบบดิจิตอลซื้อมาสักเครื่องก็วัดด้วยตัวเองได้ง่ายดาย
แต่ตัวผมเองเป็นคนโบราณ ผมไม่ค่อยไว้ใจเครื่องดิจิตอลสมัยนี้เท่าไหร่ ผมจะเชื่อวิธีวัดแบบเก่าคือเครื่องวัดและหูฟังมากกว่า เคยลองเปรียบเทียบการวัดด้วยเครื่องธรรมดาและวัดด้วยเครื่องดิจิตอลหลายชนิดเครื่องดิจิตอลหลายเครื่องตัวเลขจะไม่ค่อยตรงกัน ผิดกันระหว่างจุดสองจุดอยู่เสมอ แต่วิธีวัดแบบโบราณใช้เครื่องวัด ใช้หูฟัง ใช้มือคลำแม่นจนไม่เคยพลาด
ถ้าวัดด้วยเครื่อง ตัวเลขที่ถือเป็นมาตรฐานคือ ตั้งแต่ 140/90 ขึ้นไป ตัวเลขสองตัว ตัวสูงนั้นคือตัวเลขที่วัดเมื่อหัวใจบีบให้เลือดไหลออกจากหัวใจ (SYSTOLIC) ส่วนตัวเลขตัวต่ำ
คือตัวเลขเมื่อหัวใจคลายจากการบีบตัว (DIASTOLIC)
อาการจากการที่ความดันโลหิตสูงก็ที่พบอยู่เป็นประจำก็คือ ปวดหัว เวียนหัว ตาพร่า ตามัว มือชา เท้าชาหายใจไม่ออก อาการเหล่านี้จะเป็นมากขึ้น สำหรับคนที่น้ำหนักมาก สำหรับผู้ที่สูงอายุ (ส่วนมากอายุเกิน 60ขึ้นไป)
คนที่ชอบสูบบุหรี่ จะมีอัตราเสี่ยงต่ออาการป่วยอย่างร้ายแรง (โรคหัวใจ เส้นเลือดในสมองแตก) มากขึ้น
พวกที่มีอาการเครียด หรือตื่นเต้น ตกใจง่าย ก็จะมีอาการเสี่ยงทำนองนี้เกิดขึ้นเช่นกัน
นอกไปจากนั้น ผู้ที่ชอบกินอาหารและชอบกินของเล่นพวกเค็มๆ ก็ต้องระวังตัวให้มาก
พวกที่ชอบกินแล้วก็ไม่ออกกำลังกายเลย ไปไหนมาไหนก็ไม่ชอบเคลื่อนไหว ต้องนั่งรถตลอดเวลาจะเดินขึ้นกระไดบ้างก็ไม่ยอมเดิน ต้องคอยขึ้นลิฟต์ กินเสร็จแล้ว ถ้ามีโอกาสอยู่เฉยๆ ก็ยิ่งชอบอาการที่เราเห็นบ่อยๆก็คือ พ่อบ้านบางคนติดทีวี กินเสร็จแล้วก็นั่งเฝ้าโปรแกรมที่ตัวชอบมีขนมกรอบๆอยู่ข้างตัว บางทีหรือทุกทีจะมีขวดเบียร์ หรือกระป๋องเบียร์เรียงรายอยู่รอบตัวการไม่ชอบเคลื่อนไหวอย่างนี้แหละ เป็นการเชื้อเชิญ โรคเงียบ ให้เข้ามาหาตัวดีนักแล
ที่มีรายงานแปลกๆแถมขึ้นมา ก็คือคุณผู้หญิงที่กินยาคุมเป็นประจำมีโอกาสที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้ง่ายเหลือเกิน
ข้อนี้เป็นรายงานพิเศษจากศาสตราจารย์กริฟฟิทห์โดยตรงเลยทีเดียว
อ้อ! มีรายงานอีกรายการหนึ่งอีกเหมือนกัน คือ ผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับระบบการหายใจ (ปอด หลอดลม)
ถ้าเป็นคนที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว เวลาไอต้องระวังมากๆ
เพราะจะมีเลือดออกติดออกมาได้ง่ายมากกว่าผู้ที่ไม่ได้เป็นความดันโลหิตสูง
คราวนี้ขอพูดถึง โรคเงียบ จากกลุ่มความดันโลหิตสูงอย่างเดียวก่อน โดยเหตุที่มันเป็นโรคเงียบ
ตอนแรกๆที่มีความดันโลหิตสูง คุณจะไม่รู้สึกมีอาการแต่อย่างใด คงจะปฏิบัติตัวไปตามเดิม คือกินของอร่อยๆตามชอบใจ และไม่ชอบเคลื่อนไหว (ขี้เกียจ) อยู่อย่างเดิม
แต่พอมีอาการมากแล้วจนกลายเป็นโรคเส้นโลหิตในสมองแตก โรคหัวใจ โรคปอดและน้ำท่วมปอด ไตวาย ตาบอด(เพราะเส้นเลือดแตก) เหล่านี้ ผู้ป่วยส่วนมากก็จะรีบรุดไปเข้าโรงพยาบาล
ขอให้แพทย์รักษาโรคร้ายๆเหล่านั้น โดยไม่มีใครคิดสักนิดว่า โรคเหล่านี้เป็นมานานแล้ว
และเป็นอย่างเล็กน้อยจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน ถ้าแก้ไขเสียตั้งแต่ตอนนั้น ตอนนี้ก็จะสบายไปตั้งนานแล้ว
จะขอรวบรวมโรคต่างๆอีกหลายโรคซึ่งเป็น โรคเงียบ ซึ่งเราไม่ค่อยจะสังเกตและไม่เคยสนใจมาก่อน
....รักษาสุขภาพด้วยนะครับ เพื่อนๆ....
|