คำตอบที่ 3
จักรยานราคาไม่ถึงหมื่น หากขี่ตามถนนทั่วไปก็ไม่มีปัญหาครับ เหนื่อยได้เหมือนกัน แต่คุณภาพของระบบเปลี่ยนเกียร์จะยังไม่เข้ามาตรฐาน สำหรับจักรยาน ประเภทเสือภูเขาครับ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุด คือเกียร์ครับ ในปัจจุบัน ระบบเกียร์จะแบ่งออกเป็นหลายๆระดับ ซึ่งสูงสุดของ Shimano คือ XTR ครับ ลองลงมา ก็ DeoreXT ,Deore LX , Deore , Alivio , Acera , Altus เรียงตามลำดับมาครับ (มีรุ่นใหม่กว่านี้หรือเปล่า) ซึ่งปกติ ระบบเกียร์จะมีทั้งหมด 10 ชิ้น รถที่ขายส่วนมาก จะไม่ใส่ระบบเกียร์ในระดับเดียวกันทั้งชุดมาให้ แต่จะใส่ปนๆกันมา เนื่องจากความสำคัญของการใช้เกียร์ไม่เท่ากัน เช่น มือเปลี่ยนเกียร์อาจจะใส่ระดับถูกหน่อยเช่น Deore แล้วเฟืองเกียร์ใช้สูงหน่อยเป็น XT เพราะมือเกียร์ไม่ได้รับแรงอะไรในการขี่ แต่เฟืองเกียร์หน้าหลังจะรับแรงมากกว่า ระดับที่สูงกว่า การขึ้นรูป เนื้อวัสดุ และความแข็งแรงจะมีมากกว่า โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนัก ซึ่งต้องเบากว่าแน่นอน
ดังนั้นหากซื้อรถที่ราคาต่ำกว่าหมื่น หรือหมื่นต้นต้น ตามห้างต่างๆ เท่าที่ผมเคยไปเดินดู ราคาจะแพงกว่าร้านข้างนอกที่ขายจักรยานโดยตรง หลายพันบาท บางครั้งแพงกว่าสองเท่าเลย ทั้งๆที่เป็นรุ่นเดียวกัน
มาถึงจำนวนเกียร์บ้าง จักรยานถูกๆ จะใช้เกียร์ธรรมดามากซึ่งบางครั้งก็เป็นของ Shimano แต่ไม่ได้บอกรุ่นไว้ เพราะไม่มีรุ่นนั่นเอง หรืออาจจะอยู่ที่ระดับ Altus ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุด ในบรรดาเกียร์ทั้งหมด (มีต่ำกว่านี้แต่ไม่ขอพูดถึง เพราะเป็นรถที่เอาไว้ขี่เล่นๆตามถนนมากกว่า เอาไปขึ้นเขาจริงๆ) เกียร์ของจักรยานจะมีตั้งแต่ 18 ,21 , 24 , 27 เกียร์ ซึ่งมาตรฐานอยู่ที่ 24 เกียร์ คือมีจานหน้า 3 ใบ และจานหลัง 8 ใบ ซึ่งได้แก่ Altus,Acera,Alivio แต่ระดับแข่งขันหรือที่นิยมคือ 27 เกียร์ อันได้แก่ Deore ขึ้นไป ซึ่งทั้งสองแบบจะมีข้อแตกต่างกันที่วัสดุและบางอย่างใช้ร่วมกันไม่ได้ เช่น โซ่ มือเกียร์ ที่ขนาดต่างกัน
หากต้องการซื้อจักยานที่เอาไว้ขี่บนภูเขา ควรคำนึงถึง 24 เกียร์ ขึ้นไป โดยปกติราคารถที่มี 24 เกียร์ จะอยู่ประมาณ 10,000-15,000 และราคารถ 27 เกียร์ จะอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาทขึ้นไป จนเป็นหลักแสนบาท แต่หากซื้อมาขี่ตามถนนธรรมดา หรือมีเนินบ้าง และเพื่อการออกกำลังกาย หรือนานๆขี่สักครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงเกียร์ เพราะผมเองก็ซื้อคันละ 4000 มาขี่ตอนเริ่มต้นเหมือนกัน
แต่พอเอาไปขึ้นเขา กลับสร้างปัญหามากมาย ทั้งน้ำหนัก ที่หนักมาก แถมเกียร์ก็เปลี่ยนไม่ค่อยเข้า ขณะขึ้นเขา
สรุปว่าหากอยากมาขี่จักรยานเสือภูเขาจริงๆ ผมขอแนะให้เพิ่มเงินอีกนิด เพราะหากชอบกีฬาประเภทนี้ขึ้นมา คุณต้องซื้อรถใหม่แน่นอน รถผมตอนนี้เทียบกับตอนที่ซื้อมา เหลือแต่ตัวถัง เพราะต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนทุกชิ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดน้ำหนักรถ ซึ่งประสิทธิภาพของอุปกรณ์ที่ติดมากับรถไม่ค่อยดีนัก หากไปลุยทางหนักๆ เช่นโช๊คที่เป็นสปริงเวลาลงเขาทีหรือตกหลุม สปริงดีดจนเกือบตกรถ ขี่ลุยถนนที่เป็นหินลอย โช๊คกลับไม่ช่วยรับแรง แต่กลับทำให้มือเราที่จับแฮนระบมไปหมด เพราะสปริงถ่ายแรงมาที่มือเรา ไม่มีการดูดซับแรงกระแทกเลย หรือระบบเกียร์เดิมที่ติด Alivio มา แต่เวลาจะเปลี่ยนเกียร์บนเขา ขณะกำลังขึ้นเนิน ก็ใส่ไม่เข้า จนต้องจอดรถแล้วเข็นขึ้น
ทั้งหมดคือความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ หากขี่เพื่อออกกำลังกายทั่วไป ก็ใช้รถอะไรก็ได้ครับ แต่หากต้องการขี่ตามเส้นทางแบบออฟโรดจริงๆ ควรซื้อให้ดีนิดนึง เพราะจะได้ไม่ต้องไปซื้อใหม่อีกที หากชอบกีฬาประเภทนี้ขึ้นมา และสุดท้ายครับ ต่อให้จักรยานดีแค่ไหน หากเราไม่มีแรงขี่ ก็สู้จักรยานธรรมดาไม่ได้ครับ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการฝึกซ้อมบ้าง ตามแต่โอกาสจะอำนวย
หวังว่าคงเป็นขอแนะนำที่สามารถตัดสินใจได้นะครับ
ดูรายละเอียดของเกียร์ได้ที่ลิงค์ข้างล่างครับ เกียร์ XTR2003 ทั้งชุด ในเมืองไทยคิดว่าราคาน่าจะอยู่ที่ 50,000 บาทขึ้นไปครับ นี่แค่เกียร์นะครับ ยังไม่รวมอย่างอื่น ลองคิดดูครับ ว่าจักรยานที่เอาไว้แข่งขันจริงๆ จะราคาสักเท่าไหร่ครับ
หวังว่าคงจะได้เจอกันที่สนามจักรยานนะครับ
http://bike.shimano.com/mtb/index.asp
อ้อมีเรื่องเล่าอีกนิด มีคนที่อยู่ในเวป ThaiMTB มาเล่าให้ฟัง ว่าเค๊าเอาจักรยานเค๊าที่ราคาเกือบแสนไปซื้อก๋วยเตี๋ยวแถวบ้าน และจอดไว้หน้าร้าน เด็กๆแถวนั้นก็มามุงดู และเด็กคนนึงก็เป็นว่าที่เกียร์เขียนว่า XTR เลยพูดออกมาว่า จักรยานคันนี้ไม่ดีหรอก ไปซื้อที่แมคโครดีกว่า ได้เกียร์ Shimano ด้วย เจ้าของจักรยานจ๋อยไปเลยครับ เห็นบอกว่าจะเอาไปขายทิ้ง .. ฮา