คำตอบที่ 1
       เรื่องวิชาการผมไม่ทราบครับรู้แต่ว่าถ้าเป็นของผม ผมก็ปรับเล่นมันทุกตำแหน่งล่ะแล้วเลือกเอาเสียงที่เราชอบเป็นดีครับ คนเราสไตล์การฟังเพลงไม่เหมือนกัน เอาแบบที่เราชอบครับ ส่วนตัวผมชอบเสียงแบบ flat คือทุ้ม-กลาง-แหลม ออกเท่าๆกัน แต่ถ้าเมื่อ 20 ปีที่แล้วก็เอาเบสนำ แต่ตอนนี้

ขอบคุณครับ จาก : manisamut(manisamut) 30/7/2555 14:44:40 [58.137.19.98]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       มองดูแต่ข้างบนไม่อาจบอกได้ครับ ต้องดูลายวงจรด้วยครับว่าอุปกรณ์แต่ละตัวมันต่อกันอย่างไร ทำงานร่วมกันอย่างไร น้าถ่ายด้านลายวงจรมาอีกทีสิครับ

ขอบคุณครับ จะแกะออกมา กลัวมือหนักไปทำฟังอีกครับ จาก : manisamut(manisamut) 30/7/2555 14:46:32 [58.137.19.98]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       S1 น่าจะเป็นตัวเลือกตัดความถี่ของเสียงต่ำ โดยตัดที่ -3 และ -6 db ส่วน 0 คือไม่ตัดเลย
S2 เป็นตัวเลือกตัดความถี่เสียงสูง คือ 6 db และ ออกเต็มเสียงที่ภาคขยายส่งมา

ค่าความถี่ยิ่งตัดมาก ช่วงตัดกันของลำโพงเสียงสูง กับ ต่ำ ยิ่งชันมาก

เปิด ฟังแล้วลองเลือกปรับแบบน้าช้างว่าอะครับ จะได้เสียงที่ถูกใจที่สุด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ขอบคุณครับน้าอ้วน ถามต่อเลย ผมต่อลำโพงมาจากแอมป์ขยายนะครับ

S2เป็นตัวตัดความถี่ลำโพงเสียงกลางใช่ไหมครับ แล้วผมปรับไว้ที่ตำแหน่ง6db ถูกไหมครับ
S1เป็นตัวตัดความถี่ลำโพงเสียงแหลมใช่ไหมครับ ผมควรลองปรับดู แล้วฟังเสียงเองถูกไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       S1 เป็นตัวปรับเสียง กลาง กับต่ำ ปรับไว้ที่ -6 db จะได้เสียงเบสที่กระชับ เหมาะกับลำโพงที่ขอบกรวยแข็งหน่อย

S2 เป็นตัวปรับ กลาง กับสูง หากปรับที่ FULL เสียงจะออกมาทุกความถี่ที่ลำโพงเสียงแหลมจะรับได้ ผมคิดว่าน่าจะลองปรับที่ -6 db แล้วลองฟังเสียงก่อน

เอาง่าย

S1 ปรับมาที่ -3 db
S2 ปรับมาที่ -6 db

ลองฟังเสียง หากพอใจก็พอ หากไม่พอใจ

S1 ปรับมาที่ -6 db
S2 ปรับมาที่ -6 db

เสียงเบสจะแน่นขึ้น แต่ไม่รู้จะชอบหรือเปล่า
ลองปรับดูครับ

ขอบคุณน้าอ้วนอีกครั้ง จะลองทำดูครับ จาก : manisamut(manisamut) 30/7/2555 16:43:38 [58.137.19.219]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       น่าสงสัยครับทำไมคนออกแบบเน็ตเวิร์คต้องทำจุดตัดมาให้เราเลือกใช้งาน ทำไมไม่ออกแบบให้มันตอบสนองราบเรียบไปเลยก็หมดเรื่อง น้าอ้วนเห็นอย่างไรครับ
ส่วนตัวผมเป็นพวกบริสุทธิ์นิยม ไม่ยอมปรับทุ้มแหลมแม้แต่น้อย เสียงที่มาจากต้นฉบับจะพยายามรักษาให้คงเดิมที่สุด สุดท้ายฟังดูแล้วตรงไหนยุบตรงไหนโด่งก็แก้เป็นตัวๆให้มันราบเรียบไป
ท้ายสุดก็แล้วแต่ความชอบครับ

หากเราปรับไว้ที่ศูนย์ทั้งสองตัว จะทำให้ลำโพงทั้งสองตัวมาเสริมกันจะสังเกตุได้ว่าเสียงกลางเสียงร้องจะชัดขึ้น
หากเราปรับไว้ที่-6ทั้งสองตัว เสียงกลางเสียงร้องจะด้อยลง แต่ได้แหลมคม ทุ้มกระชับ แบบนี้ถูกไหมครับ

ถูกครับ แต่อย่างแรกเสียงอาจจะมั่วกันระหว่างลำโพง 2 ตัว จาก : อ้วน(et4) 30/7/2555 17:28:45 [49.48.66.239] ผมก็ชอบบริสุทธ์นิยม ส่วนพวกช่ำชองนิยมขอถอยห่าง จาก : TIDNHENG(TIDNHENG) 31/7/2555 11:43:16 [125.24.30.155]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ลำโพงAQคู่นี้ ผมติดตั้งไว้ที่คู่หน้า ฟังแล้วเสียงแบนๆ แหบๆ ไม่นุ่มไม่ลึก เท่าคู่หลัง (สังสัยผมยังปรับไม่เป็น)

คู่หลังเป็นBoswick ลำโพงแบบแยกชิ้นเช่นกัน แต่ที่กล่องตัดความถี่ ไม่มีปุ่มใดๆให้ปรับได้เลย ฟังดีกว่าAQเสียอีก แต่ขี้เกียจย้ายมาไว้ข้างหน้าแล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       เห็นด้วยกับน้า bint ครับ
ต้องแยกประเด็นออกเป็น crossover network กับ Pretone control
ตัว network จำเป็นต้องออกแบบจุดตัดความถี่ครับ เพราะลำโพงไม่สามารถตอบสนองความถี่ได้ครอบคลุมทุกย่านตั้งแต่ 20-20000 hz แต่จะออกแบบอย่างไรให้เหมาะสมกับลำโพงของตัวเองนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ผมชอบแบบ 2 ทาง แบบทุ้มลึกๆ หรือแบบตู้เปิดครับ ฟังแล้วเพลินดี คึกคักหน่อย พอสนุก
ส่วน tone control อันนี้ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ไม่ต้องปรับอะไรเลย จากเมื่อก่อนอยากให้มีปุ่มปรับเสียงสักสิบอัน เดียวนี้มีแค่ Volume แค่สองตัวพอ ตัว Balance ยังไม่อยากให้มีเลย ว่าจะลองหา Pre แบบหลอดสุญญากาศ ฟังดูครับ เห็นบอกกันจังเลยว่านิ่ง เสียงคม.....

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       ผมทดลองปรับดูแล้วครับ โดยแช่S2ไว้ที่6db จากนั้นปรับS1มาที่3dbแล้วฟังเสียง แล้วก็ปรับS1มาที่6dbแล้วฟังเสียง

เป็นอย่างที่น้าอ้วนบอกไว้ และก็เป็นอย่าที่น้าbintให้ความเห็นไว้ คือเมื่อเพิ่มS1มากขึ้นๆ เสียงทุ่มของเบสก็จะมากขึ้นๆ แต่ในเวลาเดียวกันเสียงแหลมและเสียงกลางก็จะลดลงๆ จนหมดรายละเอียด ข้อดีให้การปรับคือ จะช่วยลดเสียงรบกวน เช่นเสียงซ่าๆ ฟุ้งๆ ทำให้เสียงออกมากระชับขึ้น

แต่หลังจากลองปรับและฟังเสียงจนเหงื่อท่วมตัวแล้ว(น้าอ้วนบอกว่า เวลาจูนเสียงให้ปิดประตูรถให้หมดด้วย กลับถึงบ้านจอดรถ-ดับเครื่องเสร็จ ก็เอาเลย แหม่..งานนี้คิดถึงน้าอ้วนจริงๆ) แต่ผมกลับชอบเสียงแบบเดิมๆไม่ต้องปรับ คือS1อยู่ที่0 S2อยู่ที่6 เสียงออกมาฟังเป็นธรรมชาติที่สุด ผมชอบฟังเสียงร้องของนักร้องและดนตรีแบบครบๆใสๆ เบสนิดๆไว้ปั๊มหัวใจ แต่เบสหนักๆดังๆก็ไม่ไหวเหมือนกันแฮะ...

ลำโพงเนตและเวิร์คของน้านพยังใหม่อยู่ครับ ต้องนวดไปเรื่อยๆสักพักจะเห็นผลต่างครับ จาก : bint(bint) 1/8/2555 16:18:46 [110.49.240.15]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ให้ปิดประตูก็ปิดประตูจริงๆเลยนะ สตาร์ทเครื่องเปิดแอร์ก็ได้จะได้เหมือนจริงในการใช้งานปกติ
สรุปว่าเราก็ชอบฟังเพลงสไตล์เดียวกันเลยเนอะ (แบบวัยสะรุ่น)5555

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       น้าอ้วนทำปรีหลอดเองไหมครับ ผมมีวงจรนะครับ แต่เสียงของหลอดน่ะมันพลิ้วบางออดอ้อน ต่างกับโซลิดที่มันจะมาเสมอๆกันแบบครบๆหนาๆอวบๆนมโตๆแบบนั้น ชอบแบบไหนก็ต้องลองเอาครับ

เคยทำตามแบบของวารสารครับ แต่ไม่ค่อยดี อุปกรณ์ไม่ครบ เสียงออกมาเลยไม่ชอบ กะว่าจะไปหาของสำเร็จเอา จาก : อ้วน(et4) 31/7/2555 10:25:42 [49.48.66.239]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       .... สนับสนุนเสียง Full range ครับ ฟังไพเราะแบบต้นฉบับ เสียงนักร้องชัดเจน
เบส แหลม ก็มาในช่วงจังหวะที่เหมาะที่ควรตามเสียงเครื่องดนตรี ไม่หลอก

แต่ผมเน้นเครื่องเสียงบ้านครับ ใช้ หลอด 2A3 ขับจากเครื่องเล่น DVD ธรรมดา ลำโพง แฮนด์เมด Driver ของ VIFA

... ส่วนในรถไม่เน้นครับ เพราะฟังไม่รู้เรื่อง เสียง BigHorn มันกลบหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       ในรถผมก็ฟูลเร็นจ์นะครับ แต่มีเสริมทวีตเตอร์เพียเรสตัวเท่ากระป๋องเบียร์1คู่ครับ ยังไม่ได้โมปรับจูนเน็ตเวริค์เสียงแหลมมันนำหน้าอยู่ทำให้เบสบาง ต้องเร่งโวลุ่มสักหน่อยจะมีเบสให้มันส์อยู่บ้าง
กด like ให้ฟูลเร็นจ์ครับ

เครื่องบ้านนี่ผมใช้หลอด 6BM8 0.7watt/ch เล่นกับฟูลเร้นจ์กรุนดิก ตู้open baffle(ประตูบ้าน) สายลำโพงคิมเบอร์น้ำตาลดำ สายสัญญาณ wampire AL2
แล้วก็มีแอมป์อีกตัวครับเป็น class A Zen amp 10W/ch ตัวนี้เล่นร้อนลวกไข่ได้ เล่นกับกรุนดิกฟูลเร็นจ์ไม่เวริค์เลย เบสเยอะอึดอัด สู้ 6BM8 ไม่ได้เลย

 แก้ไขเมื่อ : 1/8/2555 12:03:41

อื่ม...เล่นหลอดจับคู่กับหลอดจะดีกว่าใช่หรือเปล่าครับ ส่วนสายถือว่าเป็นองค์ประกอบรองแต่แพง.... จาก : อ้วน(et4) 1/8/2555 12:26:56 [49.48.66.239] แนวเสียงที่เปลี่ยนไปที่มีผลมากที่สุดคือการเปลี่ยนลำโพงอันดับ1 จาก : bint(bint) 1/8/2555 15:08:38 [110.49.226.135]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
       บอกยากครับ เพราะแนวเสียงที่เปลี่ยนไปมีอันดับมากไปหาน้อยดังนี้ครับ
1 เปลี่ยนลำโพงมีผลมากสุด
2 ปรีครับ
3 ฟร้อน
4 แอมป์
5 สายสัญญาณสายลำโพง

เรื่องสายเอาไว้ที่หลังสุดเลยครับ อันดับแรกเลือกดูลำโพงให้ถูกกับความชอบ ต่อมาก็ฟร้อนกับปรีครับ แล้วก็แอมป์
ก่อนจะเลือกได้เราต้องรู้น่ะครับว่าเครื่องแต่ละรุ่นและยี้ห้อต่างๆมันไปทางแนวไหน อาจจะหาลองฟังจากเพื่อนที่มีอยู่หรือยืมกันเล่นนะครับเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในแบรนด์ต่างๆเอาครับแต่ละแบรนด์ก็มีบุคลิกของตัวเอง หากเราเล่นเครื่องเสียงโดยไม่รู้แนวทางของเครื่องมันจะหลงทางครับ จับผสมมั่ว สุดท้ายหาเปลี่ยนอีกต้องจ่ายเยอะกว่าครับ
ส่วนน้าอ้วนอยากได้ปรีหลอดไว้ใช้ในรถก็ลองดูครับ โดยบุคลิกของมันอย่างที่ผมว่าล่ะ เป็นสาวเอวบางร่างน้อยน่าทะนุถนอมบอบบางอ่อนหวาน ประมาณพจมานแห่งบ้านทรายทองนั่นล่ะครับ ส่วนเรื่องยี่ห้อปรีหลอดนั้นผมไม่ทราพเลยผมDIYเอาแนวเสียงของตัวเองครับและอีกอย่างในรถผมไม่ได้ใช้เครื่องหลอดอ่ะครับ มันไวต่อสัญญาณรบกวนทำให้ดียาก
หากชอบแนวเสียงแบบหลอด(ไม่รู้น้าอ้วนเคยฟังเครื่องหลอดตัวไหนแล้วชอบหรือยัง)ปัจจุบันมีบางยี่ห้อครับที่พยายามทำโซลิดให้เสียงเหมือนหลอดและได้เปรียบหลอดตรงที่ไม่อ่อนไหวง่าย ก็คือ Clarion/Mcintosh/Alpine ครับ
พอได้ลองฟังลองเล่นแล้วถูกใจก็มองหาสายดีๆครับ ตัวสายมันไม่ให้คุณภาพเสียงหรอกครับแต่มันเป็นตัวจำกัดคุณภาพเสียงครับ หากเรามีเครื่องที่ดีถูกใจ แต่สายคุณภาพไม่ดีมันก็เป็นคอขวดครับ
ดังนั้นเครื่องดีสายดี การติดตั้งดีมันก็ไม่เกิดคอขวด เครื่องต่างๆมันก็สำแดงตัวตนออกมาได้เต็มที่ครับ ตอนที่ติดตั้งสายลำโพงสองข้างต้องยาวเท่ากัน สายสัญญาณก็ต้องยาวเท่ากันทั้งสองข้าง แผงหน้าที่ติดตั้งลำโพงต้องแข็งๆหนักๆเมื่อเวลามันดีดต้องไม่สั่นไม่กระพือ การบัดกรีโบกตะกั่วมากน้อย บัดกรีนานสายไหม้ก็มีผล
องค์ประกอบมากมายครับ ศาสตร์+ศิลป์ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       คุยเรื่องเครื่องเสียงบ้าน ผมยิ่งไม่ค่อยสันทัดเลย ที่บ้านผมใช้BOSE Acoustimass 5.1 อะไรไม่รู้ ซื้อมาตั้งสิบกว่าปีแล้วสมัยยังทำงานในเรือสินค้า มีลำโพงซับวูฟเฟอร์1ตัวใหญ่ๆ แล้วมีลำโพงเล็กอีก5ชุด ลำโพง1ชุดมีลูกสี่เหลี่ยม2ลูกซ้อนกัน ต่อกับแอมป์ไพโอเนียร์ อ่านจากเครื่องเล่นDVDธรรมดา ไว้ดูหนังฟังเพลง ตัวนี้เสียงดีมากแล้วสำหรับผม

ผมรู้สึกว่า เครื่องเสียงบ้าน แค่คุณภาพธรรมดาราคาไม่แพงมาก ให้เสียงดีกว่าเครื่องเสียงรถยนต์ที่ราคาแพงกว่า หลายร้อยเท่าจริงๆ

ใช่ สภาพอคูสติกต่างๆภาพในรถเป็นตัวแปรที่ยิ่งใหญ่มากครับต่างกันกับที่บ้านอย่างสิ้นเชิงที่จัดง่ายกว่า จาก : bint(bint) 1/8/2555 16:27:56 [110.49.240.15] BOSE Acoustimass ... เป็นชุดที่ใฝ่ฝัน ตั้งแต่เคยได้ฟังครั้งแรก ... ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ ซะที :P จาก : nebular(nebular) 2/8/2555 14:35:54 [124.120.76.83]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
       สวัสดีครับน้าๆ ทุกท่าน ผมสมาชิกใหม่ครับ สนใจออดิโอ อยู่เหมื่อนกันครับ
เห็นคุยเรื่องเครื่องเสียงกัน..และหลายน้า สนใจแนวSQ กัน ผมก็ใช้ออดิโอ อยู่ครับ
เป็นลูกผสมครับ หน้าฟังหลังสาด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       Sq เน้น สัญญาณที่บริสุทธิครับ ฟรอน์ให้ได้24บีท จะดี
*ลำโพง ความไวให้ได้93db/หรือค่าไกล้มากสุด เช่น89,92db
*แอม์ วัตต์ไม่เอาสูง แต่เอาตัวภาคตัดสัญญาณได้เยอะๆ 25-100h
*ปรี เอาภาคอ่านสัญญาณระเอียด/และภาคส่งสัญญาณขาออกสูงๆครับได้เปลียบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       แหม ไม่เคยเห็นน้าชัยคลองเตยเลยครับแสดงว่าชอบเครื่องเสียงเห็นคุยเรื่องเครื่องเสียงก็เลยเข้ามาแจม ของผมไม่มีปรีครับ มีฟร้อน9255 ให้ line out 9V 4ch แอมป์ ผม DIY เองครับเป็น gain clone แล้วก็ลำโพงฟูลเร้นจ์อังกฤษความไวน่าจะ 96db/W/m กำลัง10Wrms
ด้วยลำโพงความไวขนาดนี้แอมป์ไม่ต้องใหญ่ครับแรงมดก็ได้รายละเอียดครบๆครับ
หากสงสัยว่าแอมป์ gain clone เสียงดีขนาดไหน ก็ลองเสริช์กูเกิ้ลดูครับ ผมว่ามันเป็นแอมป์คลาส ab ที่ให้เสียงไกล้เคียงกับคลาส a แบบแยกไม่ออกน่ะครับ
หากน้านพเอา acoustic mass มาไว้ในรถคงดีนะครับ ลำโพงbose มันไวครับขับง่าย แอมป์ไม่ต้องใหญ่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       นี้ของเจ้าฟรอด์ตัวให้ครับอับระบบเสียงเพิ่ม..

งามครับแต่ภาพเล็กไปหน่อย แผ่นสีเทาๆที่ประตูนี่แดมป์ใช่ไหมครับ จาก : bint(bint) 7/8/2555 14:29:54 [110.49.233.190] แดม์มากะรถเลยครับ วัสดุดีกว่าของท้องตลาดอีกครับ จาก : chaideth(chaideth) 23/10/2555 7:22:53 [171.99.69.221] จาก : chaideth(chaideth) 23/10/2555 7:23:13 [171.99.69.221]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       .... น้า bint ขอชม G/C ในรถหน่อยครับ ผมตั้งใจจะทำโปรเจคนี้มานานมาก (เคยลองทำแบบฟังในบ้าน) สะสม LM3875 ไว้หลายตัว
ยังไม่มีไอเดียสำหรับแอมป์ในรถเลย

ขอวงจร power supply ด้วยก็ดี คร๊าบ .....


..... สนับสนุน Gain Clone อิกคนต่อง่าย ไม่ยุ่งยาก ... ใครได้ฟังเสียงจะลืมแอมป์โซลิด อื่นๆไปเลย ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ผมก็เคยคิดอย่างที่น้าbintแนะไว้นะครับ ตอนที่ย้ายบ้าน ลำโพงบอสชุดนี้ก็ขนมากองๆไว้ ยังไม่ได้ต่อสาย ก็เคยยกเอาตู้เบสไปหาที่วางในห้องโดยสาร แต่ไม่สามารถเลยครับ มุมไหนซอกไหนก็วางไม่ได้ครับ แต่ถ้าเป็นรถเก๋งทั่วไป วางในห้องเก็บสัมภาระท้ายได้แน่นอน แต่ติดตั้งลำโพงcubeก็ไม่หมูเลยนะ ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะติดอย่างไง ในแผงประตูน่ะหมดสิทธิ์เลยครับ

Gain Cloneคืออะไร อยากชมด้วยเหมือนกันครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       ลำโพง BOSE เค้าเรียกว่าบอสหรือโบเซ่ครับ จะได้เรียกถูก (เสียงดีชิปเป๋งเลยตัวเล็กๆแต่เสียงได้ใจจริงๆ)
นั่งแอบอ่านมาตั้งนานขอยอมรับว่าชอบครับเรื่องเครื่องเสียงเนี่ย
แต่ไม่มีความรู้เลยจริงๆรู้แต่ว่าถ้ามีคนมิกซ์เสียงเจ๋งๆ ผมงี้ร้องเพลงได้ไพเราะจับใจจริงๆ(ต้องใช้วิจารณญานในการฟังด้วย)

" โบส " น้าช้าง จาก : nebular(nebular) 8/8/2555 14:20:36 [192.249.41.3]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เสียงเบสเหมาะ เอสคิวครับ

ราคาเท่าไหร่ครับ น้าชัย ติดโดยไม่่ติดแอมได้ไหมครับ จาก : ThamRG(ThamRG) 19/11/2557 20:25:31 [125.25.227.9]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       แนว เอสคิว คือแนวฟังสบายสมจริง ครบทุกระดับเสียง ที่ใช้ฟัง ชนิดกรุงเทพขอนแก่นสบายๆตลอด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       น้า nebular G/C ของผมเวอร์ชั่นแรกเป็นฮาร์ดวายครับ อาจจะทำยากนิดหน่อย และหน้าตาไม่สวยงามเอาเลยเรียกได้ว่ารูปชั่วตัวดำเลยครับ แต่เสียงนี่นางฟ้าเลยนะ ส่วน DC-DC converter ผมซื้อที่ณัฐพงษ์บ้านหม้อครับ แล้วตัวเคสผมเอามาจากแอมป์เก่าเจ้งแล้วรื้อใส้ออก เอาแต่กล่องครับ

เวอร์ชั่นที่สองออกแบบแผ่นปริ้นท์รวม DC-DC converter และ 3886 4ch ไว้ด้วยกันบนแผ่นเดียวทั้งหมดครับ ส่วนเคสก็มุขเดิมครับรื้อใส้แอมป์เก่าออกใส่ใส้ของตัวเองเข้าไปแทนผมมีไฟล์ .pcb อยู่ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       หลาย ๆ ท่าน คงเคยผ่านหู ผ่านตามาบ้างแล้ว แอมป์ เกนการ์ด (Gaincard) ของ 47 Laboratory เป็นชีพแอมป์ จาก ไอซี เบอร์ 3875 ของเนชั่นเนล (NS) Gaincard ออกแบบโดย Mr.Junji Kimura ชาวญี่ปุ่น เมื่อร่วม ๆ 10 ปี มาแล้ว เจ้าแอมป์ตัวเล็ก ๆ ออกมาสู่ตลาด ด้วยราคา แสนแพง คือ ราคา 3300 US. คิดเป็นเงิน ประมาณ 140,000 บาท เงินบาทเราสมัยนั้น หลายคนคงคาใจว่า อะไรกันหนักหนา ไอซี 3875 ตัวหนึ่ง ราคาไม่กี่ร้อยบาท แต่ 47 Lab เค้าเอาไปทำแอมป์จากไอซีชีพเบอร์นี้ราคาขึ้นไปเป็นหลักแสน ผมว่ายากที่หลายคนจะทำใจ และตัดใจซื้อมาเล่น

ผมว่าน่าจะมาตามหาความจริง ว่า เจ้า แอมป์ชีพ จาก ไอซี 3875 มีดีอะไร ราคาถึงได้หนักหนา จนคนแบบพื้น ๆ อย่าง เรา ๆ ท่าน ๆ จะมีโอกาส ซื้อหามาเล่นมั๊ยชีวิตนี้ หรือจะพอเอาไอซีเบอร์ 3785 เบอร์นี้ มาทำกันเล่น ฟังเพลงให้สบายอารมย์ ดีหรือไม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
       ไม่ได้กัดลายปริ้นท์เองก็นานแล้วนะ
เห็นอย่างนี้แล้วคันมือจังเลย...

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ผมเข้าไปดูข้อมูลไอซีเบอร์ 3875 แล้ว ก็ไม่พบสิ่งที่พิเศษอะไร เป็นไอซีภาคขยายธรรมดา ซึ่งดูกำลังแล้ว น่าสนใจครับ

LM3875
High-Performance 56W Audio Power Amplifier



Features
•56W continuous average output power into 8
•100W instantaneous peak output power capability
•Signal-to-Noise Ratio >95dB (min)
•Output protection from a short to ground or to the supplies via internal current limiting circuitry
•Output over-voltage protection against transients from inductive loads
•Supply under-voltage protection, not allowing internal biasing to occur when |V+| + |V-| <= 12V, thus eliminating turn-on and turn-off transients
•11 lead TO-220 package
•Wide supply voltage range: |V+| + |V-| = 20V to 84V


Description

The LM3875 is a high-performance audio power amplifier capable of delivering 56W of continuous average power to an 8 load with 0.1% THD+N from 20Hz to 20kHz.

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       หากเข้าดูเครื่องจริง ๆ ของ Mr.Junji Kimura ไอซีเบอร์ 3875 ใช้ระหัส PM39AD ผมว่าไม่ต้องไปตามหาไอซี ระหัสนี้กันหลอกครับ เอาเบบที่มีการผลิตโดย NS แท้ ๆ ก็น่าจะพอใจแล้ว ณ ปัจจุบันนี้ ไม่รู้ว่าบ้านเรามีขายหรือไม่ เพราะเท่าที่รู้ว่ามีช่วงหนึ่ง หาซื้อไอซีเบอร์ 3875 กันไม่ได้ ทำให้ นักประดิษฐ์ หรือ นัก DIY บ้านเราเหงามือไปตาม ๆ กัน

แสดงความคิดเห็นย่อย