คำตอบที่ 1
       ผมสงสัยว่าคันที่ใช้ทดสอบเป็นรถสแตนดาร์ดจากโรงงานที่ทำขายเรา หรือเป็นรถที่ปรับแต่งพิเศษเพื่อแข่งขันประหยัดน้ำมันก็ไม่รู้ซี

คำตอบที่ 2
       ไม่เคยทำได้เหมือนกัน

คำตอบที่ 3
       ก็ไม่เคย...เกิน12-14กม./ลิตร เลย เต็มที่แล้ว

คำตอบที่ 4
       ผมลองขับ 80 ก.ม /ช.ม ได้15ก.ม /ลิตร 2500 เทอร์โบ

คำตอบที่ 5
       สคบ ช่วยด้วย!

คำตอบที่ 6
       ของเรา 3.0 DI TURBO ตามเสป็กโรงานได้ประมาณ
22 กิโลต่อลิตร ที่ 60 ก.ม./ช.ม. เเต่เราทำได้สูงสุด17ก.ม. เอง

คำตอบที่ 7
       ดี ดีๆๆ เผื่อจะมีใครมาเห็นเข้า เขาจะได้มาบอกวิธี //

คำตอบที่ 8
       2 คนที่เอามาโคดนาอ่ะ ที่ว่าทำได้อ่ะมาบอกวิธีดิ่ ถ้าอีซูซุมั่นใจว่าเครื่อง 2500ดีดีไอประหยัดกว่ายี่ห้ออื่นน่ะ ถึงคนอื่นขับประหยัดเลียนแบบตัวเลขออกมาก็สู้ไม่ได้หรอกคับถ้าอีซูซุมั่นใจจริงๆนะ...เออแล้วที่น้ำมัน1ถังอ่ะถังกี่ลิตรคับใครรู้ช่วยบอกทีครับยี่ห้ออื่นด้วยนะครับได้มาเปรียบเทียบความจุถังน้ำมันกัน ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำตอบที่ 9
       2 คนที่เอามาโคดนาอ่ะ ที่ว่าทำได้อ่ะมาบอกวิธีดิ่ ถ้าอีซูซุมั่นใจว่าเครื่อง 2500ดีดีไอประหยัดกว่ายี่ห้ออื่นน่ะ ถึงคนอื่นขับประหยัดเลียนแบบตัวเลขออกมาก็สู้ไม่ได้หรอกคับถ้าอีซูซุมั่นใจจริงๆนะ...เออแล้วที่น้ำมัน1ถังอ่ะถังกี่ลิตรคับใครรู้ช่วยบอกทีครับยี่ห้ออื่นด้วยนะครับได้มาเปรียบเทียบความจุถังน้ำมันกัน ขอบคุณล่วงหน้าครับ

คำตอบที่ 10
       TFR54 ปี 93 ทางไกลทำได้แค่ 18 กม./ลิตรครับ

คำตอบที่ 11
       สามารถทำได้ครับ แต่มันจะไม่คุ้มกับอัตราสึกหรอที่เกิดขึ้นนะครับ

วิธีการ
ถ้าท่านใดเคยไปดูการแข่งขันรถประดิษฐ์ของ HONDA ที่เอาเครื่องยนต์ HONDA มาดัดแปลงใส่รถที่ทำขึ้นเอง วิธีที่รถพวกนี้ประหยัดน้ำมันได้ก็เพราะว่า ขณะที่รถวิ่งแล้วความเร็วขึ้นไปประมาณ 30Km/h ผู้ขับขี่จะทำการดับเครื่องยนต์ แล้วปล่อยให้รถนั้นขับเคลื่อนไปเองด้วยแรงเฉื่อย เมื่อความเร็วตกมาที่ประมาณ 22 Km/h ก็จะทำการสตาร์เครื่องแล้วเร่งเครื่องโดยจ่ายน้ำมันลงไปในปริมาณที่สามารถใช้ออกซิเจนภายในกระบอกสูบมาเผาผลาญเชื้อเพลิงได้อย่างหมดจดโดยไม่เหลือออกซิเจนในกระบอกสูบน้อยเกินไป หรือ ไม่จ่ายน้ำมันลงเยอะจนออกซิเจนในกระบอกสูบไม่เพียงพอที่เผาผลาญเชื้อเพลิงได้หมด ซึ่งมีผลจะทำให้กาสันดาป 1 ครั้งได้กำลังงานอย่างเต็มที่ และ คุ้มค่ากับน้ำมันที่เสียไปครับ

ถ้าท่านอยากขับขี่ที่ 20กิโลเมตรต่อลิตร ก็เร่งเครื่องไปที่ความเร็ว 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแล้วทำการดับเครื่องยนต์ ปล่อยให้รถวิ่งไปโดยแรงเฉื่อย พอความเร็วตกลงมาที่ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เยียบคลัช เข้าเกียร์ 5 แล้วทำการสตาร์เครื่องยนต์ พอคลัชให้พอดีกับความเร็วของรถ เมื่อคลัชจับตัวได้ 100% แล้วให้เหยียบคุนเร่งประมาณ 3/5 ของระยะทั้งหมด แล้วพอความเร็วขึ้นไปที่ 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็ดับเครื่องอีกครั้งครับ (จังหวะการปล่อยคลัชและการเหยียบคันเร่งเป็นสิ่งสำคัญนะครับ ห้ามให้เครื่องกระชาก หรือ เลียคลัชมาก เพราะจะกินน้ำมันเพิ่ม

ถ้าทำตามวิธีการที่ผมเขียนไว้นี้รับรองว่าสามารถทำได้ มากกว่า 20 กิโลเมตรต่อลิตร แน่ครับ แต่จะไม่คุ้มค่ากับอัตราสึกหรอในชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องยนต์น่ะครับ เพราะ จะทำให้ แปลงถ่านที่ มอเตอร์สตาทร์สึกหรออย่างมาก มอเตอร์สตาทร์เสียมเร็วเนื่องมาจากมีความร้อนสูง เฟืองที่ติดกับโรเตอร์มอเตอร์สตาทร์ลูดเร็วกว่าปกติ เฟืองขอบ ฟายวิงเสื่อม โซลีนอยส์สวิทย์หน้าสัมผัสเสื่อม และที่สำคัญการสตาทร์นั้นจะส่งผลทำให้แรงดันไฟฟ้ากระตุกไม่คงที่ เพราะมอเตอร์จะดึงไฟฟ้ามาก และขวดลวดสตาร์ จะเกิดการยุบตัวและพองตัวในขณะสตาร์ ส่งผลกระทบต่อชิ้นส่วนต่างๆ ที่ต้องกับระบบไฟฟ้าให้ขณะสตาร์เสื่อนอย่างรวดเร็ว

ถ้าผมลงความเห็นผิดพลาดพลั้งไปก็ขออภัยนะครับ ที่บ้านไม่มีรถ ISUZU เลยมีแต่ TERRANO และ BIG-M (บ้าNISSAN ครับ)

คำตอบที่ 12
       แต่ทาง ISUZU คงไม่ใช้วิธีการที่ผมเขียนไปข้างต้นหรอกครับ ที่เขาทดสอบจากโรงงาน ผมว่าน่าเชื่อถือครับ เพราะถนนที่ใช้ในการทดสอบคงจะเป็นถนนที่ทำขึ้นสำหรับการทดสอบเป็นอย่างดี พื้นน่าจะเรียบมากๆ และ อาจจะทำถนนโดยผสมยางมะตอยมากๆ แล้วทำการขัดผิวหน้าจนรียบเพื่อลดแรงเสีดทานของยางกับพื้นถนนครับส่วนคนขับก็ต้องเจ๋งจริงด้วยครับ

แต่ที่ผมว่ามันไม่น่าเชื่อก็คือที่ขับจากเชียงใหม่ถึง สมัยโกลก(ไม่รู้สะกดถูกเปล่า) "น้ำมันหนึ่งถังยังเหลือ"

โครตพ่อโคตรแม่รถประหยัดน้ำมันต้องISUZU D-MAX SUPER COMMONRAILสายสายพันธ์แท้ ย้ำ COMMONRAILสายสายพันธ์แท้ แต่ระบบจ่ายน้ำมันต้องซื้อจากผู้ผลิตอื่น (อันนี้ล้อเล่นนะครับ 5 5 5 อย่าซีเรียดนะครับ)

ตอนที่ทดสอบนั้นไม่มีสติกเกอร์ป้องกันการปรับเปลี่ยนที่กุญแจรถ ไม่รู้ใช้วิธีการข้างต้นที่ผมบอกไปหรือเปล่า ถึงทำก็ไม่ได้ผิดกฎหมายฐานโฆษณาเกินจริงอยู่ดี

แต่ผมเชื่อว่าทาง ISUZU ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของรถกระบะไทย เขาไม่ใช้วิธีการที่ผมเขียนไว้ข้างต้นหรอกครับ เขาก็ต้องกลัวบริษัทเสื่อมเสียครับ เพราะ ถ้ายี่ห้อไหนใช้วิธีการแบบนี้แล้วมาโฆษณาว่าประหยัดน้ำมันโดยไม่บอกคนซื้อว่าใช้วิธีการขับขี่ยังไง ก็ถือว่า ยี่ห้อนั้น "หน้าตัวเมีย" สุดๆแล้วครับ

คำตอบที่ 13
       สุไหงโกลก ครับ !!! ISUZU DMAX 3.0 Di Turbo เต็มถังที่ 76 ลิตรครับ

คำตอบที่ 14
      

คำตอบที่ 15
       ไม่รู้ว่า76ลิตรเขาวัดกันตรงไหนแค่หัวจ่ายตัดหรือเปล่าเคยเติมเต็มแค่หัวจ่ายตัดแล้วชื้อมาอีก10ลิตรใส่แกลลอนแล้วเอามาอัดเข้าถังอีกที่บ้าน(บ้านกับปั้มใก้ลกัน)เชื่อมั้ยครับได้อีกเกือบๆ8ลิตร

คำตอบที่ 16
       ขอข้ามเว็บหน่อยนะครับ ของเพื่อนผมไปด้วยกันวิ่งเท่ากัน 13.6 กม./ลิตรครับ

คำตอบที่ 17
       อย่าไปซีเรียสกับสถิติเลยครับ ก็เหมือนกับสถิติการแข่งขันอื่น การขับแข่งเค้าก็มีเทคนิคการขับ มีข้อกำหนดมากมาย ไม่เหมือนการขับในชีวิตประจำวันที่ต้องแข่งกับเวลาหรอกครับ

คำตอบที่ 18
       ขับลงเขา แล้วลองวัดดู

คำตอบที่ 19
       ไอ้ที่เขาบอกว่าทำได้20กว่ากิโลลิตรอ่ะคับเท่าที่ผมเคยรู้มาเขาทดลองจากการใช้รถเดิมๆนี่อ่ะคับแต่ทางบริษัทเค้าจะมีห้องทดลอง เรียกภาษาชาวบ้านว่าห้องทรมานรถน่าจะดีกว่าคือทดลองทุกอย่างเกี่ยวกับรถตั้งแต่การชน การแงะ การทดสอบต่างๆ และที่เค้าบอกว่าทำได้คือเอารถมาขึงบนแท่นคล้ายๆแท่นไดโน(แท่นวัดแรงม้ารถ)แล้วลองให้รถวิ่งที่ความเร็วต่างๆเพื่อหาอัตราการบริโภคของน้ำมันเชื้อเพลิงที่ประหยัดที่สุดแล้วก็ตัวเลขมาบอก ซึ่งจริงๆแล้วไม่น่าจะทำได้บนถนนจริง

คำตอบที่ 20
       น่าจะลองให้ผู้ที่ชนะเลิศการทดสอบขับรถประหยัดน้ำมันกับอีซูซุมาขับรถของเราบ้างตามระยะทางที่ใช้แข่งขัน..อยากรู้จริงๆ ว่าเขาจะขับรถเราให้ประหยัดน้ำมันแบบนั้นได้รึเปล่า อยากรู้จริงๆ (เพราะเราเคยขับแบบประหยัดสุดๆแล้ว แต่ทำไม่ได้ตามสถิติที่เขาทำมา)

คำตอบที่ 21
       ของผมเคยขับทางไกลนะ(ย้ำว่าทางไกล ประมาณ 600 โล)บางทีได้ 24 โลลิตร บางทีก็ได้ 21 โลลิตร แต่พอขับไกล้ ๆ (ประมาณ 200 กว่า โล) ได้ประมาณ 16-17 โลลิตร ความเร็วที่ใช้ก็ 70-110 บางทีอาจมี 140-170 บ้าง(แก้ง่วง) วิธีขับของผมก็เร่งตามปกติ(รอรอบเครื่อง)แล้วก็ผ่อนคันเร่งให้เครื่องไหลไปตามแรงเฉื่อย(เครื่องมันจะมีแรงบิดของมันอยู่แล้วแค่เร่งส่งเป็นระยะ ๆ ก็พอ แต่ไม่ใช่เบิ้ลเครื่องหรือแช่คันเร่งนะคับ) รถที่ใช้ก็ Hi-lander 4 ประตู ไม่ได้บรรทุกหนัก เส้นทางที่ใช้ก็สายขอนแก่น-เมืองเลย-นาแห้ว คับผ้ม (ใครที่เคยมานาแห้วคงรู้ดีว่าถนนหนทางเป็นเช่นไร คดเคี้ยว ลาดชันแค่ไหน) การเติมน้ำมันก็ขย่มรถเพื่อไล่ลมจนเต็มถังทุกครั้งจนบางครั้งโดนเมียที่นั่งอยู่ในรถด่าเอาว่าเวียนหัวโยกรถอยู่ได้ เดี๋ยว...(ไม่จ่ายตังค์ค่าน้ำมัน)...ซะเลย เพราะที่เติมน้ำมันอยู่ด้านผู้โดยสารนี่หว่า
***หมายเหตุ...ที่เล่าสู่กันเนี่ยเป็นนิสัยการขับขี่ส่วนตัวนะคับ อย่าได้เหมาเอาไปรวมกับนักขับท่านอื่นเชียว ลองทำตามได้แต่อาจจะไม่ได้ผลเหมือนกัน ใครมีอะไรดี ๆ ก็มาเล่าสู่กันนะคับ แต่ตอนนี้ผมมีปัญหาอยู่อย่างคือสังเกตุว่าเติมเต็มถังแล้วเกจ์น้ำมันไม่ขึ้นจนถึงขีด Full ง่ะ ทำไงดี

คำตอบที่ 22
       ขับอยู่ แถว ตจว. ประจำเส้นทาง ถ.เพชรเกษม ขับแบบสามัญชนปกติธรรมดาครับ เจอไฟแดง3-4แยกต้องจอด มีคนข้ามถนนก็เบรก 10ล้อหรือรถขับช้าก็แซง รถวิ่งรีบวิ่งเร็วก็หลบให้ ถนนว่างๆวิ่งประมาณ100 อย่างเร็วก็120 เพราะมักมีตรวจจับความเร็ว ทำได้ประมาณ10กม./ล.น้ำหนักบรรทุกคนนั่ง1คน 2คนรวมคนขับ และน้ำหนักสำภาระอีกไม่เกิน10กิโล กับรถเวก้า 2.8t Auto ปี1999 เดิมๆดูแลรถปกติเข้า0ตามระยะ ยาง BF All 30"..

คำตอบที่ 23
       ขอเรียนทุกท่านที่สงสัยเกี่ยวกับการแข่งประหยัดของอีสุว่า ทำได้จริง แต่ต้องใช้เทคนิคมากมายหลายสิบปัจจัยเป็นตัวช่วย ไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกครั้งของการแข่งขันมีกฎกติกาเข้มงวดยิ่งกว่ากฎหมายเสียอีก แถมยังมีกรรมการคอยประกบ ตรวจสอบชนิดไม่คลาดสายตาตั้งแต่เริ่มสตาร์ทจนสิ้นสุดการแข่งขัน เช่นห้ามหยุด ห้ามจอดเด็ดขาด ห้ามปรับแต่งเครื่องยนต์ ทุกอย่างต้องเป็นสเปคจากโรงงาน เวลาออกกับเข้าถูกกำหนด ขาดไม่ได้ เกินไม่ได้ ห้ามเอาอะไรเข้าไปในรถแม้กระเป๋าเสื้อผ้าก็ไม่ได้ ส่วนผู้เข้าแข่งจะใช้เทคนิคอะไรก็เรื่องของเขาที่ไม่ผิดกติกา ที่ทำๆกันพอเปิดเผยได้ก้อ เช่นเติมลมยาง110 ใช้นำมันเครื่องเบอร์0-50 ใส่80%(ไม่เต็ม) เปลี่ยนนำมันเฟืองท้ายและใส่80% ล้างท่อไอเสีย ถ่างแป้นเบรคและใช้จารบีทา ใช้คามเร็วให้คงที่ที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ นำมันเติมหัวเชื้อ เท็คนิคเติมนำมันให้ได้มากที่สุดคือเขย่าๆๆๆ(เขย่าแต่ละที เติมนำมันได้อีกเป็นลิตร) พยายามปิดทางเดินแอร์ให้เหลือน้อยที่สุด(เขาห้ามปิดแอร์ โดยปิดสติ๊กเกอร์ห้ามแตะต้อง) ลงเขาดับเครื่อง ปิดกะบะท้ายไม่ให้ลมปะทะฝากะบะ พับหูช้าง และ ฯลฯ ผมเข้าแข่งมาทุกครั้ง ติดอันดับต้นๆทุกครั้งแต่ยังไม่เคยได้ที่1 ผู้เข้าแข่งที่ได้อันดับบ๊วยๆยังทำสถิติเกือบ30กม./ลิตร ที่ได้ที่1 ราว 50กม./ลิตรครับ

คำตอบที่ 24
       สวัสดีครับ คุณ คำตอบที่ 23

ไอ้ที่เขาแข่งขันประหยัดน้ำมันกันถ้าเติมน้ำมันเครื่อง 80% อย่างที่ว่านั้น แบบนี้ถ้าเวลาวิ่งขึ้นเขาชั้นๆน่ะครับ เพลาข้อเหวี่ยงของลูกสูบต้นๆจะได้น้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงทั่วถึงหรือครับ
อุดท่อแอร์เอาไว้เพื่อที่จะให้อากาศไหลผ่านแผงเย็นให้น้อยที่สุดเพื่อที่ว่าคอมเพรสเซอร์แอร์จะได้ไม่ทำงานบ่อยแล้วแบบนี้คนในรถจะมีอากาศหายใจหรือครับ
เติมหัวเชื้อนี่ เป็นหัวเชื้ออะไรหรือครับอะไรหรือครับ เป็นหัวเชื้อเพื่อหล่อลื่นหรือเพื่อประสิทธิภาพในการจุดระเบิดให้รุนแรงขึ้นครับ
พับหูช้างก็โดนตำรวจจับสิครับ (กระจกมองหลังจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นรถที่มาทางด้านหลังได้ง่ายและชัดเจน)


ผมว่าสรุปตามความคิดของผมนะครับ เติมน้ำมันเครื่องน้ำมันเฟืองท้ายไม่ถึงเกณฑ์ อัตราการสึกหรอสูง อุดทางเดินแอร์ให้อากาศไม่ไหลผ่านแผงเย็น แบบนี่นอกจากคนบนรถไม่มีอากาศแล้วยังมีผลทำให้ความชื้นในแผงเย็นสูงทำให้สึกหรอเร็ว (แต่อันนี้เป็นผลระยะยาว)

เอาจารบีไปทาที่แป้น เพื่อเวลารถขับเคลื่อนจะได้แรงเสียดทานน้อยลง แล้วเวลาต้องเบรคนี่มันไม่โคตรอัตรายเลยหรือครับ เวลาเบรคระบบเบครจะทำการไบอัสBIOSเบรคทั้ง 4 ล้อให้อยู่ในภาวะสมดุลย์ นี่เล่นเอาจารบีไปทาแต่การBIOS ของระบบมันไม่รู้หลอกครับว่า ตรงนี้ทาจารบีหรือเปล่า ตรงนี้จารบีเข้าไปแทรกน้อยBIOSแรงดันไปไม่ต้องมาก ตรงนี้จารบีเข้าไปแทรกมากBIOSแรงดันต้องมาก แล้วถ้าขับมาที่ความเร็ว 150 Km/h แล้วต้องการเบรคในระยะที่สั้น แบบนี้มันชิบหายกันหมดหรือครับ
แล้วไอ่ที่หัวเชื้อนั่นเติมกี่กระป๋องหรือครับ กระป๋องเท่าไร แบบนี้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเดินทางสูงวืดวาดแน่นอนเลยครับ
ที่ปิดกระบะท้ายนี่ก็ปาเข้าไปครึ่งหมื่นได้กะมั่ง แต่ถ้าเทียบผลช่วยประหยัดนั้นมันผลน้อยผมว่าเอาเงินครึ่งหมื่นไปต่อทุนเติมน้ำมันดีกว่าครับ และอีกอย่างรถกระบะไม่ใช่รถเก๋งนะครับ ขึ้นชื่อว่ากระบะแต่กลับปิดกระบะแบบนี้มันแปลกๆนะครับ ว่าไหม
พับหูช้าง....หูช้างมีไว้เพื่อมองหลังให้ทัศนะวิสัยดีในการมองหลังดีขึ้น แต่กลับมาถูกพับเก็บ แบบนี้ไม่ต้องติดมาจากโรงงานเลยดีกว่าครับแล้วคืนเงินให้ลูกค้าเพื่อที่จะเอาเงินไปต่อทุนเติมน้ำมัน
ลงเขาดับเครื่อง แล้วเบรครถจะทำงานอย่างไรล่ะครับ (สงสัยจะต้องใช้ 2 เท้าเหยียบ) ถ้าใช้เบครมือ เบครต้องไหม้แน่ๆครับ หรือว่าใช้เครื่องช่วยเบรคก็จะต้องลงเกียร์ต่ำแล้วเลียคลัช แบบนี้คลัชสึกหรอหมดอาจไหม้ด้วย หรือว่าปล่อยไหลลงมาเลยครับ แบบนี้ทางชั้นๆ ความเร็วมันไหลไปได้มากกว่า 100กิโลเมตรต่อชั่งโมงนะครับ ถ้ามีเหตุสุดวิสัยเกิดขึ้นก็เรียบร้อยครับ
เติมลมยาง 110PSI แบบนี้อันตรายโคตรเลยนะครับ ทำให้แรงเสียดทานของยางลดลงไปมากครับ ในการทดสอบนั้นคุณไม่ได้บรรทุกใดๆทั้งสิ้นนะครับถึงแม้ว่ารถที่บรรทุกจะต้องเติมลมยางๆที่ประมาณ 60PSIในขณะรถเปล่าๆถึงแม้จะบรรทุกของหนักเป็นตันแล้วแต่ลมยางนั้นก็ยังไม่สูงถึง 110PSIเลย แบบนี้เวลาขี่ปกติแล้วเบรคนี่ล้อมันไม่ตายก่อนหรือครับ

อันนี้เป็นความคิดเห็นของผมนะครับไม่ได้เกี่ยวข้องหรือว่าร้ายใครทั้งสินครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบที่ 25
       ขอแสดงความเห็นอีกหน่อยนะครับ กระแข่งประยัดน้ำมัน ควรจัดแข่งประหยัดแบบการใช้งานปกติในชีวิตประจำวันที่ใช้กันจริงๆ เช่นสมมติว่าแข่งประยัดน้ำมัน จากกทม.ไประยอง ระยะทาง200กม. โดยกำหนดเวลาไม่เกิน5ชม. จุดเริ่มต้นให้รถที่เข้าแข่งขันเติมน้ำมันเต็มถังแบบที่ทำกันแล้วใชสติกเกอร์ปิด(ห้ามแกะแบบได้มาตรฐาน) พอไปถึงจุดสิ้นสุดก็วัดกันเลย วิธีการขับขี่ผู้เข้าแข่งขันหาเทคนิคเอาเอง แต่ขอให้ขับรถไปยังจุดสิ้นสุดก่อนเวลาที่กำหนดจริง โดยมีกรรมการกำกับดูแลตลอดเส้นทาง..

ลักษณะคล้ายกับการแข่งขันเรลลี่ แต่ไม่มีการหา rc และนี้คือจะไม่ต่างจากการใช้งานจริงมากนัก ผลที่ได้อาจจะไม่แย้งความเป็นจริงไปมาก ผมไม่ทราบว่าค่ายอื่นๆเขาทำกันอย่างไร แต่ถ้าเป็นแบบที่ผมว่า ดูจะตรงไปตรงมามากที่สุดนะครับ และอาจจะเพิ่มยอดขายให้ยี่ห้อนี้มากขึ้นก็ได้นะครับ.. เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ถ้าไม่ตรงใจท่านไดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย.. หรือท่านอื่นคิดเห็นกันอย่างไรครับ..

คำตอบที่ 26
       ขอแก้คำตอบที่ 25 ครับแก้คำว่า BIOS เป็น BIAS ทกคำเลยครับ

ขอบคุณครับ

คำตอบที่ 27
       เติมลมยาง 60 ปอนด์ทั้ง4ล้อ

คำตอบที่ 28
       คห24 ตั้งข้อสังเกตมานั้นก้อถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด นี่เป็นขบวนการแข่งขันครับ เฉพาะเพื่อการแข่งขันเท่านั้น รถทุกคันต้องติดสต๊กเกอร์ให้รถอื่นๆที่ร่วมทางรู้ว่านี่คือการแข่งขัน มีรถตำรวจให้บริการให้ความสดวก ผ่านท้องที่ไหนทางบริษัทผู้จัดแข่งขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ทุกท้องที่ ตามแยกต่างๆ เรื่องนำมันเครื่องเติมไม่เต็มเพราะไม่ต้องการให้เครื่องทำงานหนัก ความจริงผมเคยเติมแค่60%เท่านั้น จารบีก็เหมือนกันรถไม่ได้ใช้ความเร็วถึง150อย่างที่คุณว่า ไม่มีผลหรอกครับ ทั้งหลายทั้งปวงนั้นใช้เฉพาะตอนแข่งแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น เรื่องแอร์สมัยแรกๆ ทุกคนปิดแอร์กันหมด นั่งขับเหงื่อท่วมตัวยิ่งกว่าอาบนำ ไม่เห็นมีใครเป็นไร ทางผู้จัดเขาจัดของกินของใช้ นำแข็งเครื่องดื่มเป็นถุงยังชีพให้ กินใช้กันพุงกางแข่งเสร็จยังใช้ไม่หมดครับ ที่เปิดเผยมานี่ยังไม่ถึง50%เลยครับ เพราะส่วนใหญ่ก็ปกปิดเทคนิคส่วนตัวกันทั้งนั้นเพื่อ ชนะอย่างเดียวแล้วหายเหนื่อยกับรางวัล ของแจก ของแถม เป็นพรีเซนเตอร์ เป็นแสนๆครับ บางคนออกรถใหม่ทุกครั้งที่ลงแข่ง แต่ทั้งหลายทั้งปวงนี่เอามาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ได้ครับ

คำตอบที่ 29
       อ่านมาตั้งแต่ต้น สรุปได้ว่า ถ้าใช้ตามปกติประจำวัน ขับอย่างไรก็ไม่มีทางถึง 20 กม แน่นอนใช่เปล่าครับ
เคยอ่านเจอในหนังสือป้ายแดงเมื่อต้นปี48 คนเขียนบทความเขาขับ Honda Jazz จากกรุงเทพ ไปเชียงใหม่ นั้ง 2 คน เปิดแอร์ ฟังวิทยุ + เสื้อผ้าไปค้างแรม ขับ 90-110 กม ทำได้ 22 กม กว่าๆ ครับ (ไม่รู้ใช้เทคนิคอะไรหรือเปล่า) ญาตใช้ Vios วิ่ง ตจว. ทำได้ประมาณ 14-15 กม

คำตอบที่ 30
       ขอลาออกจากสมาชิกครับ เพราะผมไม่เคยไปร่วมกิจกรรมและไม่ไปลาวครับ

คำตอบที่ 31
       ลบชื่อออกให้เรียบร้อยแล้วค่ะ คุณมะนาว สบายใจได้ค่ะ