จาก Tak IZU 034
อาทิตย์ที่ , 16/9/2550
เวลา : 13:36
อ่าน = 1090
124.120.19.150
|
ข่าวสารนี้มีสาระ จะต้องบอกต่อค่ะ
ขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริง 1 รายให้เข้าใจ เพื่อที่จะได้แนะนำวิธีป้องกันต่อไปในช่วงท้าย
ประชาชนส่วนใหญ่จะไว้ใจธนาคารเต็มที่ ซึ่งความจริงก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่ผลไม่ใช่เช่นนั้น
นำมาจากความจำ(จึงไม่ขอยืนยันในความถูกต้องทุกกรณี แต่เป็นกรณีศึกษาได้อย่างดี)ที่ดูรายการเรื่องเด่นเย็นนี้
สืบเนื่อง จากบังเอิญได้ดูข่าวคุณสรยุทธ์ (ความจริงนานๆจะดูซักครั้งเพราะไม่ชอบเท่าไร)เมื่อ เย็นวันที่ 7 กันยายน 2550 และเราเองก็เคยทำงานธนาคารมาระยะหนึ่ง ขอแบ่งปันแนวคิดเพื่อป้องกันด้วยตัวเอง อย่าหวังว่าธนาคารเขาจะช่วยเราได้(ทุกธนาคารเหมือนกันหมด) ท่านต้องช่วยตัวเองก่อน ต้องทำอย่างไรจะกล่าวไว้ในคำแนะนำช่วงท้าย
ผู้หญิงคนหนึ่ง อยู่หาดใหญ่ไปทำจำนองบ้านกับธนาคารกรุงเทพฯสาขาหาดใหญ่เพื่อนำมาใช้หมุนเวียนทางธุรก
ิจและใช้หนี้ 500,000 บาทประมาณเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา วันถัดมาตรวจดูก็ยังมีเงินครบถ้วน 5 แสนกว่า จึงวางใจ จากนั้นอีกอาทิตย์กว่า หลังจากได้รวบรวมเงินอีกจำนวนหนึ่งที่ได้มาจากการทำการค้า ก็จะนำไปเข้าบัญชีรวมกับเงินที่กู้ธนาคารมา เพื่อนำไปชำระหนี้ทางการค้า ปรากฎว่า มีเงินเหลือในบัญชี เพียง 200 บาท
คงไม่ต้องบอกถึงความรู้สึกนะครับว่าเป็นอย่างไร แค่หน้ามืดเป็นลมล้มลง ก็เท่านั้นแหละครับ น่าเห็นใจจริงๆ
หลังจากนำเงินเข้าบัญชีเรียบร้อย ก็สั่งอายัดบัตร ATM ของตัวเองทันที พร้อมทั้งทำเรื่องขอให้ธนาคารตรวจสอบและอธิบายด้วย จากนั้นก็โทรไปหาสามีของตนที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ว่า คุณ ตั้งสติให้ดีนะ เราล้มละลายแล้ว เงินที่จำนองมา 500,000 ขณะนี้เหลือเพียง 200
ต่อมา ธนาคาร(เข้าใจว่าสำนักงานใหญ่)ส่งหนังสือชี้แจงพร้อมทั้งรายละเอียดการถอนเงิน พอสรุปได้ดังนี้
1. มีผู้โทรถึงธนาคารขอเปลี่ยนแปลงวงเงินถอน เป็น 500,000 ซึ่งในการนี้เขาก็ให้รหัสถูกต้อง ธนาคารจึงดำเนินการให้
2. ในเวลาต่อมา มีผู้ถอนเงินโดยใช้ ATM จากตู้ของสาขาต่างๆ 4 สาขา ครั้งละ 25,000 รวมสาขาละ 125,000 บาท เงินจึงเหลือ เพียง 200
3. ในหนังสือนั้น ธนาคารยังกล่าวว่าธนาคารมีความเห็นใจท่าน และหวังว่าท่านยังจะใช้บริการของธนาคารต่อไป (นี่คือการปฏิเสธความรับผิดชอบ-อยากได้ฟ้องเอาเอง ซึ่งก็คงแพ้ธนาคาร)
4. เจ้าของบัญชีก็สงสัยว่าใครเป็นผู้โทรไปขอเปลี่ยนแปลงวงเงิน รวมทั้งยังมีข้อสงสัยอื่นอีก ทางสาขาแนะนำให้ไปติดต่อที่สำนักงานใหญ่
5. เธอก็ไปที่ สนง.ใหญ่ แต่ไม่มีผู้ยอมรับเรื่องแม้แต่รายเดียว บ้างก็อ้างว่าติดประชุม ต่างๆนานา
6. เมื่อพึ่งธนาคารไม่ได้ เธอก็กลับหาดใหญ่ไปแจ้งความ แล้วก็ขอหารือตำรวจว่ามีทางใดจะรู้ว่าใครเป็นผู้โทรไปที่ธนาคารเพื่อแจ้งขอเปลี่ยนแป
ลงวงเงิน พ.ต.อ.ท่านหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ มีน้ำใจดีมาก ขอสรรเสริญท่านด้วยใจจริง เพราะไม่บ่อยนักที่จะได้พบตำรวจที่ดีงามมากๆ
7. ตำรวจอาศัยอำนาจที่มีอยู่รีบดำเนินการ ไม่กี่วันถัดมา(ถ้าจำไม่ผิด แค่ 3 วัน)ก็ได้ผล ได้เบอร์โทร (จากการนำเวลา การโทรติดต่อเข้าธนาคารในเวลาที่ธนาคารแจ้ง)
8. เบอร์โทรเป็นมือถือแบบเติมเงินจึงไม่ทราบชื่อ(ทั้งที่เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีประกาศให้ม
ือถือเติมเงินทุกรายต้องจดทะเบียนไว้ด้วยเพื่อป้องกันระเบิดที่จุดชนวนด้วยมือถือ) เมื่อตำรวจขยายผลต่อไป ก็มีรายละเอียดเพิ่มเติม ว่า เบอร์เดียวกันนั้นยังโทรไปอีกหลายธนาคาร ในหลายจังหวัด ตั้งแต่เหนือจรดใต้ คนร้ายรายนี้จึงได้เงินไปมากโขแน่นอน
9. หญิงเคราะห์ร้ายรายนี้ทำได้เพียงเท่านี้ และเธอก็คงไม่มีทางได้รับเงินคืน
ข้อสังเกตุ
1. ทำไม คนร้ายจึงรู้รหัส ATM
2. คนร้ายใช้ ATM ทำปลอมได้อย่างไร
ความจริงอยากจะอธิบายแต่จะมีข้อความให้อ่านอีกมาก ขอสรุปสั้นๆว่า
1.สามารถทุจริตกันได้เพราะเครือข่าย ATM นั้น สามารถเบิกถอนกันได้ทุกธนาคาร จึงไม่มีธนาคารไหนรับผิดชอบโดยตรง
2.ปัจจุบันมีเครื่องมือทันสมัยมากสำหรับแทปข้อมูลในขณะที่เราใช้ ATM เช่นเครื่อง สกริมเมอร์ มีความสามารถดูดข้อมูลจาก ATM ของคนอื่น โดยเพียงแต่นำเครื่องเข้าใกล้กับผู้ที่กำลังทำรายการ ATM อยู่ เช่น ซ่อนเครื่องไว้ในถุงยืนอยู่ด้านหลัง เพียงเท่านี้เขาก็ได้ข้อมูล แล้วขั้นตอนต่อไปก็ไม่ยาก คือไปทำ ATM ใหม่ปลอม ซึ่งก็จะใช้ได้เช่นเดียวกับ ATM จริง
ข้อแนะนำเพื่อป้องกัน หรือลดความสูญเสียที่ควรทำ
1. ถ้าคิดว่าทำได้ อย่ามีบัตร ATM
วิธีนี้ทำได้ยาก แต่ถ้าทำได้ แล้วเงินในบัญชียังหายไป ก็คือหายที่ธนาคาร ถ้าเราไม่ได้ไปเขียนใบเบิกเงิน ไม่ใช่ลายมือชื่อของเรา ธนาคารต้องรับผิด
2. ถ้าจำเป็นต้องมีบัตร ATM
ขอให้เปิดบัญชีซ้อนอีก 1 บัญชี โดย บัญชีที่ 2 ต้องไม่ทำบัตร ATM แล้วก็พิจารณาว่าบัญชีที่มีบัตร ATM ควรมีเงินในบัญชีเหลือไว้เพียงพอใช้ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เงินส่วนเที่เหลือไว้ที่บัญชีไม่ใช้บัตร ATM
ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า
1. ท่านฝากเงินไว้ที่ธนาคาร เงินนั้นไม่ได้อยู่ในมือของท่านแล้ว
2. ตัวอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเหมือนกับ เสือ-สิงโต(คนร้าย) ที่ล่าเหยื่อ มี่สัตว์(เหยื่อ)ให้ล่าไม่รู้หมด เราเป็นเหยื่อ ไฉนเลยจะต่อกรกับเสือ-สิงโต ได้ เป็นวัฏจักร์อย่างนี้มานาน และก็คงเป็นอย่างนี้อีกต่อไป
3. หมั่นสร้างความดี สร้างบุญกุศลไว้มากๆ น่าจะช่วยได้บ้าง อย่างน้อยเวลาหมดตัวก็สามารถทำใจได้ เพราะมันเป็นกรรมของเราเอง
|
