จาก IZU377
พฤหัสบดีที่ , 14/2/2551
เวลา : 17:30
อ่าน = 21205
61.47.25.66
|
ที่มาครับ : http://www.grandprixgroup.com/new/magazine/yuadyan/detail.asp?Detail_Id=4704&Column_Name=Market
หนังสือพิมพ์ยวดยาน : Market
ฉบับที่ 230
ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2551
ISSN : 1686-4719
ราคา : 20 บาท
ทาทา ซีนอน ราคาย่อมเยาว์
บรรณาธิการ : กองบรรณาธิการ
ช่างภาพ : กองบรรณาธิการ
ทาทา มอเตอร์ส ขอแจ้งเกิดในไทย พร้อมเผยโฉมรถกระบะรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศอย่างเป็นทางการในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2008 ใช้ชื่อ ทาทา ซีนอน (TATA XENON) พร้อมเครื่องดีเซลคอมมอนเรลบล็อกใหม่ 2.2 ลิตร 140 แรงม้า เป็นตัวธงในการทำตลาด หวังสร้างความแตกต่างด้วยกลยุทธ์ด้านราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่ง ตั้งเป้าขอแชร์ตลาด 3-5% พร้อมอาศัยกรอบอาฟต้า-เอฟทีเอใช้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก
นับถอยหลังอีกเพียงเดือนเศษๆ รถยนต์สัญชาติอินเดียน ยี่ห้อ ทาทา ที่จะเปิดตัวบุกตลาดไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยการส่งรถกระบะเป็นโมเดลแรกในการทำหน้าที่เป็นหัวหอก หลังจากได้มีการเตรียมงานมาประมาณหนึ่งปี ทั้งเรื่องของไลน์ผลิตที่ใช้โรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์เป็นฐานผลิต ในฐานะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับทาทาในไทย พร้อมกับเซ็ตองค์กรและทีมงาน รวมถึงซุ่มวางแผนและศึกษาตลาดมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด แหล่งข่าวในวงการยานยนต์เปิดเผยว่า ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) เตรียมที่จะนำรถกระบะรุ่นประกอบในประเทศไทยมาทำการทดสอบก่อนที่จะออกเผยโฉมอย่างเป็นทางการในช่วงงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 29 นี้ ซึ่งรถกระบะที่จะเปิดตัวคาดว่าจะใช้ชื่อ ทาทา ซีนอน (TATA XENON) ที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีเกือบทั้งหมด มาจากรุ่นต้นแบบ ทาทา สปรินท์ (TATA SPRINT) ซึ่งรถกระบะที่ทำตลาดจะมีทั้งแบบมาตรฐาน มีแค็บ และดับเบิลแค็ป พร้อมเครื่องยนต์ที่มีให้เลือกทั้ง 2.2 และ 3.0 ลิตร
ส่วนเครื่องยนต์ที่คาดว่าจะเป็นตัวทำตลาดในไทย จากเดิมที่บริษัทได้วางแผนจะติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่จะทำตลาดในอเมริกาใต้ คือ เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร DICOR (Direct Injection Common Rail) ให้กำลังสูงสุด 115 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบ/นาที
แต่ล่าสุดได้มีการปรับแผนใหม่ เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคชาวไทยเปลี่ยนไป จะเห็นได้จากตัวเลขยอดขายรถกระบะในปัจจุบัน สัดส่วนของเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ดังนั้นจึงคาดว่ารถกระบะของทาทาที่จะทำตลาดในไทย น่าจะเป็นเครื่องยนต์บล็อกเดียวกับที่ใช้ในยุโรป รวมถึงชื่อรุ่นทำตลาด ซีนอน ด้วย โดยได้วางแนวคิดการทำตลาดรถกระบะทาทา ด้วยชูความแตกต่างไปจากรถกระบะทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นตัวผลิตภัณฑ์ แผนการทำตลาด การวางตำแหน่งสินค้า กิจกรรมส่งเสริมการขาย และการกำหนดทิศทางให้กับผู้แทนจำหน่าย ขณะที่สมรรถนะและความคุ้มค่าจะไม่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ของค่ายยักษ์ใหญ่แต่อย่างใด
และนี่จึงเป็นเหตุผลให้ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย พลิกแผนชูเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็กเป็นหัวหอกในการทำตลาด ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้จะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลบล็อกใหม่ล่าสุด ขนาด 2.2 ลิตร แต่ให้กำลังสูงสุดถึง 140 แรงม้า
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสนนราคาของรถกระบะทาทายังไม่มีการเปิดเผยจากแหล่งข่าวแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าจะอยู่ในอัตราที่เหมาะสม คุ้มค่าต่อการจ่ายเงินของผู้บริโภคชาวไทย โดยคาดว่าราคาจะต่ำกว่ารถกระบะที่มีอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากมีต้นทุนที่ต่ำในการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ โดยเฉพาะเหล็กที่ทาทาเป็นเจ้าใช้เหล็กผลิตในประเทศมาทำตัวถัง และชิ้นส่วนต่างๆ เพราะกลุ่มทาทาประเทศอินเดียได้เข้ามาซื้อธุรกิจเหล็กรายใหญ่ในไทย มิลเลนเนียม สตีล หรือเอ็มเอส และได้มีการลงทุนเพิ่มอีกรวมแล้วกว่า 36,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถรีดเหล็กได้แบบครบวงจร
แต่ถึงกระนั้น ราคาของรถกระบะทาทาจะไม่ต่ำกว่าตลาดมากนัก เพราะคุณภาพในการผลิต รวมถึงเทคโนโลยีที่นำมาใช้ ไม่แพ้กับรถญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกาแต่อย่างใด
อนึ่ง นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เคยกล่าวถึงแผนงานของบริษัทไว้ว่า การที่ทาทา มอเตอร์สได้เข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตรถกระบะขึ้นในประเทศไทยนั้น ถือเป็นการเข้ามาเติมเต็มให้กับตลาดในประเทศไทย แม้ว่าสัดส่วนการจำหน่ายกว่า 75% จะเป็นของบริษัทรถยนต์รายใหญ่ 2 ราย แต่บริษัทมองว่า ยังมีพื้นที่อีกกว่า 25% ที่บริษัทจะมีโอกาสทางธุรกิจ
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีส่วนแบ่งในตลาดรถกระบะในระยะแรกไว้ประมาณ 3-5% หรือประมาณ 12,000 คัน นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าที่จะใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถกระบะเพื่อส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน อินเดีย และออสเตรเลีย ภายใต้สิทธิพิเศษของกรอบการค้าเสรีอาเซียน และเอฟทีเอระหว่างไทย-อินเดีย และไทย-ออสเตรเลียด้วย โดยบริษัทมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 คันต่อปี
ส่วนความคืบหน้าในด้านการสร้างเครือข่ายและตัวแทนจำหน่ายนั้น เนื่องจากบริษัทต้องการมุ่งเน้นในด้านการผลิตรถยนต์และโรงงานก่อน ดังนั้นในส่วนของตัวแทนจำหน่ายขณะนี้บริษัทได้มีการเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมดำเนินธุรกิจ ซึ่งมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็น "ดีลเลอร์" มากกว่า 50 ราย ซึ่งบริษัทตั้งเป้าว่าจะต้องมีโชว์รูมทั่วประเทศอย่างน้อยจังหวัดละ 1 แห่ง
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของ ทาทา จะเกิดขึ้นได้หรือไม่ ก็อยู่ที่ว่าจะถูกใจผู้บริโภคชาวไทยได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งคงจะได้พิสูนจ์กันในอีกในนานนี้

|