จาก ละอ่อน
พุธที่ , 1/10/2551
เวลา : 19:44
อ่าน = 885
123.99.60.27
|
ทหารพรานที่กำลังเผชิญหน้ากับทหารกัมพูชาขอร้องทุกข์กับประชาชนคนไทย....
ทหารพรานนายหนึ่งซึ่งวางกำลังเผชิญหน้ากับทหารกัมพูชา ได้ให้สัมภาษณ์เพื่อร้องทุกข์กับประชาชนคนไทยให้เข้าใจทหารไทยและสามัคคีกัน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้ทหารไทย และเรียกร้องขอรับการบริจาค
"ผมได้มีโอกาสกลับไปพัก 1 วัน ไปพบเมียและลูกที่อยู่ในพื้นที่ เจอเพื่อนบ้านมาต่อว่าว่าทำไมทหารไทยไปยึดปราสาทพระวิหารของเขมร ทั้งๆ ที่ทหารไทยไม่ได้ไปอยู่บนนั้น แต่อยู่แค่วัดและพื้นที่ปัญหาเท่านั้น โดยเฉพาะพวกที่อยู่ อบต. ต่อว่าหาว่าทหารไทยไปรุกล้ำดินแดนเขมร พวกนี้คงเป็นเรื่องพรรคการเมืองด้วย แต่เขาเที่ยวไปพูดให้คนไทยเข้าใจทหารไทยผิด อย่างนี้ไม่ดี คนเป็นลูกเมียทหารก็ถูกตำหนิหลายคน" ทหารพรานกล่าว
ทหารพรานผู้นี้กล่าวว่า ฝ่ายเขมรมีทั้งผู้นำประเทศและประชาชนมาบริจาคอาหารและน้ำ สิ่งของต่างๆ มากมายให้ทหารเขมร แต่สำหรับทหารไทยไม่มีคนไทยมาบริจาคของให้เลย น้ำดื่มก็แทบไม่มีจะดื่ม ต้องไปดื่มน้ำในลำห้วยจนท้องเสีย ทั้งนี้ทหารไทยยากลำบากเพราะต้องขนน้ำและอาหารเดินขึ้นเขามาจากข้างล่าง เดินมาเป็นชั่วโมง ต่างจากฝ่ายกัมพูชา ที่รถยนต์ขึ้นถึง แต่ก็ยังดีที่มีนมและน้ำจิตรลดา พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ส่งมาให้พวกเราได้ชื่นใจและมีกำลังใจ เราเก็บขวดเปล่าและซองนมไว้ติดตัว เป็นเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เรามีกำลังใจ แล้วเอากลับไปให้ลูกเมียดูว่าพระองค์ท่านไม่เคยทอดทิ้งทหารทุกนาย เราภูมิใจ ที่เป็นทหารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ทหารพรานนายเดิมกล่าวด้วยว่า ฝ่ายกัมพูชามักจะมีการทำพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อข่มขวัญฝ่ายทหารไทย เช่น มีการสวดภาณยักษ์ขับไล่ทหารไทย สิ่งไม่ดีทุกวัน โดยเน้นคำว่า สิ่งชั่วร้าย ไม่ดี ให้ออกไปจากดินแดนเขมร ซึ่งตนฟังภาษาเขมรเข้าใจก็รู้ว่าเขาหมายถึงทหารไทย แต่เราก็ต้องอดทนแกล้งไม่ได้ยิน ยิ่งเมื่อวันศุกร์ที่นางบุญ รานี ภริยาสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา มาทำพิธีบวงสรวงปราสาทพระวิหารนั้น มีคนมาเป็นหมื่น มีรถมาจอดกว่า 400 คัน ถือว่าต้องการข่มขวัญฝ่ายไทย ทำพิธีของเขา แต่เราก็รู้ความหมายของเขา และมีป้ายข้อความขับไล่ทหารไทยออกจากดินแดนเขมรในงานด้วย แต่ไม่เป็นไรทหารไทยก็ต้องอดทน
"แต่ที่เสียใจคือไม่มีคนไทยให้กำลังใจทหารไทย" มีแต่ตำหนิ ไม่มีผู้นำกองทัพมาเยี่ยมเลย เราก็ได้แต่ปลอบใจกันเอง แม้แต่สังฆราช และพระเขมร ก็พยายามเทศน์กล่อมทหารไทยเราว่าจะสู้รบกันทำไม ไม่เห็นมีทหารไทยเลย มีแต่ทหารเขมรกับเขมร เพราะก็เป็นเขมรสุรินทร์ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์เท่านั้น ไม่มีคนไทย แต่ตนบอกว่าตนไม่ใช่เขมร เป็นคนไทย เป็นทหารไทย แม้จะอยู่ที่ศรีสะเกษก็ตาม"
ทหารพรานนายนี้กล่าวว่า ทหารไทยอยู่กันอย่างยากลำบาก เพราะทั้งหนาวและฝนตก เครื่องแบบทหารต้องเปียก โดยเฉพาะรองเท้าท็อปบู๊ตเปียกเน่า ก็ต้องใช้แป้งโรยเข้าไปช่วยให้มันไม่ชื้น แต่เท้าก็จะเน่ากันหมด เวลานอนก็นอนบนเปล หนาว ฝนตกตลอด กินเท่าที่มีคือข้าวเหนียว อาหารหลักมีผู้ใหญ่บางคนพูดว่าสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีอำนาจมากแค่ไหนยังแพ้เขมร เสียปราสาทพระวิหารเลย เราต้องยกธงชาติไทยลงมา แล้วพวกเราตัวน้อยนิดจะไปสู้อะไรเขาได้ ตนก็แย้งว่าพูดอย่างนี้ไม่ได้ ก็ต้องลองดู ขอแค่นายสั่งพวกเราพร้อมทำอยู่แล้ว
เขาเล่าด้วยว่า หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและสื่อของเขมรที่ขึ้นไปทำข่าวอย่างเสรีในพื้นที่วัดนั้นมักจะเขียนโจมตีทหารไทยมาตลอด ตนอ่านภาษาเขมรได้จึงรู้ แต่ก็อดทน ทหารไทยทุกคนอดทน ใจจริงไม่มีใครอยากจะถอนทหารออก แล้วฝ่ายเขมรก็ไม่ยอมถอนแน่ ยิ่งในวัดก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอย่างนี้ ก็รอดูว่าผู้ใหญ่จะเจรจาให้ถอนหรือถอยได้ยังไง เขมรก็ไม่ยอม แล้วทหารไทยเรากว่าจะขึ้นมาอยู่ตรงได้นี้ก็ไม่ง่าย ถ้าถอยกลับไปก็เสียฟอร์ม ไม่ต้องห่วง ทหารไทยเราอยู่ได้ นานแค่ไหนก็ได้ ให้ทำอะไรก็ทำได้ "แต่ขอแค่กำลังใจจากคนไทยและความเข้าใจเท่านั้น".................

|