คำตอบที่ 16
Manifold Absolute Pressure (MAP) Sensor หรือ Inlet Air Pressure Sensor เซ็นเซอร์วัดความดัน อากาศในท่อร่วมไอดี
MAP Sensor นับเป็นอุปกรณ์หลักที่มีความสำคัญมากอีกตัวหนึ่ง มีหน้าที่คอยตรวจวัดค่าความดันอากาศในท่อร่วมไอดี แล้วส่งสัญญาณเป็นแรงดันไฟฟ้า (Voltage) ให้ ECU ใช้เป็นข้อมูลในการประเมินผลร่วมกับข้อมูลที่ได้จาก Engine Speed Sensor และ Inlet Air Temperature Sensor เพื่อให้ทราบว่าในขณะนั้นเครื่องยนต์มีความต้องการปริมาณมวลอากาศต่อ1 รอบของเครื่องยนต์เท่าใด แล้วจึงสั่งการให้ทำการปรับเปลี่ยนระยะเวลาในการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่หัว ฉีด
ขณะเครื่องยนต์มีภาระมากขึ้นความดันในท่อร่วมไอดีจะเพิ่มขึ้นตามการเปิดลิ้น ปีกผีเสื้อ เครื่องยนต์ก็จะดูดอากาศได้มากขึ้น จึงมีความต้องการปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้นด้วย เพื่อให้เกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์
การทำงานของอุปกรณ์ จะใช้คุณสมบัติของสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าได้ตามความ ดัน โดยใช้ Silicon แผ่นบางๆปิดไว้ที่ปลายข้างหนึ่งของท่อสุญญากาศที่ยื่นเข้าไปในห้องสุญญากาศ โดยสมบูรณ์ และแผ่น Silicon นี้จะต่อวงจรเข้ากับตัว IC เมื่อแรงดันในท่อร่วมไอดีเปลี่ยนแปลงแผ่น Silicon ก็จะโก่งตัวทำให้ ค่าความต้านทานไฟฟ้าเปลี่ยนไป IC จะทำหน้าที่แปลงให้เป็นสัญญาณแรงดันไฟฟ้า โดยค่าแรงดันไฟฟ้าที่ได้นี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อความดันอากาศเพิ่มขึ้น
ดัว ย MAP Sensor มีความไวต่อความเปลี่ยนแปลงค่าความดันอย่างยิ่ง ฉะนั้นถ้ามีสิ่งใดไปรบกวนการทำงานของมันเช่น มีสิ่งสกปรกที่ไปเกาะแผ่น Silicon, มีสิ่งกีดขวางภายในท่อ หรือเกิดปัญหาขึ้นภายในตัวมันเอง รวมถึงการที่มีอากาศรั่วซึมเข้าไปในระบบสุญญากาศของท่อร่วมไอดีได้ล้วนแต่จะ สร้างความสับสนวุ่นวายขึ้นให้กับอัตราส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งสิ้น โดยจะแสดงอาการให้เห็นเช่น ความเร็วรอบขึ้น-ลงวูบวาบจนอาจถึงดับได้, รอบเดินเบาไม่เรียบ, เครื่องยนต์กำลังตก และถ้ามีอากาศรั่วซึมเข้าไปในระบบสุญญากาศของท่อร่วมไอดีทำให้ MAP Sensor เข้าใจว่าเครื่องยนต์กำลังมีภาระมาก ECU ก็จะสั่งชดเชยโดยเพิ่มปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงและลดองศาการจุดระเบิดทำให้ สิ้นเปลือง, สูญเสียสมรรถนะการทำงานของเครื่องยนต์และระบบควบคุมมลภาวะ
เป็นวิทยาทานครับ
ขอบคุณคุณปลิวอีกครั้งครับ