((( ไปดูรูปทั้งหมด  เพิ่มรูปเข้ามาอีกสองร้อยรูปจ๊า))) ((( กลับหน้าแรก ))) (( 3991 Truehits.net ))

" เคยไปน้ำตกเต่าดำมาหรือยังครับ "

คำถามนี้ผมมักได้ยินมาสม่ำเสมอบ่อยครั้งที่ได้พบปะเจอะเจอบรรดาเพื่อนนักเดินทาง กลุ่มอื่น.  เท่าที่ผมรู้ก็เพียงแต่ว่าเป็นน้ำตกที่สูงและสวยมากซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึกแถวกำแพงเพชรเท่านั้น จนกระทั่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนายหนอนได้เอ่ยกับผมว่า "ไปน้ำตกเต่าดำมั๊ย" นั่นคือจุดที่มาของทริปนี้ ครับ เรากำลังจะไปน้ำตก เต่าดำ เขตอุทธยานแห่งชาติคลองวังเจ้า จังหวัดกำแพงเพชร คราวนี้เราได้ข้อมูลเกี่ยวกับ เส้นทางและชาวบ้านท้องถิ่น แถบนั้นมามากมายก่อนเดิน ทางจาก คุณ นพ เพื่อนใหม่ในเวปไซท์ของเรา เจ้าของรถ เชอโรกี สีเขียว ได้ช่วยพวกเราเป็นอย่างมาก ถึงเรื่องข้อมูลเบื้องต้น นอกจากพวกเราซึ่งส่วนมากเป็นกลุ่ม Off Road ในแถบศรีราชาซึ่งมี นายหนอน (เชอโรกีคันเก่ง) เสือเข้ม (Vitara) พี่เล็ก (Strada หัวงู) พี่เอ (Strada) แล้วยังรวมกลุ่มกับ บรรดาขนทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ขนมิ้ง (เชอโรกี้สีเขียว)หรือ ขนแมวพร้อมนักดนตรีมือระดับพระกาฬ ( SR5) และ ฉลามขาว (Ford Ranger) บวกกับ คุณนพ อีกรวมเป็น 8 คันทั้งหมดในทริปนี้

พวกเราเริ่มทยอยเดินทางตั้งแต่เย็นวันที่ 17 พฤศจิกายน โดยมีจุดนัดพบที่ ปั๊ม Jet บริเวณวงแหวนสายเอเซียเป็นจุดเริ่มต้น พวกเรามักชอบที่จะเลือกเดินทางไม่ตรงกับวันหยุดเทศกาล เพราะความสะดวกในการเดินทางก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเดินทางได้ตามแผนการที่ตั้งไว้ ถนนสายเอเซียคืนนั้นค่อนข้างเงียบเหงาพอสมควร ดีที่ว่าเรามีวิทยุสื่อสารเป็นสื่อระหว่างเรา ในการรับส่งข้อมูลข่าวสารรวมถึงเยาะเย้ยถากถางอีกเหมือนกัน (อันนี้ไม่ควรเอาอย่าง)  พวกเราใช้เส้นทางสายเอเซีย ผ่านจังหวัดกำแพงเพชรมาจนถึง กม. 389มีป้ายใหญ่พอควร เขียนว่า ทางเข้าอุทยานคลองวังเจ้า 28 กม. สภาพถนนราดยางตลอดสาย ไม่นานก็มาถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้า (กลุ่มพี่ขนฯ ตามมาภายหลัง เจองูเหลือมระหว่างทางด้วย อึ๋ย) คืนนั้นพวกเราไปถึงก็ห้าทุ่มกว่าๆ ซึ้งได้สร้างความงุนงงแก่เจ้าหน้าที่พอสมควร พวกเราเลือกพักกางเต้นท์กันริมสายแม่น้ำ ซึ่งใกล้ๆน้ำตกคลองวังเจ้า กันก่อนเพื่อรอ เพื่อน ๆ ที่จะตามมาในตอนเช้า โดยคืนนั้นได้มีการสร้างความสัมพันธ์กันแต่แรกด้วย ข้าวต้มหม้อใหญ่ โดยทีมขนมิ้ง และขนแมว รวมทั้งพี่ ฉลามขาว พวกเรานอนกันไม่ดึกนักเพราะต้องการเก็บแรง ไว้ลุยกันวันรุ่งขึ้นเพื่อมุ่งสู่น้ำตกอันยิ่งใหญ่กลางป่าลึกตามที่ตั้งใจไว้

 

ลมหนาวพร้อมอากาศอันแจ่มใสได้สร้างความสดชื่น และความกระปลี้กระเปล่าในตอนเช้า หลังจากรวมกันครบทีม น้ำสีอำไพของบรรดาสมาชิกถูกนำมาแจกจ่าย ตามใจชอบของเมื่อคืนนี้ดูเหมือนจะทำให้ พวกเรารู้จักมักคุ้นกันมานานหลังจากตรวจสอบ ความพร้อมไม่ว่าจะเป็นวิทยุสื่อสารซึ่ง มีครบทุกคันหรือแม้กระทั่งอุปกรณ์นำทางหรือ GPS ที่ต่อเชื่อมกับดาวเทียมได้สร้างความตื่นเต้น และน่าสนใจแก่พวกเราที่สนใจในด้านเทคโนโลยี่ หลังจากนั้นพวกเราก็เคลื่อนขบวน เรียงเดี่ยวกันไปอย่างช้า ๆ โดยตลอดช่วงเส้นทางแรกเข้าเป็นเส้นทาง Off Road ในระดับ 2 - 3 ดาว (ฝนตกจะเป็น ห้าดาวเลย) เป็นป่าไผ่สลับกับป่าเบญจพรรณ โดยเรียบไปตามสันเขาสลับลงหุบเขาเป็นระยะ ๆ โดยมีสะพานไม้ขนาดพอดีล้อ พอสร้างความหวาดเสียวประมาณ 4 หรือ 5 สะพานจนมาจนถึงสะพานสุดท้ายก่อนถึงหมู่บ้านโล๊ะโค๊ะ นายหนอนของเรา อดใจไม่ไหว ไม่ยอมใช้สะพานที่มีไว้ให้ กลับหันหัวรถ... โดดลงไปในลำธารที่ลึกประมาณ ขอบคิ้วล้อของ เชอโรกีที่ยกสูงแล้ว 3 นิ้ว ....ได้เรื่องซิครับ คราวนี้เลยโดด ตามกันมาเป็นแถว ๆ ไม่มีใครยอมใช้สะพานเลยยกเว้น เสือเข้มคันเดียวที่ใช้สะพาน (สงสัยกลัวรถเปียก)... ผลของความซ่าอันไม่มีขีดจำกัดของนายหนอน ทำให้ได้เรื่องจนได้... ยางรั่วครับ... .กระทะล้อกับยางรถถูกนายหนอนเอาไปเบียดกับขอบทางชันบวกกับตะกุยผืน ทรายใต้ลำธารทำให้มีเม็ดโคลนและ ทรายซึมเข้าไปตามขอบยาง ทำให้ต้องจอดขบวนกันที่ทำการอุทยานบ้านโล่ะโค่ะ เพื่อซ่อมรถและกินข้าวเที่ยงไปพร้อม ๆ กันเลย ... Hight Lift Jack ตัวใหม่ถูกเอามาใช้งานครั้งแรก พร้อมกับอุปกรณ์ครบครัน เหมือนยกศูนย์บริการมาเองจาก รถคุณขนมิ้งซึ่งมีทั้งปืนลมและปั๊มลมติดรถ ทำให้เราผ่านปัญหานี้มาได้อย่างง่ายดาย ขอบคุณทีมงานขนแมว และ ขนมิ้งตรงนี้อีกครั้งนะครับ

 

เราเดินทางกันต่อผ่านหมู่บ้านโล๊ะโคะและหมู่บ้านป่าหมากมาขึ้นเขาที่ชันมากกว่าเขาลูกแรก มาไกลพอควร ก็จะถึงหมู่บ้านป่าคาที่เป็นจุดที่พวกเราจอดแวะรถเพื่อบริจาค เสื้อผ้า เครื่องกันหนาว อุปกรณ์การเรียน หนังสือ ตลอดจนถึงขนม นมเนย ที่รวบรวมมาแก่เด็กๆ ที่มามุงดูพวกเราพร้อมด้วยสายตา อันเป็นมิตรและดีใจในน้ำใจจากขบวนนักเดินทางแปลก หน้าที่เข้ามาหาพวกเค้าถึงบ้าน หลังจากนั้นเลยหมู่บ้านป่าคามาประมาณ 7 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางไร่ข้าวโพดสลับ กับทุ่งนาอันเหลืองอร่ามของรวงข้างที่พร้อม เก็บเกี่ยว ขึ้นตลอดสองข้างทางตามหุบเขา กลางป่าลึกที่เห็นสายหมอกเรี่ยอยู่ตามยอดเขา ทำให้ผมมีความรู้สึกอิ่มใจอย่างบอกไม่ถูก จนอดไม่ไหวที่ต้องหยุดรถเพื่อเก็บภาพประทับใจ สองข้างทางเหล่านั้นเป็นระยะ...  ก่อนถึงจุดหมายประมาณ 1 กิโลเมตรก็มีเหตุการณ์ สร้างความตื่นเต้นเล็กน้อยในเส้น ทางเปียกชื้นตามทางลาด ที่แคบและคดเคี้ยวแก่พวกเราพอสมควร คือรถคุนนพ เดิมๆ ไปติดบริเวณป่าไผ่ที่มีน้ำซึมออกมาเอง ทำให้ทางลื่นพอควร (คุณนพบอกว่าจะไปยกขึ้นแล้วทริปหน้า) ดีที่ว่าฝนไม่ตกไม่งั้น...สนุกครับ...


 

พวกเราตั้งแค้มป์กันบริเวณยอดเขาซึ่งห่างตัวน้ำตกประมาณ 200 เมตร ที่ทอดตัวลงไปตามหน้าผาด้านล่าง ตอนที่เดินเท้าไปชมความงามของน้ำตก ผมต้องโรยตัวลงไปด้วยความระมัดระวัง ในความอันตรายของเส้นทางเดินป่าที่สูงชันและ คดเคี้ยวตามหน้าผาจนกว่า จะตัดลงหุบด้านล่างเล่นเอาเดินแทบไม่เป็นไปเลยเหมือนกัน .... แต่ภาพที่ผมเห็นเบื้องหน้า ทำให้ผมแทบจะลืมเหนื่อยไปในวินาทีนั้นคือ ........ สายน้ำอันเชี่ยวกรากไหลออกมาทางช่องเขาขาดที่สูงขึ้นไปประมาณ 200 เมตรจากจุดที่ผมยืนอยู่และ เสียงอึกทึกของสายน้ำที่ตกลงมากระแทกโขดหินและแอ่งน้ำ มันทำให้ผมถึงกับตะลึงใน ความสวยงามอันบริสุทธ์ที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่าลึก... ละอองน้ำที่ปลิวมากับสายลมทำให้ผมเปียกปอน ไปทั้งตัวโดยที่ยังไม่ได้ลงไปในสายธาร เสียด้วยซ้ำ... ถ้าเป็นสาวงามผมคงให้คะแนนเต็มสิบแน่นอน ผมและหมึกแดงอ้อยอิ่งบริเวณน้ำตกอีกครู่ใหญ่ เพื่อดื่มด่ำกับความสวยงามตรงนั้นให้ เต็มที่ก่อน จะปีนกลับขึ้นมาโดยแข่งกับแสงพระอาทิตย์ที่ใกล้จะโรยราลงไปทุกทีในยามเย็น (เจ้าหน้าที่บอกว่ามีเสือด้วย เลยต้องรีบกลับ) ค่ำนั้นกองไฟกองใหญ่ถูกก่อขึ้นมาเพื่อไล่ลมหนาวโดยพี่ วีระ หรือเจ้าหน้าที่รักษาป่าของท้องถิ่น สร้างความรู้สึกคึกคักขึ้นมาในตอนพลบค่ำ เหล้ายา ปลาปิ้ง บาบีคิว หรือแม้กระทั่ง หมูย่างเกาหลี ฝีมือพี่แอ๊ด หรือ  ฉลามขาวตัวใหญ่ของเรา ถูกนำมาเป็นอาหารเย็นรสเด็ด ซึ่งผมว่าอร่อยไม่แพ้ร้านใด ๆ ทั้งสิ้น .... อาหารอร่อยที่ทำโดยแม่ครัวมือเด็ด เช่น พี่นิด เจ๊ตุ๊ก พี่วัน หรือแม้กระทั่ง หมึกแดง (นายบีลืมคุณเจี๊ยบเหรอ ต้มยำไก่แซ่บดีนะ) ถูกพวกเราชาวคณะรับประทานกันหมด ปในช่วงเวลารวดเร็ว เข็มเวลาที่ผ่านไปในยามค่ำคืนนั้นเริ่ม ที่จะครึกครื้นขึ้นเป็นระดับ เสียงพี่เล็ก หรือ สตาด้าหัวงู รวมกับเสียง พี่แอ๊ด และบรรดานักดนตรีที่มีทั้ง กีต้าโปร่ง เม้าท์ออแกน ขลุ่ยที่ได้บรรเลงดนตรีฝีมือระดับพระกาฬเรียกได้ว่าหลายคนรวมทั้งตัวผมเองยังยอมรับใน ฝีมือของ คุณนก และ พี่วันของเรา (งานนี้นายติ่งย่างหมูย่างเดียวจ๊า ผมเจ็บนิ้วครับพี่) เสียงดนตรีสลับกับ เสียงกระเซ้าเย้าแหย่เริ่มจางหายลงไปในตอนดึก ๆ พร้อมกับการแยกย้ายกัน ปนอนของพวกเราหลาย ๆคน ....คืนนั้นผมคงอยู่ในใจของใครอีกหลาย ๆ คนแน่ เสียงพูดคุยกันเบา ๆ (ขอบคุณพี่วีระมากครับ เฝ้ายามให้เรา จนเกือบเช้า ถึงได้เขานอน คงกลัวว่าเสือ จะเข้ามากวน เรามังครับ)


เสียงเตรียมอาหารเช้าที่แว่วเข้ามาปลุกผมขึ้นมาจากความอบอุ่นในถุงนอน เพื่อมาสัมผัสกับบรรยากาศที่สดชื่นยามเช้า และสายหมอกจาง ๆ เพราะความชื้นของผืนป่า หลังอาหารเช้า เพราะความสวยงามของน้ำตกเต่าดำ ทำให้ผมต้องกลับลง ไปที่น้ำตกอีกครั้งในเช้าวันนี้เพื่อไปดูและเก็บภาพให้คุ้มค่า กับการเดินทางที่ลำบากกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ หลังจากนั้นพวกเราเริ่มออกจากบริเวณที่ตั้งแค็มป์ตอนสาย ๆ หลังจากอาหารเช้า .... แต่หลังจากเคลื่อนขบวนมาได้เพียง 1 กิโลกว่า ๆ ก็ต้องหยุดขบวนมาช่วยกัน เพราะสมาชิกเราเริ่มติดเนินชันที่เป็นโคลนล้วน ๆ ที่สูงชันประมาณ 60 เมตร กว่าที่พวกเราจะช่วยกันเข็น ดัน ขย่ม หรือแม้กระทั่งเชียให้รถคุณ นพ และ พี่เล็กของเรา ให้ขึ้นไปให้ได้ก็เล่นเอาเหนื่อยเอาการ.... เฮ้อผมคิดในใจว่าถ้าฝนตกละ คงออกกันไม่ได้แน่เลย พี่วีระบอกว่าเมื่อคืนนี้มีสัตว์กีบประเภทเก้งหรือกวางลงมาย่ำกันเป็นเทือกไปหมด ห่างจากที่เราตั้งแค็มป์ไม่ไกลนัก ขากลับพวกเราเคลื่อนขบวนออกทางเดิมแต่แยกออกอีกเส้นทางบริเวณ บ้านโล๊ะโค๊ะ เพื่อลัดเลาะข้ามลำธารไปมา ตามประสาปลากระดี่ได้น้ำอย่างคณะเรา 

ตลอดเส้นทาง 29 กิโลเมตรเพื่อกลับมาที่ทำการคลองวังเจ้า ทำให้พวกเรามีช่วงเวลาสนุกสนานมากมายหลายครั้งถึงขนาดที่ว่าสัญญาต้องมีทริปหน้าด้วยกันอีกแน่นอน ถ้ามีโอกาสคราวหน้า ฉลามขาวของเราเอ่ยปากชวนกันไปเยือนถิ่นของเขาอีกโดย เข้าทาง อ. ทองผาภูมิ ทะลุทุ่งใหญ่นเรศวรและออกมาทาง อ. ศรีสวัสดิ์ เป็นเส้นทางท้าทายที่พวกเรา ต่างอมยิ้มกันแต่ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันอยู่บ้าง ก่อนที่จะแยกย้ายจากกันผมคิดว่าความสนุกสนาน และความประทับใจหลาย ๆ อย่างคงไม่เกิดขึ้นแน่น่อนถ้าปราศจาก พวกเรา นายหนอน หมึกแดง ผม (นายบี) เสือเข้ม นายติ่ง พี่เล็ก เจ๊ตุ๊ก พี่เอ พี่น้อย คุณจุ๋ม พี่วัน คุณนก พี่เแอ๊ด และ พี่นิด ขนแมว ขนมิ้งและ ครอบครัว คุณนพ และคุณเจี๊ยบ และที่ขาดไม่ได้คือบรรดาพี่ ๆ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า โดยเฉพาะพี่ วีระ ที่แปลงสภาพลำธารสายเล็ก ๆ มาเป็น ห้องน้ำสุดหรูกลางป่าพร้อมฝักบัวอาบน้ำอย่างดี

สุดท้ายนี้ผมคิดว่าเราคงมารวมกันอีกพร้อมกับเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังสำหรับทริป
หน้า แต่สำหรับทริปนี้...สวัสดีครับ
ถ่ายทอดโดย นายบี 20 พย. 43


((( กลับไปดูรูปทั้งหมด ))) ((( กลับหน้าแรก )))