คำตอบที่ 1
ทดสอบส่งข้อความยาวๆ
ไป บ้านใหม่ กับผมดีกว่าพี่บี เสียงนาย เบียร์ เฟืองจำปี เอ่ยปากชักชวนผมและเพื่อน ๆ ที่ปั๊ม Jet นครชัยศรี เมื่อช่วงเวลาที่เหมาะสมทำให้เราทั้งสองกลุ่มมาเจอกันในค่ำคืนนั้น มีอะไรวะ บ้านใหม่
พี่ไม่เคยไปวะ ผมเอ่ยถามเบียร์ถึงที่หมาย ปลายทางมีอะไรเป็นที่น่าสนใจ แน่นอนสำหรับ ที่ใหม่ ๆ ที่พวกเราชาวบูรพานั้นไม่เคยไป ย่อมจักสนใจเป็นธรรมดา ในขณะที พวกเรา หลายคนเริ่มลังเลที่จะเปลี่ยนเป้าหมายจาก แก่งน้ำโจนที่ตั้งใจไว้แต่แรก มาเป็นที่ใหม่นั้น ขบวนของกลุ่ม กำนันแตนก็ขับเคลื่อนเข้ามา สมทบพร้อมกับเอ่ยปากชักชวนกันตามประสาคนคุ้นเคยกัน นั่นยิ่งทำให้ สถานที่นี้ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก ดังนั้นพวกเราจึงตัดสินใจกันว่า เอาละ พรุ่งนี้เราจะไปเลาะตะเข็บชายแดนพม่าแถบสังขละบุรีกัน โดยค่ำคืนนั้นพวกเราไปแวะพักแรมพักผ่อนกันที่ น้ำพุร้อนหินดาด เหมือนเช่นเคย
หลังจากตื่นขึ้นมาเตรียมเสบียงอาหารเป็นที่เรียบร้อย พวกเราชาวบูรพาก็เรื่มเรียงแถวกันไปตามเส้นทางหลวง 323 เหมือนเช่นเคย โดยวิ่งลัดเลาะไปทางอำเภอ สังขละบุรี เลียบไปตามแนวสันเขาที่มีวิวทิวทัศน์ของ เขื่อนเขาแหลมให้เห็นอยู่ชิดไหล่ทาง จนถึงตัวอำเภอสังขละบุรี พวกเราถึงได้แวะเติมเชื้อเพลิงให้เต็มถังเพือให้พร้อมสำหรับเส้นทางที่พวกเราไม่เคยไปกันมาก่อน เส้นทางบ้านใหม่นี้ พวกเราวิ่งเลยขึ้นไปจนถึงวัดหลวงพ่อ อุตตมะ วิ่งลัดเลาะไปทาง ปะไรโหนก ประมาณ 15 กิโลเมตรถึงมาถึง จุดสิ้นสุด เส้นทางลาดยางมะตอย ก่อนที่จะแยกซ้ายเข้าไปที่ ชุมชน บ้านใหม่ของอำเภอ สังขละบุรี ด้วยความที่ยังไม่มีใครรู้จักเส้นทาง พวกเราจึง ได้แวะรับ คนนำทางท้องถื่นเป็นเด็กชายตัวเล็ก ๆ 2 คนให้ร่วมเดินทางไปกับพวกเราด้วย และบริเวณนั้นเองที่เราได้เจอ กลุ่มกำนันแตน กำลังสาละวนเปลี่ยนมือลิงกันอยุ่ที่บริเวณทางเข้า โดยให้พวกเราล่วงหน้าเข้าไปก่อน เพราะเห็นว่าพวกเรามีคนนำทางเข้ามาด้วย
เส้นทางช่วงแรก เป็นเส้นทางลัดเลาะไปทางด้านหลังของหมู่บ้าน ผ่านสวนเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของชาวบ้านไปทางด้าน หลังก่อนที่จะลัดเลาะตัดลง ลำห้วยที่มีน้ำประมาณลึกประมาณหนึ่งฟุต จนถึงสามฟุต แต่ด้วยที่ที่ว่าน้ำในลำห้วยนั้นใสจนทำให้ พวกเราสามารถเลือกลายน์วิ่งไปตามสันดอนที่เห็นเป็นแนวอยู่ใต้ผิวน้ำ อาจเป็นเพราะยังอยู่ในช่วงหน้าแล้ง ทำให้มีสันดอนโผล่ ขึ้นมาเหมือนเกาะแก่งให้ขบวนพวกเราขับเคลื่อนกันได้อย่างสบาย ร่อยรอยเส้นทางมีให้เห็นชัดพอสมควร เนืองด้วยทราบมาว่า มีกลุ่มของ เฮียสือ พึ่งนำร่องเข้าไปเมือตอนช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ตลอดเส้นทาง 2 กิโลเมตรแรกนั้นพวกเราแถบจะวิ่งอยู่ในลำห้วย ตลอดเวลา มีขึ้นไปวิ่งบนสันทรายริ่มตลิ่งก็เพียงช่วงสั้น ๆ แล้วก็ต้องลงมาวิ่งในลำห้วยอีก ก่อนเริ่มที่จะเข้ากิโลเมตรที่ 3 นั่นแหละถึง เรื่มมีเนินชันให้ได้ใช้พละกำลังของของเจ้าหนูขาวกันบ้าง แต่เพียงชั่วแค่อึดใจเดียว ขบวนพวกเราก็ต้องกลับลงมาวิ่งตามลำน้ำอีก เช่นเคย แต่ที่สำคัญคราวนี้คือเมื่อพวกเราข้ามลำห้วยมาก็เจอกับ เนินชันที่มีร่องลึกกว้างพอดีกับฐานล้อเป็นอุปสรรคให้ได้ใช้ความสามารถ ของเนว์หรือคนบอกลายน์ โดยคนขับนั้นหมดสิทธ์ที่มองเห็นร่องทางนั้นได้ จะเห็นได้ก็เพียงแต่ท้องฟ้าและ สัญญาณมือบอกตำแหน่ง ของหน้ายางเท่านั้น ซึ่งถ้าพลาดนั่นหมายถึงการพลิกลงไปหุบด้านข้างอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามที่ มีหลายคันเหมือนกัน ที่พลาดตำแหน่งถึงกับต้องเอียงตะแคงลงไปด้านข้างให้ต้องใช้วินช์กู้กลับมาขึ้นเนินนี้ไปให้ได้
ยิ่งเข้าไปด้านในลึกเท่าไร เส้นทางก็เริ่มจางหายไปทีละเล็กละน้อยโดยทิ้งร่องรอยของการกัดเซาะจากสายน้ำในฤดูน้ำหลาก ให้เห็นเป็นสิ่งยืนยันว่า เส้นทางนี้หมดสิทธืเลยสำหรับใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาในฤดูน้ำหลากหรือหน้าฝนที่กำลังมาเยือนนี้ หลายช่วงที่ ผมต้องหยุดลงเพื่อเดินทดสอบระดับความลึกของร่องน้ำ เพื่อเป็นการรับประกันว่า ทุก ๆ คันในขบวนสามารถผ่านไปได้ จนเส้นทางมา สิ้นสุดที่ชายหาดสวย ริมโค้งน้ำแห่งหนึ่ง ที่มีอีกด้านเป็นหน้าผาสูงชันถึงแหงนคอตั้งบ่า พวกเราตกลงที่จะพักแรมกันที่นี่หลังจากเห็น ได้ว่า ห้วยต่อไปที่น้ำลึกขนาดหน้าอกของผมนั้น น่าจะลำบากสำหรับเพื่อนเราหลายคันในที่นี่ ถึงแม้จะเป็นร่องรอยทางขึ้นของ รถอีกฝั่งลำธารแล้วก็ตามที พวกเราถึงที่พักแรมกันตอนเกือบบ่ายสองโมงทำให้พวกเราได้พักผ่อนกันเต็มที่ หลายคนนอนงีบกลางวัน ริมลำธารสวย ภายใต้เงาไม้ใหญ่ หลายคนลงไปแหวกว่ายในสายธาร บางคนเลือกนั่งผักผ่อนกับเครื่องดื่มเย็น ๆ พร้อมพูดคุยกับเพื่อนรู้ใจ ในบรรยากาศที่ยากนิ่งนักในสังคมของพวก วันนี้หมึกแดงพร้อมทีมงานแม่บ้านได้แสดงฝีมือกันอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็น แกงจืดมะระ หมูหมักทอดกระเทียม ไข่เจียวหอม ๆ ทอดมันรสเด็ด และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ข้าวสวยร้อน ๆ ที่ทำให้พวกเราพากันอิ่มเอมกันสุด ๆ ในบรรยากาศยามเย็มริมลำห้วยแบบนี้ ฝนที่กระหน่ำลงมาตอนเย็นทำให้อากาศยิ่งเย็นลงไปอีก ดีที่เราเตรียมกางผ้าใบกันฝนกันไว้แล้ว แต่เพียงไม่นาน ฝนก็จากไปโดยทิ้งไว้ให้ความสดใสชุ่มชื่นไปทั้งราวป่า ระดับน้ำสูงขึ้นมาเล็กน้อย แต่คงไม่น่ากังวลอะไร ในฤดูกาลนี้
เสียงนกป่า ร้องขับขานปลุกพวกเราขึ้นมารับกับความสดชื่นของวันใหม่ ไล่ ๆ กับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น พร้อมขนมปังปิ้ง และ ไส้กรอก ร้อน ๆ ทำให้เช้านี้ไม่ธรรมดาเลย สำหรับผม มันได้ความรู้สึกดียิ่งกว่าตื่นมาทานอาหารเช้าในโรงแรม 5 ดาวเสียด้วยซ้ำ พวกเราไม่ได้เร่งรีบอะไรกันในตอนเช้า ในการออกเดินทางกลับเมื่อตอนสาย ๆ ซึ่งเส้นทางขาออกเราทำได้เร็วกว่า ขาเข้าเพราะไม่ต้อง เสียเวลาเดินหาร่องน้ำลึก พวกเราสวนกันกับ กลุ่มออฟโรดที่คุ้นเคยอีกกลุ่มก่อนที่จะรุ้ที่หลังว่าพวกเราเข้าไปลึกกว่าเราอีก 4 5 ห้วยและ ที่สำคัญได้ยินมาว่าสวยกว่าที่เราพักกันเมื่อคืนเสียอีก มาถึงสังขละบุรีกันตอนเที่ยง พวกเราแวะทาอาหารเที่ยงกันที่ร้านข้าวแกงในตลาด ก่อนที่จะเดินทางกลับโดยไม่ลืมที่จะแวะเข้าไปพักเล่นน้ำกันที่ ด่านเสน่พร่อง แล้วค่อยเดินทางกลับภูมิลำเนา ตลอดเส้นทางขากลับ พวกเรา เจอขบวนออฟโรด มากมาย คุ้นหน้า คุ้นตากันทั้งนั้น แสดงว่าเกือบทุกกลุ่มมุ่งหน้ามาเมืองกาญจนทั้งนั้น สำหรับบ้านใหม่ของ เราในทริปนี้ไม่ผิดหวังเลยสำหรับความสวยงามและเส้นทางที่ท้าทายพอสมควรสำหรับรถที่ไม่ได้แต่งเติมอะไรมากมาย ถ้ามีโอกาศพวกเราจะกลับมาพร้อมกับ ม้าศึกคู่ใจแบบเต็มร้อย เพื่อที่จะไปให้ถึงที่สุดให้ได้สำหรับเส้นทาง บ้านใหม่นี้
สำหรับทริปเลาะตะเข็บชายแดนสังขละบุรี วันนี้ขอสวัสดีครับ
หนูขาว
5 พฤษภาคม 2547