WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


คอลัมน์ : ขับไปคุยไป...เที่ยวทั่วไทย : คลองมะเดื่อ สายธารใสใกล้กรุง
champ067
จาก Red Machine 067
IP:125.25.188.213

อังคารที่ , 29/9/2552
เวลา : 20:31

อ่านแล้ว = 2096 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
พอดีได้อ่านเว็ปเลยเข้าไปเจอ จากหนังสือพิมพ์บ้านเมือง ได้อ่านแล้วชื่นใจ มีการกล่าวถึง ลุงเรย์ พี่หนวด และน้องรำพึง ......................เพื่อนแชมป์ทั้งนั้น รายงานโดยน้ารณชิต



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Red Machine 067 125.25.188.213 อังคาร, 29/9/2552 เวลา : 20:41  IP : 125.25.188.213   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 84143

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
ทั่วไทยไปกับรณชิต : ของดีริมทะเลไทย
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- 1 ชั่วโมง 45 นาทีที่แล้ว
ของดีริมทะเลไทย

รณชิตขับวีโก้รถออกจากกรุงเทพฯ ไปตามถนนธนบุรีปากท่อ ช่วงก่อนถึงดอนหอยหลอดและก่อนสะพานแม่กลอง จะมีนาเกลือที่เป็นแหล่งผลิตแต่โบราณ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมคณะทัวร์ของชาวต่างประเทศ



โดยเฉพาะประเทศที่ไม่มีทะเลก็นิยมมาดูกัน โดยเกลือแรกที่ได้จากนาจะเป็นเกลือขุ่นๆ สามารถปรับปรุงอีกระดับโดยนำไปละลายน้ำใหม่ แล้วกรอง นำไปคั่วแห้งอีกทีจะได้เกลือที่ขาวสะอาดขึ้น โดยเกลือเหล่านี้เดิมทีส่งไปขายที่ชายแดนอำเภออรัญประเทศ ตรงที่เรียกกันว่าตลาดโรงเกลือ แต่ปัจจุบันตลาดโรงเกลือกลายเป็นตลาดเสื้อผ้ามือสอง ที่บริจาคมาจากประเทศโลกที่ 1 เสื้อผ้าที่เก่าใกล้หมดสภาพจึงกลับมาฮิตใหม่ในประเทศโลกที่ 2 และ 3

ในประเทศอียิปต์โบราณ เกลือเป็นส่วนหนึ่งในการทำมัมมี่ หรือใช้กลบหลุมศพ ให้เกลือค่อยๆ ดูดความชื้นออกมา ถ้าเกลือไม่ดีศพก็จะเน่า ส่วนในภาคอีสานของไทยใช้ถนอมอาหาร โดยเฉพาะปลาแดก ขึ้นไปทางภาคเหนือก็ใช้เกลือต้มใบชาแล้วม้วนเป็นใบเมี่ยงไว้รับแขก คุยไปเคี้ยวไปได้อรรถรสดี ทำให้ปากชุ่ม ขับรถวีโก้เลยแม่กลองไปแล้ว ยังมีแผงขายปลาสลิดแห้ง ซึ่งก็ต้องใช้เกลือเหมือนกัน

เลยไปทางเขาย้อยก็รู้จักกันเกี่ยวกับความเป็นอยู่อาศัยของฝูงลิง รวมถึงอีกฝูงใหญ่ที่เขาวังเพชรบุรีซึ่งมีดอกจำปาหรือลีลาวดีเยอะมาก ถ้าเป็นของกินก็ต้องขนมหวาน พวกหม้อแกง สังขยา และอื่นๆ หวานธรรมชาติแท้ๆ เพราะเพชรบุรีมีน้ำตาลเยอะ แต่ที่น่าแปลกคือคนภาคกลางนิยมใช้แป้งข้าวเหนียวทำขนม ขณะที่คนอีสานกลับนิยมใช้แป้งข้าวเจ้ามาทำขนม

ในตัวเมืองเพชรบุรียังมีสถานที่สำคัญอีกแห่งคือพระราชวังบ้านปืน ซึ่งรณชิตเคยไปชมมาหลายครั้ง เป็นวังที่สร้างในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 เป็นปีสุดท้ายของรัชกาล มาเสร็จในรัชกาลที่ 6 ซึ่งสร้างพระตำหนักมฤคทายวันนั่นเอง อาจารย์ทรงยศ แววหงส์ เล่าว่าคนออกแบบเป็นชาวเยอรมัน โดยออกแบบวังบางขุนพรหม และหัวลำโพงด้วย แล้วอาจารย์ก็เล่าขำๆ ว่า ตอนหลังเป็นบ้ากลับไปตายที่เยอรมัน เพราะติดต่อกับข้าราชการไทยมากไปหน่อย

พิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ในโลกนี้หยุดวันจันทร์นะครับ เพราะเสาร์-อาทิตย์ต้องบริการนักท่องเที่ยว แต่ที่พระตำหนักมฤคทายวัน หยุดวันพุธ รัชกาลที่ 6 ทรงสร้างเพื่อท่องเที่ยวทางทะเล ซึ่งสมัยนั้นการเที่ยวทะเลยังเป็นของใหม่ กลุ่มอาคาร 3 หลังสร้างจากไม้สักทอง โปร่งโล่งมาก รับลมทะเลได้แทบทุกเหลี่ยมมุม ล่องผ่านหัวหิน ปราณบุรี ก็ยังมีสามร้อยยอดให้ได้เที่ยว โดยสามร้อยยอดถือเป็นแหล่งดูนกที่ดีมาก พื้นที่บางส่วนเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำด้วยป่าชายเลน ไม้พวกนี้ยังมีประโยชน์สำคัญบางอย่างคือ ใช้ทำถ่านแล้วควันน้อย ก็เลยถูกตัดไปทำถ่านเพื่อขายหมูปิ้งซะนี่

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่หว้ากอเดี๋ยวนี้ก็ไม่ธรรมดา มีเด็กนักเรียนและประชาชนทั่วไปเข้าชมเป็นจำนวนมาก ใครมีเวลาควรจะไปดูนะครับ เพราะได้เพิ่มสัตว์น้ำใหญ่เล็กนานาชนิดเข้าไปเป็นจำนวนมาก เลยไปหน่อยยังมีทะเลเงียบๆ ให้เที่ยวพักผ่อนที่อ่าวบ้านกรูด ซึ่งแถบชายฝั่งยังมีสวนมะพร้าวอยู่เยอะ รณชิตไม่ทันได้สอบถามว่าใช้ทำน้ำตาลเหมือนที่อัมพวาหรือไม่ แถวอัมพวาเขาจะกวนแล้วใส่ปิ๊บไว้ และเรียกชื่อว่าน้ำตาลปิ๊บ มีรสหวาน กลิ่นหอมนุ่ม แต่ถ้าเป็นน้ำตาลที่ได้จากตาลตะโนดจะมีรสชาติหวานแหลมไปอีกแบบ ส่วนน้ำตาลทรายจากอ้อยนั้นหวานแบบไม่มีอารมณ์ หวานทื่อๆ และไม่มีความหอม

วิวเต็มๆ ของอ่าวบ้านกรูดต้องขึ้นไปดูบนเขาธงชัยนะครับ บนนั้นเป็นที่ตั้งของวัดทางสาย ในตำบลธงชัย อำเภอบางสะพาน มีพระพุทธรูปปูนปั้น ปางสมาธิ หน้าตักกว้างถึง 10 เมตร มีศาลเสด็จเตี่ย และมีรูปหล่อสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดระฆัง ไหว้แล้วจะเกิดความรู้สึกสดใสใจสว่างขึ้นมาทันที ส่วนเรื่องของกินแบบหาจากทะเลแถวนั้นก็เป็นพวกปิ้งปลาทูโป๊ะ ปูม้าเผา หอยคราง และอื่นๆ มาแบบสดทุกตัว เจอน้ำจิ้มเผ็ดเปรี้ยวหวานเข้าไปหน่อย รับรองกินกันไม่ยอมลุกเลยครับ ด้วยระยะทางประมาณ 360 กม.จากกรุงเทพฯ ขับไปเที่ยวไปถึงค่ำพอดี คุ้มสุดคุ้ม




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Red Machine 067 58.9.171.151 อังคาร, 6/10/2552 เวลา : 11:34  IP : 58.9.171.151   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 84204

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
คอลัมน์ : ขับไปคุยไป...เที่ยวทั่วไทย : ปลายฝนที่เขากระโจม
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- 3 ชั่วโมง 24 นาทีที่แล้ว
ปลายฝนที่เขากระโจม

รณชิตขับรถออกจากบ้านย่านรามอินทรา อ้อมกรุงเทพฯ ตามถนนวงแหวนตะวันออก ไปสมทบคณะเพื่อนที่โรงงานโตโยต้าสำโรง เพื่อ
นำฝูงรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮลักซ์ วีโก้ 2.5 วีเอ็น เทอร์โบใหม่ ไปท่องเที่ยวชายขอบประเทศไทย ที่เขากระโจมจังหวัด


ราชบุรี โดยไปจนสุดสันปันน้ำ อันที่เป็นที่ตั้งฐานของกำลังพลจากกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 137

ไหนๆ จะไปเที่ยวแล้วต้องขับให้อ้อมเข้าไว้ โดยอ้อมวงแหวนด้านทิศใต้ ลงถนนพระราม 2 ไปมหาชัย และแวะกินปลาทูแม่กลอง ที่
ร้านอร่อยเก่าแก่แบบชาวบ้าน บริเวณเชิงสะพานริมน้ำแม่กลอง ซึ่งอร่อยจนต้องขับรถไปหากินถึงที่ เพราะไม่เคยคิดว่าจะทำเองได้
อร่อยขนาดนี้ เป็นปลาทูสดจากโป๊ะ ขนาดประมาณ 12 ตัวต่อกิโลกรัม นำมาทอดกรอบสามารถเคี้ยวได้แบบกินหัวกินหางกินกลางตลอด
ตัว ก้างปลาขนาดนี้ยังไม่มีปัญหาสำหรับคนแก่ฟันห่างอย่างรณชิต หรือถ้าแบบเนื้อนุ่มก็ต้องปลาทูซาเตี๊ยะ สูตรเก่าแก่ของคนจีนโบราณ
ถึงแม้จะมาอยู่เมืองไทยซะนาน แต่ก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อเป็นปลาทูสามรส ยังคงซาเตี๊ยะให้ได้เจี๊ยะตลอดมา

โป๊ะจับปลาทูแถวแม่กลอง เขาสร้างไว้ตามร่องน้ำในทะเล ช่วงเวลาน้ำขึ้นปลาทูก็ยกฝูงกันตามน้ำขึ้นมาหากิน พอน้ำลงก็เกาะกลุ่มว่าย
ไปตามร่องน้ำไหล หายวับเข้าไปในก้นโป๊ะให้ชาวประมงจับ เป็นวิถีท้องถิ่นที่เห็นแล้วเจริญตาเจริญใจ รณชิตเคยปีนขึ้นไปเที่ยวบนโป๊ะ
มาแล้ว มันโงนเงนโอนเอนตามแรงซัดของคลื่น จนเกินจะยืนขาสั่นอยู่ได้ไหว ต้องคลานสูงคลานต่ำไปเหมือนตอนเรียนรักษาดินแดน
เพียงแต่เปลี่ยนภาพจากครูฝึกมาเป็นเพื่อนฝูงที่ยืนหัวเราะดูคนพันธุ์เสือที่ต้องมีหมอบบ้างในบางโอกาส

อีกแห่งที่ได้ขับวีโก้ไปเที่ยวคือโป่งยุบ ซึ่งเป็นโป่งอยู่ติดลำห้วย มันโดนน้ำแอบเซาะด้านล่างจนเนื้อดินหายไป ทำให้ดินด้านบนยุบลงเป็น
หลุมขนาดต่างๆ กัน และเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยตามฤดูกาล เดินชมไปด้วยแล้วต้องระวังด้วย เกิดอยู่ดีๆ แล้วมันยุบตูมตามขึ้นมา เราก็
โดนธรณีสูบเท่านั้นเอง

สำหรับเขากระโจมในช่วงฤดูฝน การเดินทางขึ้นไปโดยรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ต้องใช้ยางสำหรับโคลนเท่านั้น แต่พอย่างเข้าปลายฝนต้น
หนาว ธรรมชาติก็ยินดีต้อนรับเรามากขึ้น เพราะทางดินบนเขาเริ่มแห้งพอ สำหรับการขับขี่โดยใช้ยางไฮเวย์ ซึ่งในแง่ของความลาด
ชันที่เนิน 1,000 ไม่มีปัญหาสำหรับเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังของ วีโก้ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2.5 วีเอ็น เทอร์โบใหม่ แม้จะมีความจุ
2,500 ซีซี. แต่ก็มีแรงบิดสูงเทียบเท่ากับเครื่อง 3,000 ซีซี. ความสนุกในเที่ยวนี้จึงอยู่ที่การใช้ฝีมือลัดเลาะไปตามอดีตร่องน้ำไหล
ซึ่งไม่ค่อยเป็นระเบียบนัก รวมทั้งก้อนหินขนาดคนอุ้มเซ ซึ่งมันพร้อมจะพลิกด้านไหนก็ได้เมื่อมีแรงจากยางรถถีบส่งมันไป ส่วนที่เนิน
1,000 นั้นก็เหยียบส่งอย่างเดียว โดยมีเจ้าภาพคือคุณตึ๋ง เจ้าของเขากระโจมโฮมสเตย์แอนด์รีสอร์ท พร้อมน้องแมน ลูกชายตัวกระ
เปี๊ยกแค่ 10 ขวบ คอยขับรถนำทางและตะโกนเชียร์ว่า อย่าหยุดๆ เพื่อไม่ให้รถเสียจังหวะในเนินสูงชันและยาว

ปลายทางที่สันปันน้ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของฐาน ตชด.137 สามารถใช้เป็นที่ชมทะเลหมอก และพระอาทิตย์ขึ้นเหนือแอ่งที่ราบภาคตะวันตก
ข้อควรระวังคือตัวทากซึ่งฉลาดมาก พวกนี้ไม่กินซุ่มซ่าม แต่แอบกระดึ๊บเข้าไปใต้ร่มผ้าลึกๆ แล้วดูดกินเลือด ซึ่งมันได้ฉีดยาชาไว้ด้วย
จนทำให้คนถูกกินแทบไม่รู้สึกตัว นอกจากจะคันยิบๆ เล็กน้อยหลังจากที่มันดูดอิ่มจนตัวกลมไปแล้ว ตอนเดินเข้าไปเที่ยวน้ำตกผาแดง ซึ่ง
อยู่ห่างทางรถเข้าไปประมาณ 100 เมตร เพื่อนบางคนถลกขากางเกงขึ้นแล้วเห็นทากเกาะขาเป็นฝูง เธอก็กรีดร้องเหมือนคนเส้นตื้น
ที่ถูกจับขึงพืดแล้วรุมจี้เอวนั่นล่ะครับ ในวีโก้คันของรณชิตนั้น แค่เปิดกระจกขับรถเพื่อดูดดื่มธรรมชาติ ยังถูกทากโจมตีถึงเลือดไหล เข้า
ใจว่ามันคงดีดตัวจากป่าชื้นข้างทางเข้ามาในรถ

ขากลับได้แวะชมโรงงานเถ้าฮงไถ่ที่ราชบุรีด้วย เป็นโรงงานปั้นโอ่งน้ำกับไหน้ำปลา ที่แปรสภาพมาเป็นโรงงานผลิตเครื่องเซรามิก
ลวดลายต่างๆ ซึ่งสืบทอดกันมาจนถึงรุ่นหลานแล้ว คำว่าเถ้าหมายถึงขี้เถ้า ส่วนฮงเป็นชื่อของก๋งผู้ก่อตั้ง และไถ่หมายถึงเจริญ รวม
เบ็ดเสร็จแล้วจึงได้ความว่า ขี้เถ้าของนายฮงจงเจริญ โรงงานโอ่งส่วนใหญ่ก็มักขึ้นต้นด้วยคำว่าเถ้าเช่นกัน นี่ถ้ามีโอกาสรณชิตอาจจะ
ตั้ง เถ้าชิตไถ่ ขึ้นมาสักโรง เพราะงานเซรามิกสมัยนี้แข่งขันกันที่ความคิดความอ่าน ไม่ใช่สักแต่ปั้นอย่างเดียว ต้องดีไซน์ไปตามใบสั่ง
ซื้อแปลกๆ เช่น กระถางบอนไซ ซึ่งเป็นไม้แพง ต้องการกระถางสวย เพื่อประดับในบ้านหลังใหญ่ โรงแรม หรือรีสอร์ท รวมทั้งเป็น
สินค้าส่งออกด้วย

ที่โรงงานเถ้าฮงไถ่นี้มีส่งออกถึง 30 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมดที่ผลิต โดยนำดินดำมาจากลำปาง-เชียงใหม่ พอลงสีเผาแล้วได้สีสดกว่า
ดินราชบุรีที่เป็นดินแดง ส่วนเทคโนโลยีการผลิตนั้นก็เปลี่ยนไปมาก เตาเผาขนาดใหญ่กับกองฟืนสูงๆ เป็นอดีตไปแล้ว เดี๋ยวนี้เป็นเตา
แก๊สที่กำหนดได้เลยว่า เคลือบแล้วเผาด้วยอุณหภูมิกี่องศา นานกี่ชั่วโมง จะได้งานออกมาแบบไหน ใครว่างก็แวะไปชมนะครับ จะได้มี
ความรู้เพิ่มเติมขึ้นมาว่า ตุ่มกับโอ่งแตกต่างกันอย่างไร รวมทั้งคำว่าตีหม้อ ก็เป็นของจริงครับ ตีได้ทั้งวันเลย โดยไม่เกี่ยวกับคำขำขัน
ลามกที่ใช้กันอยู่ทั่วไป







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Red Machine 067 58.9.170.162 อังคาร, 13/10/2552 เวลา : 13:05  IP : 58.9.170.162   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 84340

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,22 พฤศจิกายน 2567 (Online 8500 คน)