คำตอบที่ 27
fiogf49gjkf0d
คอลัมน์: ขับไปคุยไป...เที่ยวทั่วไทย กับ รณชิต: เยือนผาตัดจังหวัดเพชรบูรณ์
ข่าวยานยนต์ หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- อังคารที่ 20 กันยายน 2554 00:00:30 น.
ronchalerm@gmail.com
ทีมงานขับไปคุยไป ได้รับชวนจากกลุ่มคนคอเดียวกัน ที่มีทั้งจี๊ปโบราณ, แลนด์โรเวอร์ และรถออฟโรด จัดทริปพิเศษ บริจาคของให้กับเจ้าหน้าที่สถานีไฟป่าทุ่งแสลงหลวง
และหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.2 (ผาซ่อน
แก้ว)..อ้าว!! ถ้าซ่อนแก้วแล้วจะเอาอะไรชงกาแฟเย็น? พร้อมทดสอบสมรรถนะรถยนต์และสมรรถภาพของตัวเองบนเส้นทางออฟโรด เพราะสุภาษิตเหนือบอกว่า ถ้ามีดพร้า
บ่หมั่นฝน มันก็เป๋นขี้เมี่ยง โดยมุ่งหน้าขึ้นไปชมความงดงามของทะเลหมอกบนผาตัด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสถานที่ความสวยงามของเพชรบูรณ์ ที่หลายๆ ท่านยังบ่เคยสัมผัส
ทริปนี้ก็เช่นเคย ต่างคนต่างมาสามวาสองศอก พร้อมข้าวของต้องใช้ เรื่องนี้รู้กันอยู่แล้ว "ตีเหล็กที่ไหน เปลืองถ่านที่นั่น" มีงานที่ไหน เปลืองเงินที่นั่น เริ่มตั้งแต่ ลุงแหลมลำโขง หนองคาย, คุณเดช-คุณเปิ้ล พรานไพร, คุณภูโน ขอนแก่น, คุณโชค อุบลรัตน์, คุณเบิ้ม-คุณอ๊อด-คุณอ้อ อีเกิ้ลแคมป์ โคราช, คุณเปี๊ยก-คุณเมย์ ลำตะคอง, คุณติ ชลบุรี, เฮียไช้-คุณกีต้าร์ นครสวรรค์, คุณแกะดำ-คุณบิ๊ก ชุมแพ
ส่วนเจ้าภาพหล่มสักและเขาค้อ มีทั้ง คุณอ๊อด, คุณวี, คุณน้อย (สิงห์คะนองน้อย), คุณจู๊สจูเนียร์, น้องทิว หล่มสัก, คุณอู๊ด สกายแล็ป, คุณโหน่ง และคุณพันเอก โดยจุดรวมพลและพักแรมอยู่ที่สถานีไฟป่าทุ่งแสลงหลวง พร้อมร่วมบริจาคของให้กับเจ้าหน้าที่ โดยบริจาคในนามงานประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยที่กว้างขวางสุดขอบฟ้าเขาเขียว เดินสามวันยังไม่รอบเลย
ตั้งขบวนออกจากสถานีไฟป่าทุ่งแสลงหลวง มุ่งหน้าสู่บ้านเข็กน้อย ซึ่งเป็นชุมชนชาวม้ง พร้อมแวะซื้อเสบียงเล็กๆ น้อยๆ เสบียงใหญ่ไม่กล้าซื้อหรอก แก่แล้วฟันห่างกลัวจะเคี้ยวยาก ไม่เหมือนตอนหนุ่มๆ ที่ฟันถี่มาก ก่อนเคลื่อนขบวนเข้าสู่เส้นทางผาตัด ที่เป็นลูกรังผ่านเนินเขาน้อยใหญ่ สองข้างทางเต็มไปด้วยพืชไร่ของชาวบ้าน สภาพอากาศร้อนอบอ้าว มีเมฆบ้างนิดหน่อย เหมาะแก่การปลูกกาชัญ แต่มันผิดกฎหมาย
ขบวนวิ่งขึ้นลงเขาตามเส้นทางของชาวบ้านที่นำรถเข้ามาเก็บเกี่ยวผลผลิตแบบสบายๆ เพราะฝนทิ้งช่วงไป 1 วัน ทำให้เดินทางได้อย่างเรียบง่ายสบายดี ช่องเจ็ดสีทีวีเพื่อคุณเลยครับ เกาะกลุ่มกันมาเรื่อยๆ ก็เข้าเขตป่าชุมชน โดยมีรั้วไม้ที่ชาวบ้านสร้างกั้นไว้อยู่ หลังจากคันแรกเปิดเข้า คันสุดท้ายก็ปิดให้เหมือนเดิม คือต้องเคารพกติกาของสถานที่ที่ไปเยือน ภาษาอีสานต้องพูดว่า มาบ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นงัวปั้นฟายให้ลูกท่านเล่น ซึ่งหมายถึงความสมบูรณ์แบบของสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ต่อมนุษย์ และสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติ ทางภาคเหนือจะพูดว่า กล้วยบ่สุก นกบ่กิน สิ่งที่มีประโยชน์ขึ้นอยู่กับความร่วมมือและกาลเวลาที่เหมาะสม
เอาล่ะนะ กลัวหนังจะยาวเกิน เอาว่าต่างก็ทยอยวินช์กันขึ้นมา แล้วงานก็เข้าหนักเมื่อฝนตกลงมาอีกรอบ จากดินที่เป็นหนังหมูจึงกลายเป็นมันหมูเลยล่ะครับ ทำให้ภารกิจนี้ลำบากขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว เพราะฝนตกมาไม่ถึง 10 นาทีก็หยุด ช่วยผสมดินให้เละเข้าไปอีก แต่ถ้าตกมาอย่างหนักและนานจะทำให้น้ำฝนชะล้างหน้าดินที่เหนียวๆ ออกไปได้ ซึ่งจะปั่นล้อได้ง่ายกว่าเดิมมาก แต่เที่ยวนี้ใช้เต็มเหนี่ยวทั้งวินช์เพลา และโซ่พันล้อ ไม่นับที่เสียหลักจนหันหัวกลับลำ และคลัตช์ไหม้ จึงยอมสยบ นึกว่าจี๊ดจริงอะดิ?
บทสรุปคือ "ไปไม่ถึง กลับก็ได้" เพราะรถมีปัญหาหลายคัน ค่อยๆ ดึงรั้งกันลงมาสมทบกับชุดล่างที่หันหัวกลับรออยู่แล้ว จนชาวคณะกลับออกมาถึงบ้านเข็กน้อย และมุ่งหน้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาค้อที่ ขค.2 (ผาซ่อนแก้ว) เวลาประมาณ 22.00 น. อาศัยเป็นที่ค้างแรม ตั้งวงคุยกันและทำกับข้าว ตอนเช้าก็ได้ร่วมบริจาคของให้กับเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย โดยคุณประทวน พิมพ์สาร (อ่ำ ประชาชน) เป็นผู้รับมอบ ทั้งนี้ต้องขอบคุณ คุณอุดร จันทร์ชิมา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาค้อ ที่เอื้อเฟื้อสถานที่พักแรมในครั้งนี้...เศษแก้วยังบาดคม เศษคารมยังบาดใจ เศษเหล็กยังขายได้ แล้วเศษใจใครจะเอา...แปลว่าคนเราต้องให้กันด้วยหัวใจนะจ๊ะ