คำตอบที่ 10
fiogf49gjkf0d
ต้องอ่านให้จบนะ ปี2553 จุดจบประเทศไทย
> ปี 2553 จุดจบประเทศไทย......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
> เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้.....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด
มีดับ
> ตลอดเวลา.....ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน
>
> สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน
> จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
>
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปัญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
> เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น
> 6-14ประเทศ
> ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
> แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น
> ติมอร์
> และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศอาเจะ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา
>
> ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ
หอประชุมวัฒนธรรมฯ
> คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6
ประเทศ
> แน่นอน!
> ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ
> โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
> ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์
การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
> สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล
>
> ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
>
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
> ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
> เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
> จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียดนามมากิน
> คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
> คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
> เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
> เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
> เนื่องจาก
> สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
> เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๊ยของต่างประเทศ
พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
>
> เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
> และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
> วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย
> รัฐบาลไทยจะไม่มีปัญญาที่จะแก้ไขปัญหาได้
> เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้
> เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
> ไฟฟ้าก็แพงขึ้น น้ำมันก็แพงขึ้น
> โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
> เขาสามารถตั้งราคา
ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า
> เขาจะไม่มีกำไร
> ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ
> ตัดโทรศัพท์
> คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้
>
> ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ
เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
> การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา
> คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
>
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
> เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้
ก็ไม่ามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้ได้
> เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว
> ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
> Carrefour,ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahat,
> McDonal,สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ
>
> ดังนั้น เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก
เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด...
> เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้...รัฐจะอยู่ได้ฤา ?
>
> 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
> เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
> คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
> การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
> จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร
> ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
> ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว
> การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน
>
> จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี ตราด ระยอง ฉะเชิงเทรา
> จะขอแยกตัวตามมา
> เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
> เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ
> ทั้งสมุนไพร
> อาหารต่าง ๆ
> เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
> นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska
จาก
> Russia
> ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่
>
> เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?
>
> ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2
> เกือบทุกวันนั้น
> ไม่น่าเชื่อเลยว่า
หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
> ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
> บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
> รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
> ก่อนล่มจริง...เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด
> รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
> ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ
> ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
> แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
> เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร
> เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86บาท
> เหลือให้คนไทย 14 บาท
> เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิกซี โลตัสเหมือนกัน
>
> นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
> ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น
> เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
> สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5
บาทก็ซื้อที่นี่
> เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
> ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท
>
> ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
> ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
> คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์
> เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
> ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้ ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
> เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด
>
มีต่อ