คำตอบที่ 1
fiogf49gjkf0d
อาหารกับโรคตับ
ตับเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายอยู่ในช่องท้องด้านขวาใต้ลิ้นปี่ เปรียบเสมือน
โรงงานเคมีของร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมกรดแอมิโนในเลือด สังเคราะห์สารต่างๆ เช่น โปรตีน หลายชนิด น้ำดี โคเลสเตอรอล ยูเรีย เป็นต้น ซึ่งจะช่วยควบคุมการแลกเปลี่ยนน้ำระหว่าง เนื้อเยื่อกับเลือด ผลิตสารจำเป็นที่จะนำพาเกล็ดเลือดไปยังผนังหลอดเลือดที่ได้รับบาดเจ็บเพื่อ
ห้ามเลือด นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ย่อยสลายอาหารต่างๆ เก็บสะสมน้ำตาลแป้ง(กลูโคส) ในรูป
ไกลโคเจน ซึ่งจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นน้ำตาลแป้ง(กูลโคส) เมื่อร่างกายต้องการใช้พลังงาน
ทำหน้าที่ขับยาและสารพิษตกค้างออกจากเลือดด้วย โรคที่เกิดกับตับมีหลายชนิด เช่น ตับ อักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ เป็นต้น
อาหารประเภทใดเสี่ยงต่อโรคมะเร็งตับ?...
โรคมะเร็งตับเป็นโรคที่พบบ่อยในคนไทย นอกจากมีสาเหตุสำคัญมาจากภาวะพลังชี่อั้น
ในตับแล้ว อาหารหลายอย่างก็ทำให้เราเสี่ยงต่อโรคนี้ได้เช่นกัน อาทิ อาหารประเภทสุกๆ ดิบๆ
อาหารที่มีสารดินประสิว (ไนเตรทและไนไตรท์) เช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน เป็นต้น อาหารที่มีเชื้อราซึ่งพบมากในอาหารประเภทถั่ว เช่น ถั่วอบแห้ง ถั่วลิสงคั่ว
และป่น ข้าวโพดอบแห้ง พริกป่น เป็นต้น นอกจากนี้ การดื่มสุราเป็นประจำ การเป็นไวรัสตับ
อักเสบชนิดบีหรือซี รวมทั้งการเป็นพาหะไวรัสบีก็เป็นสาเหตุสำคัญของโรคมะเร็งตับด้วย
เมื่อเป็นโรคตับแล้วควรควบคุมอาหารอย่างไร?...
1. จำกัดปริมาณโปรตีน เพราะตับที่ถูกทำลายไม่สามารถจัดการกับโปรตีนได้ดี ทำให้มี
การสะสมแอมโมเนียซึ่งเป็นพิษ
2. รับประทานคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรคตับทำให้การเปลี่ยนคาร์โบไฮเดรต
เป็นไกลโคเจนมีข้อจำกัด ร่างกายจึงต้องการคาร์โบไฮเดรตจากอาหารเพื่อเป็นแหล่งพลังงาน
3. รับประทานไขมันในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อเป็นแหล่งพลังงานและสำหรับวิตามิน
ที่ละลายในไขมัน
4. จำกัดปริมาณของเหลวและโซเดียม เพื่อป้องกันการคั่งของน้ำในช่องท้องและ
ป้องกันหรือลดอาการบวม
5. เพิ่มปริมาณวิตามินและเกลือแร่บางชนิด เนื่องจากตับที่ถูกทำลายจะมีปัญหาการ
สะสมวิตามินและเกลือแร่หลายตัว
ตับเป็นอวัยวะสำคัญ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพตับ โดยรับประทานอาหาที่สมดุลอุดม
ด้วยผัก ผลไม้ รวมทั้งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ให้มีสัดส่วนของสารอาหาร คาร์โบไฮเดรต : ไขมัน :
โปรตีน 50 : 30 : 20 (ยกเว้นกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคอื่น) ดื่มน้ำมากๆ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่ม
มึนเมา เช่น แอลกอฮอล์ รับประทานอาหารที่มีสารแอนติออกซิแดนท์มากๆ เช่น วิตามินเอ
วิตามินอี วิตามินซี เซเลเนียม ไลโคปิน