คำตอบที่ 22
fiogf49gjkf0d
คณะปฏิรูปนําทหารปฏิวัติ
โดย Thairath วัน พุธ ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2549 08:41 น.
กรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศจะชุมนุมครั้งใหญ่ในวันนี้ (20 ก.ย.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อกดดันให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศเว้นวรรคทางการเมือง รวมทั้งเรียกร้องไม่ให้เดินทางกลับประเทศไทยนั้น ล่าสุดนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯ ได้ออกแถลงการณ์กำหนดรูปแบบการชุมนุม พร้อมคาดหมายว่าจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมถึง 5 แสนคน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ประชุมซักซ้อมแผนรักษาความสงบและรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุม โดยจะตั้งด่านตรวจค้นอาวุธและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
พันธมิตรฯลั่นผู้ชุมนุมมี 5 แสนคน
เมื่อวานนี้ (19 ก.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันนี้ (20 ก.ย.) ว่าตอนนี้การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯมีความพร้อมเต็มที่แล้ว ทั้งในเรื่องมวลชนและพื้นที่ โดย ได้ประสานงานกับฝ่ายต่างๆให้เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกกับผู้ชุมนุม รวมทั้งประสานกับตำรวจในเรื่องการรักษาความสงบเรียบร้อย สำหรับการเคลื่อนขบวนนั้นได้นัดหมายกันที่บริเวณเชิงสะพานมัฆวานตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ จากนั้นเวลา 13.00 น. จะเคลื่อนตัวเข้าไปที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อติดตั้งเวที กระทั่งเวลา 17.00 น. จะเปิดเวทีเป็นทางการ ซึ่งจะมีการปราศรัยสลับดนตรีและการแสดงต่างๆไปจนข้ามคืน ส่วนจะเดิน ขบวนไปไหนหรือไม่ จะประชุมแกนนำเพื่อประเมินสถานการณ์แบบวันต่อวัน ขอยืนยันว่าการชุมนุมครั้งนี้ อาจเป็นการต่อสู้ที่ยืดเยื้อกว่าทุกครั้ง คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมเป็นเรือนแสน เพราะเครือข่ายและพันธมิตรตามจังหวัดต่างๆประกาศเข้าร่วม ในเบื้องต้นมั่นใจว่าไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน
เตือน ทรท.อย่าสร้างสถานการณ์
นายสุริยะใสกล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯยังยึดมั่นแนวทางสันติอหิงสา และเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญมาตรา 44 การชุมนุมที่ผ่านมาเป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ปรารถนาความรุนแรงหรือการเผชิญหน้ากับกลุ่มจัดตั้งของพรรคไทยรักไทยที่พยายามราวี กล่าวหา ยั่วยุสารพัดรูปแบบ อย่างไรก็ตาม อยากเตือนพรรคไทยรักไทยว่า ขอให้หยุดสร้างสถานการณ์การเผชิญหน้าได้แล้ว ถ้าอยากให้วิกฤติการเมืองไทยได้รับการแก้ไข สมาชิกพรรคไทยรักไทยควรเข้าชื่อเรียกร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยุติบทบาททางการเมืองจะดีกว่า
มั่นใจ กกต.ไม่สั่งให้ยุติการชุมนุม
นายสุริยะใสกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่พรรคไทยรักไทยจะยื่นเรื่องให้ กกต.ใช้กฎหมายเลือกตั้งสั่งระงับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯนั้น ทางกลุ่มพันธมิตรฯไม่หวั่นไหว เพราะเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นกฎหมายแม่ ทั้งศาลและอัยการก็เคยวินิจฉัยเรื่องนี้เป็นบรรทัดฐาน เช่น กรณีที่ศาลไม่อนุมัติออกหมายจับแนวร่วมพันธมิตรฯ และการที่อัยการสูงสุดวินิจฉัยสำนวนคำร้องยุบพรรคประชาธิปัตย์ ที่ระบุว่าการจัดชุมนุมหรือการไปขึ้นเวทีปราศรัยถือว่าไม่ผิดกฎหมาย และในการเลือกตั้งเมื่อ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มพันธมิตรฯก็ชุมนุมถึงวันที่ 1 เม.ย. กกต.ชุดที่แล้วก็ไม่ได้ดำเนินคดี ดังนั้นกกต.ชุดใหม่คงไม่บ้าจี้ไปกับพรรคไทยรักไทยแน่ อยากให้ทีมกฎหมายพรรคไทยรักไทยไปอ่านกฎหมายเลือกตั้งใหม่ เจตนารมณ์กฎหมายเลือกตั้งมุ่งควบคุมกำกับพฤติกรรมผู้สมัครและหัวคะแนน กลุ่มพันธมิตรฯไม่ใช่พรรคการเมือง แต่เป็นการเมืองภาคประชาชน
สันติอโศกระดมพลร่วมหนุน
ร.ท.แซมดิน เลิศบุศย์ ประธานชุมชนสันติอโศก กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอโศกว่า ขณะนี้ ญาติธรรมจากสาขาต่างๆ เริ่มทยอยเดินทางมารวมตัวกัน เพื่อเตรียมเข้าร่วมในการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยจะมีการประชุมเพื่อวางแนวทางการชุมนุมกันอีกครั้ง กลุ่มสันติอโศกพร้อมปักหลักยืดเยื้อเหมือนการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา และเตรียมตั้งเต็นท์พักค้างแรมที่บริเวณหน้าสวนอัมพร ซึ่ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯจะค้างแรมร่วมกับชาวสันติอโศกด้วย จนกว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะลาออก ทั้งนี้ กลุ่มสันติอโศกจะทำหน้าที่ดูแลให้บริเวณการชุมนุมมีความสงบ รวมทั้งดูแลเรื่องอาหารและความสะอาด แต่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการปราศรัยบนเวที เชื่อว่าการร่วมชุมนุมครั้งนี้มีแนวโน้มว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากประชาชนเริ่มเห็นข้อบกพร่องในเรื่องจริยธรรมมากขึ้น
วอนกองทัพคุ้มครองชาติ
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก กลุ่มประชาชนประมาณ 10 คน นำโดยนางเพ็ญจิต ปัญญวรรณสิริ ข้าราชการบำนาญ เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. เพื่อให้กองทัพช่วยคุ้มครองและให้มีการดำเนินการเพื่อสันติสุขของชาติ โดยมี พ.อ.พลภัทร วรรณภักตร์ รองเลขานุการกองทัพบก ออกมารับหนังสือแทน นางเพ็ญจิตกล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯจะนัดชุมนุมใหญ่ ในวันที่ 20 ก.ย. คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก จึงขอวิงวอนกองทัพช่วยปกป้องชีวิตและสวัสดิภาพของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขอให้ดำเนินการให้สถานการณ์ของประเทศคลี่คลายเข้าสู่การปฏิรูปทางการเมืองให้เป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างครบถ้วน ซึ่งต้องไม่ใช่การเลือกตั้งที่ทุจริตและลบหลู่ศักดิ์ศรีของประชาชนด้วยการซื้อเสียง หรือหาเสียงด้วยเล่ห์ ทำลายความรักความสามัคคีของคนในชาติ ขัดขวางการมีส่วนร่วมของประชาชน โปรดวิเคราะห์และตัดสินใจให้ถูกต้องด้วยความกล้าหาญ อย่าพายเรือให้โจรนั่ง นำประเทศไปสู่ความสันติสุข
หมอประเวศ ติงรัฐบาลอย่ายั่วยุ
นพ.ประเวศ วะสี นักวิชาการชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ถึงการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯว่า การชุมนุมอย่างสันติเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรง หรือมีการทำร้ายกัน ทุกคนมีความคิดที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ คนที่ไม่เห็นด้วยกับเราก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่อย่าใช้กำลังทำร้ายทุบตีกันอย่างที่เคยทำ เพราะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย การชุมนุมในระบอบประชาธิปไตยเป็นเรื่องธรรมดา ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็มีการเดินขบวนอย่างสันติวิธี หากคิดเห็นต่างกันก็ให้ชุมนุมกันคนละวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะหรือยั่วยุ เท่าที่ทราบฝ่ายพันธมิตรฯระวังอย่างเต็มที่ ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรปลุกปันยั่วยุให้คนกลุ่มต่างๆ ใช้ความรุนแรงทำร้ายกัน หากเกิดความรุนแรงขึ้น ผู้เสีย เปรียบคือฝ่ายรัฐบาล
ชี้หลังเลือกตั้งวิกฤติก็ไม่คลี่คลาย
นพ.ประเวศกล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ให้คำแนะนำรัฐบาลมามากแล้ว และคิดว่าจะหยุดพูดจนกว่าวิกฤตการณ์ ในสังคมสิ้นสุดลงจึงจะพูดใหม่ เพราะคนไทยจะกลับมาคืนดีและสมานฉันท์กัน แต่ทั้งนี้ไม่สามารถตอบได้ว่าวิกฤตการณ์ครั้งนี้จะสิ้นสุดลงอย่างไร เมื่อไหร่ แต่คิดว่าคงไม่ใช่หลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
นักวิชาการหวั่นเกิดเหตุระเบิด
วันเดียวกัน ที่คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เครือข่ายจุฬาเชิดชูคุณธรรมนำประชาธิปไตย (จคป.) นำโดยนายอนันต์ เหล่าเลิศวรกุล อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ นายกิตติ ศิริวัฒน์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ พร้อมตัวแทนอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ร่วมกันแถลงจุดยืนของจคป.กับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯว่า จคป.ได้ถกเถียงในเรื่องนี้อย่างหนัก และเห็นว่าการเคลื่อนไหวในการให้ข้อมูลกับประชาชนเหมาะสมแล้ว อย่างไรก็ตาม ขอเรียกร้องให้ใช้สิทธิอย่างสงบ ต้องมีสติ พยายามอดทนให้มากที่สุด เพราะการชุมนุมของพันธมิตรฯ ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติกว่าการชุมนุมครั้งก่อน มีกลุ่มผู้ไม่หวังดีอาศัยเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความรุนแรงได้ จึงขอให้ประชาชนตั้งสติให้มาก ซึ่งเหตุการณ์ลอบวางระเบิดที่ภาคใต้บ่งบอกว่าอาจเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในทุกที่ที่มีการรวมตัวกัน โดยเหตุการณ์จะมาจากพื้นฐานที่คล้ายกันคือความขัดแย้งของประชาชน จึงขอเรียกร้องไม่ให้ประชาชนมีความรู้สึกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน
ไทกร แฉพรรคใหญ่ระดมขนกลุ่มผุ้ชุมนุม
อีกด้านหนึ่ง นายไทกร พลสุวรรณ ผู้ประสานงาน กลุ่มอีสานกู้ชาติ แถลงว่า จากการเก็บข้อมูลในภาคอีสาน พบว่ามีกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคการเมืองใหญ่ นำโดยอดีต ส.ส. อุดรธานี เริ่มระดมประชาชนในภาคอีสานตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ตั้งเป้าไว้ 100,000 คน และได้จ่ายเงินว่าจ้างชาวบ้านคนละ 200 บาท ส่วนระดับแกนนำคนละ 1,000 บาท ให้มาร่วมชุมนุมใหญ่ที่ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี ในเช้าวันที่ 23 ก.ย.นี้ โดยมีการจัดรถรับส่งและอาหารแก่ ผู้ชุมนุมตลอดงาน ทั้งนี้ กลุ่มคนรักอุดรฯจะเปิดเวทีปราศรัย รอการเดินทางมาสมทบของกลุ่มประชาชนจากจังหวัดต่างๆ และเย็นวันเดียวกัน แกนนำจะประชุมกำหนดท่าทีเตรียมเคลื่อนขบวนเข้าสู่ กทม. เพื่อแสดงพลังสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป และต้องการแสดงพลังเหนือกว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นขอเรียกร้องให้ประชาชนอย่าตกเป็นเครื่องมือ เพราะมีรายงานว่าจะมีมือที่สามเข้ามาวางระเบิดที่ซุกซ่อนในกระติบข้าวเหนียวของผู้ร่วมชุมนุม หรืออาจมีการทำร้ายแกนนำ เพื่อสร้างความชอบธรรมในการประกาศใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วประเทศ
กก.สิทธิฯ เกาะติดคดีทุบผู้ชุมนุม
ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะอนุกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในกระบวนการยุติธรรม ที่มีนายสุรสีห์ โกศลนาวิน กรรมการสิทธิฯ เป็นประธาน ได้เชิญเจ้าหน้าที่ตำรวจมาชี้แจงความคืบหน้าคดีทำร้ายร่างกายระหว่างกลุ่มสนับสนุนและกลุ่มคัดค้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ที่บริเวณห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน และห้างเซ็นทรัลเวิลด์ พลาซ่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่ง พ.ต.อ.วัลลภ ปทุมเมือง ผกก.สน.ปทุมวัน ชี้แจงว่า ได้มีการดำเนินคดี 11 คดี ส่วนที่ไม่สามารถดำเนินคดีได้ครบเพราะเจ้าทุกข์ไม่แจ้งความ ด้านนายสุรสีห์กล่าวว่า คณะกรรมการฯ มีข้อมูลครบ แต่ต้องฟังความคืบหน้า ของคดีจากตำรวจ ส่วนการชุมนุมของพันธมิตรฯนั้นเป็นการแสดงความเห็นตามรัฐธรรมนูญ เพราะนายกฯ เป็นบุคคลสาธารณะ แต่ถ้ามีการพูดพาดพิงทำให้เกิดความเสียหาย ผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย สิ่งที่ห่วงคือการทำหน้าที่ของตำรวจ ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายเท่าเทียมกัน
ทรท.ร้อง กกต.สกัดกลุ่มพันธมิตรฯ
ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคไทยรักไทย เมื่อเวลา 10.45 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงาน กกต. ตัวแทนพรรค ไทยรักไทย นำโดยนายสุธรรม แสงประทุม กรรมการบริหาร พรรค นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล และ ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ทีมกฎหมายของพรรค ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือให้ กกต. พิจารณา กรณีที่ประชาชนบางกลุ่มจัดชุมนุมกันใส่ร้ายพรรคการเมืองบางพรรค ทั้งที่อยู่ในช่วงมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ถือเป็นการทำผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง มาตรา 44 โดย ตัวแทนพรรคไทยรักไทยได้มอบหลักฐานเป็นซีดีบันทึกภาพการชุมนุมที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมทั้งขอเวลาหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเพื่อชี้ให้เห็นกระบวนการเชื่อมโยง และขอปรึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไร กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่นัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 ก.ย.นี้ ทั้งนี้นายสถาพร สันติบุตร รอง เลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต. พร้อม ด้วย พ.ต.อ.สุพัฒน์ รัตนวราหะ รองเลขาด้านสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัย ได้ลงไปรับหนังสือจากตัวแทนพรรคไทยรักไทย โดยระบุว่า จะนำข้อมูลที่ได้รับเสนอต่อ กกต.ทั้ง 5 หลังจาก ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว
เก็บหลักฐานเอาผิดย้อนหลัง
จากนั้นตัวแทนพรรคไทยรักไทยได้เข้าหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ กกต. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดย พ.ต.อ.สุพัฒน์เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ ผอ.กต.จังหวัดส่งเจ้าหน้าที่ไปเก็บข้อมูลการปราศรัยต่างๆที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ เพราะหากมีผู้นำเรื่องมาร้องเรียนจะได้นำข้อมูล ดังกล่าวไปประกอบไว้ในสำนวนให้ กกต.พิจารณา ขณะที่ นายสุธรรมกล่าวว่า พรรคไทยรักไทยจะรวบรวมข้อเท็จจริงการปราศรัยที่ผ่านมาของกลุ่มพันธมิตรฯที่ จ.นครราชสีมา กทม. และที่จะเตรียมปราศรัยในวันที่ 20 ก.ย.นี้ หากพบ อะไรไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็จะนำเสนอให้ กกต.พิจารณา นอกจากนี้ทางพรรคได้สั่งสมาชิกทุกคนไม่ให้พาประชาชนออกมาชุมนุม และไม่ให้จัดคนมาชุมนุมที่ กทม. เพราะไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายบานปลายนำไปสู่ความรุนแรง พร้อมกันนี้อยากให้ กกต.วางกรอบการชุมนุมใน ช่วงที่มีการเลือกตั้งให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะในอนาคตถ้ากลุ่มใดไม่พอใจพรรคการเมืองใดแล้วออกมาเดินขบวนประท้วง ก็จะเกิดความวุ่นวาย
แขวะพันธมิตรฯสุขภาพจิตเสื่อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประเมินสถานการณ์อย่างไรที่กลุ่มพันธมิตรฯประกาศจะชุมนุมยืดเยื้อจนกว่า พ.ต.ท. ทักษิณจะออกจากการเมือง นายสุธรรมตอบว่า ที่ผ่านมา ก็ยืดเยื้อมาแล้วหลายครั้ง และมักพูดว่าเป็นครั้งสุดท้ายเกือบทุกครั้ง แต่ก็ยังมีการชุมนุมมาจนวันนี้ อยากเรียกร้องต่อกลุ่มพันธมิตรฯ อย่าซ้ำเติมสถานการณ์เลย พ.ต.ท. ทักษิณเป็นคนไทยคนหนึ่ง ย่อมมีสิทธิตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ทุกประการ ถ้าประชาชนเลือกก็มีสิทธิจะเป็นนายกฯ และวันนี้สมาชิกพรรคทุกคนปรารถนาให้ พ.ต.ท. ทักษิณทำหน้าที่นี้ต่อไป ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯไม่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยนั้น ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาด ต้องจับตรวจสุขภาพกันหน่อยแล้ว สุขภาพจิต เกินเลยไปมาก เพราะไม่เคยมีคนไทยคนใดที่จะสามารถสกัดคนไทยที่มีสิทธิเสรีภาพโดยสมบูรณ์และเป็นนายกฯไม่ให้เข้าประเทศได้ ทั้งนี้กำหนดการเดินทางกลับของ พ.ต.ท.ทักษิณ คิดว่ายังเป็นกำหนดการเดิม นายกฯไม่ได้ กลัวการข่มขู่ของคนกลุ่มนี้ บ้านเมืองมีกฎหมาย มีเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
เตรียมแจ้งจับ สนธิ ข้อหากบฏ
นายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคไทยรักไทย กล่าวว่า วันนี้ (20 ก.ย.) เวลา 11.00 น. จะเดินทางไปที่กองปราบปรามเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ และพวก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113, 116 และ 210 ข้อหาก่อการกบฏ เป็นภัยต่อความมั่นคงของราชอาณาจักร มีความพยายามล้มล้างระบอบประชาธิปไตย โดยจะนำหลักฐานไปแสดงว่ามีพฤติกรรมล้มล้างรัฐธรรมนูญอย่างไร
เตือนอย่าละเมิดสิทธิคนอื่น
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มพันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 20 ก.ย. กดดันให้นายกฯยุติบทบาททางการเมืองว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 215 ถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ ดังนั้น การจะเคลื่อนไหวอะไรต้องอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญไม่ได้จำกัดสิทธิของใครในการไม่ให้ลงเลือกตั้ง เรื่องนี้นักวิชาการต่างๆน่าจะรู้ดีว่ากรอบของกฎหมายให้สิทธิอะไร ดังนั้น แม้รัฐธรรมนูญจะให้สิทธิประชาชนทุกคนให้มีส่วนร่วมในทางการเมือง แต่การเคลื่อนไหวต้องไม่ไปละเมิดสิทธิของคนอื่น อย่าละเมิดกฎหมาย ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯยื่นเงื่อนไขไม่ต้องการให้นายกฯเดินทางกลับประเทศไทยนั้นตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุที่จะไปบังคับใครว่าห้ามทำอะไรต่างๆ ดังนั้น ประเด็นการละเมิดสิทธิคนอื่นกฎหมายก็ต้องดูแล ไม่ว่าจะเป็นใคร
มท.ตั้งศูนย์เฉพาะกิจเกาะติดข่าว
พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูแลให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ โดยในวันที่ 20 ก.ย.นี้ กระทรวงมหาดไทยจะตั้งศูนย์เฉพาะกิจติดตามการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หากไม่มีการกระทำอะไรเกินเลย จะชุมนุมยืดเยื้อกี่วันก็สามารถทำได้
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวกระทรวงมหาดไทยจัดเตรียมม็อบจากองค์กรปกครองท้องถิ่นให้มาชนกับม็อบกลุ่มพันธมิตรฯว่า กระทรวงมหาดไทยไม่เคยสั่งการอย่างนั้น เพราะการชุมนุมโดยสงบ ไม่ขัดต่อหลักกฎหมาย เป็นสิทธิที่ทำได้ อย่างไรก็ตามจะกำชับให้ ผวจ.ไปดูสถานการณ์ในภาพรวมหากมีการชุมนุมเกิดขึ้น ถ้าพบว่าการชุมนุมอาจจะมีปัญหา ก็จะให้ ผวจ.ไปทำความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุมก่อน
ชิดชัย สั่งตั้งด่านตรวจค้นอาวุธ
พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้จะไปให้นโยบายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ บช.น. เพื่อให้ใช้ความอดทนอดกลั้น พยายามแก้ปัญหาโดยสันติให้มากที่สุด เหมือนกับที่ทำในช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และให้หลีกเลี่ยงการพกพาอาวุธ และให้ตั้งด่านตรวจค้นอาวุธหรือสิ่งของที่จะใช้เป็นอาวุธได้จากคนที่จะเข้าร่วมชุมนุม ถ้าไม่ตรวจค้นก็ห่วงว่าจะเกิดมือที่สามมาป่วนได้ ช่วงที่เข้าสู่การเลือกตั้งมีผู้ไม่ปรารถนาดีต่อประเทศพยายามหาโอกาสป่วนอยู่แล้ว ดังนั้น ต้องฝากไปยังประชาชนให้ใช้ดุลพินิจให้ดีในการที่จะมาร่วมชุมนุม
ตร.ประชุมซ้อมแผนรับมือ
เช้าวันเดียวกัน ที่ บช.น. พล.ต.ท.วิโรจน์ จันทรังษี ผบช.น. เรียกประชุมนายตำรวจระดับรอง ผบช.น. ผบก.น.1-9 ผบก.ตปพ. ผบก.จร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทบทวนการปฏิบัติหน้าที่และซักซ้อมความเข้าใจแผนปฏิบัติการดูแลความสงบเรียบร้อย และรักษาความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุมที่จะเดินทางไปชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯในวันนี้ (20 ก.ย.) ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดย พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว. ยุติธรรม ตามไปเข้าร่วมประชุมในช่วงบ่าย ภายหลังการ ประชุม พล.ต.อ.ชิดชัยกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ปรับแผนการทำงานโดยเน้นเป็นพิเศษที่การระมัดระวังเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น และการตรวจค้นกลุ่มบุคคลที่เข้าร่วมชุมนุม ส่วนพื้นที่ของการชุมนุมนั้นคงต้องดูอีกครั้ง เพราะเป็นพื้นที่ที่ใกล้เขตพระราชฐาน รวมทั้งการใช้เครื่องขยายเสียงที่คงต้องขอความร่วมมือตามความเหมาะสม
หวั่นผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์
ขณะที่ พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมให้ปฏิบัติอยู่ในกรอบระเบียบกฎหมาย ไม่กระทำการใดที่เป็นการละเมิดสิทธิผู้อื่น และให้ระมัด ระวังตัวเองด้วย เพราะอาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีหรือกลุ่มมือที่สามยั่วยุให้เกิดความวุ่นวายได้ หากพบเห็นสิ่งพิรุธต้องสงสัยหรือสิ่งใดที่จะเป็นอันตราย ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที ซึ่งมีกำลังตำรวจจากหลายหน่วยทั้ง บก.น.1-9 ตำรวจชุดปราบจลาจล ดูแลบริเวณรอบนอก และจะมีการนำแผงเหล็กมาปิดกั้นประตูเข้า-ออก 4 ด้าน ตรวจค้นอาวุธ สิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งที่สามารถนำมาเป็นอาวุธ เช่นขวดแก้ว รวมทั้งสิ่งเสพติดและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด ห้ามนำเข้าโดยเด็ดขาด แผนปฏิบัติกับกลุ่มผู้ชุมนุมครั้งนี้ใช้แนวเจตนารมณ์เดิมคือ ตำรวจจะไม่ทำร้ายประชาชน ไม่ใช้อาวุธ ไม่ใช้ความรุนแรง สำหรับการจราจรจะไม่มีการปิดถนน แต่จะตั้งด่านสกัดบนถนนทุกสายที่มุ่งหน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลไม่หวังดีเข้าไปสร้างสถานการณ์ ทั้งนี้ จะนำแผนพิทักษ์เมืองดูแลพื้นที่รอบนอกเมืองเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน
บิณฑ์ ขอแผงกั้นบวงสรวง ร.5
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ ผบช.น.เรียกประชุมซักซ้อมแผนรักษาความปลอดภัยอยู่นั้น นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดง ได้เดินทางไปที่ บช.น. เพื่อประสานขอแผงเหล็ก 30 แผงจากตำรวจนครบาลไปใช้กั้นพื้นที่รอบพระบรมรูปทรงม้าระหว่างประกอบพิธีบวงสรวงเนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพรัชกาลที่ 5 ในวันนี้ (20 ก.ย.) เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป โดยนายบิณฑ์กล่าวว่า คณะทำงานได้จัดพิธีดังกล่าวต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 16 แล้ว ได้ทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่จากสำนักพระราชวังและสำนักงานเขตดุสิตเรียบร้อย ก่อนจะมีการนัดชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้น จึงมาขอความอนุเคราะห์ จาก ผบช.น.ในการจัดกำลังตำรวจดูแลความเรียบร้อย ไม่ให้มีการรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ระหว่างประกอบพิธี เพราะเกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายและเข้าใจผิดกันว่ากลุ่มของตนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมือง
ผบ.ทหารสูงสุดเตือนระวังมือที่ 3
พล.อ.เรืองโรจน์ มหาศรานนท์ ผบ.ทหารสูงสุด ให้สัมภาษณ์ว่า หวังว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในวันที่ 20 ก.ย.จะเป็นไปอย่างสันติ อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย และไม่เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง หากการชุมนุมยืดเยื้อออกไปเกรงว่าจะมีมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องระมัดระวังกัน เพราะเป็นสิ่งที่คาดไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายพยายามดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามว่าท่ามกลางปัญหาบ้านเมืองอย่างนี้ หากมีการชุมนุมอีกจะนำไปสู่ความวุ่นวายมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.เรืองโรจน์ตอบว่า ถ้าไม่เอาเรื่องการเมืองกับเรื่องการก่อเหตุร้ายมารวมกันก็ไม่น่าจะมีผลอะไร ดังนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมจะต้องชุมนุมให้เป็นเรื่องเป็นราว อย่านำเหตุการณ์ต่างๆมารวมกัน เพราะจะทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้น
ทักษิณ ลั่นไม่อ่อนข้อให้กลุ่มชุมนุม
ส่วนความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 16 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปกับคณะของนายกฯรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย. เวลา 10.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) พ.ต.ท.ทักษิณได้เข้าร่วมประชุมกับสภาหอการค้าสหรัฐฯและอาเซียน โดยได้ยืนยันถึงภาวะความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมโน้มน้าวให้สหรัฐฯทำเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับไทย
จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณได้ไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันและกล่าวสุนทรพจน์กับองค์กรเอกชนของสหรัฐฯ ว่า ประชาธิปไตยที่แข็งแรงและมั่นคงจะคงอยู่ได้ด้วยปัจจัย 2 ประการคือ การสร้างความมั่นคงของประชาชน และการยึดหลักการในระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงหรือความขัดแย้ง การเลือกตั้งต้องมีอิสระและยุติธรรม ต้องไม่ยอมอ่อนข้อให้กับกลุ่มที่ไม่พอใจผลการเลือกตั้ง ต้องเป็นไปตามกระบวนการ ไม่ใช่เป็นไปตามการประท้วงตามท้องถนน
สั่ง ตร.-อัยการเล่นงานตามกฎหมาย
ต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณได้เป็นประธานการประชุม ครม.ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต โดยใช้เว็บคาเมร่าจากห้องพักในโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท นครนิวยอร์ก ซึ่งตรงกับเวลาไทยประมาณ 09.00 น. วานนี้ (19 ก.ย.) โดย พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ตอนนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้งก็จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นคือ 1.เรื่องของการเมือง 2.เรื่องของคนที่ผสมโรง ดังนั้นขอฝาก รมว.ยุติธรรม ผบ.ตร.และอัยการสูงสุดว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ขอให้ทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเคร่งครัด ยึดหลักความเป็นข้าราชการอาชีพคือข้าราชการต้องทำงานไปตามหน้าที่ สำหรับการเดินทางมาประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งนี้ก็พบการประท้วงบ้าง และก็มีฝ่ายที่มาชุมนุมเชียร์ให้กำลังใจ ถือเป็นเรื่องปกติของระบอบประชาธิปไตย เพราะคนไทยในสหรัฐฯ เป็นห่วงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทย เป็นห่วงทั้งเรื่องความไม่สงบในภาคใต้ และการสะดุดทางการเมือง โดยเฉพาะเรื่องการลอบสังหารที่มีข่าวว่าเป็นฝีมือของทหารบางกลุ่ม กลัวว่าจะนำไปสู่การปฏิวัติ ซึ่งตนก็ได้เล่าข้อเท็จจริงให้คนไทยในสหรัฐฯ ได้รับทราบแล้ว
ห้าม รมต.บินไปเมืองนอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการประชุม ครม.ที่มีการพูดถึงปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับทราบว่ามีรัฐมนตรีบางคนไม่อยู่ในที่ประชุม จึงกล่าวขึ้นอย่างมีอารมณ์ว่า สถานการณ์ ทางการเมืองปัจจุบันยังไม่มีความแน่นอน รัฐมนตรีจึงไม่ควรจะเดินทางไปต่างประเทศ ให้โทรศัพท์เรียกรัฐมนตรีที่อยู่ต่างประเทศกลับมาให้หมด ผมเคยบอกไปแล้วว่าถ้าไม่จำเป็นไม่ให้ไปต่างประเทศ ยกเว้นจะเป็นการประชุมสำคัญอย่างเอเปค อาเซม หรือติดภารกิจการเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จ แต่ถ้าเป็นงานอื่นให้มอบหมายผู้ช่วยรัฐมนตรีไปร่วมประชุมแทน ถ้ารัฐมนตรีคนใดจะไปต่างประเทศก็ขอให้มาขออนุมัติกับผมล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์
เลื่อนกลับเมืองไทยเร็วขึ้น 1 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเลื่อนกำหนด การเดินทางกลับประเทศเร็วขึ้น จากเดิมที่กำหนดเดินทางกลับถึงประเทศไทยในเวลา 01.00 น. วันที่ 22 ก.ย. เป็นการเดินทางกลับถึงไทยในเวลา 05.00 น. วันพรุ่งนี้ (21 ก.ย.) โดยคณะของฝ่ายไทยได้ขอกับสหประชาชาติให้ พ.ต.ท. ทักษิณกล่าวปาฐกถาเร็วกว่ากำหนด 1 วัน อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันแน่ชัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะลงเครื่องที่สนามบินดอนเมือง สนามบินกองทัพอากาศ หรือสนามบินสุวรรณภูมิ
น.อ.มณฑล สัชฌุกร รองโฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยให้นายกฯที่กลับจากต่างประเทศ โดยมีลักษณะเดียวกับตอนเดินทางขาไป
อภิสิทธิ์ หวั่นกลุ่มชุมนุมปะทะกลุ่มชุมนุม
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯนัดชุมนุมใหญ่ในวันเดียวกันนี้ ว่ารู้สึกเป็นห่วงเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดการเผชิญหน้า ดังนั้น ขอให้ชุมนุมอย่างสงบ แสดงออกภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญ แต่ละฝ่ายควรเคารพสิทธิของกันและกัน อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมีกลุ่มที่เหมือนจงใจเผชิญหน้ากัน ส่วนที่กลุ่มพันธมิตรฯห้าม พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทยนั้น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณในฐานะคนไทยมีสิทธิอยู่ในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถแสดงความเห็นว่าไม่อยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้ สำหรับกรณีที่พรรคไทยรักไทย ฟ้องร้อง กกต.เพื่อไม่ให้มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในช่วงที่ พ.ร.ฎ. เลือกตั้งมีผลบังคับใช้นั้น ถ้าเห็นว่าการชุมนุมมีการละเมิดกฎหมาย ก็เป็นสิทธิที่ยื่นเรื่องร้องเรียนได้ แต่ขออย่าไปใช้อิทธิพลข่มขู่ บังคับขู่เข็ญ ใส่ร้าย
เบรก ทรท.ขนกลุ่มชุมนุมเข้ากรุง
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยจะขนกลุ่มอีสานมาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯว่า ขอเรียกร้องให้สมาชิกพรรคไทยรักไทยภาคอีสานหยุดความคิดที่จะขนกลุ่มชุมนุมมาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯที่นัดชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าในวันเดียวกันนี้ เพราะเกรงจะเป็นการเผชิญหน้าจนก่อให้เกิดความรุนแรงระหว่างประชาชน ส่วนกรณีที่สมาชิกพรรคไทยรักไทยจะล่ารายชื่อสนับสนุน พ.ต.ท. ทักษิณเป็นนายกฯต่อไปนั้น เป็นสิทธิที่ทำได้
นายองอาจยังกล่าวถึงการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งว่า นายอภิสิทธิ์จะเดินทางไปที่ จ.สมุทรปราการในช่วงสายวันเดียวกันนี้ เพื่อประกาศวาระประชาชนด้านการกระจายอำนาจ แรงงานและอุตสาหกรรม และในช่วงบ่ายจะเดินทางไป จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อประกาศวาระประชาชนด้านการแก้ปัญหาความยากจน พร้อมเปิดตัว ผู้สมัคร ส.ส.ของทั้ง 2 จังหวัด
ลือหึ่ง!ทหารปฏิวัติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ได้เกิดกระแสข่าวสะพัดว่าการปฏิวัติรัฐประหาร เพื่อยึดอำนาจก่อนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยเฉพาะมีข่าวลือการเคลื่อนกำลังพลของกองทัพบกใน จ.ลพบุรี และกองทัพภาคที่ 3 อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นไปยังต้นสังกัดพบว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนกำลังทหาร 4 กองพันของกองทัพภาคที่ 3 และเคลื่อนกำลัง 5 กองพันของกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ กองทัพภาคที่ 1 แต่เป็นการเคลื่อนกำลังเพื่อไปผลัดเปลี่ยนกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามกรอบงบประมาณ นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนกำลังพลจากกองพันทหารม้าที่ 23 และกองพันทหารม้าที่ 24 กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ เพื่อเตรียมจัดกำลังบางส่วนที่จะไปปฏิบัติงานสนับสนุนกองกำลังผาเมือง ที่ปฏิบัติภารกิจป้องกันอธิปไตยตามแนวชายแดนที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีการฝึกกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย และฝึกซ้อมกำลังพลที่จะลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
ผบ.ทบ.กำชับหน่วยใน กทม.ดูแลที่ตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี ได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้เตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน หากเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรงเกิดขึ้น ขณะเดียวกันพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงของกองทัพบกติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยที่อยู่ใน กทม. ดูแลที่ตั้งของหน่วยตัวเอง ทั้งนี้ กองทัพบกยังคงใช้แผน ปฐพี 149 2 ขั้นคือ ขั้นที่ 1 ให้กำลังพลอยู่ประจำฐานที่ตั้งตามปกติ และขั้นที่ 2 ให้กำลังพลออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอกที่ตั้งของหน่วย กรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ หรือกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมมีการพัฒนาใช้กำลังรุนแรงด้วยการทำลายอาคารสถานที่ต่างๆ
นายทหารระดับสูงผู้หนึ่งยืนยันว่า กองทัพบกได้เตรียมกำลังความพร้อมจริง กรณีเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน โดยมีการใช้รหัสลับในการทำงานคือ วัน น และ เวลา น เพื่อเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง
หลายวงการโทร.เช็กข่าวกันวุ่น
สำหรับกระแสข่าวดังกล่าวได้สร้างความหวั่นวิตกแก่บุคคลหลากสาขาอาชีพ ทั้งนักการเมืองระดับสูง นายทหาร ตำรวจ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ต่างโทรศัพท์เช็กข่าวกันเป็นระยะตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยตรวจสอบว่าทหารกำลังเตรียมการปฏิวัติจริงหรือไม่ เป็นทหารกลุ่มไหน เพราะมีข่าวลือออกมา 2 ด้าน ทางหนึ่งลือว่าทหารสายที่มีความใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณเป็นฝ่ายคิดก่อการ แต่อีกด้านหนึ่งลือว่าทหารอีกฝ่ายต้องการยึดอำนาจจาก พ.ต.ท. ทักษิณ โดยเฉพาะในช่วงเย็นข่าวลือได้แพร่เข้าไปในวงการธุรกิจและตลาดหลักทรัพย์ ถึงขนาดที่โบรกเกอร์ต่างชาติยังตามเช็กข่าวด้วย เพราะถึงแม้จะได้รับข่าวในช่วงเย็นที่ตลาดฯใกล้ปิดแล้ว แต่จะมีผลต่อมูลค่าหุ้นในช่วงเปิดตลาดของวันรุ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทเอกชนบางบริษัทยังมีคำสั่งไม่ให้พนักงานทำงานนอกเวลา (โอที) เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของพนักงาน
สนธิ เก็บตัวในเซฟเฮาส์
ขณะเดียวกัน แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยคนหนึ่งเปิดเผยว่า ตอนนี้แกนนำพันธมิตรฯทุกคนทราบข่าวการปฏิวัติแล้ว และได้เตรียมความพร้อมทุกเมื่อ โดยเฉพาะนายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกนำตัวไปอยู่ในยังที่ปลอดภัยแล้ว จะเปิดแถลงข่าวทันทีหากมีเหตุการณ์ใดๆเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่บริเวณบ้านท่าพระอาทิตย์ ที่พักของนายสนธิปรากฏว่ามีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคัก
ตกเย็นหน่วยรบพิเศษเริ่มขยับ
ผู้สื่อข่าวสายทหารรายงานจากกองบัญชาการกองทัพบกว่า เมื่อเวลา 20.30 น. มีรถบัสกรุงเทพฯ-ลพบุรี จำนวน 4 คัน บรรทุกทหารกำลังของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ พร้อมอาวุธครบมือและเครื่องยังชีพ ทยอยเข้าไปด้านหลังกองบัญชาการกองทัพบก นอกจากนี้ยังมีรถบัสของกรมการขนส่งทหารบก จำนวน 2 คัน และรถตู้อีกประมาณ 6 คัน บรรทุกทหารจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ โดยมีนายทหารระดับเสนาธิการคุมขบวนมาด้วย กระจายกำลังล้อมกองบัญชาการกองทัพบกเพื่อรักษาฐานที่ตั้ง นอกจากนี้ ยังมีรถโมบายถ่ายทอดสดของ ททบ.5 อีก 1 คัน มาเตรียมพร้อมรอปฏิบัติงาน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่จากกรมกิจการทหารบกได้มาประสานงานกับสื่อมวลชนเพื่อขอร้องในการเสนอข่าว และขอให้อยู่ในกองทัพอย่างสงบเรียบร้อย โดยระบุว่าในวันนี้ (20 ก.ย.) พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. จะมาชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ผู้สื่อข่าวรับทราบ
ต่อมาเวลา 21.00 น. กองบัญชาการอากาศโยธินได้มีคำสั่งเตรียมพร้อมขอกำลังพลในส่วนของกองทัพอากาศทั้งหมดให้อยู่ในที่ตั้ง
พรหมินทร์ เก็บของจากทำเนียบฯ
อีกด้านหนึ่ง เมื่อเวลา 21.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้นั่งรถตู้ไปที่ตึกไทยคู่ฟ้าโดยเดินขึ้นตึกทางประตูด้านหลัง อีก 10 นาทีต่อมา พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม ก็นั่งรถตู้อีกคันไปรอที่ประตูหลังตึกเช่นกัน โดยไม่ยอมลงจากรถ กระทั่งเวลาผ่านไป ประมาณ 5 นาที นพ.พรหมินทร์ก็ถือกระเป๋าเอกสารใบหนึ่งลงจากตึกเดินไปขึ้นรถของ พล.ต.อ.ชิดชัยเดินทางออกไปนอกทำเนียบรัฐบาล
บาเรต์ดำบุกยึดไทยคม
ทั้งนี้ ตั้งแต่เวลา 21.00 น. รายการภาคปกติของสถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 ถูกตัดออกจนหมด ทั้งรายการเมืองไทยวาไรตี้ที่เป็นรายการสด รวมถึงรายการบุษบาริมรั้วที่จะต้องออกอากาศในเวลา 22.00 น. และมีการเปิดเพลงพระราชนิพนธ์ และบทเพลงเกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตลอด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างมาก ต่อมาเวลา 21.30 น. ได้มีกำลังทหารแต่งกายชุดพราง สวมหมวกบาเรต์สีดำ พร้อมอาวุธปืนเอ็ม 16 และเอชเค 33 ประมาณ 70 นาย ยืนรายล้อมสถานีไทยคม หมู่ 8 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี โดยกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปเฉียดใกล้อย่างเด็ดขาด ส่วนด้านหน้าสถานีมีรถยีเอ็มซีเขียนข้างรถว่า ปตอ.พัน 6 จากการสอบถามนายทหารหัวหน้าหน่วยแต่ไม่ยอมเปิดเผยชื่ออ้างได้รับคำสั่งให้มารักษาสถานีไทยคม
รถถังปิดล้อมทำเนียบฯ
ต่อมาเวลา 22.00 น. มีกำลังรถถัง 10 คัน จากค่าย ม.พัน 4 แยกเกียกกาย วิ่งตรงไปที่ทำเนียบรัฐบาล ผ่านสะพานมัฆวาน พร้อมกับกระจายกำลังล้อมรอบทำเนียบฯ บริเวณถนนพิษณุโลก โดยมีรถถัง 3 คัน จอดอยู่เชิงสะพานมัฆวาน และมีรถถัง 2 คัน จอดอยู่ที่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ โดยระหว่างที่รถถังจอดอยู่มีการเปิดเพลงมาร์ชประจำกองทัพบก จนกระทั่งเวลา 22.25 น. กำลังทหารจำนวนหนึ่งกระจายกำลังเข้ามายังทำเนียบฯ และกระจายยืนล้อมบริเวณตึกไทยคู่ฟ้าและบริเวณอื่น ซึ่งเป็นห้องทำงานของนายกฯ
ทหารรบพิเศษเข้าคุมสถานการณ์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำลังทหารกลุ่มนี้เป็นกำลังทหารจาก ม.พัน 4 รอ. และกองกำลังป่าหวาย ประมาณ 50 นาย ได้กระจายกำลังบุกเข้าทำเนียบรัฐบาลตามประตูต่างๆ และบอกให้ตำรวจสันติบาลที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำทำเนียบฯ และกลุ่มผู้สื่อข่าวให้ยืนรวมกลุ่มกันที่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยขอร้องให้ทุกคนอยู่ในความสงบ พร้อมกับถืออาวุธปืนเอ็ม 16 ยืนคุมเชิงเอาไว้ จากนั้นจึงกระจายกำลังล้อมรอบตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี และตึกบัญชาการ รวมถึงบริเวณอื่นๆรอบทำเนียบรัฐบาล โดยในการบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ ไม่มีผู้ใหญ่ อยู่ในทำเนียบฯเลย มีแต่เพียงตำรวจสันติบาลประจำการอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น โดยหลังจากที่ทหารยืนคุมเชิง ตำรวจสันติบาลและผู้สื่อข่าวเป็นเวลาประมาณ 20 นาที จึงอนุญาตให้ผู้สื่อข่าวกลับบ้าน
อีกด้านหนึ่งบริเวณหน้ากองพล ปตอ. แยกเกียกกาย รถถังของ ปตอ.พัน 4 นับสิบคัน รถจี๊ปติดปืนแบบสิงห์ทะเลทราย และรถบรรทุกทหาร เคลื่อนออกมาบริเวณสี่แยกเกียกกาย สร้างความตื่นระทึกแก่ผู้ใช้รถใช้ถนน ช่วงเวลาเดียวกันมีรายงานข่าวจากสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ถนนพระราม 9 ว่ามีทหารในชุดสนามลายพรางจากหน่วยรบไม่ทราบสังกัด และกำลังตำรวจ พร้อมอาวุธครบมือกว่า 20 นาย เข้าควบคุมห้องข่าว พร้อมไม่ให้บุคคลใดเข้าออก และห้ามทำการออกอากาศ แต่ไม่ได้ทำร้ายหรือคุกคามใคร โดยอ้างว่าต้องการให้สถานีโทรทัศน์ทุกช่องแพร่ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงภารกิจ
ทักษิณ ประกาศภาวะฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 22.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกอากาศด้วยระบบทางไกลจากนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 โดยอ่านประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร มีใจความว่า โดยที่ปรากฏว่าได้มีกลุ่มบุคคลที่จะก่อการปฏิวัติรัฐประหาร มีคำสั่งเคลื่อนย้ายกำลังเพื่อโค่นล้มยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐและบุคคล รวมทั้งกระทบอย่างร้ายแรงต่อการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วน เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 4 มาตรา 6 และมาตรา 11 วรรค 1 แห่งพระราชกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 31 มาตรา 35, 36, 37, 39, 44, 48, 50 และมาตรา 51 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.15 น. ลงนาม โดยพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เด้ง ผบ.ทบ.ช่วยราชการสำนักนายกฯ
พ.ต.ท.ทักษิณยังได้อ่านคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง ให้ข้าราชการมาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่าตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครแล้วนั้น เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันท่วงที อาศัยอำนาจตามมาตรา 11 (4) แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 ประกอบกับมาตรา 11 วรรคสอง (6) แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จึงให้ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก มาปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และให้รายงานตัวต่อ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รักษาการนายกรัฐมนตรี ณ บัดนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ลงนามโดยพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ให้ ผบ.ทหารสูงสุดคุมอำนาจแทน
พ.ต.ท.ทักษิณยังได้อ่านคำสั่งผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เรื่องแต่งตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบ และมอบอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน ความว่า ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานครแล้วนั้น อาศัยอำนาจตามมาตรา 7 วรรค 4 และวรรค 6 และมาตรา 10 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ผู้กำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ให้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน มีอำนาจในการแก้ไขสถานการณ์ ฉุกเฉิน ตามที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ดังนี้ 1.บังคับบัญชาและสั่งการส่วนราชการและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด 2.ดำเนินการอื่นๆตามที่รองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้ที่มีอำนาจในการกำกับการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กำหนดหรือมอบหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ลงนามโดยพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
สื่อเทศตีข่าวกระฉ่อนโลก
คล้อยหลังคำประกาศภาวะฉุกเฉินของ พ.ต.ท. ทักษิณไม่นาน สำนักข่าวต่างประเทศอาทิสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นได้รายงานตัดเข้าข่าวด่วน โดยมีแดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวที่ประจำการอยู่ในกรุงเทพฯ รายงานข่าวว่าได้มีขบวนรถถังเคลื่อนเข้าสู่กรุงเทพฯ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล แต่ต่อมาได้รายงานว่าขบวนรถถังดังกล่าวอาจเพิ่งกลับจากการฝึกซ้อมรบ แต่สถานการณ์ยังคงเป็นที่สับสน ขณะที่มีกระแสข่าวลือการก่อปฏิวัติในไทย ส่วนสำนักข่าวเอพีรายงานว่าคลื่นความถี่วิทยุและช่องสถานีโทรทัศน์ในกรุงเทพฯ ถูกรบกวน ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพี รอยเตอร์ และช่องสำคัญอื่นๆ รายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน