WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


ให้กำลังใจเพื่อนก้อง 098
champ067
จาก Kid Cowboy 067
IP:58.9.176.53

อังคารที่ , 29/3/2554
เวลา : 10:37

อ่านแล้ว = 4663 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
ขอส่งกำลังใจ ขอให้แม่บ้านchamp098ปลอดภัยจากพิษงูและหายเร็วๆนะครับ ...150





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ_150 จาก เด็กยอดแหลม 115.87.199.51 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 11:30  IP : 115.87.199.51   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93523

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
หายไว ๆ นะครับ เป็นกำลังใจช่วยด้วยอีกคนครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

โป่งกระทิง จาก โป่งกระทิงChamp152 110.49.234.179 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 11:46  IP : 110.49.234.179   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93524

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
ข่าวดีครับตอนอาการพ้นขีดโคมาแล้วครับ ขอขอบคุณเพื่อนๆๆทุกคนครับที่โทรไปให้กำลังใจน้าก้อง มีข่าวคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 12:40  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93525

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
งูทับสมิงคลา งูทับทางขาว งูปล้องเงิน – Bungarus candidus (Linnaeus, 1758)
ลักษณะ งูขนาดตัวค่อนข้างใหญ่ (จากปลายปากถึงรูก้น 1,045 มิลลิเมตร และหางยาว 152
มิลลิเมตร) หัวยาวและแบน ส่วนของหัวกว้างใกล้เคียงกับลำคอ ตาค่อนข้างเล็ก ลำตัวยาวและ
ตรงกลางของหลังเป็นสันไม่สูงมากและลำตัวไม่เป็นรูปสามเหลี่ยมชัดเจน แต่ค่อนข้างกลม หาง
สั้นและส่วนปลายของหางเรียว ผิวหนังลำตัวมีเกล็ดปกคลุม เกล็ดบนหัวเป็นแผ่นกว้าง เกล็ดบน
หลังและทางด้านบนของหางมีพื้นผิวเรียบ เกล็ดท้องขยายกว้าง เกล็ดใต้หางเป็นแถวเดี่ยว เกล็ด
รอบลำตัวในตำแหน่งกึ่งกลางตัวจำนวน 15 เกล็ด เกล็ดท้องจำนวน 194-237 เกล็ด และเกล็ดใต้
หางจำนวน 40-50 เกล็ด
ลำตัวมีด้านบนของหัวสีดำหรือสีเทาเข้ม ขอบปากบนสีขาวแต่แผ่นเกล็ดมีขอบสีดำ
บนหลังและด้านบนของหางมีปื้นใหญ่สีดำรูปอานม้าที่มีส่วนกว้างที่สุดอยู่บนหลังและเรียวแคบลง
ไปทางส่วนล่างของลำตัว (หรือที่ขอบเกล็ดท้อง) ปื้นสีดำดังกล่าวนี้ที่ส่วนต้นของลำตัวยาวกว่าที่
อยู่ทางด้านท้ายของลำตัว (แต่ถ้ามองจากทางด้านบนของลำตัวลงไปหรือมองจากด้านขางของ
ลำตัวจะเป็นปล้องสีดำสลับกับปล้องสีขาว) เกล็ดที่อยู่ในปล้องสีขาวมีพื้นที่ตรงกลางของแผ่นเกล็ด
สีดำ ด้านท้องและใต้หางสีขาว ชาวบ้านหลายพื้นที่มีความเชื่อว่า งูสามเหลี่ยมที่มีลำตัวเป็นปล้อง
สีเหลืองกับสีดำเป็นงูเพศผู้ และงูทับสมิงคลาที่มีลำตัวเป็นปล้องสีขาวกับสีดำเป็นงูเพศเมีย
การแพร่กระจาย เวียตนาม กัมพูชา มาเลย์เซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ในประเทศไทยพบทุกภาค
ของประเทศ ในพื้นที่สถานีวิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชพบในป่าดิบแล้ง
พื้นที่อาศัย ตามพื้นล่างของป่าที่ใกล้ลำห้วยหรือแหล่งน้ำ
นิสัย ออกหากินเวลากลางคืนตามพื้นล่างของป่าที่ใกล้ลำห้วยหรือในพื้นที่ห่างไกลจากลำห้วยแต่
มีความชุ่มชื้น เวลากลางวันหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ขอนไม้หรือในโพรง นิสัยประการอื่นเหมือนกับงู
สามเหลี่ยม
สถานภาพ ไม่ได้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
และไม่มีสถานภาพเพื่อการอนุรักษ์ตามเกณฑ์ของ Office of Natural Resources and
Environmental Policy and Planning (2005) และตามเกณฑ์ของ IUCN (2008) ในพื้นที่สถานี
วิจัยสิ่งแวดล้อมสะแกราชมีประชากรน้อย





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 12:57  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93526

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
งูพิษกัดยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขในประเทศไทย จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่าประเทศไทยมีผู้ป่วยถูกงูกัดประมาณ 7,000 รายต่อปี

ในประเทศไทยงูที่มีพิษสำคัญ ได้แก่

ก. พิษต่อระบบประสาท (neurotoxin)

งูเห่าไทย และงูเห่าพ่นพิษ (cobra & spitting cobra; Naja kaouthia & Naja siamensis)

งูจงอ่าง (King cobra; Bungarus fasciatus )

งูทับสมิงคลา (Malayan krait; Bungarus candidus)

งูสามเหลี่ยมหางแดง (Bungarus flaviceps) พบน้อยมาก

ข. พิษต่อระบบเลือด (hematotoxin)

Viper ได้แก่ งูแมวเซา (Russell’s viper; Daboia russelli)

Pit-viper ได้แก่ งูกะปะ (Malayan pit viper; Calloselasma rhodostoma) และงูเขียวหางไหม้ (green pit viper; Trimerusurus spp.)

ค. พิษต่อกล้ามเนื้อ (myotoxin)

งูทะเล (Laticudinae spp, Hydrophinae spp)

ง. พิษอ่อน

กลุ่มงูพิษเขี้ยวหลัง ได้แก่ งูปล้องทอง, งูลายสาบคอแดง, งูหัวกะโหลก ฯลฯ ซึ่งมีพิษอ่อน, มักไม่มีอาการหรือมีเพียงแค่ปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ถูกกัด, แต่ก็มีรายงานการเป็นพิษต่อระบบเลือดจากการถูกงูลายสาบคอแดงกัด

กลวิธานการเกิดพิษของงู

ก. พิษต่อระบบประสาท

พิษของงูต่อระบบประสาท ไม่ได้เป็นพิษต่อสมองหรือเส้นประสาท, แต่มีต่อระบบประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular junction) โดยแบ่งเป็น

Post-synaptic block ได้แก่ พิษงูเห่าและงูจงอางโดยที่พิษจะไปจับกับตัวรับ อะเศทิย์ล โฆลีน (acetyl choline receptor) ที่ motor end-plate ทำให้ อะเศทิย์ล โฆลีน ที่เป็น neurotransmitter จากเส้นประสาทไปจับกับ motor end-plate ไม่ได้ (รูปที่1)

Pre-synaptic block ได้แก่ พิษงูทับสมิงคลาโดยที่พิษจะจับบริเวณปลายเส้นประสาททำให้หลั่ง neuro-transmitter ออกไม่ได้ (รูปที่ 2) อาการทางระบบประสาทของพิษทั้ง 2 ชนิดไม่ต่างกัน


ข. พิษต่อระบบเลือด

การเป็นพิษต่อระบบเลือด คือการทำให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย (bleeding tendency) งูในกลุ่มนี้ ได้แก่

viper พิษของงูชนิดนี้มีลักษณะเป็น thromboplastin-like กล่าวคือ จะกระตุ้น factor X และเปลี่ยน โปรธร็อมบิน ให้กลายเป็น ธร็อมบิน ใน common pathway ของกระบวนการแข็งตัวของเลือด (coagulation cascade) ธร็อมบินที่เกิดขึ้นจะไปกระตุ้น ไฟบริโนเจน ให้เป็น ไฟบริน และไปกระตุ้น แฟดเตอร์ XIII ซึ่งจะทำให้ ไฟบริน ที่เกิดขึ้นกลายเป็น cross-linked fibrin และเกิดเป็นลิ่มเลือดทั่วทั้งร่างกายที่เรียกว่าภาวะเลือดจับลิ่มในหลอดเลือดแพร่กระจาย (disseminated intravascular coagulation, DIC) จึงเกิดภาวะเลือดออกผิดปรกติ เพราะปัจจัยการจับลิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แฟคเตอร์ II,V,X ถูกใช้ไปจนหมด และยังมีการลดลงของเกล็ดเลือดจากภาวะ DIC อีกด้วย

pit-viper พิษของงูชนิดนี้มีลักษณะเป็น thrombin-like กล่าวคือจะกระตุ้น ไฟบริโนเจน ให้เป็นไฟบรินแต่เป็นเพียง fibrin monomer ไม่เกิด cross-linked fibrin จึงไม่มีภาวะ DIC ภาวะเลือดออกผิดปรกติเกิดจากการที่ ไฟบริโนเจน ถูกใช้ไปหมด เป็นภาวะ defibrination นอกจากนี้พิษงูยังมีผลทำลายเกล็ดเลือด ให้มีการลดลงของเกล็ดเลือดด้วย

ค. พิษต่อกล้ามเนื้อ

พิษของงูจะไปทำลายเซลล์กล้ามเนื้อ เกิดภาวะ rhabdomyolysis มีการแตกสลายของเซลล์ ปล่อย มัยโอโกลบิน และโปแตสเสียมออกมาในกระแสเลือด มัยโอโกลบินจะขับออกทางปัสสาวะเป็นภาวะปัสสาวะมี มัยโอโกลบิน (myoglobinuria) ซึ่งจะตกตะกอนในท่อใด ทำให้มีการอุดตันเกิดเป็นภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน



การดูแลผู้ป่วยที่ถูกงูพิษกัด

ประกอบด้วยการวินิจฉัย และการรักษา

การวินิจฉัย ได้แก่

ก. การยืนยันว่าถูกงูพิษกัด

หลักฐานที่จะยืนยันได้ว่าถูกงูพิษกัดได้แก่

ผู้ป่วยนำงูพิษมาด้วย หรือเห็นงูพิษชัดเจนและรู้จักชนิดของงู

มีรอยเขี้ยว (fang marks) (รูปที่3) คือ รอยแผลที่เป็นรูขนาดเล็กคล้ายถูกเข็มตำ โดยปรกติจะมี 2 รอยอยู่คู่กัน อย่างไรก็ตามในบางครั้งอาจจะเห็นเพียงรอยเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าถูกกัดบริเวณปลายมือปลายเท้า หรือบางครั้งอาจเห็นมากกว่า 2 รอย ในกรณีที่ถูกกัดมากกว่า 1 ครั้ง

มีอาการและอาการแสดงจำเพาะของการถูกงูพิษกัดเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด (local) และ/หรือ อาการทั่วร่างกาย (systemic) เช่น ผู้ป่วยที่ให้ประวัติถูกสัตว์ไม่ทราบชนิดกัด แต่ตรวจพบว่าผู้ป่วยมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงหนังตาตก ก็เป็นจากงูที่มีพิษต่อระบบเลือด

การทำ serodiagnosis จากตัวอย่างเลือด ซึ่งนอกจากจะบอกว่าเป็นงูพิษกัด ยังบอกได้อีกว่าเป็นงูพิษชนิดใด อย่างไรก็ตามมีข้อพึงสังวรว่าการที่ถูกงูพิษกัด และ/หรือมีรอยเขี้ยวพิษชัดเจน ไม่จำเป็นว่าผู้นั้นจะต้องมีอาการเป็นพิษ (envenomation) เนื่องจากงูพิษฉกกัดไม่ได้ปล่อยพิษทุกครั้ง เพราะพิษของงูมีไว้ล่าเหยื่อ หาอาหาร ไม่ใช้ไว้ทำร้ายมนุษย์ ดังนั้นงูพิษอาจไปฉกกัดจากการตื่นตกใจ จึงไม่ปล่อยน้ำพิษ

ข. การแยกชนิดของงูพิษ

นำงูมาด้วย หรือผู้ถูกกัดหรือผู้อยู่ในเหตุการณ์รู้จักชนิดงูแน่นอน

ในกรณีที่ไม่รู้จักชนิดของงู ต้องอาศัย

2.1 Serodiagnosis โดยวิธี ELISA แต่ยังไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางเวชกรรมได้ เนื่องจากใช้เวลานาน ขณะนี้สภากาชาดไทยกำลังพัฒนาวิธีการให้ตรวจได้ผลเร็วขึ้น

2.2 อาการและอาการแสดง

อาการเฉพาะที่

ปวด บวม น้อยมาก หรือไม่มี เนื่องจากงูพิษกัดแต่ไม่ปล่อยพิษ ได้แก่ งูสามเหลี่ยม, งูทับสมิงคลา, งูพิษเขี้ยวหลัง

ปวด บวม แดง ร้อน แต่ไม่มาก ได้แก่ งูแมวเซา หรืออาการระยะแรกของงูเห่าและงูจงอาง ในกรณีที่พบมีเลือดออกจากรอยเขี้ยวให้คิดถึงงูแมวเซา

ปวด บวม แดง ร้อน มีอาการอักเสบชัดเจนและมีเนื้อตาย ได้แก่ งูเห่า และงูจงอาง

ปวด บวม แดง ร้อน และผิวหนังพองมีเลือด (hemorrhagic blebs), รอยจ้ำเลือด (ecchymosis) ได้แก่ งูกะปะ, งูเขียวหางไหม้ (ดังรูปที่ 4) ในกรณีที่มีผิวหนังพองมีเลือดหลายแห่ง ให้คิดถึงงูกะปะ (ดังรูปที่ 5) ส่วนงูเขียวหางไหม้อาจพบ thrombophlebitis.


อาการทั่วไป พิษต่อระบบประสาท

ในตอนแรกมีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น หนังตาตก, ต่อมามีอาการกลืนลำบาก พูดไม่ชัด, ตามด้วยแขนขาอ่อนแรง , หายใจไม่สะดวก และสุดท้ายจะหยุดหายใจ

พิษต่อระบบเลือด

มีอาการเลือดออกผิดปรกติ ได้แก่ เลือดออกจากแผลรอยกัดมาก, มีจ้ำเลือดบริเวณแผล, เลือดออกตามไรฟัน, จุดเลือดตามตัว, ปัสสาวะเป็นเลือด, อาเจียนเป็นเลือด

ในกรณีงูแมวเซาซึ่งเป็น viper จะมีอาการปวดกล้ามเนื้อตามตัวได้มาก มีอาการและอาการแสดงของภาวะ DIC และมีอาการของภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน

ในกรณีของงูกะปะและงูเขียวหางไหม้ อาการเลือดออกผิดปรกติมักไม่รุนแรง แต่อาการที่บริเวณแผลงูกัดจะรุนแรง

พิษต่อกล้ามเนื้อ

ผู้ที่ถูกงูทะเลกัด จะแยกจากงูชนิดอื่นได้ง่ายเนื่องจากถูกกัดในทะเล หรือริมทะเล , ผู้ป่วยมีอาการปวดกล้ามเนื้อทั้งตัว, ปัสสาวะออกน้อย สีเข้ม

2.3 การตรวจทางห้องปฏิบัติการ

ในกรณีที่สงสัยงูพิษต่อระบบประสาท การตรวจด้วย Wright’s peak flow meter จะมี peak flow ลดลง แต่ใช้แยกชนิดของงูไม่ได้

ในกรณีสงสัยงูพิษต่อระบบเลือด

การตรวจ Complete Blood count จะพบว่าปริมาณเกล็ดเลือดลดลง

การตรวจ Prothrombin time (PT), partial prothromboplastin time (PPT), Thrombin time (TT) จะมีค่านานผิดปรกติ

แต่ถ้าแพทย์สามารถวินิจฉัยโดยข้อมูลทางเวชกรรมแล้วว่า ผู้ป่วยมีอาการถูกงูที่เป็นพิษต่อระบบเลือดกัด ไม่จำเป็นต้องตรวจหาค่า PT, PPT, TT แต่ให้ตรวจหาค่า Venous clotting time (VCT) เลย เพราะจะมีประโยชน์ในการตัดสินใจให้เซรุ่มแก้พิษงู

การตรวจทางห้องปฏิบัติการสามารถแยกการเป็นพิษจากงูแมวเซาออกจากงูกะปะและงูเขียวหางไหม้ได้จากการตรวจพบ

ภาวะ DIC ซึ่งจะเห็นชิ้นส่วนของเม็ดเลือดแดงในสเมียร์เลือดหรือพบ d-dimer

factor X activity ลดลง

BUN และ / หรือ ครีอะตินีน ในซีรั่มเพิ่มขึ้น

การตรวจทางห้องปฏิบัติการทั่วไปไม่สามารถแยกการเป็นพิษจากงูกะปะออกจากงูเขียวหางไหม้ได้

การเป็นพิษจากงูทะเลจะพบภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน ร่วมกับ rhabdomyolysis และภาวะเลือดมีโปแตสเสียมมากเกิน

ในกรณีที่ประเมินสภาพผู้ป่วยในระยะแรกโดยใช้ข้อมูลและวิธีการดังกล่าวข้างต้นทั้งหมดแล้ว ยังไม่สามารถแยกชนิดของงูได้ ให้เฝ้าสังเกตอาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง การศึกษาในผู้ป่วยที่ถูกงูเห่ากัด พบว่าระยะเวลาจากการถูกกัดจนมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอยู่ระหว่าง 0.5-15.5 ชั่วโมง เฉลี่ย 5.1 ชั่วโมง ดังนั้นควรเฝ้าดูอาการ 24 ชั่วโมง

ถ้ามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ส่วนใหญ่จะเป็นงูเห่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบว่าแผลที่ถูกกัดมีอาการอักเสบ และ / หรือ มีเนื้อตาย ถึงแม้ลักษณะเวชกรรมจะแยกจากงูจงอางไม่ได้ แต่งูจงอางเป็นงูพิษที่มีขนาดใหญ่มาก และพบได้เฉพาะในป่ารก หรือเลี้ยงไว้ ดังนั้นสามารถวินิจฉัยชนิดได้ง่าย

ถ้ามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ไม่มีอาการอักเสบบริเวณที่ถูกกัด หรืออักเสบน้อยมากให้วินิจฉัยว่าเป็นงูทับสมิงคลา มากกว่างูสามเหลี่ยม เนื่องจากงูสามเหลี่ยมไม่ค่อยดุร้าย และมีอุบัติการการกัดคนต่ำมาก แต่ถ้าถูกกัดในบริเวณภาคตะวันออก หรือตะวันออกเฉียงเหนือ ก็ให้คิดถึงงูทับสมิงคลาเช่นกัน

ถ้าไม่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ให้ดูที่บริเวณแผลที่ถูกกัด ถ้ามีอาการอักเสบ ปวดบวมมาก ให้คิดถึงงูกะปะ หรืองูเขียวหางไหม้ ซึ่งจะแยกได้โดยอาศัยภูมิภาค ถ้าอาการอักเสบมีน้อยให้คิดถึงงูแมวเซา ส่วนงูพิษเขี้ยวหลังนั้นมีอุบัติการต่ำ



ตารางที่ 1 อาการเฉพาะที่และถิ่นอาศัยของงูพิษชนิดต่าง ๆ

ชนิดของงู อาการเฉพาะที่ ถิ่นที่อาศัย
งูเห่าและงูเห่าพ่นพิษ อักเสบและเนื้อตาย ทั่วประเทศไทย
งูจงอาง อักเสบและเนื้อตาย ป่ารกในภาคเหนือตอนบนและภาคใต้
งูสามเหลี่ยม น้อยมาก ทุกภาค แต่พบบ่อยบริเวณภาคกลาง
งูทับสมิงคลา น้อยมากหรือไม่มี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออกและภาคใต้
งูสามเหลี่ยมหางแดง อักเสบ ภาคใต้
งูแมวเซา น้อยมาก นาข้าว; พบบ่อยบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันออก
งูกะปะ บวม, ผิวหนังพอง และ ตกเลือดหลายแห่ง, จ้ำเลือด พบบ่อยบริเวณภาคใต้, และพบได้ในภาคตะวันออกและภาคเหนือ
งูเขียวหางไหม้ บวมมาก, ผิวหนังพอง ,ตกเลือด, จ้ำเลือด, หลอดเลือดดำอักเสบ มีธร็อมบัส พบได้ทุกภาค; พบบ่อยในกรุงเทพมหานคร
งูทะเล น้อยมาก ในทะเล
งูพิษเขี้ยวหลัง น้อยมาก ทั่วประเทศไทย

ค. การประเมินความรุนแรง

การประเมินขึ้นอยู่กับอาการ อาการแสดง แล้วอาการตรวจทางห้องปฏิบัติการ

พิษต่อระบบประสาท ความรุนแรงขึ้นอยู่กับอาการการหายใจล้มเหลว

พิษต่อระบบเลือด ประเมินความรุนแรงดังแสดงในตารางที่ 2

ในกรณีงูแมวเซาความรุนแรงยังขึ้นกับภาวะ DIC และความรุนแรงของภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน

ในกรณีงูกะปะเนื่องจากมีผิวหนังพองตกเลือด จึงมีการกดการไหลเวียนอย่างมากและมีภาวะแทรกซ้อนสำคัญที่พบบ่อยคือ compartmental syndrome, Volkman’s ischemia

ในกรณีงูเขียวหางไหม้มีภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน rhabdomyolysis และภาวะเลือดมีโปแตสเสียมมากเกิน



ตารางที่2 ความรุนแรงของอาการพิษทางระบบเลือด

ความรุนแรง จ้ำเลือด ปริมาณเกล็ดเลือด การตกเลือดทั่วตัว
น้อย ไม่มี ลด ไม่มี
ปานกลาง มี ลดมาก ไม่มี
มาก + + มี


การปฐมพยาบาล

ให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ถูกกัด

นำงูมาด้วยถ้าทำได้ ในกรณีที่งูหนีไปแล้วไม่จำเป็นต้องไปไล่จับเพราะแพทย์สามารถวินิจฉัยชนิดของงูได้โดยไม่ต้องเห็นงู

ล้างแผลด้วยน้ำสะอาด

ห้ามกรีด ดูด แล้วพอกยาบริเวณแผลงูกัด

การขันชะเนาะ (tourniqute) ยังเป็นที่ถกเถียงกัน วิธีปฏิบัติให้ใช้ผ้าหรือเชือกรัดเหนือบริเวณที่ถูกงูกัดให้แน่นพอสอดนิ้วได้ แล้วคลายออกทุก 15 นาที ช่วยลดปริมาณพิษงูแผ่ซ่านได้เพียงเล็กน้อย อาจได้ประโยชน์บ้าง ในกรณีที่ถูกงูพิษต่อระบบประสาทกัด และไม่สามารถไปพบบุคลากรทางการแพทย์ได้ในเวลาอันสั้น แต่โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ทำเนื่องจากมักทำไม่ถูกวิธี รัดแน่น และนานเกินไปทำให้เกิดเนื้อเยื่อตายจากการขาดเลือด นอกจากนี้ยังห้ามทำในกรณีที่เป็นงูพิษต่อระบบเลือด เพราะจะทำให้มีการบวมและเลือดออกบริเวณแผลมากขึ้น

การรักษาทั่วไป

รักษาภาวะฉุกเฉิน เช่น ภาวะช็อค anaphylactic shock การหยุดหายใจ

ปลอบใจและให้ความมั่นใจแก่ผู้ป่วย

หยุดการเคลื่อนไหวโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกัด ในกรณีที่มีอาการบวมมาก ให้ยกบริเวณนั้นสูง

ให้สารน้ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีอาการบวมมาก

ให้ยาแก้ปวด แอเคตามิโนเฟน ไม่ให้ยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์กดประสาทส่วนกลางแก่ผู้ที่ถูกงูพิษต่อระบบประสาทกัด และไม่ให้ แอสไพรินในผู้ป่วยที่ถูกงูพิษต่อระบบเลือดกัด

ให้ยาต้านจุลชีพในกรณีถูกงูเห่าและงูจงอางกัด ใช้ยาที่ครอบคลุมเชื้อทั้งแกรมบวก แกรมลบเละเชื้อไม่พึ่งอากาศ

ควรให้ยากันบาดทะยัก ในกรณีงูพิษต่อระบบเลือดควรให้หลังจากอาการเลือดออกผิดปรกติดีขึ้นแล้ว

การรักษาพิษงูเฉพาะระบบ

พิษต่อระบบประสาท

การช่วยการหายใจเป็นหัวใจสำคัญของการรักษา ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าการให้เซรุ่มแก้พิษ ต้องเฝ้าสังเกตอกการกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างใกล้ชิด เป็นเวลา 24 ชั่วโมง และเตรียมพร้อมสำหรับการใส่ท่อหลอดลมคอ และใช้เครื่องช่วยหายใจ ผู้ป่วยที่เริ่มอกการกลืนลำบากต้องรีบใส่ท่อหลอดลมคอ เพื่อป้องกันการสำลักเข้าปอด ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้อการหายใจอ่อนแรง (peak flow < 200 ลิตร / นาที, ความจุไวตัล < 1.5 ลิตร ,respiratory paradox, respiratory alternans, หยุดหายใจ) ต้องได้รับการช่วยหายใจโดยใช้เครื่องช่วยหายใจ ในกรณีไม่มีเครื่องช่วยหายใจ ให้ใช้ถุงแอมบู ช่วยแล้วรีบนำส่งสถานพยาบาลที่มีเครื่องช่วยหายใจ

ข้อบ่งชี้ในการให้เซรุ่ม คือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง เริ่มตั้งแต่มีหนังตาตก ไม่ต้องรอให้มีการหายใจล้มเหลวการให้เซรุ่มช่วยลดระยะเวลาการใช้เครื่องช่วยหายใจ จากเวลาเฉลี่ยประมาณ 44 ชั่วโมง มาเป็นประมาณ 6 ชั่วโมง เนื่องจากเซรุ่มไม่สามารถไปแก้พิษงูที่อยู่ใน motor end-plate ได้ ดังนั้นวิธีที่ดี คือ การให้เซรุ่มขนาดสูงเป็น bolus dose เพื่อแก้พิษงูในกระแสเลือดทั้งหมด ส่วนพิษงูที่จับกับ motor end-plate แล้ว ให้ร่างกายกำจัดเอง โดยแพทย์ทำการช่วยหายใจในช่วงเวลานั้น ปริมาณเซรุ่มที่เหมาะสำหรับพิษจากงูเห่าคือ 100 มล. แต่สำหรับงูจงอางและงูสามเหลี่ยมยังไม่มีข้อมูลที่มากพอ ในปัจจุบันไม่มีเซรุ่ม สำหรับงูทับสมิงคลา ซึ่งเป็นงูพิษที่ดุร้าย มีอัตราตายของผู้ถูกกัดสูง และเป็นปัญหาที่คุกคามสุขภาพของประชาชนในภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ ผลการทำลองในสัตว์พบว่าสามารถให้เซรุ่มของงูสามเหลี่ยมได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลในคนสนับสนุน อย่างไรก็ตามการรักษาที่สำคัญ คือการช่วยหายใจ

ในกรณีงูเห่าและงูจงอาง ให้รีบตัดเนื้อตายจากบริเวณแผลที่ถูกกัดก่อนที่จะลุกลามเป็นบริเวณกว้าง และพิจารณาทำการถ่ายปลูกผิวหนัง ถ้าจำเป็น

พิษต่อระบบเลือด

ให้คอยติดตามเฝ้าระวังการตกเลือดผิดปรกติ จากอาการ อาการแสดง และการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่สำคัญ คือ การตรวจหาค่า VCT ถ้าได้ผลเป็นปรกติให้ตรวจซ้ำทุก 24 ชั่วโมงเป็นเวลาประมาณ 72 ชั่วโมง เนื่องจากผู้ป่วยที่ถูกงูพิษเหล่านี้กัดมักไม่มีอาการตกเลือดผิดปรกติในระยะแรก แต่มีอาการเกิดขึ้นในวันหลัง ๆ ได้

การให้เกล็ดเลือด และ / หรือ ปัจจัยการจับลิ่มของเลือดได้ประโยชน์น้อย เนื่องจากจะถูกพิษงูทำลายหมด จึงพิจารณาให้เฉพาะในกรณีที่มีการตกเลือดรุนแรง ร่วมกับการให้เซรุ่ม

ข้อบ่งชี้ในการให้เซรุ่มคือ VCT นานกว่า 30 นาที และต้องตรวจ VCT เป็นระยะ ๆ หลังการให้เซรุ่มอย่างน้อย 72 ชั่วโมง เพราะจากการศึกษางูในกลุ่มนี้ทั้ง 3 ชนิด พบว่า แม้ระดับพิษของมันจะลดลงจนวัดไม่ได้ในกระแสเลือดหลังการให้เซรุ่มในตอนแรก แต่ผ่านไประยะเวลาหนึ่งมักไม่เกิน 3 วันหลังถูกกัด จะตรวจพบระดับพิษงูในเลือดได้อีก

ในกรณีงูแมวเซา ให้รักษาภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน เหมือนกรณีทั่วไป รวมทั้งพิจารณาทำการล้างไต ถ้ามีข้อบ่งชี้

ในกรณีงูกะปะและงูเขียวหางไหม้ให้ทำการตัดผิวหนังพองตกเลือดออก รวมทั้งทำ fasciotomy ในกรณี compartmental syndrome แต่ต้องทำต่อเมื่อผู้ป่วยพ้นภาวะตกเลือดแล้วคือ VCT ปรกติ

พิษต่อกล้ามเนื้อ

เนื่องจากยังไม่มีเซรุ่มแก้พิษ การรักษาที่สำคัญ คือ การรักษาภาวะไตล้มเหลวเฉียบพลัน rhabdomyolysis และภาวะเลือดมีโปแตสเสียมมากเกิน โดยแก้ไขภาวะกรดเหตุเมแทบอลิสม และที่สำคัญคือ การล้างไต



การให้เซรุ่มแก้พิษงู

สถานเสาวภาสภากาชาดไทย ได้ผลิตเซรุ่มจำเพาะชนิด คือ ในเซรุ่มแต่ละชนิดละชนิดจะต้านพิษงูสปีศีล์ เดียวเท่านั้น ทำเป็นผงบรรจุในหลอดก่อนใช้เติมน้ำละลาย 10 มล. ต่อ 1 หลอด และควรทดสอบผิวหนังก่อนให้เสมอ ให้หยอดเข้าทางหลอดเลือดดำหมดภายในครึ่งถึง 1 ชั่วโมง



ตารางที่ 3 วิธีบริหารเซรุ่มแก้พิษงูชนิดต่าง ๆ

ชนิดงู ข้อบ่งชี้ วิธีบริหาร
งูเห่า Naja kaouthia หนังตาตก, กลืนลำบาก 100 มล.
งูเห่าพ่นพิษ N.siamensis หายใจลำบาก 100 มล.
งูจงอาง Ophiophagus hannah หนังตาตก, กลืนลำบาก,หายใจลำบาก 50 – 100 มล.
งูสามเหลี่ยม Bungarus fasciatus หนังตาตก, กลืนลำบาก,หายใจลำบาก 50 – 100 มล.
งูแมวเซา Daboia russelli ตกเลือดทั่วตัว ไตล้มเหลวเฉียบพลัน* VCT>30 นาที 60 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที
งูกะปะ Calloselasma rhodostoma ตกเลือดทั่วตัว เกล็ดเลือดน้อยมาก** VCT>30 นาที 50 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที
งูเขียวหางไหม้ Trimerusurus albolabris,
งูเขียวหางไหม้ท้องฟ้า T.macrops
ตกเลือดทั่วตัว เกล็ดเลือดน้อยมาก ** VCT> 30 นาที 50 มล. ให้ซ้ำทุก 6 ชั่วโมง จนกว่า VCT ลดลงต่ำกว่า 30 นาที

ม.ห. ในประเทศไทยไม่มีเซรุ่มสำหรับงูทะเล

* ไม่มีรายงานยืนยันว่าสามารถแก้ไขไตล้มเหลวเฉียบพลัน

** เกล็ดเลือดน้อยกว่า 20,000 / ลบ.มม.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 13:02  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93527

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d
ขอให้หายเร็วๆนะคะ เป็นกำลังใจให้คะ สู้ๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

ประสานChamp081 จาก กานต์ 081/1 124.122.209.177 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 13:17  IP : 124.122.209.177   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93528

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d
งูไม่มีพิษ
แผลจากการกัดจะไม่มีเขี้ยว พบเป็นรอยฟัน กัดเป็นรอยฟันรูปครึ่งวงกลม

งูเหลือม
เป็นงูป่า ถ้าถูกจับที่คอ จะรัด ซึ่งเป็นสันชาตญาณในการเกาะต้นไม้ ไม่มีพิษ อาจกลืนคนได้ ขนาดใหญ่มาก พบมากในกรุงเทพ เนื่องจากเดิมเคยเป็นป่ามาก่อน รวมถึงสามารถแพร่พันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ประมาณครั้งละ 50 ฟอง ซึ่งหลังจากวางไข่จะดูแล

งูหลาม
แยกจากงูเหลือม โดยดูลายที่หัว ถ้าเป็นงูเหลือม จะมีสีเดียว

งูสิงห์
มีประโยชน์แก่คน ช่วยกินหนู รวมถึงสัตว์แทะต่าง ๆ ซึ่งสามารถคุมปริมาณของหนูได้ดีมาก เป็นหมื่น ต่อปี แม้ว่าจะสามารถกินหนูได้น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ตัว (หนูเพิ่มปริมาณได้ประมาณคอกละ 15 ตัว ตั้งครรภ์ประมาณ 3 สัปดาห์) เดิมหนูจะมีสิ่งควบคุม คือ นกฮูก และ นกเค้าแมว

งูแสงอาทิตย์
ตาเล็ก เห็นไม่ชัด ไม่ค่อยกัดคน ค่อนข้าง primitive



งูมีพิษ
จะมีเขี้ยว 2 อันอยู่ข้างหน้า ถ้าเขี้ยวหักจะสามารถงอกใหม่ได้ จะพบเป็นรอยเขี้ยวได้ แต่ไม่ค่อยพบรอยฟัน มักจะพบเป็นรอยครูดด้วยเสมอ ถ้าเขี้ยวหักจะสามารถงอกเขี้ยวขึ้นมาใหม่ได้ งูประเภท Elapid จะมีเขี้ยวยึดติดแน่นกับ maxilla มีร่องด้านหน้าให้พิษไหลออกมา แต่งูประเภท Viper เขี้ยวจะ movable

งูเห่า (Naja sumatrana, Naja sinensis)
ยาวประมาณ 1.2-2 m พบยาวที่สุดในโลก คือ 2.25 m หัวกลมมน สีต่าง ๆ กัน เกล็ดขนาดใหญ่บนศีรษะ เมื่อถูกรบกวนจะแผ่แม่เบี้ยได้กว้าง สั้น ซึ่งจะสามารถแผ่แม่เบี้ย รวมถึงพ่นพิษได้ตั้งแต่เกิดใหม่ แต่ปริมาณพิษจะน้อยกว่า ที่คอจะมีดอกจันทร์ กลมมน อาศัยอยู่ตามท้องไร่ท้องนา พบได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย การฉกจะฉกไปด้านหน้าเท่านั้น ไข่ใต้ดิน ปล่อยให้ hatch เอง กัดแล้วหนี จึงมักจะไม่ได้ตัวมาด้วย

งูจงอาง
แผ่แม่เบี้ยได้ แต่ไม่พ่นลมขู่ หัวโต ช่วยกำจัดหนู เขียด และคางคกได้ ปีนต้นไม้ได้แม้หางจะสั้น เกล็ดที่หัวใหญ่ ลายขวางตลอดตัว ว่องไว ปราดเปรียว น้ำพิษจะหนึดมาก จึงกัดแล้วจะย้ำเขี้ยว (lock jaw) จึงมักจะได้ตัว ความรุนแรงของพิษจะน้อยกว่างูเห่า แต่ว่าจะสามารถปล่อยพิษได้ปริมาณมากกว่า เป็นงูป่า จึงมักจะโดนกัดในป่า

งูสามเหลี่ยม
เกล็ดเรียบ อาศัยใกล้แหล่งน้ำ กลางวันจะเซื่องซึม ปราดเปรียวในเวลากลางคืน หางกุดทู่ ความยาวเต็มที่ 2m กินงู กบ เขียด กิ้งก่า จิ้งเหลน ออกลูกเป็นไข่ คนโดนกัดมักจะเป็นพวกที่หาปลาตามชายน้ำ ไม่ค่อยกัดคน กัดเฉพาะเมื่อโดนทำให้เจ็บ และเมื่อกัดมักจะกลับมากัดซ้ำ รอยเขี้ยวเล็ก ไม่มี necrosis

งูทับสมิงคลา
ขนาดเล็ก ยาว 1-1.2m หางเรียว เกล็ดที่หัวใหญ่ พิษรุนแรงมาก ตัวเป็นปล้อง ขาวสลับดำ ปราดเปรียว หากินเวลากลางคืน พบที่จังหวัด ศรีสะเกษ อุบลฯ อุดรฯ สุรินทร์ กินงู โดยเฉพาะงูน้ำเป็นอาหาร เมื่อกัดแล้วจะมีอาการ prolong paralysis ประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วค่อย ๆ ดีขึ้น ตัวเล็ก + เขี้ยวเล็ก จึงได้พิษน้อย มีปัญหาในการทำ serum

งูแมวเซา
ขนาดปานกลาง ยาว 1.5 m จมูกใหญ่ เชิดขึ้นไป เมื่อถูกรบกวนจะขด และสูดลม จนตัวพองออก หลางจากนั้นจะพ่นลมออกมา พบเฉพาะบางจังหวัดของไทย มีแต้มเรียงเป็นระเบียบ เกร็ดขนาดเล็ก เกร็ดที่ศีรษะขนาดไม่ใหญ่ ออกลูกเป็นตัว ท้องจะสีครีม มีแต้มเล็ก ๆ ทั่วไป กัดแล้วเกิด bleeding ที่แผล ปวดแผลรุนแรง เกิด bleed ในช่องท้องได้รุนแรง dark brown urine อาจตายจาก renal failure ได้

งูกะปะ
เป็นชนิดเดียวใน neurotoxic ที่มีเกล็ดขนาดใหญ่ที่ศีรษะ ตัวผู้ขนาดเล็กกว่าตัวเมีย พบกระจายทั่วทุกภาคในไทย เมื่อถูกรบกวนจะแผ่แบนราบไปกับพื้น หลังโดนกัดจะเกิดอาการเพียงครึ่งเดียว อาจเกิด delay absorption ได้ ด้านข้างลำตัวมีลายเข้มสามเหลี่ยม โดยปลายแหลมอยู่ที่ spine คอคอด พบโดนกัดในพวกทำสวนยาง กินหนู กิ้งก่า กบ เขียด เป็นอาหาร

งูเขียวหางไหม้
ตัวเขียว (ไม่ใช่ลักษณะจำเพาะ) พบมี Pit Organ เป็นลักษณะจำเพาะ เป็น thermoreceptor ที่ไวมาก เมื่อโดนจบกวน จะแกว่งหาง ไม่มีเสียง พิษรุนแรง โดย งูเขียวหางไหม้ท้องเหลืองจะมีพิษรุนแรงที่สุด คอคอดเล็ก เห็นชัดเจน ตัวผู้มักเห็นทางสีขาว ๆ ข้างลำตัว เกล็ดขนาดเล็ก หากินเวลากลางคืน ตามพื้น กลางวันจะอยู่บนต้นไม้ กินหนู กบ เขียด กิ้งก่า งูเขียวหางไหม้ท้องฟ้า หากินตามพื้นดินในเวลากลางวัน แต่พิษจะอ่อนกว่า

งูทะเล
มีหางเป็นรูปใบพาย งูทะเลหัวดำมีพิษรุนแรงที่สุดในโลก พบโดนกัดได้น้อย
งูไม่สามารถผสมพันธุ์ข้ามพันธุ์ได้ เนื่องจาก มีปัจจัยควบคุม คือ ขนาดของ hemipenis









 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 13:27  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93529

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d
พิษงูรักษาโรค

หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ประจำวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2539 ลงบทความเกี่ยวกับสุขภาพ เขียนโดย ทอม เวลลส์ เล่าเรื่องนายบิล เฮสต์ อายุ 85 ปีที่ปรากฏในรูปนั่นแหละครับกับงูของแก ความจริงผมเกือบจะเขียนว่า “เฒ่าเฮสต์” แต่พอเห็นรูปแกซึ่งก็ถ่ายตอนแกอายุ 85 ปี แล้วเรียกไม่ออก เพราะแกดูหนุ่มกว่าผมเสียอีก

ตาเฮสต์แกชอบงูมาตั้งแต่เด็ก พออายุ 7 ขวบก็เก็บงูมาเลี้ยง เกือบจะตายเพราะงู เมื่ออายุ 12 ขวบโดนงูคอปเปอร์เฮดกัด งูคอปเปอร์เฮดเป็นงูประเภทเดียวกับงูหางกระดิ่งหรือแรตเติลสเนก ซึ่งมีพิษมากของอเมริกากลางแต่หางของมันไม่มีกระดิ่ง

หลังจากนั้นหนูน้อยเฮสต์ก็ย้ายมาอยู่ฟลอริดาอันเป็นรัฐทางใต้ของสหรัฐอเมริกา เป็นรัฐที่มีชื่อว่ามีสัตว์เลื้อยคลานเยอะ ที่ขึ้นชื่อคือจระเข้กับงู ตอนนั้นไปอยู่กับคนเลี้ยงงูที่มีอาชีพทางแสดงเกี่ยวกับงูให้นักท่องเที่ยวชม ต่อมาเกิดมีเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก รวมทั้งอเมริกาและเมืองที่แกอยู่ด้วย เลยเปลี่ยนอาชีพไปต้มเหล้าเถื่อน ที่จริงเหล้ากับงูเข้ากันไม่ได้ยิ่งกว่าน้ำกับน้ำมัน แต่เนื่องจากแกต้องหลบไปต้มเหล้าเถื่อนแถวป่าชายเลน จึงทำให้มีโอกาสได้สัมผัสกับงูอีก

นายเฮสต์คงวุ่นอยู่กับงูและสร้างสวนงูจนละเลยครอบครัว ถูกเมียทิ้งปล่อยให้ลูกชายคนเดียวอยู่กับแกโดยช่วยแกดูแลสวนงู ตอนนั้นชีวิตนายเฮสต์อัตคัดพอดูเพราะต้องอยู่กระต๊อบ กินอาหารกระป๋อง ซึ่งในอเมริกาถือว่าเป็นอาหารของผู้ที่อยู่ห่างไกลความเจริญ ไม่สามารถหาอาหารสดมากินได้ อาบน้ำจากตุ่มเพราะไม่มีห้องน้ำ ซึ่งเป็นสุขภัณฑ์พื้นฐานของบ้านโดยทั่วไป

เฮสต์เชื่อว่าพิษงูใช้รักษาโรคได้โดยอาศัยความจริงที่ว่าการได้รับพิษงูครั้งละน้อยๆจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา และการเพิ่มปริมาณพิษมากขึ้นจะทำให้ภูมิคุ้มกันถูกสร้างเพิ่มมากขึ้นด้วย ความคิดของเฮสต์มีความเป็นวิทยาศาสตร์อยู่ไม่น้อย เพราะภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสร้างมาต้านพิษงูแต่ละชนิดจะต่างกัน และอาจมีฤทธิ์ต้านเชื้อโรคหรือความผิดปกติอย่างอื่นนอกจากพิษงูก็ได้ ทางการแพทย์เรียกว่า Cross immunity หรือภูมิคุ้มกันข้ามสายพันธุ์ เฮสต์ทดลองกับตัวเองก่อน โดยใช้พิษงูหางกระดิ่งฉีดเข้าร่างกายครั้งละน้อยๆ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2491 โดยฉีดสัปดาห์ละครั้ง จนกระทั่งบัดนี้เฮสต์มีภูมิคุ้มกันงูพิษ 32 สายพันธุ์

เมื่อ พ.ศ. 2512 ประมาณ 2o ปีหลังจากที่เขาเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันพิษงูในตัวเขา เขาได้ช่วยชีวิตผู้อำนวยการสวนสัตว์ในไอโอวาที่ถูกงูพิษกัด โดยการให้เลือดที่มีภูมิคุ้มกันพิษจากตัวเขาสู่ผู้ถูกงูกัด ทำให้ผู้ถูกงูกัดรอดตาย เฮสต์ยังเก็บจดหมายจากผู้อำนวยการสวนสัตว์คนนั้นเอาไว้จนถึงทุกวันนี้เขาเขียนว่า “ทุกเช้าที่ผมตื่นนอนมาเห็นแสงตะวัน ผมนึกถึงคุณ”

เฮสต์เชื่อว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดจากพิษงูนี้สามารถรักษาโรคได้หลายอย่าง และยังทำให้เขามีสุขภาพดี เฮสต์บอกว่า “ผมไม่เคยเจ็บป่วยแม้แต่วันเดียว ในชีวิตของผมนี้ไม่เคยไปหาหมอ ไม่เคยแม้แต่เป็นหวัด”

นอกจากนั้นแม้อายุมากขนาดนี้เฮสต์ไม่เคยเป็นโรคปวดข้อ กล้ามเนื้ออักเสบ ข้ออักเสบหรือโรคติดเชื้ออื่นใด ไม่เคยต้องใช้ยา ไม่เคยแม้แต่จะกินแอสไพริน (แอสไพรินเป็นยาแก้ไข้แก้ปวดที่เคยมีใช้กันจนกระทั่งมียาพาราเซตามอลมาแทนเมื่อประมาณ 2o กว่าปีมานี้เอง)

แม้ว่าเฮสต์มีอายุ 85 แล้ว แต่ดูเหมือนเพิ่งจะมีอายุ 6o เดินเหินกระฉับกระเฉง หลังตั้งตรง ทำงานอยู่ในสวนงูที่ฟลอริดาวันละหลายชั่วโมง

มีคนถามเสมอว่าพิษงูเป็นยารักษาที่ใช้รักษาโรคและอายุวัฒนะจริงหรือ เฮสต์ตอบว่า “คอยอีก 15 ปี ตอนผมอายุ 1oo ปี ถ้าผมยังแข็งแรงเหมือนอายุตอนนี้ คุณก็น่าจะพอเชื่อได้”

ราวๆ พ.ศ.2515 เฮสต์ผลิตยาจากพิษงูขึ้นมาขนานหนึ่งชื่อ “โพรเวน” (Proven) นำไปให้หมอคนหนึ่งชื่อ เบ็น เชปพาร์ด ใช้ หมอ เบ็น เชปพาร์ดเป็นโรคข้ออักเสบชนิดรูมาตอยด์ ปรากฏว่าได้ผลดี หมอเชปพาร์ดจึงใช้ยานี้รักษาผู้ป่วยโรคข้ออักเสบเรื่อยมาและยังใช้รักษาโรคอื่นๆ อีกหลายอย่าง ต่อมาคลินิกถูกทางการสั่งปิด ตอนนั้นเฮสต์เสียใจมาก เพราะเขาคิดว่ากำลังจะช่วยให้มนุษยชาติได้ยารักษาโรคที่มีสรรพคุณวิเศษแต่มาถูกทางการสั่งปิด เขาจึงเลิกกิจการที่ฟลอริดาย้ายไปอยู่ที่ยูทาห์ ซึ่งมีสภาพดินฟ้าอากาศต่างกันลิบลับ เฮสต์ยังผลิตพิษงูอยู่ ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค แต่เพื่อการวิจัย หลังจากอยู่ยูทาห์ 6 ปี เฮสต์ก็ย้ายกลับมาฟลอริดาอีก

ก่อนที่คลินิกของหมอเชปพาร์ดจะถูกสั่งให้ปิดนั้น ปรากฏว่ากิจการกำลังเจริญ เคยมีรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์และทำข่าว ผู้ป่วยของหมอเบ็น เชปพาร์ดส่วนมากเป็นโรคทางระบบประสาทกล้ามเนื้อ (multiple sclerosis) ผู้คนหลั่งไหลมาทั่วทุกสารทิศของสหรัฐ บางคนเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อจะให้รักษาโรคเหล่านี้

คลินิกที่ใช้พิษงูของเฮสต์รักษาโรคถูกปิดนั้น ในอเมริกาเข้าใจได้ง่าย เพราะการรักษาโรคถือเป็นอาชีพที่มีการควบคุมอย่างใกล้ชิดมาก จะทำอะไรตามใจชอบไม่ได้ ยาที่ใช้ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งตามปกติจะใช้เวลาหลายปีกว่าทางการซึ่งหมายถึงสำนักงานอาหารและยาจะอนุญาตให้ใช้ในการรักษาโรคได้ ผมว่าทั้งเฮสต์และหมอคนที่ใช้ยายังโชคดีที่เพียงแต่ถูกปิดคลินิก เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้ทั้งทางอาญาและทางแพ่ง

การตั้งสวนงู(หรือฟาร์มงู หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า snake farm) ของเฮสต์ที่ฟลอริดาครั้งที่ 2 นี้ มีงูกว่า 4oo ชนิด รีดพิษงูทุกวัน และส่งขายให้แก่สถาบันวิจัยทั่วสหรัฐ ราคาของพิษงูไม่ใช่ถูกๆ ลองเทียบดูเองนะครับ พิษจากงูเขียวของแอฟริการาคากรัมละ 15o,ooo บาท เป็นต้น

มีตอนหนึ่งของเรื่องเกี่ยวกับงูที่ผิดไปจากที่ผมเคยรู้และประสบมา กล่าวคือ เฮสต์กล่าวว่าเมื่อ พ.ศ.2497 เขาถูกงูสามเหลี่ยมกัดและเกือบต้องเสียชีวิต เขาเล่าว่า “ผมไม่เคยได้ยินว่าใครถูกงูสามเหลี่ยมกัดแล้วรอดชีวิตมาได้เลย” เขาพูดถึงความเจ็บปวดที่เกิดจากพิษงูว่า “ผมรู้สึกคล้ายถูกถลกหนัง เส้นประสาทถูกดึงออกมาจากฟัน และผมถูกกระชากให้หลุดจากหนังศีรษะ”

เฮสต์บอกว่า “งูสามเหลี่ยมสีเทา” (blue krait) ตัวนี้ได้มาจากทวีปเอเชีย ซึ่งคงจะไม่ใช่งูสามเหลี่ยมที่มีปล้องเหลืองสลับดำหรือสลับน้ำตาลเข้ม แต่อาจเป็นปล้องเทาสลับดำหรือสลับน้ำเงินซึ่งเรียกว่างูทับสมิงคลา (Malayan krait)

ไม่ว่างูสามเหลี่ยมหรืองูทับสมิงคลาต่างก็มีพิษคล้ายงูเห่า ผิดกันแต่อาการเจ็บปวดเฉพาะที่มีน้อยหรือไม่มี แต่อาการทั่วไปได้แก่หนังตาตก หายใจลำบาก หรือง่วงซึมมีเหมือนกัน ในบทความฉบับเดียวกันกล่าวว่า “ถ้าเปรียบเทียบหยดต่อหยด พิษงูสามเหลี่ยมมีมากกว่างูเห่าหลายเท่า” ซึ่งผมก็ไม่คิดว่าเป็นความจริง อย่างน้อยก็ยังไม่เคยพบว่ามีใครศึกษาเปรียบเทียบไว้

ตรงนี้ผมคิดว่าควรจะต้องเรียนให้ท่านผู้อ่านทราบเกี่ยวกับงูสามเหลี่ยมเล็กน้อย

งูสามเหลี่ยมที่เราเห็นกันทั่วไปเป็นงูที่มีขนาดเมตรกว่าๆ (๑ เมตรถึง ๑ เมตรครึ่ง) มีปล้องสีเหลืองสลับดำชัดเจน ลำตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมมีสันคมที่กลางหลัง งูสามเหลี่ยมหากินตามพื้นดิน ปกติมีอยู่ทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปจนถึงตอนใต้ของประเทศจีน และบางส่วนของอินโดนีเซีย อาหารของมันได้แก่ งู กบ และสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ (แย้ กิ้งก่า จิ้งเหลน ฯลฯ) โดยมากหากินกลางคืนกลางวันจะเชื่องช้า ไม่ค่อยกัดใคร
ผมเคยเห็นคนจับงูสามเหลี่ยมมาขายเป็นเข่งๆ เอามือเปล่าลงไปล้วงขึ้นมาทีละหลายตัวไม่เคยพบว่าถูกกัด ที่โรงพยาบาลศิริราชมีคนถูกงูสามเหลี่ยมกัดมาให้รักษาปีละไม่เกิน 5 ราย (ระหว่าง พ.ศ.2515-2535) ไม่มีผู้เสียชีวิตจากงูสามเหลี่ยมกัด ถ้าได้รับการรักษาทันท่วงที แม้ในที่ที่ไม่มีเซรุ่มแก้พิษงู แต่มีอุปกรณ์ช่วยการหายใจก็จะสามารถช่วยชีวิตผู้ที่ได้รับพิษงูสามเหลี่ยมได้ เคยมีรายงานจากโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา (2536) ว่ามีอัตราตายร้อยละ 5o ซึ่งเข้าใจว่าเกิดเพราะไม่ได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที สำหรับโรงพยาบาลศิริราชแม้งูเห่ากัดก็มีอัตราตายเพียงร้อยละ 1o-11 เท่านั้น

งูทับสมิงคลามีลักษณะทั่วไปคล้ายงูสามเหลี่ยมมาก แต่แทนที่จะมีปล้องดำสลับเหลืองก็เป็นดำสลับขาว งูทับสมิงคลาว่องไวและมักจะกัดถ้าถูกรบกวน พิษของงูทับสมิงคลากับงูสามเหลี่ยมคล้ายกัน แม้จะไม่เหมือนกันทีเดียว กล่าวคือ มีอาการเฉพาะที่น้อย อาการส่วนใหญ่จะเกิดทางระบบประสาท ในประเทศไทยยังไม่มีเซรุ่มแก้พิษงูทับสมิงคลา แต่ดังได้กล่าวแล้วว่าไม่จำเป็นนัก เพราะถ้ามีเครื่องช่วยหายใจที่ดีก็สามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยได้แล้ว

เรื่องงูยังมีสิ่งที่น่าสนใจน่ารู้อีกมาก ผมมีความรู้สึกว่าสิ่งใดก็ตามที่มีพิษถ้านำมาใช้ถูกวิธีอาจเกิดกับคุณได้ กรณีของพิษงูก็ไม่น่าจะต้องยกเว้น เคยมีผู้แนะนำว่าพิษงูนอกจากจะใช้รักษาโรคทางเส้นประสาทแล้วยังใช้รักษาโรคเกี่ยวกับข้อ ได้แก่ ข้อเสื่อม ข้ออักเสบ โรคเกี่ยวกับไวรัส เช่น เริมและงูสวัด โรคกล้ามเนื้อฝ่อที่ไม่ทราบสาเหตุ และอื่นๆอีกมากมาย แม้ยาโพรเวนจะถูกห้ามขายในอเมริกา แต่ที่ประเทศเยอรมนียังมีขายทั่วไปภายใต้ชื่อทางการค้าว่า ฮอร์วี่ เอ็ม เอส ไนน์ (Horvi MS9)

นายเฮสต์ก็เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดริเริ่มที่ดี แต่แกไม่มีความรู้พื้นฐานทางเภสัชวิทยาและชีววิทยา ถ้ามีผู้ร่วมงานที่มีความรู้ทางด้านนี้ ป่านนี้อาจมียาที่มีประสิทธิภาพดีในการรักษาโรค หรือยาเสริมสุขภาพออกมาให้ใช้กันแล้วก็ได้ ในสังคมที่แสวงผลประโยชน์ ข้อเสียของการใช้ของแปลกรักษาโรคคือ คนที่หมดทางรักษาจะตกเป็นเหยื่อของคนประเภทหลอกลวง แต่ถ้ายานั้นดีจริง ผู้ที่มีนิสัยช่างระแวงก็จะเสียประประโยชน์ที่จะได้รับจากยาที่มีประสิทธิภาพ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 13:38  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93530

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d
การเข้าป่าในช่วงฤดูฝน ซึ่งถือได้ว่ามีการเสี่ยงต่อการเดินทาง และดำรงชีพอยู่ในป่ามักมีอันตรายมากพอสมควร ถ้าไม่รู้จักเรียนรู้วิธีต่างๆ กับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง เพราะในช่วงหน้าฝน โดยเฉพาะในเส้นทางที่มีอุปสรรค น้ำป่าไหลหลาก และพบเจอจำพวกสัตว์ที่มีพิษเขี้ยวขอจะต้องระมัดระวังกันเป็นกรณีพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อสรพิษชนิดต่างๆ เพราะอย่างที่รู้ๆ เมื่อขับรถเข้าป่าลึกก็ยิ่งรกชัฎสัตว์ที่ชอบความรกชัฏก็คงไม่พ้นเจ้าอสรพิษร้าย อย่างเช่น งูเห่า ก็มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกันคือ ชนิดที่พ่นพิษได้ และชนิดที่พ่นพิษไม่ได้ แต่มีงูชนิดหนึ่งที่มีพิษรุนแรง คงไม่พ้นงูจงอาง เพราะมันสามารถยกคอได้สูงจึงฉกเข้ายังตำแหน่งที่สำคัญของร่างกายมนุษย์ได้ทุกเมื่อ แต่ถ้าเราเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้นสิ่งต่างเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นได้เลย แต่ถ้าเกิดขึ้นแล้วเราจำต้องมีวิธีป้องกัน เบื้องต้นกันไว้ได้ชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อเราถูกงูกัด ก่อนอื่นต้องหาสิ่งของจำพวกเชือกหรือสายยางนำมารัดให้แน่นให้เหนือแผลที่ถูกโดนกัด ต่อไปทำการล้างแผลให้สะอาดหรือจะใช้น้ำสบู่หรือน้ำเกลือก็ได้ แล้วจึงส่งทำการรักษานำไปฉีดเซรุ่มแก้พิษงูโดยเร็ว ข้อสำคัญอย่าตกใจจนหัวใจวายเสียก่อนก็เท่านั้นเอง

ในส่วนของการประจัญหน้ากับงูนั้น เคล็ดลับก็คือ โกยครับเตรียมวิ่งเป็นดีที่สุด แต่ก็มีเทคนิคคือเวลาวิ่ง ให้ทิ้งเสื้อผ้าที่ติดตัวมาทีละชิ้น เพราะเมื่อทิ้งเสื้อผ้าไปงูก็จะไปสนใจสิ่งนั้นแทน เราก็มีเวลาหนีอันนี้ก็คือเรื่องจริง

การดำรงชีพในป่ามันเป็นวิชาของการเอาตัวรอดคือ ไปให้ถึง กลับให้ได้ ในสมัยก่อนผู้ที่เก่งในเรื่องของป่าเราจะเรียกกันว่า "พราน" เมื่อพรานเข้าป่าสิ่งที่ต้องนำติดตัวไปก็คือ ข้าวสาร พริก หอม เกลือ กระเทียม อย่างอื่นไปหาเอาข้างหน้า เพราะการเข้าป่าช่วงหน้าฝนสัมภาระจะต้องมีน้อยที่สุด เอาไปเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ในส่วนของรถก็ไม่ควรเกิน 10 คัน อุปกรณ์ที่เกี่ยวกับรถที่จะต้องช่วยเหลือก็ต้องเตรียมไปด้วย ไม่ว่า วินช์-เชือกลาก-ยางอะไหล่ และน้ำมันเครื่องทุกชนิด เรื่องอาหารควรเป็นอาหารแห้งเพราะสามารถนำมารับประทานได้เลยตลอด เวลา ที่บอกว่าจำนวนไม่เกิน 10 คัน สาเหตุก็คือเมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น จะมีโอกาสช่วยเหลือกันได้สะดวกและรวดเร็วจำนวนคนก็คงไม่เกิน 20 คน เพราะว่าคนเรานั้นเมื่อพักแรมอยู่ในป่าจะไม่เกิดความกลัว แต่ถ้าเมื่อไหร่ขับ รถเข้าป่าคันเดียวก็จะเกิดความกลัวกับตัวเอง กลัวกับความมืด กลัวกับความว้าเหว่ สุดท้ายก็ประสาทหลอน

การพักแรมในป่าก็เช่นกัน ควรจะเลือกภูมิประเทศให้ถูกต้อง สำหรับที่ลาดเอียงไม่เหมาะกับการกางเต็นท์ ที่ลุ่มเกินไปก็ไม่ดี เพราะเวลาน้ำหลากน้ำป่าทะลักมาก็จะท่วมล้นเอ่อไปด้วย ที่สูงเกินไปก็ไม่ดี ฟ้าอาจผ่าได้ เอาพอดีๆ ก็แล้วกัน ควรหาต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสาขาพอสมควร ส่วนการนอนต้องก่อกองไฟนอนเพื่อป้องกันสัตว์ร้าย การก่อไฟเป็นการทำผิดธรรมชาติของป่า สัตว์ร้ายก็จะไม่เข้ามาใกล้ เพราะสัตว์ที่แวะผ่านจุดนี้นั้นเมื่อมีการก่อกองไฟ สัตว์จะรู้โดยทันทีว่าไม่ควรเข้าใกล้ ยิ่งถ้าเป็นสัตว์ใหญ่อย่างกระทิง แค่ไม้เบียดกัน เสียดสีกัน ลมพัดแรง กระทิงจะรู้โดยทันที

การดูทิศทางในเวลากลางค่ำกลางคืนก็จะดูจากดาวเหนือซึ่งอยู่ต่ำสุดเห็นดวงเดียว หรือดูจากดวงจันทร์ซึ่งจะขึ้นด้านทิศตะวันตกเสมอ ถ้าเป็นตอนกลางวันให้ใช้ต้นไม้ ช่วงเวลาเที่ยงถึงบ่ายถ้าเราเอามือไปแตะต้นไม้ด้านที่ร้อน นั่นแหละทิศตะวันตก ด้านที่เย็นคือทิศตะวันออก หรือดูจากธารน้ำที่ตามธรรมชาติจะไหลจากทางเหนือสู่ทางใต้

เรื่องอาหารที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติก็เช่นเดียวกัน มีบางคนอยากจะลิ้มรส แต่ทำอย่างไรเล่าเมื่อกินไปแล้วจึงจะปลอดภัย ให้สังเกตจากการกินของนกหรือพวกลิง-ค่าง เพราะมีระบบเอ็นไซม์ในการย่อยอาหารที่คล้ายคลึงกับมนุษย์เรามาก เวลากินเห็ดในช่วงหน้าฝน เห็ดจะเยอะจะรู้ได้อย่างไรว่าชนิดไหนมีพิษ ไม่มีพิษ "เห็ดที่กินไม่ได้มักจะมีปลอกอยู่ที่ข้อ จะไม่มีมดแมลงมาแตะต้องเลย เห็ดที่มีพิษจะไม่ขึ้นผสมกับเห็ดที่กินได้" หรือถ้าไม่แน่ใจควรนำ ข้าวสารมาคลุกกับเห็ดดู ถ้าเป็นเห็ดมีพิษข้าวสารจะเปลี่ยนสีโดยทันที

การหุงข้าวมีแบบต่างๆ ในช่วงหน้าฝน โดยใช้ไม้ไผ่หุงข้าว ควรหาไม้ไผ่ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร หนึ่งข้อแบ่ง เป็นสามท่อน หนึ่งท่อนใส่ข้าว อีกสองท่อนใส่น้ำเข้าไป ใช้มีดหรือขวานเจาะแงะเป็นช่องเปิดใส่ข้าวในอัตราส่วน หุงได้ทั้งแบบแนวตั้งหรือเผาแบบข้าวหลาม และแนวนอนขนานไปกับพื้น ยังมีอีกวิธีที่หุงข้าวด้วย ถุงพลาสติก ควรเป็นถุงร้อนใช้สองถุง ถุงแรกใส่ข้าวแบ่งออกเป็นห้าส่วน สองส่วนใส่ข้าวอีกสามส่วนใส่น้ำมัดปากถุงแบบหลวมๆ นำถุงที่สองมาสวมโดยใส่น้ำเลี้ยงเข้าไป การหุงแบบนี้จะง่ายในการจะรู้ว่าข้าวสุกเพราะเราสามารถมองเห็นได้โดยง่าย และอีกวิธีการหุงด้วย เสื้อผ้า, กางเกง, ถุงเท้า, เสื้อชั้นใน เริ่มต้นด้วยการแช่ข้าวไว้ไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ขุดหลุมลึก 6 นิ้ว เอาข้าวใส่ในเสื้อหรือกางเกงที่เตรียมไว้ห่อให้มิดชิดฝังไว้แล้วกลบด้วยดิน เอาหินมาวางทับอีกครั้งแล้ว ก่อกองไฟเป็นอันว่าเสร็จสิ้นพิธี

และอีกเรื่องหนึ่งในช่วงหน้าฝนนี้ "ทาก" เป็นที่น่ารังเกียจของชาวออฟโรดทั้งหลาย ซึ่งการป้องกันที่แน่นหนา ตามวิธีที่ใช้กันอยู่นั้นคงเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย เพราะคงไม่มีชาวออฟโรดคนไหนในช่วงเวลาขับรถแล้ว สวมใส่ถุงเท้าป้องกันตัวทากอยู่ด้วยอย่างแน่นอน และคงเป็นไปได้อีกว่าเวลาขับรถไปจะไม่ลงมายืดเส้นยืดสาย ตามทางก่อนจะถึงที่พักแรม ซึ่งในระหว่างทางนี้เองท่านอาจจะประสบกับปัญหาในเรื่องของ "ทาก" ซึ่งคอยตั้งหน้า ตั้งตาดูดเลือดพวกเราขณะที่ท่านไม่รู้ตัวเลย การเข้าป่าช่วงหน้าฝนจึงควรนำสิ่งที่ป้องกันตัวจากทากเช่น สเปรย์ "ไบกอนเขียว" นั่นเอง เมื่อฉีดโดยตัวมันแล้วตัวมันแทบละลายเลยทีเดียว

นอกจากนั้นไบกอนเขียวยังสามารถใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมากมาย ไม่ว่าท่านจะเลือกทำเลที่ตั้งไว้พักแรม ก่อนที่ท่านจะปูผ้านอน ก็สามารถที่จะใช้ไบกอนเขียวฉีดก่อนตามบริเวณที่ท่านนอนเสียก่อน ซึ่งจะเป็นการขับไล่ แมลงหรือสัตว์ที่มีพิษต่างๆ ป้องกันตัวท่านก่อนนอน หลังจากนั้นก็ทิ้งไว้สักครู่หนึ่งแล้วจึงค่อยทำการปูผ้าปูที่นอน เสื่อ ฯลฯ กันตามปกติ

นี่คือการดำรงชีพในป่าช่วงหน้าฝนแบบเรียบง่าย ถ้าปฏิบัติได้ก็จะทำให้ท่านสะดวกสบายและมีความสุขกับการเดินทางที่แท้จริงเข้าป่าในช่วงหน้าฝนได้อย่างปลอดภัยครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.53 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 14:09  IP : 58.9.176.53   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93531

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
หมดเคราะห์ปลอดภัยหายไวๆ....รับโชครับชัยปีใหม่ไทยนะพี่



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ149 จาก พัฒน์149 125.25.16.126 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 14:21  IP : 125.25.16.126   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93532

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
ขอให้เจ๊หายไว ๆ นะจ๊ะจะได้มาดูแลตัวแสบเหมือนเดิม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ058 จาก 058/1 203.147.10.166 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 19:34  IP : 203.147.10.166   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93533

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d
19.30 น.โทรศัพท์คุยกับน้าก้อง ได้ความว่าอาการล่าสุดขยับตัวได้แล้ว พูดได้แต่ไม่สดวกเนื่องจากติดท่ออ๊อกซิเจนอยู่ (สอดลงไปทางปากเข้าถึงปอดเพื่อช่วยการหายใจ) ใช้เขียนข้อความใส่กระดาษแทน เหลืออย่างเดียวที่ยังเป็นห่วงอยู่คือยังลืมตาไม่สดวก เปลือกตายังแข็งอยู่พอมองได้ ซึ่งเป็นอาการของการถูกงูพิษชนิดนี้กัด ตามประวัติการรักษาเมื่อถูกงูทับสมิงคลากัดถ้าพ้นขีดอันตรายแล้วยังต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวอีกอย่างเร็วที่สุด หนึ่งสัปดาห์ ก็ขอให้เพื่อนๆๆเป็นกำลังใจให้น้องรินทร์น่ะครับ สดวกก็โทร.ไปคุยหรือลงให้กำลังใจในกระทู้นี้ครับ...............


22.00 น. การรับรู้ทางสายตาปรับปรุงดีขึ้น
fiogf49gjkf0d


 แก้ไขเมื่อ : 29/3/2554 22:06:49



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 125.24.236.240 อังคาร, 29/3/2554 เวลา : 20:27  IP : 125.24.236.240   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93534

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d
เพิ่งทราบข่าว แต่ก็คงไม่ช้าจนเกินไปกับความห่วงใย สำหรับครอบครัว
สมาชิกและครอบครัวเพื่อนแชมป์ทุกๆท่าน
ก็ขอให้หายไวๆน่ะครับ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง และ ปลอดภัยน่ะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

CHAMP064 จาก ผู้บังคับหน่วย Seal Ton 115.31.177.8 พุธ, 30/3/2554 เวลา : 08:40  IP : 115.31.177.8   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93535

คำตอบที่ 14
      

fiogf49gjkf0d
ปลื้มใจในความเป็นเพื่อนครับเมื่อเกิดเหตุและทราบเหตุเพื่อนๆกุลีกุจอเร่งเข้าให้การช่วยเหลือคนละไม้ละมือส่วนเพื่อนที่เผชิญเหตุซึ่งหน้าก็ทำดีที่สุด ท่านทำดีที่สุดกันทุกคนจนเพื่อนพ้นขีดอันตรายสามวันสามคืน...เป็นบทเรียนในการเที่ยวป่าและเป็นอีกบทสำหรับคำว่าเพื่อน...ที่ดีต่อกัน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Champ079 จาก 79 203.113.0.206 พุธ, 30/3/2554 เวลา : 10:03  IP : 203.113.0.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93537

คำตอบที่ 15
      

fiogf49gjkf0d
ขอให้หายไวไวนะครับ เป็นกำลังให้ครับ สู้ๆ แล้วทุกอย่างจะดีเองครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Kran Champ130 จาก Kran 110.168.110.56 พุธ, 30/3/2554 เวลา : 12:03  IP : 110.168.110.56   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93538

คำตอบที่ 16
      

fiogf49gjkf0d
15.50 น.อาการทุกอย่างดีขึ้นเป็นลำดับ สามารถมองได้ระยะทางไกลขึ้น รู้สึกตัวดี น้าก้องฝากขอบคุณเพื่อนๆๆทุกคนด้วยที่คอยให้กำลังใจ

คำตอบที่ 14 ต้องขอบคุณสามท่านนี้เป็นพิเศษ น้าตั้ม 136/น้าบำ 079/น้าติ 153 ที่ช่วยกันเร่งด่วนนำเซรุ่มแก้พิษงูจากสถานเสาวภา กรุงเทพฯบึ่งรถเต็มที่นำไปให้เพื่อนที่จังหวัดเพชรบุรีได้ทันการณ์
fiogf49gjkf0d


 แก้ไขเมื่อ : 30/3/2554 16:00:41



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 58.9.176.42 พุธ, 30/3/2554 เวลา : 15:56  IP : 58.9.176.42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93541

คำตอบที่ 17
      

fiogf49gjkf0d
ขอแจ้งข่าวดีให้เพื่อนๆทราบ..ตอนนี้อาการของคนไข้ดีขึ้นมากแล้ว ขาและแขน ขยับได้แล้วแต่ที่หน้าดีใจอย่างมากคือ ตาเริ่มมองเห็นได้บางแล้วครับ และน้าก้องฝากบอกขอขอบคุณอย่างสูงที่ร่วมกันส่งกำลังใจมาให้ .....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สกลChamp106 จาก กลร้อยหก 118.174.160.233 พุธ, 30/3/2554 เวลา : 16:11  IP : 118.174.160.233   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93542

คำตอบที่ 18
      

fiogf49gjkf0d
ขอแสดงความยินดีที่หายและปลอดภัยจากอันตรายนี้ครับ หายไวๆนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ126 จาก OLE'126 124.120.57.103 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 00:16  IP : 124.120.57.103   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93546

คำตอบที่ 19
      

fiogf49gjkf0d
อ้อ พี่แซมซั่น ฝากความเป็นห่วง และขอให้หายไวๆครับผม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ126 จาก OLE'126 124.120.57.103 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 00:19  IP : 124.120.57.103   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93547

คำตอบที่ 20
      

fiogf49gjkf0d
ตกข่าวอีกแล้วเรา...ขอเป็นกำลังใจ และขอให้สุขภาพแข็งแรงหายเร็วๆนะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ012 จาก น้าหมู(Modern9) 61.19.226.253 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 07:51  IP : 61.19.226.253   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93549

คำตอบที่ 21
      

fiogf49gjkf0d
ดีใจครับปลอดภัยแล้วขอให้หายไวๆดีวันดีคืนครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

โจอี้Champ143 จาก โจอี้(คนหลงทาง)143 125.25.25.158 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 13:12  IP : 125.25.25.158   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93550

คำตอบที่ 22
      

fiogf49gjkf0d
เวลา 13.30 น.วันนี้.อาการของตามองเห็นขึ้นได้มากกว่าเดิมครับ แต่ต้องรับวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็นขวดที่ 31 แล้ว.......
...จะพยายามส่งข่าวเรื่อยๆๆครับ......



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สกลChamp106 จาก กลร้อยหก 118.174.165.183 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 15:40  IP : 118.174.165.183   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93551

คำตอบที่ 23
      

fiogf49gjkf0d
ข่าวดีมากๆ เวลา 19.10 น. วันนี้ คนไข้หายใจได้เองแล้วครับ ไม่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ขอให้เพื่อนๆช่วยกันส่งกำลังใจให้คนไข้และน้าก้องด้วยจ๊ะ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สกลChamp106 จาก กลร้อยหก 118.174.162.72 พฤหัสบดี, 31/3/2554 เวลา : 19:19  IP : 118.174.162.72   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93552

คำตอบที่ 24
      

fiogf49gjkf0d
ในที่สุดเพื่อนพ้องน้องพี่เราทุกคนก็ประสบความสำเร็จ ดีใจกับทุกๆคนด้วยครับ ดีใจกับน้าก้องและครอบครัวด้วยครับ ขอให้กลมเกีลยวรักษามิตรภาพที่ดีต่อกันไว้ให้นานถึงนานมากกันทุกๆคนครับ......



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Champ079 จาก 79 203.113.0.206 ศุกร์, 1/4/2554 เวลา : 11:27  IP : 203.113.0.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93554

คำตอบที่ 25
      

fiogf49gjkf0d
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจคับ หายไวไวครับผม



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

H3 จาก H3 125.25.41.34 ศุกร์, 1/4/2554 เวลา : 22:20  IP : 125.25.41.34   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93557

คำตอบที่ 26
      

fiogf49gjkf0d
วันนี้ เวลา 18.30 น.เราได้รับข่าวดีจากเพื่อนเรา ที่ทุกคนเฝ้าส่งกำลังใจช่วยกันด้วยความเป็นหว่ง และเป็นกำลังใจให้กันตลอดเวลา....ตอนนี้คนไข้ดีมาก และสามารถพูดได้บ้างแล้ว ไม่มีอาการข้างเคี่ยงแต่อย่างไร คนไข้จะย้ายไปอยู่ห้องพิเศษ พรุ่งนี้.....น้าก้องและภรรยา ฝากขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกคน ด้วยครับ.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สกลChamp106 จาก กลร้อยหก 118.174.165.74 เสาร์, 2/4/2554 เวลา : 20:16  IP : 118.174.165.74   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93563

คำตอบที่ 27
      

fiogf49gjkf0d
ยินดีกับคุณก้อง 98และครอบครัวด้วยครับที่ก้าวผ่านเรื่อร้ายๆมาด้วยความเข้มแข็ง
ก็ขอให้เหตุการครั้งนี้เป็นบทเรียนในการเข้าป่าครั้งต่อๆไปของกลุ่มเพื่อนแชมป์ของเราตัวผมเองก็อดนึกถึงตอนที่พวกเราเข้าใปติดกันในป่าทั้งคืนถ้าเกิดเห็นการเเบบนี้คงจะเเย่ เหมือนกันนะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จันทร์ฉาย จาก 136 124.122.50.117 เสาร์, 2/4/2554 เวลา : 21:55  IP : 124.122.50.117   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93564

คำตอบที่ 28
      

fiogf49gjkf0d
หมดเรื่องเศร้าจะเล่าเรื่องโจ๊กให้ฟังวันที่ผมเดินทางนำเซรุ่มจากกรุงเทพไปเพรชบุรีผม136เป็นคนขับ079นำทาง153ถือขวดเซรุ่มพวกเราก็ไม่สบายใจจะรีบเดินทางให้ไวที่สุด079ก็สอบถามเหตุการที่เกิดขึ้นกับทาง153เเล้วก็วิเคราะกันไป ต่างๆซักครู่ต่อมาเสียงของครู่สนทนาก็เงียบหายไปผมก็ไม่ใส่ใจอะไรคิดอย่างเดียวว่าเมื่อไรจะถึงโรงพยบาล
ผมมารู้ตอนหลังว่าตอนที่พวกเขาหยุดสนทนากันนั้นเข็มไมล์มันชี้ไปที่เกือบ 180 เเละที่น่าตื่นเต้นกวานั้นคือหมอเขาห้ามผมขับรถครับดว้ยสาเหตุอะไร079รู้ดีครับขอโทษเพื่อนด้วยนะ5555555555



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จันทร์ฉาย จาก 135 124.122.50.117 เสาร์, 2/4/2554 เวลา : 22:24  IP : 124.122.50.117   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93565

คำตอบที่ 29
      

fiogf49gjkf0d
แจ้งข่าวเพื่อนๆ ตอนนี้ภรรยาเพื่อนของเรา ได้ย้ายไปอยู่ห้องพิเศษแล้วครับ คงพักฟื้น สองสามวันก็กลับบ้านได้....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

สกลChamp106 จาก กลร้อยหก 118.174.164.103 อาทิตย์, 3/4/2554 เวลา : 19:04  IP : 118.174.164.103   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93566

คำตอบที่ 30
      

fiogf49gjkf0d
ค่อยโล่งอกหน่อย มันร้ายจริงๆงูตัวนี้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

118 จาก champ::118 124.122.165.17 อาทิตย์, 3/4/2554 เวลา : 19:50  IP : 124.122.165.17   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93567

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,25 พฤศจิกายน 2567 (Online 4606 คน)