WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


มีของดีมาฝาก
champ067
จาก KidCowboy067
IP:58.9.171.116

ศุกร์ที่ , 12/11/2553
เวลา : 12:16

อ่านแล้ว = 5057 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      


 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
Ibanez electric guitar Jazz Hollow body pm 100 year 2000
Pat Matheny signature
fiogf49gjkf0d


 แก้ไขเมื่อ : 19/11/2553 11:04:03





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:01  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91531

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:02  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91532

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:05  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91533

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
gibson J200 year 1995 กีตาร์โปร่ง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:06  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91534

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
Ovation Legend year 1989 กีตาร์โป่รง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:08  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91535

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:08  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91536

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d
Gibson electric guitar ES175 year2000





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:10  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91537

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:10  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91538

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.169.230 ศุกร์, 19/11/2553 เวลา : 11:11  IP : 58.9.169.230   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91539

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
คอลัมน์: บ้านเกิดเมืองนอน: ราชดำเนิน
ข่าวการเมือง หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- ศุกร์ที่ 3 ธันวาคม 2553 00:00:58 น.
ไท ทองเค
"ราชดำเนิน เรดบูล แบงค็อก 2010" เป็นงานที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง กรุงเทพมหานครและบริษัท เรดบูลล์ ของคุณเฉลิม อยู่วิทยา น่าจะเป็นอีเวนท์อลังการอีกเหตุการณ์หนึ่งของถนนราชดำเนินกลาง

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกับผู้บริหารบริษัท เรดบูลล์ และ พ.ต.อ.วัลลภ ประทุมเมือง รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (รอง ผบก.น.6) แถลงข่าวการจัดงาน "ราชดำเนิน เรดบูลล์ แบงค็อก 2010" วันที่ 18 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น.

โดยทีม เรดบูลล์ เรซซิ่ง ทีมรถสูตร 1 (ฟอร์มูล่า วัน) ที่เพิ่งคว้าแชมป์โลกปี 2010 จะมาวิ่งโชว์บนถนนราชดำเนินกลาง

เป็นเพียงการวิ่งโชว์นะครับ อย่าเพิ่งตื่นเต้นและหวาดเสียว ว่า เป็นการแข่งรถสูตร 1 (ฟอร์มูล่า วัน)

พ.ต.อ.วัลลภ กล่าวว่า ในวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปิดการจราจรบนถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านฟ้าลีลาศ ถึงแยกคอกวัว เพื่อให้รถฟอร์มูล่า วัน ออกตัวจากจุดเริ่มต้นที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ไปตามถนนราชดำเนิน ผ่านอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย จนถึงแยกคอกวัว แล้วกลับรถมาสิ้นสุดที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ

ซึ่งการปิดการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก จะเริ่มตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป คาดว่าจะแล้วเสร็จในเวลา 15.30 น. ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจัดให้มีการวางกำลังเจ้าหน้าที่จราจร และชุดปราบปรามเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนอย่างเต็มที่

ถนนราชดำเนิน เป็นถนนที่มีความสง่างามที่สุด ของกรุงเทพมหานคร สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ.2442 ประกอบด้วยถนนสามสายคือ ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินนอก เป็นเส้นทาง เสด็จพระราชดำเนินระหว่างพระบรมมหาราชวังและพระราชวังดุสิต

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดถนนราชดำเนินนอก สะพานมัฆวานรังสรรค์ และถนนเบญจมาศ เนื่องในอภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 50 พรรษา ใน พ.ศ.2444 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่สะพานเสี้ยว ตรงไปข้างคลองบางลำพูต่อกับถนนราชดำเนินนอก จึงโปรดเกล้าฯ ให้เรียกถนนราชดำเนินช่วงแรกว่าถนนราชดำเนินนอก

ต่อมามีการก่อสร้างถนนราชดำเนินในมาจดถนนหน้าพระลาน โดยสร้างขยายแนวถนนจักรวรรดิวังหน้าเดิม เริ่มจากมุมถนนหน้าพระลานและถนนสนามไชย มาบรรจบกับย่านริมสนามหลวงด้านตะวันออก ไปบรรจบถนนราชดำเนินกลางที่สะพานผ่านพิภพลีลา แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2446

"ถนนเบญจมาศ" ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของถนนราชดำเนินนอก "ถนนหน้าพระลาน" แต่เดิมชาวบ้านเรียกถนนท่าช้างวังหลวง เพราะเป็นทางที่ช้างวังหลวงใช้ลงท่าอาบน้ำ "ถนนสนามไชย" แต่เดิมเรียก ถนนหน้าจักรวรรดิวังหลวง ตามแบบอย่างสมัย กรุงศรีอยุธยา คือสนามหน้าพระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์

งานโชว์รถแข่งคราวนี้ อาเสี่ยเฉลิม อยู่วิทยา ผู้บริหารบริษัท เรดบูลล์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทีมเรดบูลล์ เรซซิ่ง ได้วิ่งโชว์ความ ยิ่งใหญ่ให้แฟนๆ ฟอร์มูล่า วัน ได้ตื่นตาตื่นใจมาแล้วใน หลายเมืองสำคัญทั่วโลก เช่น วิ่งบนทะเลสาบน้ำแข็งที่แคนาดา วิ่งบนพื้นทรายที่สาธารณรัฐโดมินิกัน และวิ่งกับฝูงกระทิงที่สเปน

ครั้งนี้จะเป็นการวิ่งโชว์ครั้งแรกและครั้งเดียวในเมืองไทย บนถนนประวัติศาสตร์ โดยมี มร.มาร์ค เว็บเบอร์ (Mark Webber) สุดยอดนักแข่งรถฟอร์มูล่า วัน จะมาร่วมทีมกับ เรดบูลล์ ดริฟท์ ทีมไทยแลนด์ (Red Bull Drift Team Thailand) นำโดยกีกี้ หรือนายศักดิ์ นานา

เรดบูลล์ จากไทยแลนด์ เป็นอินเตอร์คนละแบบกับอินเตอร์ มิลาน...ไม่ธรรมดานะครับ!



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.175.131 ศุกร์, 3/12/2553 เวลา : 10:41  IP : 58.9.175.131   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91920

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
น้าคิด สนใจ Ovation หลังเต่า จั๊กบาทครับพี่.....



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

Kran Champ130 จาก Kran 124.121.205.51 ศุกร์, 3/12/2553 เวลา : 15:18  IP : 124.121.205.51   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91923

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d
2 หมื่นกว่า
fiogf49gjkf0d


 แก้ไขเมื่อ : 7/12/2553 22:38:00

 แก้ไขเมื่อ : 7/12/2553 22:38:42



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก Kid Cowboy 067 125.25.220.249 อังคาร, 7/12/2553 เวลา : 21:18  IP : 125.25.220.249   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 91951

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d
เกียร์ออโต้...ขับอย่างถูกต้อง...มันยังไงกันนะ

ทุกวันนี้เราคงต้องยอมรับครับว่า รถยนต์ที่จำหน่ายในบ้านเรานั้น ส่วนใหญ่มาพร้อมระบบเกียร์ ออโต้ที่ส่วนหนึ่งที่ระบบส่งกำลังแบบนี้ได้รับความนิยมนั้น ก้มาจากความสะดวกสบายในการใช้งานที่สามารถตอบสนองรูปแบบการขับขี่จริงได้ง่าย และไม่ยุ่งยาก และขอแค่เพียงเวลา 5 นาที ในการเรียนรู้คุรก้สามารถขับได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

ด้วยความง่ายทำให้คนที่ขับขี่ระบบเกียร์อัตโนมัติหลายคน ไม่ได้นึกอยากที่จะเรียนรู้การขับขี่ระบบเกียร์แบบนี้ที่ถูกต้อง ซึ่งนอกจากจะให้การขับที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นแล้ว ยังมีผลต่ออัตราประหยัดน้ำมันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย



พื้นฐานที่ต้องจำ



สิ่งแรกที่คุณควรเรียนรู้เอาไว้เริ่มเลย คือ เกียร์อัตโนมัติจะทำการขึ้นเกียร์หรือลดอัตราทดเองเมื่อผู้ขับขี่ละอัตราเร่งน้อยลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถนั่งที่การยิ่งเร่งน้อยเกียร์ก็จะยิ่งเปลี่ยนไวขึ้น เช่นเดียวกันกับโปรแกรมเกียร์ที่ทำออกมาตอบสนองการขับขี่ที่เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป

โปรแกรมเกียร์นั้นคือตำแหน่งที่บอกถึงลักษณะการใช้งานเกียร์ ที่มี P R N D 3 2 และ L ซึ่งอาจแตกต่างไปบ้างตามการเรียกของแต่ละยี่ห้อรถ แต่ทั้งหลายทั้งปวงนั้น โดยมากจะมีลักษณะการทำงานเดียวกัน แต่ด้วยการมองข้าม ทำให้หลายคนคิดว่าแค่ปรับเดินหน้าถอยหลังได้ ก็น่าจะเพียงพอแล้วไม่ใช่หรือ



โปรแกรมเกียร์ เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ความจริงแล้วแค่ทำให้รถเดินหน้าถอยหลังนั้น ถือว่าเป็นเพียงข้อพื้นฐานมากของการเลือกใช้รถเกียร์ออโต้ เพราะโปรแกรมเกียร์ที่ใส่มาให้มากมายนั้นถือว่าเป้นของประโยชน์ที่ต้องใช้ให้ถูกตามสถานการณ์การขับขี่ด้วย

โดยมากโปรแกรมเกียร์ที่หลายคนมองข้ามไปนั้น คงไม่พ้น 2 และ L ซึ่ง บางคนซื้อรถมาแทบไม่ได้ใช้งานเลยก็เป็นไปได้ ทั้งที่ตำแหน่งเกียร์ทั้ง 2 นี้ล้วนมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อคุณกำลังมองรถเกียร์อัตโนมัติในการใช้งานในเขตเมือง



ตามปกติแล้วการใช้งานระบบเกียร์อัตโนมัตินั้น ตำแหน่ง L จะแทนการใช้ตำแหน่งเกียร์ 1 เท่านัน ซึ่ง จะมีผลดีในเวลาที่คุณผจญกับสภาวะการจราจรติดขัดและค่อยๆกระดื๊บๆ ไปข้าง หน้า และในอีกกรณีที่สำคัญนั้นคือ การขึ้นทางชัน ซึ่งการที่เราเลือกเกียร์ L นั้นจะช่วยให้ง่ายยิ่งขึ้นในการไต่เนินสูง และยังช่วยในการหน่วง เวลาเราลงทางลาดชัน ในทางกลับกันด้วย

สำหรับตำแหน่ง 2 นั้น เป็นการแทนการสับเกียร์ ขึ้น เพียง 2 เกียร์ ซึ่งบางคนไม่แน่ใจว่าต้องใช้งานที่ไหนกันแน่ ตำแหน่งเกียร์ 2 นั้น จะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อคุณขับรถในซอย เพราะการที่เราใช้เกียร์ 2 ตำแหน่ง ทำให้สามารถหยุดรถยามฉุกเฉินได้ไวกว่าการใช้ตำแหน่งดี ที่จะขึ้นเกียร์ทั้งหมด แต่การใช้ตำแหน่งนี้ ต้องใช้วิจารณญาณของคนขับกับเส้นทางร่วมด้วย



Overdrive -Kick Down ความเหมือนที่แตกต่าง

ข้อหนึ่งที่ทำให้หลายคนพลาดไปอย่างมหันต์ เกี่ยวกับการใช้งานเกียร์อัตโนมัตินั้น คงไม่พ้นเรื่องที่เถียงกันเกี่ยวกับการเร่งแซง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่เรียกว่า Over drive ซึ่งจะมีคุณสมบัติเทียบเท่ากับการลดเกียร์ 1 จังหวะ เมื่อพูดถึงระบบเกียร์ธรรมดา

การใช้งานระบบ Overdrive นั้นหลายคนเข้าใช้ผิดว่า Over drive off คือการทำให้รถวิ่งประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น แต่ความจริงแล้ว การปิดระบบไว้จะเป็นการทำให้รถวิ่งโดยตัดตำแหน่งเกียร์สูงสุดออกไป ซึ่งทำให้รถมีการกินน้ำมันผิดปกติ แต่การเร่งแซงด้วยปุ่ม overdrive นั้นมีข้อดีที่ไม่ต้องกดคันเร่งมากกว่าปกติ ซึ่งทำให้กินน้ำมันมากเกินความจำเป็น แต่ต้องไม่ลืมที่จะกดสวิทช์ออนกลับหลังใช้งานด้วย



อีกวีที่เราหลายคนใช้ในการเร่งแซงนั้น คงไม่มีใครไม่รู้จักวิธีที่เรียกว่า Kick down .... ที่เรามักนิยมการใช้การเร่งแวงแบบนี้มากกว่าวิธีอื่น ...

การ Kick Down นั้นจะทำงานเมื่อรถตรวจพบว่า ผู้ขับขี่มีการใช้คันเร่งมากกว่าปกติ โดยมากคือ เมื่อใช้คันเร่งเกิน 70- 80 % ระบบเกียร์ก็เข้ามารับช่วงในการเพิ่มอัตราทดของรถ เพื่อช่วยอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น และแน่นอนการที่เรากดคันเร่งมาก ย่อมหมาย ถึงการกินน้ำมันมากขึ้นอย่างช่วยไม่ได้



เมื่อเรามองเปรียบเทียบแล้ว การใช้ระบบ Overdrive จะให้ประสิทธิผลในการแซงที่ดีกว่าและกินน้ำมันน่าจะน้อยกว่า เมื่อเทียบกับการ kick Down ที่จะต้องกดคันเร่งลงไปในระดับหนึ่งก่อนที่ระบบเกียร์จะตอบสนองต่อการขับขี่ของเรา ในกรณีที่รถคุณไม่มีปุ่ม Overdrive แต่มีตำแหน่งเกียร์ 3 นั้น...นั่นคือตำแหน่งที่ช่วยในการเร่งแซงโดยที่คุณไม่ต้องคิกดาวน์



Walking Speed...ไหลได้ไหล

ข้อดีอย่างหนึ่งของระบบเกียร์อัตโนมัตินั้น คงไม่พ้นเมื่อเราแตะเบรคแล้วปล่อยรถจะสามารถเคลื่อนตัวได้เองโดยที่เราไม่ต้องกดคันเร่งช่วยเลย

หลายคนมักจะคิดว่าเมื่อเราปล่อยเบรคต้องเดินคันเร่งเพื่อทำให้รถไปข้างหน้า แต่ถ้าหากคุณตกอยู่ในสภาวะการจราจรหยุดนิ่งสลับเคล่อนตัวช้า การปล่อยเบรคให้รถไหลไปข้างหน้าเรื่อย และแต่เมื่อต้องหารหยุด โดยไม่ต้องเดินคันเร่งนั้น จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น...และทำให้ระบบเครื่องยนต์เรียนรู้การขับขี่ของคุณด้วย



จอดหยุดนิ่งนาน..ต้องเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์

นี่เป็นหนึ่งคำถามที่เถียงกันไม่รู้จบ โดยเฉพาะหลายคนที่ขับรถในเมืองที่สงสัยว่า เมื่อจอดรถติดจะต้องปลดตำแหน่งเกียร์สลับเป็น N >>D หรือไม่



มีคนจำนวนมากคิดว่า นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อยามรถติด เพราะอีกเดี๋ยวรถก้ขยับ และคิดว่าไม่มีผลเสียจะเกิดขึ้น แต่ความจริงแล้ว การเปลี่ยนตำแหน่งเกียร D >>>N ช่วยในการประหยัดน้ำมันด้วยส่วนหนึ่ง เพราะรอบเครื่องจะมีการเดินรอบลดลงเล็กน้อยด้วย ในขณะที่ตัว Torque convertor ในชุดเกียร์ถูกถอนไม่ส่งกำลัง ซึ่งการที่เราใส่ตำแหน่ง N ทุกครั้งที่รถติด หรือหยุดนิ่งเกิน 1 นาที นั้นนอกจากจะช่วยเรื่องประหยัดแล้ว ยังช่วยในเรื่องค่าบำรุงรักษาระบบเกียรืที่ยืดอายุการใช้งานของเบรคในระบบเกียร์ และคลัทช์ในตัว torque convertor ด้วย



ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของระบบเกียร์อัตโนมัติที่หลายคนไม่เคยทราบมาก่อน และการใช้งานระบบเกียร์อัตโนมัติอย่างเข้าใจจริงนั้น นอกจากจะทให้การขับขี่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แล้ว ยังช่วยในความประหยัดน้ำมันได้เทียบเท่าระบบเกียร์ธรรมดาเลยด้วย




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.174.35 จันทร์, 7/2/2554 เวลา : 09:31  IP : 58.9.174.35   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93068

คำตอบที่ 14
      

fiogf49gjkf0d
ไขปริศนาโมนาลิซ่า แท้จริงเป็นผู้ชาย


หลังจากเมื่อเดือนก่อน นักวิจัยชาวอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการไขปริศนาภาพโมนาลิซ่า ได้ออกมาเปิดเผยถึงปริศนาดาวินซีที่ซ่อนไว้ในดวงตาของโมนาลิซา ว่า พบตัว S ในดวงตาซ้าย และตัว L ในดวงตาขวา จนทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา ไปแล้ว

ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านการไขปริศนาภาพโมนาลิซ่า ได้ออกมาเปิดเผยทฤษฎีใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับตัวอักษร S และ L ในดวงตาของโมนาลิซ่า โดยระบุว่า แท้จริงภาพโมนาลิซ่านั้น เป็นใบหน้าของ "ซาไล" ชายคนรักของลีโอนาโด ดาวินซีในคราบผู้หญิงนั่นเอง

โดย ซิลวาโน วินเชตี้ หัวหน้าทีมผู้เชี่ยวชาญได้เปิดเผยว่า ภาพวาดของโมนาลิซ่า น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจากชายหนุ่มชื่อ "จิแอน จิอาโคโม คาปรอตติ" หรือที่ดาวินชี เรียกว่า "ซาไล" ซึ่งเป็นผู้ช่วยคนสนิทของดาวินชี โดยคาปรอตติได้ทำงานเป็นผู้ช่วยของดาวินชีอยู่กว่า 25 ปี และตลอด 25 ปีนั้น ทั้งคู่ก็มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือมาก ก็อาจเป็นไปได้ว่า คาปรอตติ เป็นชายคนรักของดาวินชีก็เป็นได้

และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าว ซิลวาโน วินเชตี้ ได้นำภาพเหมือนของคาปรอตติ ผลงานของลีโอนาโด ดาวินชี มาเปรียบเทียบกับภาพโมนาลิซ่า พบว่า โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ มีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน และหากคาปรอตติไม่มีคิ้ว ก็จะมีความคล้ายคลึงกับโมนาลิซ่ามาก จึงมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า รูปภาพโมนาลิซ่า เป็นคาปรอตติในคราบผู้หญิง ไม่ได้ภาพของ ลิซ่า เกราดินี ภรรยาพ่อค้าผ้าไหมเมืองฟลอเรนซ์ ดังที่นักวิชาการสันนิษฐานกันก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่ โมนาลิซ่า และ คาปรอตติ จะมีใบหน้าพิมพ์เดียวกันเท่านั้น ทฤษฎีนี้ยังไขปริศนาตัวอักษร L และ S ในแววตาของโมนาลิซ่าอีกด้วย โดยตัวอักษร L ที่ปรากฎในดวงตาขวา ย่อมาจาก Leonardo (ลีโอนาโด) ส่วนตัวอักษร S ที่ปรากฎในดวงตาซ้ายก็ย่อมาจาก Salai (ซาไล) นั่นเอง

ทั้งนี้ ทฤษฏีดังกล่าว เป็นเพียงการตั้งข้อสันนิษฐานของผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ยังไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้ว โมนาลิซ่า คือใครกันแน่ และความหมายของรอยยิ้มที่ลึกลับนั้นคืออะไร และคงยากที่จะบอกว่าทฤษฎีไหนคือคำตอบที่แท้จริงได้ เมื่อ ลีโอนาร์โด ดาวินชี เจ้าของผลงานนี้ได้ล่วงลับไปกว่า 500 ปีแล้ว







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.175.211 อังคาร, 8/2/2554 เวลา : 10:44  IP : 58.9.175.211   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93069

คำตอบที่ 15
      

fiogf49gjkf0d
ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 3


การประกาศเอกราชที่เมืองแครง และสังหารสุรกำมาเหนือยุทธภูมิฝั่งน้ำสะโตงของ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช (หรือ สมเด็จพระนเรศ) ในปีพุทธศักราช 2127 ได้สร้างความตระหนกแก่พระเจ้านันทบุเรงองค์ราชันหงสาวดีพระองค์ใหม่ ด้วยเกรงว่าการแข็งข้อของอยุธยาในครั้งนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างให้เหล่าเจ้า ประเทศราชที่ขึ้นกับหงสาวดีอาศัยลอกเลียนตั้งตัวกระด้างกระเดื่องตาม แต่จนพระทัยด้วยติดพันศึกอังวะ จึงจำต้องส่งเพียงทัพพระยาพะสิมและพระเจ้าเชียงใหม่เข้าประชิดกรุงศรีอยุธยา ทางหนึ่งนั้นพระเจ้านันทบุเรงทรงประมาทสมเด็จพระนเรศ ด้วยเห็นว่ายังอ่อน พระชันษา คงมิอาจรับมือจอมทัพผู้ชาญณรงค์ทั้งสองได้ ทางหนึ่งก็สำคัญว่ากรุงศรีอยุธยา ยังบอบช้ำแต่คราวสงครามเสียกรุง ไพร่พลเสบียงกรังยังมิบริบูรณ์คงยากจะรักษาพระนคร

ครั้งนั้นพม่ารามัญยกเข้ามาเป็นศึกกระหนาบถึง 2 ทาง ทัพพระยาพะสิมยกเข้ามาทาง ด่านพระเจดีย์สามองค์ เลยล่วงเข้ามาถึงแดนสุพรรณบุรี ส่วนพระเจ้าเชียงใหม่ นรธาเมงสอ มาจากทางเหนือ นำทัพบุกลงมาตั้งค่ายถึงบ้านสระเกศ แขวงเมืองอ่างทอง

กิตติศัพท์การชนะศึกของสมเด็จพระนเรศหลายครั้งหลายคราระบือไกลถึงแผ่นดิน ละแวก เจ้ากรุงละแวกมิได้ทอดธุระ ได้ลอบส่งจารชนชาวจีนฝีมือกล้านามว่า "จีนจันตุ" มาลอบสืบความ ที่กรุงศรีอยุธยาแต่ถูกจับพิรุธได้จนต้องลอบตีสำเภาหนีกลับกรุงละแวก สมเด็จพระนเรศทรงนำทัพเรือออกตามจนเกิดยุทธนาวี แต่พระยาจีนจันตุหนีรอดได้ เมื่อเจ้ากรุงละแวกได้ทราบกิตติศัพท์การณรงค์ของพระนเรศจึงเปลี่ยนพระทัยหัน มาสานไมตรีกับอยุธยา และส่งพระศรีสุพรรณราชาธิราชผู้อนุชามาช่วยอยุธยาทำศึกหงสา หากแต่พระศรีสุพรรณผู้นี้ต่างจากเจ้ากรุงละแวกเพราะหาใคร่พอใจผูกมิตรด้วย อยุธยา การได้พระศรีสุพรรณมาเป็นสหายศึกจึงประหนึ่งอยุธยาได้มาซึ่งหอกข้างแคร่

ข้าง สมเด็จพระนเรศ เมื่อทรงประกาศเอกราชแล้วก็จัดเตรียมการรับศึกหงสาวดี แต่เพราะกำลังรบข้างอยุธยาเป็นรอง จึงทรงวางยุทธศาสตร์รับศึกโดยมุ่งอาศัยกรุงศรีอยุธยาเป็นที่มั่นเพียงแห่ง เดียว ครั้งนั้นได้โปรดให้เทครัวหัวเมืองเหนืออันเป็นแคว้นสุโขทัยเดิมลงมารวมกับ ครัวที่อยุธยา การณ์ปรากฏว่าเจ้าเมืองพิชัยและสวรรคโลกข้าหลวงเดิมแข็งเมืองไม่เทครัวลงมา สมทบ จึงทรง ยึดเมืองแล้วลงทัณฑ์มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง

สมเด็จพระนเรศ ทรงเห็นว่ากำลังข้างอยุธยายังเป็นรองพม่ารามัญ จึงทรงปรับเปลี่ยน ยุทธศาสตร์การรบเสียใหม่ โดยมิปล่อยให้ทัพพระยาพะสิมและนรธาเมงสอเจ้าเมืองเชียงใหม่ เข้ามารวมกำลังผนึกล้อมร่วมกันตีกรุงศรีอยุธยา ครั้งนั้นทรงจัดทัพออกรับศึกในแขวงหัวเมือง แลด้วยทัพพม่ารามัญแยกสายเข้าตีเป็นสองทางเดินทัพช้าเร็วไม่เสมอกัน จึงทรงเทกำลังเข้ารับศึกพระยาพะสิมที่เมืองสุพรรณบุรี ตั้งพระทัยจะตีทัพเบื้องประจิมทิศก่อน แล้วจึงเทกำลังเข้าตีทัพพระเจ้าเชียงใหม่เบื้องอุดรทิศภายหลัง การทั้งหมดทั้งสิ้นต้องทำแข่งกับเวลา หากพลาดท่า แม้เพียงก้าวอยุธยาก็ไม่พ้นพินาศ ถึงแม้ครั้งนั้นทัพพม่ารามัญจะมิได้ยกมาดั่งทัพกษัตริย์เช่นศึกพระเจ้าช้าง เผือกบุเรงนอง แต่ไพร่พลก็มากเหลือประมาณเพียงพอจะสร้างความย่อยยับให้ เหล่าอาณาประชาราษฎร์เกินคาดเดา

ภายใต้บรรยากาศกลิ่นอายสงครามนับแต่ศึกจีนจันตุ ตลอดถึงศึกพระยาพะสิมและ ศึกพระเจ้าเชียงใหม่ ในพระนครก็เกิดไฟรักโชติขึ้นท่ามกลางไฟสงคราม กลายเป็นเรื่องรักระหว่างรบ ด้วย "เลอขิ่น" ธิดาเจ้าเมืองคัง มีอันมาพบ "เสือหาญฟ้า" คนรักเก่าที่รอดชีวิตมาแต่ศึกเมืองคัง โดยบังเอิญ เกิดขัดข้องเป็นรักสามเส้ากับ "พระราชมนู" คนรักใหม่ทหารเสือพระนเรศ ไฟรักยิ่งลุกลามเมื่อนางพระกำนัลทรงเสน่ห์นาม "รัตนาวดี" มาทอดไมตรีให้พระราชมนู เกิดเป็นปมรัก ซ้อนปมรบ

ทางฝ่ายหงสาวดีนั้น พระเจ้านันทบุเรงกษัตริย์พม่ารามัญพระองค์ใหม่มีใจพิศวาส พระสุพรรณกัลยา พระพี่นางในสมเด็จพระนเรศ หมายจะได้มาแนบข้าง ซ้ำพระนเรศอนุชา มาประกาศเอกราชท้าทายอำนาจของพระองค์ ทำให้สถานะของพระสุพรรณกัลยาในฐานะ องค์ประกันต้องสุ่มเสี่ยงต่อราชภัย พระสุพรรณกัลยาซึ่งขณะนั้นมีพระราชโอรสด้วยพระเจ้าบุเรงนองแล้ว ทรงถูกพระเจ้านันทบุเรงข่มขู่ บีบบังคับให้ต้องเลือกระหว่างการยอมพลีกายถวายตัวเป็น บาทบริจาริกา หรือยอมจบชีวิตด้วยการถูกย่างสดตามโทษานุโทษของพระอนุชา ชะตากรรมของพระพี่นางสุพรรณกัลยานั้นสุดรันทด

เมื่อพระเจ้าหงสาวดีทรงเสร็จศึกอังวะก็เตรียมการเปิดศึกกับอยุธยา ทรงระดมไพร่พล แต่งเป็นทัพกษัตริย์ กองทัพใหญ่โตเหลือคณากว่าทัพบุเรงนองช้างเผือก เฉพาะไพร่ราบมีกำลัง รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 240,000 คน ทัพนี้หมายมุ่งบดขยี้อยุธยาลงเป็นผุยผงหากทัพพระยาพะสิมและทัพพระเจ้า เชียงใหม่ตีกรุงไม่สำเร็จ แต่สมเด็จพระนเรศก็สู้ศึกนันทบุเรงและนำพากรุงศรีอยุธยา ให้รอดจากภัยสงคราม กู้บ้านเมืองมิให้ต้องตกเป็นประเทศราชหงสาซ้ำสองได้ด้วยกุศโลบาย การศึกที่เหนือชั้นด้วยพระอัจฉริยภาพ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.176.14 ศุกร์, 11/2/2554 เวลา : 09:17  IP : 58.9.176.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93076

คำตอบที่ 16
      

fiogf49gjkf0d
นักวิทย์รัสเซียชี้โลกอาจเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง ในปี 2014


ในขณะที่ทั่วโลกมีการรณรงค์ลดพฤติกรรมอันก่อให้เกิดปัญหาโลกร้อนกันอย่างต่อเนื่อง และเริ่มเอาจริงเอาจังกันมากขึ้นในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ดูเหมือนว่า มันไม่อาจยับยั้งการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรของโลกไปได้ เมื่อสภาพอากาศทั่วโลกกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงไป คล้ายจะเป็นสัญญาณว่าโลกทั้งโลกกำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในอีกไม่ช้า ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซียได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า โลกอาจกำลังเข้าสู่ยุคน้ำแข็งในไม่ช้า และเป็นไปได้ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะเกิดขึ้นในปี 2014 ก็เป็นได้

โดยในการประชุมภาวะโลกร้อนนานาชาติ ที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมปีก่อน ดร.ฮาบิบูลโล แอ๊บดัซซามาโทฟ หัวหน้าทีมวิจัยอวกาศแห่งหอดูดาวและอวกาศ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ได้คาดการณ์ว่า โลกอาจจะเข้าสู่ยุค "Little Ice Age" หรือยุคน้ำแข็งเล็ก ๆ รอบใหม่ ในปี 2014 หรืออีกเพียงไม่ถึง 4 ปีข้างหน้า หลังจากคาดว่า จุดดับบนดวงอาทิตย์มีจำนวนลดลง และจะลดลงถึงขีดสุดในปี 2042 ส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิลดลงถึงจุดที่เย็นที่สุดในปี 2055-2060

นอกจากนี้ ดร.ฮาบิบูลโล แอ๊บดัซซามาโทฟ ได้เปิดเผยข้อมูลแสดงจุดดับของดวงอาทิตย์ ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อโต้แย้งงานวิจัยอื่น ๆ ว่า แท้จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศบนโลกนั้น ไม่ได้เกิดจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บนโลกแต่อย่างใด แต่เกิดจากรังสีจากดวงอาทิตย์ต่างหาก โดย ดร.ฮาบิบูลโล ได้แสดงข้อมูลการสำรวจดวงอาทิตย์ในที่ประชุม พร้อมกับระบุว่า มีนักวิทยาศาสตร์กว่า 700 คนทั่วโลก ที่ไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีที่ว่าภาวะโลกร้อนเกิดจากน้ำมือของมนุษย์ หรือการทำกิจกรรมต่าง ๆ บนโลก



และเพื่อสนับสนุนทฤษฎีที่ว่า ดวงอาทิตย์เป็นสาเหตุให้อุณหภูมิโลกเปลี่ยนแปลง ดร.ฮาบิบูลโล ได้นำเสนอข้อมูลการสำรวจในปี 1893 ที่บันทึกโดย วอลเตอร์ มอนเดอร์ นักดาราศาสตร์ที่สรุปข้อมูลจุดดับของดวงอาทิตย์ตั้งแต่ปี 1645 - 1715 พบว่า จุดดับของดวงอาทิตย์มีจำนวนเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมันก็ทำให้โลกมีอุณหภูมิลดลง ซึ่งในแวดวงวิทยาศาสตร์เรียกช่วงเวลานี้ว่า "ยุคน้ำแข็งเล็ก ๆ" และหลังจากช่วงนั้น ดวงอาทิตย์ก็ได้แผ่รังสีออกมาในระดับสูง และพลังงานดวงอาทิตย์ก็ไหลเวียนอย่างรุนแรงมาก โดยปฏิกิริยาดังกล่าวนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงปี 1990 และกินเวลายาวนาน ก่อนการไหลเวียนพลังงานของดวงอาทิตย์จะอยู่ในระดับคงที่ ซึ่งมันก็ทำให้อุณหภูมิของโลกคงที่ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่จากการสำรวจล่าสุด พบว่า ดวงอาทิตย์มีการไหลเวียนพลังงานน้อยลง และส่งผลให้โลกมีอุณหภูมิลดลงอีกครั้ง แม้ว่าจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่องก็ตาม



สำหรับ จุดดับบนดวงอาทิตย์ ที่ ดร.ฮาบิบูลโล กล่าวถึงนี้ หมายถึง พื้นที่ส่วนหนึ่งบนดวงอาทิตย์ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ ซึ่งหากมีจำนวนมากมันจะทำให้รังสีจากดวงอาทิตย์มีปริมาณลดลง ซึ่งจำนวนของจุดมืดนี้จะเพิ่มขึ้นและลดลงไม่เท่ากันตลอดเวลา และจุดมืดแต่ละจุดจะมีอายุตั้งแต่ 1 สัปดาห์ ไปถึงหลายเดือน มีขนาดตั้งแต่ 3,600 กิโลเมตรไปจนถึง 50,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.176.14 ศุกร์, 11/2/2554 เวลา : 09:18  IP : 58.9.176.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93077

คำตอบที่ 17
      

fiogf49gjkf0d
โจ๋ไทยท้องไม่พร้อม อันดับ 2 ของโลก!


รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เผย วัยรุ่นไทยติดอันดับ "ท้องไม่พร้อม" อันดับ 2 ของโลกรองจากประเทศแอฟริกา โดยจ.กำแพงเพชรคว้าแชมป์มีวัยรุ่นท้องไม่พร้อมเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย

นายอิสสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยผลการสำรวจวัยรุ่นท้องไม่พร้อมทั่วโลก ประเทศไทยติดอันดับที่ 2 รองลงมาจากประเทศแอฟริกา ซึ่งในประเทศไทย พบตัวเลขวัยรุ่นหญิงอายุ 15-19 ปี ตั้งครรภ์ไม่พร้อม 70 คนต่อ 1,000 คน โดยเฉพาะใน จ.กำแพงเพชร พบเด็กหญิงอายุ 15-19 ปี ตั้งครรภ์ไม่พร้อมสูงถึง 20% ซึ่งจะพม.จะดำเนินงานตามหลักยุทธศาสตร์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนตั้งครรภ์ไม่พร้อมที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ดูแลเป็นจังหวัดแรก

นอกจากนี้ นายกฯ จะทำการมอบนโยบายการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ แก่คณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดทั่วประเทศ ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2554 เพื่อแก้ไขปัญหาการท้องไม่พร้อมของวัยรุ่นทั่วประเทศให้มีอัตราน้อยลง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.176.14 ศุกร์, 11/2/2554 เวลา : 09:19  IP : 58.9.176.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93078

คำตอบที่ 18
      

fiogf49gjkf0d
ประวัติวันวาเลนไทน์

กุมภาพันธ์เป็นเดือนที่อบอวลไปด้วยความสุขการแสดงถึงความรัก ความห่วงใยถึงคนที่ เราปรารถนาดีและอยากให้เขามีความสุข และเป็นที่รับรู้กันทั่วโลกว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรักหรือ Valentine's Day และวันนี้ยังมีคิวปิด หรือกามเทพ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของ วันวาเลนไทน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คิวปิดเป็นบุตรของวีนัสและมาร์ส แต่ ชาวกรีกเรียกคิวปิดว่า อีรอส ภาพของ คิวปิดที่มนุษย์โลกปัจจุบันได้รู้จักก็คือภาพเด็กน้อยที่ถือคันธนูและลูกศร มีหน้าที่ยิงศรรักให้ปักใจคน ปัจจุบัน คิวปิดและธนูของเขากลายมาเป็น เครื่องหมายแห่งความรักที่เป็นที่รู้จัก มากที่สุด และความรักของเขามีกล่าวถึงบ่อยในภาพของ การยิงศรรัก ระหว่าง หัวใจสองดวงให้รักกัน เรียกกันว่า ศรรักคิวปิด เราจึงมาเล่าสู่กันฟังเกี่ยว กับประวัติความเป็นมาและความสำคัญ ของวันนี้กันค่ะ

เทศกาลวาเลนไทน์ เริ่มมีขึ้น ตั้งแต่ยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันหยุดเพื่อเป็นเกียรติแต่เทพเจ้าจูโนผู้เป็น จักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน นอกจาก นี้แล้วพระองค์ยังทรงเป็นเทพเจ้าแห่ง อิสตรีเพศและการแต่งงานและในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เป็นวันเริ่มต้นเทศกาล เฉลิมฉลองแห่งลูเพอร์คาร์เลีย การ ดำเนินชีวิตของหนุ่มสาวจะ ถูกตัดขาดออกจากกันอย่างสิ้นเชิง ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัส ที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่ง กรุงโรม พระองค์ ทรงเป็นกษัตริย์ที่มี ใจคอดุร้ายและทรงนิยม การ ทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและ แต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็น ความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า "From Your Valentine"

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูก เก็บไว้ที่โบสถ์ พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุม ศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็น ที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทน แห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มา จนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้อง หลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะ เป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคง แสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความ กล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมาย ของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลอง เทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือก หญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้

วาเลนไทน์ ในแต่ละประเทศจะมีประเพณีหรือการ ปฏิบัติที่แตกต่างกันบ้าง แต่โดยรวมแล้ว จะมีการเฉลิมฉลองและเป็นการแสดงถึง ความรักที่มีระหว่างกัน ต่อมาเมื่อความ เจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีทางด้าน การพิมพ์เข้ามาเกี่ยวข้องมีการพิมพ์บัตร อวยพรโดยเข้ามาแทนที่จดหมายที่ เขียนด้วยลายมือ และปัจจุบันก็มีการส่ง บัตรอวยพรทางออนไลน์เพื่อแสดงถึงความ ก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศที่ช่วย ให้คนที่ต้องการแสดงความรักความห่วงใย ถึงคนที่รักได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ประวัติ วันวาเลนไทน์นี้ เป็นเรื่องที่เล่าต่อๆกันมา จนถึงปัจจุบัน เท่าที่ค้นหามาได้นี้เป็นเพียง หนึ่งในหลายๆเรื่องเท่านั้น แต่ไม่ว่าประวัติ ที่แท้จริง จะเป็นอย่างไรก็ตาม ใน ปัจจุบัน นี้เราได้ถือว่าวันวาเลนไทน์เป็น วันสำคัญวันหนึ่งในประวัติศาสตร์เลยที เดียว คุณสามารถส่งดอกไม้ ขนมและ การ์ด เพื่อบอกความนัยให้แก่คนพิเศษ ของคุณ วันนี้จะเป็นวันที่เราส่งความรู้สึก ดีๆให้แก่กัน.



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.176.14 ศุกร์, 11/2/2554 เวลา : 09:21  IP : 58.9.176.14   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93079

คำตอบที่ 19
      

fiogf49gjkf0d
มาดู 22 สาเหตุการตาย ใกล้ตัวกว่าที่คิด

จากสถิติเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้คนทั่วโลก มักเสียชีวิตจากปัญหาสุขภาพ โรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า บ้างก็ประสบอุบัติเหตุ และในจำนวนนี้มีไม่น้อยต้องมาพบจุดจบของชีวิตในแบบที่แปลกแตกต่าง และบางครั้งก็เป็นเรื่องใกล้ตัวกว่าที่คิด

ทั้งนี้ ทางคณะกรรมการความปลอดภัยแห่งชาติสหรัฐฯ (The National Safety Council) ได้ทำการเผยแพร่รายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบาดเจ็บ โดยรวบรวมจากสถิติอุบัติเหตุที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บจากทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2008-2010 (พ.ศ.2551 – 2553) พบว่า มีทั้งหมด 22 สาเหตุของการได้รับบาดเจ็บที่นำไปสู่ความตาย … ว่าแต่มีอะไรบ้างตามมาดูกันค่ะ .... (อัตราการบาดเจ็บ/เสียชีวิต ต่อประชากร(คน))

ถูกสุนัขกัด : อัตราเสี่ยง 1 ต่อ 119,998

ถูกฟ้าผ่า: อัตราเสี่ยง 1 ต่อ 81,701

ถูกสัตว์มีพิษต่อย จำพวก แตน, ต่อ และผึ้ง : อัตราเสี่ยง 1 ต่อ 62,950

พายุกระหน่ำ : อัตราเสี่ยง 1 ต่อ 51,199

ถูกไฟดูด หรือสัมผัสกระแสไฟฟ้า, รังสี, อุณหภูมิ และแรงกดดัน : 1 ต่อ 9,412

สัมผัสกับความร้อนตามธรรมชาติที่เกินปกติ : 1 ต่อ 6,174

กระสุนปืนปริศนา หรือถูกลูกหลง : 1 ต่อ 5,981

เครื่องบินตก หรืออุบัติเหตุจากการขนส่งทางอากาศอื่น ๆ : 1 ต่อ 5,862

อุบัติเหตุจากจักรยาน : 1 ต่อ 4,147

ไฟคลอก สูดควันไฟ หรือสัมผัสเปลวเพลิง: 1 ต่อ 1,235

จมน้ำ : 1 ต่อ 1,073

อุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์ : 1 ต่อ 802

อุบัติเหตุของคนเดินถนน : 1 ต่อ 623

ถูกทำร้ายด้วยอาวุธปืน : 1 ต่อ 300

อุบัติเหตุจากผู้โดยสารรถยนต์ : 1 ต่อ 272

พลัดตกจากที่สูง : 1 ต่อ 184

ได้รับสารพิษ : 1 ต่อ 139

ทำร้ายตัวเอง: 1 ต่อ 115

อุบัติเหตุทางรถยนต์: 1 ต่อ 85

โรคลมปัจจุบัน (Stroke) : หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก : 1 ต่อ 28

โรคมะเร็ง: 1 ต่อ 7

โรคหัวใจ : 1 ต่อ 6

จะเห็นได้ว่า อัตราเสี่ยงการตายจากโรคภัยไข้เจ็บ มีมากกว่าอุบัติเหตุหลายเท่าตัวนัก ดังนั้น อย่าลืมใส่ใจดูแลสุขภาพ และที่สำคัญจงใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่เช่นนั้นแล้ว ความประมาท ก็อาจเป็นหนทางนำไปสู่ความตายได้ในทุกรูปแบบ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 182.53.26.18 ศุกร์, 25/2/2554 เวลา : 05:31  IP : 182.53.26.18   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93229

คำตอบที่ 20
      

fiogf49gjkf0d
สิ่งที่ห้ามทำหลังมื้ออาหาร


หลังจากไม่ได้เช็คเมลล์มาเป็นเวลานานแสนนาน วันนี้เปิดเมลล์มาก็ได้รับ forward mail อันหนึ่ง น่าสนใจดี ในนั้นจะกล่าวถึง 7 สิ่งที่ห้ามทำหลังมื้ออาหาร อ่านแล้วก็ตกใจเพราะใน 7 ข้อนั้น ส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่เราทำซะด้วย ก็ไม่รู้ว่าข้อมูลเชื่อถือได้แค่ไหน เอาเป็นว่าเอาความรู้มาแบ่งปันเพื่อนๆ สนุก! แคมปัส ก็แล้วกัน ถ้าทำตามได้ก็น่าจะเป็นผลดี มากกว่าผลเสีย

1. ห้ามสูบบุหรี่
มีผลการทดสอบที่พิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าการสูบบุหรี่หลังรับประทานอาหารเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 10 ม้วน (โอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่า)

2. ห้ามทานผลไม้ทันที
การทานผลไม้ทันทีหลังอาหารจะทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้นควรทานผลไม้หลังทานอาหารไปแล้ว 1-2 ชั่วโมงหรือก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง

3. ห้ามดื่มชา
เพราะมีผลทำให้การย่อยสารโปรตีนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นเป็นไปยากขึ้น

4. ห้ามคลายเข็มขัด
เพราะการคลายเข็มขัดหลังมื้ออาหารจะทำให้ลำไส้บิดตัวและอุดตันได้

5. ห้ามอาบน้ำ
การอาบน้ำจะเพิ่มแรงดันเลือดไปสู่มือแขนขาและทั่วตัว ดังนั้นจำนวนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงกระเพาะอาหารจึงลดลงซึ่งส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารของกระเพาะเราแย่ลง

6. ห้ามเดินไปมา
ผู้คนมักบอกเสมอว่าการเดิน 100 ก้าวหลังรับประทานอาหารจะทำให้อายุยืนถึง 99 ปี ตามข้อเท็จจริงแล้วไม่ใช่เลย การเดินจะส่งผลให้ระบบย่อยของเราไม่สามารถดูดซึมสารอาหารที่เราทานเข้าสู่ร่างกายได้

7. ห้ามหลับทันที
เพราะอาหารที่เราทานเข้าไปจะไม่สามารถย่อยได้เลย ดังนั้นจะทำให้เกิดเชื้อโรคหรือเกิดลมในกระเพาะและลำไส้ของเราได้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.175.254 เสาร์, 26/2/2554 เวลา : 12:13  IP : 58.9.175.254   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93241

คำตอบที่ 21
      

fiogf49gjkf0d
10 วิธีดี ๆ ทำให้จิตใจผ่องใส

ด้วยสภาวะสังคมในปัจจุบัน หลาย ๆ ครั้ง ที่อาจทำให้เรารู้สึกอ่อนล้า เหนื่อยหน่าย เบื่อ เซ็ง วันนี้ กระปุกดอทคอม จึงขอแนะนำวิธีดี ๆ ในการฟื้นฟูสภาพจิตใจ ทำให้ผ่องใส ไร้ความทุกข์กันค่ะ

1. ใช้เวลากับคนรัก

เป็นวิธีที่หลาย ๆ คนคงเลือกใช้ เมื่อมีคงวามทุกข์เข้ามาเกาะกินหัวใจ ลองเลือกจะไปสถานที่สักแห่งกับคนที่คุณรัก แล้วทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยกัน เช่น กินข้าวนอกบ้าน เที่ยวสวนสนุก ออกไปดูหนัง ฯลฯ ซึ่งความสนุกสนานที่ได้ใช้เวลาร่วมกับคนที่เรารัก จะช่วยบรรเทาความทุกข์ลงไปบ้างไม่มากไม่น้อย

2. นั่งสมาธิ

บางทีการอยู่กับตัวเองคนเดียวแล้วทำสมาธิเงียบ ๆ ก็เรียกคืนจิตใจที่ผ่องใสมาได้เช่นกัน ที่สำคัญ สมาธิ จะทำให้คุณใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทอีกด้วยล่ะ

3. ดูคลิปวีดีโอสนุก ๆ

หากครั้งใดที่คุณรู้สึกเครียดกับการ ทำงานมากจนเกินไป ก็จงหยุดพักสัก 5-10 นาที และหาดูคลิปตลก ๆ มิวสิกวีดีโอสนุก ๆ ก็จะช่วยให้คุณผ่อนคลายลงได้ ก่อนมีกำลังใจลุยงานเครียด ๆ ต่อไป

4. ระบายปัญหาให้เพื่อนหรือคนที่ไว้ใจฟัง

บางครั้งการเก็บปัญหาไว้กับตัวคุณคนเดียว มันอาจทำให้คุณสะสมความเครียดได้ จริงอยู่ที่ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ควรแก้ปัญหาด้วยตัวเอง แต่หากการที่มีใครสักคนมารับฟังคุณ อย่างน้อยคุณก็ได้ระบายความทุกข์ไปบ้าง แถมบางที อาจได้รับคำแนะนำดี ๆ กลับมาจากคนที่มองปัญหาอยู่ข้างนอกก็เป็นได้นะ

5. เขียนระบายปัญหาลงสมุดบันทึก

หากคุณไม่อยากระบายความทุกข์ให้ใครฟัง เพราะกลัวว่าเขาจะมาเป็นทุกข์กับคุณไปด้วย สมุดบันทึก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยชั้นดีที่คุณสามารถเขียนความทุกข์ และปัญหาของคุณลงไปได้ โดยที่ไม่ต้องกลัวว่าสมุดจะเอาเรื่องไปบอกใคร เพราะสมุดไม่สามารถพูดได้ เว้นเสียจากคุณเก็บสมุดเล่มนั้นไว้ไม่ดีพอ จนมีคนมาแอบอ่าน

6. ทำความสะอาดโต๊ะทำงานของคุณ

บางคนอาจทำงานไม่ได้เลย เมื่ออยู่กับสภาพแวดล้อมที่อึดอัด สกปรก ทำให้สมองไม่แล่น เพียงแค่คุณทำความสะอาดโต๊ะทำงานของคุณ จัดโต๊ะให้เป็นระเบียบ อาจจะหาต้นไม้เล็ก ๆ สวย ๆ, รูปภาพน่ารัก ๆ, ตุ๊กตาที่ดูแล้วอมยิ้ม เพียงแค่นี้สมองของคุณก็อาจจะปลอดโปร่งแล่นฉิวไปได้เพราะสภาพแวดล้อมที่ดี ๆ นั่นเอง

7. อาบน้ำ

ว่ากันว่า หากหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี ก็ให้ไปอาบน้ำดับความขุ่นมัวทางจิตใจเสีย เพราะการอาบน้ำทำให้ร่างกายสดชื่น และยังช่วยให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้นอีกด้วย

8. อยู่กับธรรมชาติ

หากคุณเบื่อ หรือเซ็ง อะไรก็ตาม ลองไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ มองต้นไม้เขียว ๆ รับอากาศดี ๆ เชื่อว่าวิธีนี้ ก็จะช่วยให้คุณสมองปลอดโปร่งขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย

9. เล่นเกมส์

อีกหนึ่งทางเลือกคือ การเล่นเกมส์ เพราะการเล่นเกมส์เป็นการผ่อนคลายอย่างหนึ่ง เป็นการทำเรื่องสนุก ๆ ให้ลืมเรื่องทุกข์เรื่องเครียดไปได้บ้าง พอคุณพักผ่อนร่างกายและจิตใจบ้าง คุณก็อาจจะมีกำลังใจที่จะต่อสู้กับปัญหาเพิ่มขึ้นยังไงล่ะ

10. ทำอะไรก็ได้ที่คุณชอบ

สุดท้าย...ท้ายสุดคือ ทำในสิ่งที่คุณชอบเพื่อพักผ่อน เช่น หากคุณชอบขี่ม้า คุณก็ไปขี่ม้า, หากคุณชอบทำสวน ก็ออกไปทำสวน หรือหากคุณชอบช้อปปิ้ง ก็ออกไปเดินช้อปปิ้ง ฯลฯ การได้ทำอะไรที่คุณชอบ มันจะช่วยทำให้คุณสบายใจขึ้น เป็นการเพิ่มพลังใจเพื่อต่อสู้กับปัญหาต่อไปได้อย่างแน่นอน


นี่เป็นเพียง 10 คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นตัวช่วยขจัดความเครียด หากเพื่อน ๆ มีวิธีอื่น ๆ ก็ลองนำมาแนะนำกันนะคะ^^






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก KidCowboy067 58.9.175.254 เสาร์, 26/2/2554 เวลา : 13:01  IP : 58.9.175.254   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93242

คำตอบที่ 22
      

fiogf49gjkf0d
ชอบข้อ7 มากที่สุด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

118 จาก champ::118 124.120.65.25 อาทิตย์, 27/2/2554 เวลา : 02:27  IP : 124.120.65.25   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93243

คำตอบที่ 23
      

fiogf49gjkf0d
ใช่.... เห็นด้วยกับ118.... ตัวเบาอีกต่างหาก สังเกตุจากลำตัวลอยน้ำได้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ079 จาก 79 203.113.0.206 จันทร์, 28/2/2554 เวลา : 10:26  IP : 203.113.0.206   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93244

คำตอบที่ 24
      

fiogf49gjkf0d
ใช้เห็นด้วยกับท่านพี่118 แล้วเมื่อไหล่ที่ไหนละ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ126 จาก OLE'126 183.89.54.103 จันทร์, 28/2/2554 เวลา : 17:15  IP : 183.89.54.103   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93246

คำตอบที่ 25
      

fiogf49gjkf0d
ว่าไงป๋า หนวด ทำเป็นเงียบเลยนะ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ0126 จาก ole' 183.89.54.103 จันทร์, 28/2/2554 เวลา : 19:37  IP : 183.89.54.103   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93258

คำตอบที่ 26
      

fiogf49gjkf0d
ดูแลสุขภาพกับลุงแจ่ม http://www.oknation.net/blog/loongjame/category/10



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก ผ่านมาดู 58.9.170.250 อังคาร, 8/3/2554 เวลา : 13:00  IP : 58.9.170.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93282

คำตอบที่ 27
      

fiogf49gjkf0d
ตะลึง แมงมุมพันธุ์พิเศษ พิษร้ายแรง กัดใครอวัยวะปึ๋งปั๋ง 4 ชม.!!!
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์แนวหน้า -- อังคารที่ 8 มีนาคม 2554 13:56:53 น.
นักวิทยาศาสตร์แห่งวิทยาลัยการแพทย์แห่งจอร์เจียของสหรัฐฯ ค้นพบแมงมุมพันธุ์ Phoneutria Nigriventer ซึ่งอาศัยในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ มีพิษที่ทำให้เกิดการแข็งตัวของอวัยวะเพศเป็นเวลาถึง 4 ชั่วโมง และจากการทดลองที่ผ่านมา สามารถใช้โมเลกุลบางตัวของพิษ บำบัดอาการอวัยวะเพศไม่ทำงานได้ ซึ่งทางทีมแพทย์คาดหวังว่า จะพัฒนาไปสู่การผลิตยาไวอะกร้าพันธุ์ใหม่ ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญาหาให้ผู้ชายแล้ว ก็ยังจะนำไปพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาเดียวกันนี้กับผู้หญิงด้วย

อย่างไรก็ตาม ดร.เคเนีย นูเนส หนึ่งในผู้วิจัยเปิดเผยว่า พิษของแมงมุมพันธุ์นี้ ไม่ได้มีเพียงแค่กระตุ้นสมรรถภาพทางเพศเท่านั้น แต่ยังสามารถก่อให้เกิดอาการหลายประการ อาทิ การสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อ อาการเจ็บปวดรุนแรง หายใจลำบาก และหากไม่ได้รับยาต่อต้านพิษ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตเพราะขาดอ๊อกซิเจนได้




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก ผ่านมาดู 110.168.149.7 อังคาร, 8/3/2554 เวลา : 14:59  IP : 110.168.149.7   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93283

คำตอบที่ 28
      

fiogf49gjkf0d
เห็นว่าเพื่อนๆเราหลายคนชอบเล่นปืนและมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองหลายท่านก็เลยอยากจะนำความรู้เรื่องการรมดำมาฝากเผื่อใครจะลองทำเองดูบ้าง

การรมดำเหล็กแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ
1.รมดำผิวด้าน
2.รมดำผิวเงามัน
กรรมวิธีการรมทั้งสองแบบนี้เหมือนกัน ต่างกันที่วิธีเตรียมผิวงานเท่านั้น ถ้ารมด้านก็พ่นทรายผิว รมเงาก็ขัดมัน ขั้นตอนการรมแบ่งออกเป็นสี่ขั้นตอนดังนี้
1.การเตรียมผิวงาน ขั้นตอนนี้ขั้นอยู่กับความสามารถทางช่างของคุณ bereta หละครับ เตรียมผิวดี เครื่องมือพร้อม ก็ได้ปืนรมดำสวยๆ ถ้าเตรียมไม่ดี เครื่องมือไม่พร้อม ท่านก็ได้ท่อนเหล็กกระดำกระด่างไว้ดุ้นหนึ่ง
2.การทำความสะอาดผิวงาน ขั้นตอนนี้ก็ถือว่าสำคัญมากเช่นเดียวกัน ถ้าทำความสะอาดผิวงานไม่ดี มีคราบไขมันติด เวลาต้มในน้ำยารมดำ ผิวก็จะไม่สวย กระดำกระด่าง สีเพี้ยน ไม่สม่ำเสมอ...
3.ขั้นตอนการรมดำ ตรงนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญและมีอันตราย เพราะสารเคมีที่ใช้มีฤทธิ์กัดกร่อน ต้องทำอย่างระมัดระวัง สวมอุปกรณ์ป้องกันให้ดี
4.ขั้นชะโลมผิวด้วยน้ำมันและอบ ขั้นตอนนี้เป็นการเคลือบผิวเพิ่มความมันวาว เป็นขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก...
....เริ่มด้วยเรื่องการเตรียมผิวเพื่อรมดำเงา.....
-ถอดแยกชิ้นส่วน อาวุธปืนที่ต้องการรมออกให้เรียบร้อย ชิ้นส่วนที่รมได้ต้องเป็นเหล็กเท่านั้น
-จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำมันเบนซิน เพื่อขจัดคราบไขมันและสิ่งสกปรกออก
-จุ่มล้างชิ้นงานลงในน้ำสารละลาย ตามสูตร เพื่อขจัดคราบไขมันสิ่งสกปรกและสนิมนาน 2~3 นาทีหรือยกดูว่าผิวสะอาดหรือยัง
สูตรน้ำยาสารละลายมีดังนี้
-กรดกำมะถัน 96% ถ.พ. 1.84 10 ซีซี.
-อะซีโตน 5~8 กรัม
-เมธิลแอลกอฮอล์ 10~20 ซีซี.
-น้ำ 1 ลิตร
หมายเหตุ : การผสมสารละลายเคมีต้องทำอย่างระมัดระวัง ให้เตรียมน้ำไว้ก่อน แล้วค่อยเทกรดลงไป “ห้ามเทน้ำลงในกรดโดยเด็ดขาด” ถ้าชิ้นงานไม่เป็นสนิมมากนักก็ไม่ต้องทำขั้นตอนนี้
-ขัดผิวชิ้นงานให้เรียบด้วยล้อแปรงลวดเหล็ก หรือล้อหนัง หรือกระดาษทรายน้ำ หรือหินน้ำมัน ถ้าผิวงานเรียบไม่เป็นสนิมก็ไม่จำเป็นต้องขัด
..........ขั้นตอนการทำความสะอาดผิวงานหลังการขัดผิว........
-จุ่มล้างและเช็ดชิ้นงานในน้ำมันเบนซินเพื่อขจัดคราบไขมัน และสิ่งสกปรก แล้วเช็ดให้แห้ง
-จุ่มแช่ชิ้นงานในน้ำสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์(โซดาไฟ) ปริมาณ 20-40 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร นาน 1-2 นาที ยกขึ้นแล้วจุ่มล้างในน้ำสะอาด
-ต้มชิ้นงานในน้ำสารละลายโซดาไฟ หรือ โซดาแอช (โซเดียมคาร์บอเนต ) 10-15 กรัม ต่อน้ำ 1ลิตร อุณหภูมิ 80-100 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาที เพื่อกัดผิวให้สะอาด จากนั้นยกชิ้นงานขึ้น จุ่มล้างในน้ำสะอาด
-ต้มชิ้นงานในน้ำเดือด อีกประมาณ 10-20 นาที เพื่อขจัดสารเคมีที่หลงเหลืออยู่ออกให้หมด เมื่อเสร็จแล้วให้จุ่มชิ้นงานไว้ในน้ำสะอาด ห้ามนำออกมาตากลม เพราะจะทำให้ผิวงานหมองคล้ำ แล้วรอไปต้มรมดำอีกที...
...........การรมดำโดยการต้มในน้ำยารมดำ...... สูตรน้ำยารมดำมีหลายสูตร แต่ละสูตรให้สีดำแตกต่างกัน..
สูตรที่ 1 สูตรสีน้ำตาลไหม้ (Dark Brown) สูตรของอังกฤษ
-เฟอร์ริกฟอสเฟต 8 ออนซ์
-กรดฟอสฟอริก 12 ออนซ์
-น้ำ 1 แกลลอน
-อุณหภูมิต้ม 100 องศาซี
สูตรที่ 2 สูตรสีน้ำตาลไหม้ (Dark Brown) สูตรของอเมริกา ใช้รมดำด้าน
-กรดฟอสฟอริก 25 กรัม
-แมงกานีสไดออกไซด์ 1.5 กรัม
-น้ำ 1 ลิตร
-อุณภูมิขณะต้ม 100 องศาซี
-เวลา 30 นาที
สูตรที่ 3 สูตรสีน้ำเงินเข้ม (Blue Black) สูตรนี้เป็นที่นิยมกันทั่วไป
-โซเดียมไฮดรอกไซด์ 487 กรัม
-โซเดียมไนเตรต 126 กรัม
-โซเดียมไนไตร 30 กรัม
-ไตรโซเดียมฟอสเฟต 15 กรัม
-น้ำ 1 ลิตร
-อุณภูมิขณะต้ม 100 องศาซี
-เวลา 20-30 นาที
เมื่อได้สูตรที่ต้องการแล้ว ต่อไปก็เป็นขั้นตอนการผสมน้ำยาเคมี ซึ่งสูตรที่สามเป็นสูตรที่ปัญหาในการผสม จำเป็นต้องมีวิธีการขั้นตอนผสมอย่างถูกต้อง ดังนี้
-ภาชนะที่ใช้ต้องเป็นสเตนเลส
-เทน้ำจำนวน 3/4 ส่วน หรือ 750 ซีซี ลงไปในหม้อสเตนเลส
-เทโซดาไฟลงไปผสมทีละนิดแล้วกวนให้ละลาย ขณะกวนจะเกิดความร้อนและมีกลิ่นฉุน ต้องสวมถุงมียาง แว่นตา และผ้าปิดจมูกด้วย ระวังอย่าให้เคมีกระเด็นถูกผิวหนังและเสื้อผ้า
-นำสารเคมีตัวอื่นลงผสมแล้วกวนให้เข้ากัน
-เติมน้ำที่เหลือลง เสร็จแล้วก็ได้น้ำยารมดำที่ต้องการ เตรียมไว้รอต้มชิ้นงานต่อไป
......ขั้นตอนการต้มชิ้นงานในน้ำยาที่เตรียมไว้.....
-ต้มน้ำยารมดำให้เดือด
-นำชิ้นงานที่เตรียมไว้ลงต้มในน้ำยารมดำนาน 20-30 นาที
-จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำสะอาด
-ต้มชิ้นงานในน้ำเดือดนาน 10-20 นาที
-จุ่มล้างในน้ำสะอาด
-เช็ดด้วยผ้าแห้ง
..... จบขั้นตอนต้มก็เป็นการอบผิวงาน........
-ชะโลมผิวงานด้วยน้ำมันชะโลมปืน น้ำมันมะกอก หรือ น้ำมันละหุ่ง
-อบชิ้นงานให้ร้อนโดยใช้ดรายเป่าผม หรือปิ้งบนถาดสเตนเลสก็ได้ อุณหภูมิ 80-90 องศาซี นาน 20-30 นาที
-ปล่อยชิ้นงานให้เย็น แล้วนำกลับไปประกอบ ได้เลย.....
นอกจากนี้ยังมีสูตรน้ำยารมดำอีก 2-3 สูตร เดี๋ยวว่างๆมาพิมพ์เพิ่มเติมให้ครับ..
แถมสูตรน้ำยารมดำอีก 3 สูตร...
สูตร 1.
โซเดียมไฮดรอกไซด์ 375 กรัม
โซเดียมไนเตรต 125 กรัม
น้ำ 1 ลิตร
อุณหภูมิ 100 องศาซี
เวลา 15 นาที
สูตร 2.
โซเดียมไฮดรอกไซด์ 750 กรัม
โซเดียมไนไตรต์ 250 กรัม
น้ำ 1 ลิตร
อุณหภูมิ 100 องศาซี
เวลา 10 นาที
สูตร 3. สีดำเข้มหรือสีน้ำเงินเข้ม
โซเดียมไฮดรอกไซด์ 350 กรัม
โซเดียมไนเตรต 175 กรัม
โซเดียมไนไตรต์ 700 กรัม
น้ำ 1 ลิตร
อุณหภูมิ 100 องศาซี
เวลา 20 นาที

......สรุปขั้นตอนการรมดำ..........
1.ขัดผิวที่เป็นสนิมด้วยกระดาษทรายน้ำหรือล้อขัดให้เรียบ
2.ขัดชิ้นงานให้ผิวมันด้วยล้อผ้าขัดมัน
3.จุ่มและเช็ดชิ้นงานด้วยน้ำมันเบนซินเพื่อขจัดไขมัน
4.ต้มชิ้นงานในน้ำสารละลายโซดาไฟ หรือโซดาแอช ในอัตราส่วน 10-15 กรัม ต่อน้ำ 1 ลิตร นาน10-15 นาที
5.จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำสะอาด
6.ต้มชิ้นงานในน้ำเดือดนาน 10-15 นาที
7.จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำสะอาด
8.ต้มชิ้นงานในน้ำยารมดำนาน 20-30 นาที
9.จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำสะอาด
10.ต้มชิ้นงานในน้ำเดือดนาน 10-15 นาที
11.จุ่มล้างชิ้นงานในน้ำสะอาด
12.เช็ดชิ้นงานให้แห้งด้วยผ้าสะอาด
13.ชะโลมผิวชิ้นงานให้ชุ่มด้วยน้ำมันชะโลมปืน น้ำมันละหุ่งหรือน้ำมันมะกอก
14.อบชิ้นงานให้ร้อนประมาณ 80-90 องศาซี นาน 20-30 นาที
15.ยกชิ้นงานออกวางบนภาชนะสะอาด รอให้เย็น
16.นำชิ้นงานที่ได้ไปใช้งานได้..




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ012 จาก น้าหมู(Modern9) 61.19.226.253 พุธ, 9/3/2554 เวลา : 12:01  IP : 61.19.226.253   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93295

คำตอบที่ 29
      

fiogf49gjkf0d
15 วิธีคิด เพื่อชีวิตที่ดีกว่า (SLIM UP)

ปัจจุบันการมี Positive thinking หรือที่เรียกกันง่าย ๆ ว่าชีวิตคิดบวกนั้นกำลังเป็นที่แพร่หลายในสังคม ทั้งนี้น่าจะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่คนเราในสมัยนี้ใช้ชีวิตกันอย่างค่อนข้างเคร่งเครียดก็เป็นไปได้ ดังนั้นการที่เราจะมองปัญหาในอีกด้านเพื่อให้ตนเองรู้สึกดีขึ้นก็นับเป็นเรื่องที่ดี และถือว่าเป็นการเข้าใจโลกในอีกแง่มุมหนึ่งที่สามารถทำให้สบายใจ คลายเครียดไปได้ช่วงหนึ่งเรามี 15 วิธี ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันได้ง่าย ๆ

1. ถ้าโกรธกับเพื่อน...มองคนไม่มีใครรัก

ไม่ว่าจะเป็นความไม่เข้าใจกันในด้านไหนก็ตาม แต่ขอให้คุณรู้ไว้เสมอว่าคุณยังมีเพื่อน (ให้โกรธ) อยู่ถ้าอยากรู้สึกดีขึ้นคุณลองมองคนที่ไม่มีใครรักดูสิ แล้วคุณจะได้รู้ว่าการที่คุณยังได้มีเพื่อนน่ะดีที่สุดแล้ว

2. ถ้าเรียนหนัก...มองคนที่เขาอดเรียนหนังสือ

คุณโชคดีแค่ไหนที่ยังมีโอกาสในการได้รับการศึกษา เมื่อคุณเรียนจบออกมาจะมีหน้าที่การงานความสำเร็จรอคุณอยู่อีกมากแค่ไหน แล้กับคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือล่ะ เมื่อได้มองกลับไปถึงคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนแล้ว คุณพร้อมที่จะเรียนหรือยัง

3. ถ้างานลำบาก...มองคนอดแสดงฝีมือ

วิถีชีวิตของมนุษย์เราย่อมต้องมีการทำงานเข้ามาอยู่ในวงจรชีวิตแทบทุกคน หลายคนได้ทำงานสบายและอีกหลายคนได้ทำงานที่คิดว่าตนเองลำบาก แต่โดยรวมแล้ก็คือยังมีงานทำ ทีนี้ลองนึกในทางกลับกันของคนที่ไม่มีงานทำดูล่ะ ไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ แล้วคุณยังอยากทำงานกันอยู่หรือเปล่า

4. ถ้าเหนื่อยงั้นหรือ...มองคนตายที่หมดลม

พลังงานในการทำงานของคุณย่อมมีการอ่อนล้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติถ้าคุณยังเป็นมนุษย์ เมื่อเหนื่อยล้าควรต้องพักผ่อนเพื่อกลับมาทำงานใหม่ในวันพรุ่งนี้ ให้ดีต่อไป แสดงผลงานของคุณให้มีคุณค่าเป็นที่น่าจดจำ ถึงจะเหนื่อยแค่ไหนก็ตามให้คิดเสียว่ายังดีกว่าการที่คุณต้องหมดลมหายใจโดยที่ยังไม่ได้ทำอะไรให้ตนเองและคนรอบข้างเลย

5. ถ้าขี้เกียจนัก...มองคนที่ไม่มีโอกาส

ยังมีอีกหลายคนที่อยากได้โอกาสอย่างที่คุณมีแล้วทำไมคุณถึงไม่อยากทำมันล่ะ ในเมื่อคุณสามารถทำได้แล้วขอให้ทำให้ดีที่สุด เพราะการที่คุณขี้เกียจก็เท่ากับคุณกำลังทำลายเวลาที่สามารถทำสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีกเยอะเลย

6. ถ้างานผิดพลาด...มองคนที่ไม่เคยฝึกฝน

คนทำงานย่อมเกิดความผิดพลาดได้ทุกคน ซึ่งแตกต่างจากคนที่ไม่เคยผิดพลาด เพราะนั่นคือคนที่ไม่เคยทำงานเลย นี่เป็นสัจธรรมที่หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมาบ้าง เมื่อเกิดความผิดพลาดขั้นการแก้ไขให้กลับมาดีเหมือนเดิมย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยคุณก็คิดเสียว่าคุณได้ลงมือทำแล้วและยังได้เรียนรู้ในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย

7. ถ้ากายพิการ...มองคนไม่เคยอดทน

ความไม่สมประกอบของมนุษย์เราไม่ใช่อุปสรรคในการทำให้ชีวิตมีคุณค่าหรือไม่มีคุณค่า แต่ความอดทนตั้งใจในการที่จะดำเนินชีวิตต่างหาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ทำอะไร ขอให้คุณคิดเสียว่าร่างกายไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ความอดทนต่างหากที่จะเป็นรากฐานสู่ความสำเร็จ

8. ถ้างานรีบรน...มองคนไม่มีเวลา

การที่งานการของคุณมีมาให้สะสางอย่างต่อเนื่องเรื่อย ๆ ขอให้คุณจงรีบทำให้เสร็จโดยที่อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้จะมีผลต่องานของคุณอย่างแน่นอน รีบจัดการทำให้เสร็จซะเพื่อที่จะไม่ได้มีดินพอกทางหมูในวันต่อ ๆ ไป

9. ถ้าตังค์ไม่มี...มองขอทานข้างถนน

รู้อย่างนี้แล้วคุณยังจะทอดอาลัยอยู่อีกไหม ถ้าคุณยังมีงานทำอยู่ล่ะก็ขอให้คุณสบายใจเถอะว่าคุณยังมีรายได้อยู่ จะมีมากหรือมีน้อยนั้นขึ้นอยู่กับความคิดของคุณแล้วล่ะ การมีน้อยของคุณก็อาจจะมากพอในชีวิตของผู้อื่นก็เป็นได้

10. ถ้าหนี้สินล้น...มองคนแย่งกินกับหมา

คนเราทุกคนเกิดมาย่อมเป็นหนี้อยู่แล้ว จะเป็นมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเองว่าคุณสร้างขึ้นมาเท่าไหร่ มีหนี้แล้วใช้หนี้ วันหนึ่งย่อมหมดหนี้แน่นอน ลองคิดและทำเช่นนี้ วันที่หมดหนี้ของคุณจะมาถึงแน่นอน

11. ถ้าข้าวไม่มีกิน...มองคนไม่มีที่นา

การที่คุณยังพอมีกำลังกาย กำลังใจ หรือกำลังทรัพย์ แม้จะเล็กน้อยแต่อย่าคิดว่าด้อยค่าโดยเด็ดขาด ให้นึกไว้เสมอว่าคุณยังมีอยู่ไม่ได้สูญเปล่าเสียทีเดียว

12. ถ้าใจอ่อนล้า...มองคนที่ไม่รู้จักความรัก

อยากให้คุณลองกลับไปที่บ้านหรือที่ ๆ คุณมีใครสักคนรอคุณอยู่ แล้วคุณคงจะรู้ดีขึ้นถ้ามีใครรอคุณอยู่ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยที่คุณยังไม่ยอมให้ใครมาร่วมใช้ชีวิตกับคุณเลย การรู้จักให้ความรักกับผู้อื่นอาจทำให้ใจคุณสดใสขึ้นมาบ้างก็ได้

13. ถ้าชีวิตแย่...มองคนที่แย่กว่า

ชีวิตคนเราไม่ได้เกิดมาพร้อมสรรพเหมือนกันทุกคน อาจมีบ้างบางคนที่มีครบทุกอย่างที่ต้องการและอาจมีบ้างที่ไม่เคยได้ในสิ่งที่ต้องการ แต่ถ้ามีคนที่ไม่เคยได้และไม่เคยมีเลยล่ะ คุณคงไม่อยากเป็นคนประเภทหลังใช่ไหม เพราะฉะนั้นขอให้จงภูมิใจและพอใจในชีวิตคุณเถอะ

14. อย่ามองแต่ฟ้า...ที่สูงเกินตาประจักษ์

บางขณะการใช้ชีวิตที่พอดีและพอเพียงอาจเป็นความสุขที่สุดแล้วก็ได้ ลองหันกลับมาสักหน่อย ถอยมาสักก้าว ความสุขของคุณอาจอยู่ตรงนั้นก็ได้

15. ความสุขข้างล่าง...มีได้ไม่ยากเย็น

เพราะบางขณะชีวิต ความคิด และความสุขมักเริ่มจากตัวคุณก่อนทั้งนั้น คิดดี ทำดี พูดดี แค่นี้ก็สามารถทำความคิดให้เป็นบวกได้

เพียงแค่นี้จิตใจคุณจะเป็นสุขขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ขอเพียงคุณไม่หยุดที่จะพัฒนาความคิดให้เป็นบวก คุณก็จะได้พบมุมมองใหม่ที่ไม่สามารถหาจากที่ไหนได้ นอกจากมุมที่คุณคิด และสร้างขึ้นมาด้วยตัวของคุณเอง





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ067 จาก ผ่านมาดู 58.9.170.109 อังคาร, 15/3/2554 เวลา : 14:39  IP : 58.9.170.109   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93341

คำตอบที่ 30
      

fiogf49gjkf0d
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

champ_150 จาก เด็กยอดแหลม 58.8.235.3 พุธ, 16/3/2554 เวลา : 23:34  IP : 58.8.235.3   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 93376

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  2  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,22 พฤศจิกายน 2567 (Online 8781 คน)