คำตอบที่ 31
fiogf49gjkf0d
พฤติกรรมสัตว์ สัญญาณภัยพิบัติที่ไม่ควรมองข้าม
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แม้ว่ามนุษย์จะสามารถสร้างสรรค์เทคโนโลยีขึ้นมาใช้อำนวยความสะดวกและป้องกันตัวเองจากภัยรอบตัวมาแล้วมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าเทคโนโลยีใด ๆ ก็ไม่อาจจะรับมือได้เลย นั่นคือ ภัยพิบัติจากธรรมชาติ เพราะทุกครั้งที่ภัยพิบัติต่าง ๆ ได้เกิดขึ้น มันมักจะมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทำให้หลายหมื่นหลายแสนชีวิต ต้องสังเวยให้กับภัยธรรมชาติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จากเหตุการณ์ภัยพิบัติร้ายแรงที่เคยเกิดขึ้นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
แต่ถึงแม้ว่าภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยจนมนุษย์ไม่ทันได้เตรียมตัวแทบทุกครั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าธรรมชาติจะไม่มีการส่งสัญญาณใด ๆ ให้รับรู้ก่อนเลย เพราะหากสังเกตให้ลึก ๆ แล้ว จะพบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดภัยพิบัติหรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศบนโลก ธรรมชาติได้ส่งสัญญาณเตือนให้มนุษย์เตรียมรับมือแล้วแทบทุกครั้ง เพียงแต่มันมักจะมาในรูปแบบของสัญญาณปริศนาที่ยากต่อการตีความ และมนุษย์ก็มักจะละเลยมันไปในที่สุดเท่านั้นเอง
และสัญญาณภัยธรรมชาติที่ว่านี้ก็คือ พฤติกรรมสัตว์หลายชนิด ที่แสดงออกอย่างแปลกประหลาด ก่อนที่จะเกิดภัยพิบัติตามมาในทุก ๆ ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการอพยพของนก การเห่าหอนของสุนัข การร้องของแมวอย่างต่อเนื่อง หรือแม้แต่การตายของสัตว์ต่าง ๆ ที่มนุษย์มักจะคิดว่ามันคือการตายปริศนา แต่แท้จริงแล้วมันมีสาเหตุที่มนุษย์หาคำตอบไม่ได้ และมันก็เชื่อมโยงกับความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างแยกไม่ออก เพราะสัตว์เหล่านี้ ล้วนมีประสาทสัมผัสที่ไวและละเอียดอ่อนมากกว่ามนุษย์หลายเท่านัก พวกมันสามารถรับรู้ถึงภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ได้ อย่างที่มนุษย์ไม่สามารถทำได้ และยิ่งไปกว่านั้น สัตว์หลายชนิดยังอ่อนไหวต่อความเปลี่ยนแปลงในช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติ ซึ่งทำให้มันถึงกับตายหมู่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
หากจะมองย้อนกลับไปในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในอดีตหลายครั้ง จะพบว่า สัตว์หลายชนิดมักจะมีพฤติกรรมแปลก ๆ และมีการตายหมู่ของสัตว์เกิดขึ้นแทบทุกครั้ง เช่น
เมื่อปี พ.ศ.2519 หมีแพนด้าในสวนสัตว์เมืองตังฉาน แสดงพฤติกรรมแปลก ๆ ให้ผู้คนฉงนงงงวย เมื่อมันเอามือกุมหัวแล้วส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง และหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ริกเตอร์ คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 240,000 คน
ส่วนเมื่อปี พ.ศ.2538 ผู้คนในเมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น ต้องเอามืออุดหูไปตาม ๆ กัน เมื่อสุนัขต่างส่งเสียงเห่าหอนดังไปทั่วเมืองตลอดทั้งวันทั้งคืน ต่อมาเพียง 1 วันเท่านั้น ก็เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ขึ้น คร่าชีวิตชาวเมืองโกเบไปกว่า 6,400 คน
และเมื่อปี พ.ศ.2542 ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันนี้ขึ้นอีก เมื่อสุนัขในเมืองอิซมิท ประเทศตุรกี ต่างพากันเห่าหอนทั้งวันทั้งคืน ขณะที่แมว นก และสัตว์ต่าง ๆ ในเมืองก็มีพฤติกรรมหวาดระแวง รวมทั้งหนูก็ขึ้นมาเพ่นพ่านวิ่งไปวิ่งมาอยู่บนพื้นดิน เป็นเวลากว่า 5 วัน และในที่สุดก็เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ริกเตอร์ขึ้น คร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 45,000 คนในขณะนั้น
หรือแม้แต่สึนามิที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรา เมื่อปี พ.ศ.2547 ก็ไม่ได้ต่างอะไรกัน เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดคลื่นยักษ์พัดถล่มภาคใต้นั้น ชาวประมงหลายคนพบว่า มีปลิงทะเลซึ่งเป็นสัตว์น้ำลึก และปลาทะเลหลายชนิด ว่ายเข้ามาอยู่บริเวณชายฝั่ง จนทำให้ชาวประมงพากันยิ้มร่า ดีใจที่จับปลาได้จำนวนมากขึ้น แต่แล้วในเดือนต่อมา ก็เกิดภัยพิบัติสึนามิขึ้น คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
นกตายเกลื่อนถนนในหลุยเซียนา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
จากพฤติกรรมแปลกประหลาดของสัตว์ที่เกิดขึ้นก่อนเกิดภัยพิบัติทุกครั้ง ทำให้มีนักวิทยาศาสตร์หลายท่านออกมาชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยมีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า สัตว์ต่าง ๆ รับรู้สัญญาณภัยพิบัติที่มนุษย์ไม่สามารถรับรู้ได้ อย่างเช่น แรงสั่นสะเทือน เสียงคลื่นต่าง ๆ สัตว์หลายชนิดจะสามารถจับสัญญาณความถี่ต่ำที่มนุษย์ไม่ได้ยินได้ และพวกมันก็สามารถรับรู้ได้ก่อนภัยพิบัติจะมาถึงหลายวันเลยทีเดียว พวกมันจึงแสดงพฤติกรรมแปลก ๆ ออกมา เพื่อบอกให้รู้ว่าภัยพิบัติกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ดังนั้น พฤติกรรมแปลก ๆ ของสัตว์จึงเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์รับรู้ได้ว่า ต้องมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้นกับโลกอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงก็ตาม
ทั้งนี้ หากจะนำพฤติกรรมสัตว์มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นในปีนี้หลายเหตุการณ์ จะพบว่า ความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างได้เกิดขึ้นจริงหลังจากที่มีสัญญาณปริศนาจากสัตว์ต่าง ๆ เริ่มจากในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา ทั่วโลกต่างตกตะลึงกับปรากฎการณ์สัตว์ตายปริศนา ที่ไม่อาจหาสาเหตุได้ โดยเฉพาะในแถบยุโรป นกหลายหมื่นตัวได้ตกลงมาตาย และฝูงปลา รวมถึงสัตว์น้ำต่าง ๆ ก็ลอยมาตายปริศนา สร้างความฮือฮามากในขณะนั้น แต่แล้วหลังจากนั้นไม่ถึงเดือน หลายพื้นที่บนโลกก็ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเหน็บ พายุหิมะ รุนแรงกว่าหลายสิบปีที่ผ่านมา จนคร่าชีวิตผู้คนไปมากมาย ส่วนในออสเตรเลีย ในช่วงต้นปีก็เคยมีเหตุการณ์ปลาน้อยใหญ่นับพันตายบริเวณชายฝั่ง ก่อนจะมีพายุไซโคลนพัดถล่มออสเตรเลีย และต่อมาในนิวซีแลนด์ ก็มีฝูงปลาและวาฬนับร้อยขึ้นมาตายเกยตื้น ก่อนจะแผ่นดินไหวในไครซท์เชิร์ทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ปลาตายเกลื่อนในแคลิฟอร์เนีย
ส่วนภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาด ๆ ในประเทศญี่ปุ่นนั้น หากใครลองติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสัตว์ตายก่อนหน้านั้น จะพบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดแผ่นดินไหวเพียง 2 วัน ได้มีปลานับล้านตายเกลื่อนบริเวณท่าเรือเรดอนโด ในแคลิฟอร์เนีย ชายฝั่งที่อยู่ด้านตรงกันข้ามกับประเทศญี่ปุ่น ซึ่งหลังจากมีการตายของปลาเหล่านี้ ก็ได้มีการออกมาเปิดเผยเมื่อวันที่ 10 มีนาคมว่า ปลานับล้านตายจากการขาดออกซิเจน เนื่องจากมันหนีกระแสน้ำที่ขึ้นลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เกิดสึนามิพัดเข้าชายฝั่งญี่ปุ่นในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา
จากพฤติกรรมแปลกประหลาดของสัตว์ที่เกิดขึ้น ก่อนเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ ตามมาทุกครั้ง ก็คงเป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า พฤติกรรมของสัตว์นั้นเชื่อมโยงกับความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติอย่างน่าทึ่ง และมันเป็นสัญญาณภัยพิบัติที่มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเทคโนโลยีใด ๆ ในขณะนี้ ดังนั้น คงถึงเวลาแล้วที่มนุษย์บนโลกควรให้ความสำคัญกับสัญญาณภัยพิบัติจากสัตว์หลายชนิดกันมากขึ้น เพื่อที่มนุษย์จะได้รู้ตัวและเตรียมรับมือกันได้ทันก่อนที่ภัยพิบัติจะมาถึง
อย่างไรก็ดี จากความสัมพันธ์ระหว่างสัตว์และภัยพิบัติข้างต้น ได้ทำให้เกิดการตั้งข้อสันนิษฐานและเตรียมรับมือภัยพิบัติกันอีกครั้งในขณะนี้ เมื่อล่าสุด ได้มีรายงานว่าหลังจากที่สึนามิพัดถล่มชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนียซึ่งอยู่ตรงกันข้าม ได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อไส้เดือนจำนวนมากต่างโผล่ขึ้นมาบนดินในวอชิงตันสเตทช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งนั่นอาจเป็นผลจากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หรืออาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยพิบัติร้ายแรงครั้งใหม่ หรือการเปลี่ยนแปลงสักอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้าก็เป็นได้ งานนี้คนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวก็ต้องระมัดระวังกันมากขึ้นและคอยติดตามกันต่อไปแล้วล่ะ