WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


เคล็ดลับน่ารู้-----กินเพื่อสุขภาพ
jack champ 100
จาก nuch champ 100
IP:124.120.52.223

พฤหัสบดีที่ , 21/6/2550
เวลา : 11:31

อ่านแล้ว = 3494 ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

      






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  

คำตอบที่ 1
      

fiogf49gjkf0d
โอรีโอ …อันตรายมาก>The Facts about (trans) Fat : ไขมันที่กินแล้วไม่อ้วน แต่ กินแล้วตาย
น่ากลัวกว่าไหม?
คุณรู้จัก โอรีโอ ดีแค่ไหน?
มีคุกกี้ชื่อดังยี่ห้อหนึ่ง แค่ถูกฟ้องเป็นคดีอื้อฉาว ใครๆก็เคยคุ้นเคยกิน
คุกกี้หน้าตาดำๆ ไส้ครีมขาวๆ ใครหยิบคุกกี้ชนิดนี้มากิน 3 อัน>จะได้รับพลังงาน 160 แคลอรี่ส์ ซึ่งบรรจุไว้ซึ่งไขมัน 7 กรัมข้างซองก่อนเก่าเขาระบุว่า 1.5 กรัมนั้น ทำมาจากไขมันอิ่มตัว ที่เหลือ อุอุ
ไม่ยอมบอกว่าเป็นไขมันชนิดไหน
จนกระทั่งถูกจับได้ว่า แอบยัด trans fat เข้าไปซะ 5.5 กรัม
ปี 2006 มีกฎหมายควบคุมปริมาณ trans fat ออกมาใช้แล้ว
ในผลิตภัณฑ์อาหารใดๆมีการใช้ trans >fatเป็นส่วนผสมต้องระบุจำนวนไว้อย่างเด่นชัด ห้ามหลบซ่อน
หลอกผู้บริโภคให้หัวใจวายตายกันเป็นว่าเล่นอีกต่อไป
กรณีที่คุกกี้ดำๆ ถูกฟ้องร้อง ด้วยโทษฐานไม่บอกกันว่า ยัด trans fat
ให้เด็กๆกินเข้าไปเท่าไหร่ เพราะคุกกี้นี้เป็นที่นิยมกินกันมาก
ข่าวเขาเล่าว่าตั้งแต่มีการผลิตคุกกี้ชนิดนี้ออกมาขายเมื่อปี 1912
ขายไปแล้วกว่า 450 billion ใครลองนับดูว่าตัวเองเผลอบริโภคคุกกี้ดำๆนี้เข้าไปเท่าไหร่ (นั่นล่ะ trans fat ไปนอนรอนิ่งๆ
คอยบั่นทอนหัวใจให้ล้มเหลว ไม่วันใดก็วันหนึ่งเข้าแล้ว )
trans fat คืออะไร ???>เป็นไขมันจากพืชที่มนุษย์ผลิตขึ้นผ่านกระบวนการแปรรูปอาหาร
(ขบวนการผลิตค่อนข้างวิทยาศาสตร์ไว้ค่อยขยายความต่อไป)
ซึ่งขณะนี้งานวิจัยหลายฉบับ สรุปว่า ** มันเป็นไขมันชนิดร้ายแรงที่สุด คือ
นอกจากจะไม่ให้ประโยชน์ใดทั้งสิ้น
ยังไปทำลายไขมันดีที่ร่างกายสะสมไว้ใช้งานอีกด้วย
อาหารที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตกว่า 40 เปอร์เซนต์อุดมไปด้วย trans fat
(ใครอยากรู้ไหมว่า อาหารประเภทไหนบ้าง เรามีลิสต์จดเก็บไว้ดูเล่นหมดล่ะ
ถามว่า จะเผลอบริโภคเข้าปากไปได้จำนวนเท่าไหร่ถึงไม่ถือว่าอันตราย
ตอบได้ทันทีว่า .... ไม่ควรกินเลยแม้แต่กรัมเดียว
( ถ้าพลาดกินไปแค่ 1-2 กรัม/วัน ก็ยังพอวางใจกันได้อยู่บ้าง )
ฉะนั้นการที่เจ้าของโครงการ Ban Trans Fat
ซึ่งเป็นท่านทนายเขาฟ้องร้องคุกกี้ดำๆ ด้วยเหตุที่ว่า
ผู้ผลิตปิดบังข้อมูลที่เป็นอันตรายไว้ & gt;และผู้บริโภคซึ่งเป็นเด็กไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็บริโภคกันเข้าไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้
คดีฟ้องร้องคุกกี้ชนิดนี้ ผู้ฟ้องร้องไม่ต้องการค่าเสียหายใดๆ
ทั้งสิ้นไม่เรียกสักดอล์ลาร์หรือสักเซ็นต์เดียว
ขอเพียงแค่เจ้าของผู้ผลิตคุกกี้ดำๆ คือบริษัท Kraft จะต้องเอา trans fat
ออกจากคุกกี้ชนิดนี้ให้หมดสิ้นเท่านั้นเอง
และคดีนี้ "ชนะ" เปิดฉากการต่อสู้ให้เกิดกฎหมาย ban trans >fatกันคึกคักในหลายประเทศขณะนี้
ผลิตภัณฑ์ที่หลายประเทศห้ามสั่งเข้ามาขาย เพราะคือ trans fat ตัวร้ายกาจ
คือ Shortening หรือ Crisco "เนยขาว" ที่เอามามาทำขนม นม เนย หวานอร่อย
เคลือบพิษไว้นั่นเอง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 081/1 124.121.124.39 พฤหัสบดี, 21/6/2550 เวลา : 15:22  IP : 124.121.124.39   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 17969

คำตอบที่ 2
      

fiogf49gjkf0d
ดีมากเลยครับน้องนุช และ หลานอู๋ อยากให้ใช้หัวข้อกระทู้นี้เป็นหัวข้อหลักสําหรับเพื่อนๆๆที่มีข้อมูลดีๆๆนํามาลงจะได้ไม่ต้องไปเปิดดูหลายกระทู้.................ใครมีของดีเพื่อสุขภาพและร่างกายช่วยกันนํามาลงในกระทู้นี้น่ะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก kid cowboy,cmp 067 58.136.224.243 ศุกร์, 22/6/2550 เวลา : 15:52  IP : 58.136.224.243   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18008

คำตอบที่ 3
      

fiogf49gjkf0d
“7 เมนูที่ควรหลีกเลี่ยงยามท้องว่าง” ที่จะนำมาบอกกล่าวในครั้งนี้ นำมาจากคอลัมน์ “สุขกาย” ในจดหมายข่าว “สร้างสุข” ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เดือนพฤษภาคม 2550 มีรายการดังต่อไปนี้

1. เหล้า กระเทียม
ทั้งสองอย่างนี้จะยิ่งกระตุ้นเยื่อบุกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

2. น้ำตาลหรืออาหารหวาน
เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช็อกโกแลต เพราะจะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต

3. ชาแก่
จะทำ ให้กรดเกลือของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือ จาง เกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่ มีแรง

4. ลูกพลับ
เป็นตัวกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดเกลือออกมามาก ทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร

5. กล้วย
เพราะจะเพิ่มธาตุแมกนีเซียมในเลือดให้สูงขึ้น ทำให้สูญเสียสัดส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียม เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก

6. ผัก
เพราะหากรับประทานผักอย่างเดียวขณะท้องว่าง จะทำให้ท้องอืด

7. นมและถั่วเหลือง
แม้จะอุดมด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่

แถมท้ายอีกนิดว่า ขณะท้องว่างไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิดอาการช็อกได้ง่าย เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 081/1 124.121.127.199 อังคาร, 26/6/2550 เวลา : 14:12  IP : 124.121.127.199   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18222

คำตอบที่ 4
      

fiogf49gjkf0d
อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์
หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด เนื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้
2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่อง ท้อง
3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออนหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศ สัมพันธ์
มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหลัง
4. มะเร็งในเม็ดเลือด (ลูคีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว
หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหาร ปวด ตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้ง
จะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง
5. มะเร็ง ปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้ำหนักลดอย่าง ฮวบฮาบ เจ็บ
หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็ง ตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็ง สมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า
และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุด
ทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มีอาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือที่ลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา
หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำหรือ เป็นเวลานาน
10. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก
หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย
รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก อาการมีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา
ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น
ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คนจะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอก
โดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียกว่า
ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่
13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
****ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษทิช ชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคือ
อาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำนั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการมีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้
เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ
หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่
เรียกว่าเมลาโนมา (Melanoma)คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่
เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติว่าเคยเป็นโรคนี้มาก่อนคุณจะ
มี อัตราเสี่ยงสูงกว่าคนอื่นๆ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 081/1 124.121.127.199 อังคาร, 26/6/2550 เวลา : 14:18  IP : 124.121.127.199   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18223

คำตอบที่ 5
      

fiogf49gjkf0d
แพทย์เตือนดื่มนมเพื่อสุขภาพ ต้องตระหนักถึงข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ระบุกระหน่ำดื่มมากเกินไป ก่อให้เกิดผลเสียต่อกระดูกมากกว่าผลดี โดยฟอสฟอรัสที่อยู่คู่กับแคลเซียมในนม จะย่อยสลายมวลกระดูก ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนและกระดูกหัก
ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก อักษรานุเคราะห์ ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าวว่า โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่พบมากในผู้สูงอายุ และมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะผู้สูงอายุในไทยเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับการรับรู้ข้อมูลข่าวสารไม่เพียงพอ โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดื่มนม เพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน
แม้ว่าแคลเซียมในนมจะมีประสิทธิภาพสูง ในการยับยั้งการสลายตัวของมวลกระดูก แต่การดื่มนมเพื่อยับยั้งการสลายกระดูก จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม
"แคลเซียมจากนมต้องได้มาจากการดื่มนมไม่เกิน 500 มิลลิลิตรต่อวัน ซึ่งจะได้ปริมาณแคลเซียม 500 มิลลิกรัม เพราะในน้ำนมประกอบด้วยแคลเซียม 3 ส่วนและฟอสฟอรัส 2 ส่วน หากดื่มนมมากกว่า 500 มิลลิลิตร ร่างกายก็จะได้รับปริมาณฟอสฟอรัสมากเกินจำเป็น ซึ่งจะกระตุ้นต่อมพาราไทรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมาสลายกระดูก จนเป็นเหตุให้มวลหรือเนื้อกระดูกบางลง" ประธานมูลนิธิโรคกระดูกพรุน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ความต้องการแคลเซียมในแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน โดยเฉลี่ยต่อวันเด็กควรได้รับ 600 มิลลิกรัม วัยรุ่น 1,000-1,500 มิลลิกรัม วัยผู้ใหญ่ 800-1,000 มิลลิกรัม ขณะที่หญิงมีครรภ์ต้องการ 1,500 มิลลิกรัม และผู้ใหญ่วัยทอง 1,500-2,000 มิลลิกรัม
"เมื่อร่างกายสามารถรับแคลเซียมจากนมได้เพียง 500 มิลลิกรัมต่อวัน ปริมาณแคลเซียมที่ยังขาดไปนั้น สามารถหาทดแทนได้จากอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาป่น กุ้งแห้ง กะปิ และปลาร้าสุก เป็นต้น รวมทั้งการออกกำลังกายกลางแจ้ง เพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งจะสังเคราะห์กลายเป็นแคลเซียม และออกกำลังกายที่เน้นเพิ่มมวลกระดูก งดเครื่องดื่มกาเฟอีนและแอลกอฮอล์" ศ.เกียรติคุณ น.พ.เสก แนะนำ
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถดื่มนม ก็จำเป็นต้องหาแคลเซียมเสริมในรูปแบบอื่นทดแทน แคลเซียมในรูปแบบเคี้ยวดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีสุด โดยต้องเคี้ยวให้ละเอียดไปพร้อมกับอาหาร เพื่อให้น้ำย่อยได้ละลายแคลเซียมมากที่สุด











 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก 081/1 124.121.124.6 ศุกร์, 6/7/2550 เวลา : 13:38  IP : 124.121.124.6   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18832

คำตอบที่ 6
      

fiogf49gjkf0d
081/1 สงสัยจะมีเวลาเยอะน่ะ ช่วยหาข่าวสารมาฝากเพื่อนๆๆ ช่วยหาสูตรชลอความหล่อให้ตา 081 ด้วยน่ะ ....555555 .....ล้อเล่น.................. ........ดีมั้กๆๆๆถ้าเพื่อนๆๆมีข่าวสารข้อมูลดีๆๆช่วยนํามาลงกันดูน่ะครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก kid cowboy,cmp 067 58.136.228.33 ศุกร์, 6/7/2550 เวลา : 15:55  IP : 58.136.228.33   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 18846

คำตอบที่ 7
      

fiogf49gjkf0d
อเ้อเ้เด้ดะ แอิแอ้เด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก แทน 117.47.41.188 จันทร์, 27/8/2550 เวลา : 19:16  IP : 117.47.41.188   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22822

คำตอบที่ 8
      

fiogf49gjkf0d
สวัสดีครับ ออกกำลังบาง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก แทน ครับ 117.47.41.188 จันทร์, 27/8/2550 เวลา : 19:19  IP : 117.47.41.188   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22823

คำตอบที่ 9
      

fiogf49gjkf0d
เอาบ้างนะเดี๋ยวจะหาว่าเราไม่มีสาระ

การกำจัดแมลงสาบ ในบ้านที่มักจะอยู่ตามครัว ตู้ โต๊ะ หรือตามซอกตามมุมต่างๆ
> > เขาบอกว่าวิธีที่ได้ผลและง่ายแสนง่าย แต่คนมักไม่ทราบหรือคิดไม่ถึง
> > นั่นก็คือใช้ “ พริกไทยเม็ด ” ไปวางตามจุดต่างๆ
> > ที่แมลงสาบชอบออกมาไต่ยั้วเยี้ย หรือแอบมากินเศษอาหาร โดยวางไว้ที่ละ 4-5
> > เม็ดก็พอ แค่นี้ แมลงสาบได้กลิ่นก็ไม่มารบกวนแล้ว
> > เพราะมันไม่ถูกกับกลิ่นพริกไทยเม็ด ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงให้เสียเงิน
> > หรือเป็นอันตรายต่อคนในบ้าน พอกลิ่นหมด ก็คอยเปลี่ยนใหม่ ข้อสำคัญ
> > ระวังเด็กเล็กในบ้านอย่าคลานไปกินเข้า จะร้องไห้จ้าเพราะความเผ็ด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:16  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22917

คำตอบที่ 10
      

fiogf49gjkf0d
กำจัดยุงและแมลงตัวเล็กๆ ไม่ให้มารบกวนตอนอ่านหนังสือหรือทำงานตอนกลางคืน
> > เขาให้ใช้ “ การบูร ” มาห่อผ้าขาว หรือไปซื้ออย่างที่เขาห่อสำเร็จมาแล้วก็ได้
> > จากนั้นนำมาแขวนไว้ใกล้ๆกับหลอดไฟ หรือโคมไฟ เพื่อความร้อนจากหลอด
> > หรือโคมจะทำให้กลิ่นการบูรค่อยๆ ระเหิดออกมาอย่างรวยริน
> > ยิ่งกลิ่นออกมามากเท่าใด ยุงและแมลงก็จะบินหนี เพราะมันไม่ชอบกลิ่นการบูร
> > แค่นี้ก็ไม่ต้องจุดยากันยุงหรือทายากันยุงให้เหนอะหนะเหนียวตัว



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:17  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22918

คำตอบที่ 11
      

fiogf49gjkf0d
ขับไล่หนูชุกชุม โดยไม่ต้องฆ่าให้บาปกรรม ด้วยการนำ น้ำมันระกำ 10 ส่วน
> > ผสมกับน้ำมันสะระแหน่อีก 90 ส่วนให้เข้ากัน แล้วเอาไปทาตามทางเดินของหนู
> > หรือที่ๆ หนูชอบมา มันจะไม่มาอีกเลย เมื่อได้กลิ่นน้ำมันทั้งสองอย่างนี้
> > แต่ทางที่ดีควรจะเก็บเศษอาหารให้หมด และทำบ้านเรือนให้สะอาด อย่ารกรุงรัง
> > เป็นดีที่สุด



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:18  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22919

คำตอบที่ 12
      

fiogf49gjkf0d
วิธีต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่าย การต้มไข่นั้น ดูเป็นเรื่องไม่ยาก
> > แต่เชื่อไหมว่า หากจะต้มไข่ให้ปอกเปลือกง่ายๆ หลายคนกลับทำไม่ได้
> > แถมปอกแล้วเนื้อไข่ติดเปลือกทำให้ไม่สวยงามอีก ดังนั้น
> > วิธีง่ายๆที่จะต้มไข่ให้ปอกเปลือกได้ง่าย เขามีเทคนิคพิเศษด้วยการ
> > ต้มไข่แบบธรรมดานี่แหละ แต่ให้เอา “ เกลือ ” ใส่เข้าไปพอสมควร
> > ให้น้ำที่ต้มมีความเค็มเล็กน้อย กะว่าไข่สุกดีแล้ว
> > ก็ให้เอาไข่นั้นแช่ในน้ำเย็นธรรมดา พอไข่ต้มเย็นลงพอควร ก็จับปอกเปลือกได้
> > จะรู้สึกเลยว่าเปลือกไข่แกะออกง่าย และล่อนดีไม่ติดเหมือนปกติ
> > ทำให้ปอกไข่ต้มออกมาได้อย่างสวยงาม น่ากิน




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:20  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22920

คำตอบที่ 13
      

fiogf49gjkf0d
ต้มถั่วดำถั่วแดงให้สุกเร็ว การต้มถั่วดูเหมือนจะง่าย คล้ายๆกับต้มไข่
> > แต่จริงๆแล้ว ใครที่เคยต้มทั้งถั่วดำ ถั่วแดง
> > จะรู้ดีว่ากว่าจะต้มสุกได้ต้องใช้เวลานานมาก จนหลายคนเอือม
> > ไม่คิดอยากกินถั่วอีกเลย หรือไม่ก็ไปซื้อเขาสบายกว่า
> > บางคนก็ใช้วิธีแช่น้ำคืนหนึ่งก่อนนำมาต้ม
> > แต่เขาบอกว่าวิธีที่เร็วและสะดวกกว่าคือ ก่อนนำถั่วไปต้ม ให้เอาไป “ คั่ว ”
> > ในกะทะให้สุกเสียก่อน เป็นการทำให้สุกครั้งแรกที่ใช้เวลาไม่นาน
> > จากนั้นจึงเอาหม้อใส่น้ำ แล้วใส่ถั่วลงไป โดยกะน้ำให้พอดีกับถั่วที่จะต้ม
> > แล้วตั้งไฟต้ม คราวนี้แหละถั่วที่ต้ม ก็จะสุกเร็วขึ้น
> > เมื่อถั่วสุกก็ใส่น้ำตาลลงไป กะให้หวานพอเหมาะหรือตามแต่ชอบ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:21  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22921

คำตอบที่ 14
      

fiogf49gjkf0d
วิธีเก็บขนมปังให้นานวันขึ้น โดยมิให้เสีย หรือหมดอายุเร็ว
> > เขาบอกว่าไม่ใช่เรื่องยาก ขนมปังที่ซื้อมาแล้ว
> > และเรากินไม่หมดก็ให้ห่อเก็บในพลาสติกเหมือนเดิมนั่นแหละ
> > เพียงแต่ให้เอาผ้าขาวสะอาดๆมาห่อหุ้มเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง
> > จากนั้นให้ผูกด้วยเชือกหรือใช้ยางรัดให้แน่น
> > แล้วไปเก็บไว้ในตู้เย็นตามปกติธรรมดา ไม่ต้องไปเข้าช่องแข็ง
> > ทำแบบนี้ขนมปังที่ว่าก็จะมีอายุนานขึ้นโดยไม่เสื่อมสภาพ เมื่อเอาไปย่าง ปิ้ง
> > ทาเนยแยม ก็ยังจะอร่อย และคงความนุ่มไว้เหมือนเดิม




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:22  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22922

คำตอบที่ 15
      

fiogf49gjkf0d
วิธีหาเสี้ยน หรือหนามที่ตำ ให้เห็นง่ายๆ
> > เมื่อเราถูกเสี้ยนหรือหนามตำไม่ว่าที่ไหนก็ตาม
> > บางทีเสี้ยนมีขนาดเล็กและกลมกลืนไปกับสีผิว ทำให้มองไม่เห็น
> > แต่หากไม่เอาออกก็จะระคายเคือง เจ็บปวดไม่หาย เขาบอกว่าวิธีการหาง่ายๆ
> > คือให้ใช้ “ ทิงเจอร์ไอโอดีน ” แตะบริเวณที่ถูกเสี้ยนหรือหนามตำ
> > สีของทิงเจอร์ฯ จะทำให้เห็นรอยเสี้ยนที่หักคาอยู่อย่างเด่นชัด
> > ทำให้เราจัดการเอาออกได้โดยง่าย อีกทั้งทิงเจอร์ฯ
> > ยังช่วยรักษาแผลสดได้ดีอีกด้วย



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:24  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22923

คำตอบที่ 16
      

fiogf49gjkf0d
วิธีบำรุงสายตาด้วยสมุนไพรราคาถูก นั่นคือ “ ผักบุ้ง ” ที่เราส่วนใหญ่รู้ๆ
> > กันอยู่แล้วนี่เอง นอกจากจะกินผักบุ้งเพื่อให้ได้วิตามินเอ
> > ที่มีมากมายในตัวผักมาบำรุงสายตาแล้ว คนไม่น้อยคงไม่รู้ว่า
> > เราสามารถเอาผักบุ้งไทยมาล้างให้สะอาด แล้วปั่นให้ละเอียด จากนั้น
> > เอาผ้าขาวบางไปต้มฆ่าเชื้อเสียก่อน แล้วผึ่งให้หมาด นำมาปิดไว้ที่หน้า
> > แล้วให้ผักบุ้งไทยปั่นที่ว่ามาโปะบนผ้าขาวบาง บริเวณดวงตาทั้งสองข้าง
> > ปล่อยไว้นานพอควรจนรู้สึกว่า มีน้ำจากผักซึมเข้ามาที่ดวงตาที่หลับอยู่
> > ก็เอาออก แล้วหลับตาล้างเปลือกตาให้สะอาด เขาว่าให้ทำเช่นนี้สัปดาห์ละครั้ง
> > จะช่วยสุขภาพของดวงตาให้ดีขึ้น ทำให้สายตาแจ่มใสอยู่เสมอ




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:25  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22924

คำตอบที่ 17
      

fiogf49gjkf0d
วิธีแก้กลิ่นเต่าแรง นอกเหนือไปจาก “สารส้ม”
> > ที่เขาแนะให้นำมาถูรักแร้ตอนอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ แล้ว
> > ก็ยังมีอีกสูตรในการแก้กลิ่นเต่าแรงคือ “ ใบตำลึง ” กับ “ ปูนแดง ”
> > โดยให้ตำใบตำลึงให้เละที่สุด แล้วนำมาผสมกับปูนแดงสักก้อนเล็กๆ
> > ผสมให้ทั่วกันดีแล้ว ก็นำมาทาที่รักแร้เพียงบางๆ แล้วปล่อยให้แห้งไปเอง
> > ควรทำตอนอาบน้ำก่อนไปทำงานตอนเช้า จะได้ทำงานได้ตลอดวัน
> > โดยไม่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ออกมารบกวนใครต่อใคร บางคนอาจคิดว่ายุ่งยาก
> > ลำบาก หาซื้อพวกโรลออนทาง่ายกว่า แต่แนะไว้เผื่อวิธีอื่นไม่ได้ผล
> > ก็ลองดูวิธีนี้ดูบ้าง




 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:27  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22925

คำตอบที่ 18
      

fiogf49gjkf0d
ว่ายน้ำแล้ว มิให้เกิดเป็นตะคริวขึ้นมา ตะคริว หมายถึง
> > อาการที่กล้ามเนื้อกระตุกเกร็ง ชาไปหมด ความรู้สึกเสียไป ถ้าเป็นบนบก
> > ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ก็จะหายไปเอง
> > แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่จะอันตรายมาก เพราะทำให้จมน้ำตายได้
> > วิธีแก้ไขหรือป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำอยู่นั้น
> > เขาให้ ดื่มน้ำเกลือ เสียก่อนลงไปว่าย เกลือที่ใช้ก็คือ
> > เกลือแกงในครัวนั่นแหละ โดยเอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ
> > ดื่มเสียให้เรียบร้อยก่อนลงไปดำผุดดำว่ายในน้ำ ทีนี้รับรองไม่เป็นตะคริวแน่นอน



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:30  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22926

คำตอบที่ 19
      

fiogf49gjkf0d
ลดอาการไข้ ตัวร้อน ตามปกติเราก็กินยาแก้ปวดหัวตัวร้อน อย่างพาราเซตามอล
> > แต่หากไม่มี แล้วเกิดอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ขึ้นมา
> > เขาบอกว่าให้ดื่มน้ำมะพร้าวสัก 1 แก้ว แล้วนอนพักผ่อน อาการไข้ก็จะทุเลาลง
> > แล้วให้ดื่มแทนน้ำไปเรื่อยๆ ไม่นานอาการที่ว่าก็จะหายเป็นปกติ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:32  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22927

คำตอบที่ 20
      

fiogf49gjkf0d
มีแผลในปากที่ทำให้เจ็บแสบ น่ารำคาญ เขาบอกวิธีง่ายๆ ที่จะแก้ คือ
> > ให้กินสับปะรด ยิ่งตรงไหนเป็นแผลให้อมไว้ตรงนั้นนานๆ ไม่ช้าไม่นานก็จะหายไปเอง
> > เหมือนหนามหยอกเอาหนามบ่ง



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:34  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22928

คำตอบที่ 21
      

fiogf49gjkf0d
ที่มาของข้อมูลดีๆ มาจาก...

“ภูมิปัญญาชาวบ้าน” จากหนังสือ “เทคนิคชาวบ้านเพื่อการอยู่ดีกินดี” ของ
> > “ฐิติญาณ์” ซึ่งจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์สุขภาพใจ
> > มาเสนอเพื่อเป็นความรู้ที่จะนำไปใช้ประโยชน์
> > โดยอาจจะทำให้ท่านเสียเงินน้อยลงหรือไม่ ต้องเสียเพิ่มเลยก็ได้



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:36  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22929

คำตอบที่ 22
      

fiogf49gjkf0d
สาระ อยู่ผิดที่ผิดทางไปหน่อยถ้าได้อ่านแล้วนำไปปฎิบัติ ก็เป็น สาระ ได้เหมือนกัน ใช่ไหมครับท่านพี่





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก สหาย-พันตา 130 210.246.64.250 อังคาร, 28/8/2550 เวลา : 21:44  IP : 210.246.64.250   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 22930

คำตอบที่ 23
      

fiogf49gjkf0d






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก ยี 125.24.102.145 อาทิตย์, 25/11/2550 เวลา : 12:05  IP : 125.24.102.145   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 34601

      

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 1 จาก >>> 1  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันศุกร์,22 พฤศจิกายน 2567 (Online 6373 คน)