จาก ทับลาน IP:203.148.249.68
อังคารที่ , 24/2/2552
เวลา : 10:39
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
รวบพรานไฮโซ ครูผึกยิงปืน นักกีฬั ล่าสัตว์ในเขตป่ามรดกโลก ทับลาน
ด่วน...!!
มีข่าวเรื่องนี้ลง น.ส.พ.คมชัดลึก แล้วครับ ลองอ่านรายเอียดของข่าวดูครับ....
รวบพรานไฮโซล่าสัตว์วันหยุดในป่ามรดกโลก
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าล้อมจับกลุ่มพรานเมืองกรุง ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าวันหยุดกลางป่าทับลาน-เขาใหญ่ เขตป่ามรดกโลก รวบได้ 2 เป็นอาจารย์โรงเรียนดังใน กทม. อีก 3 แหวกวงล้อมหนีได้หวุดหวิด พบเจ้าของรถออฟโรดเป็นจ่าทหารม้า ค่ายสุรนารี ยึดของกลางอื้อ ทั้งไก่ป่า เลียงผา สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ ส่วนที่อุทยานน้ำหนาวพบซากกระทิงหนัก 500 กก.ถูกพรานไล่ล่าจนจมปลักตาย ระดมเจ้าหน้าที่กว่า 100 นาย ตามล่าพราน
แม้จะมีกฎหมายจัดการกับผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าสงวนอย่างเข้มงวด แต่ก็ยังพบผู้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายสำเนา ขอร่วมกลาง อายุ 50 ปี หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง ได้เข้าควบคุมตัวนายสุขะชัย ศุภศิริ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29/233 ถนนพุทธมณฑล แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. และนายศินพ บุตรเนียน อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 27 ประชานุกูล 3 ซอย 1 แขวงและเขตบางซื่อ กทม. สองผู้ต้องหา ที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตมรดกโลกทับลาน-เขาใหญ่ พร้อมของกลางเป็นซากสัตว์ป่า และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง มาให้ พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด คือ รถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นดีโฟร์ดี สีน้ำเงิน เลขทะเบียน บล 48 นครราชสีมา โดยให้เจ้าหน้าที่ลงบันทึกตรวจยึดไว้เพื่อติดตามตัวผู้ครอบครองรถต่อไป
นายสำเนา กล่าวว่า ชาวบ้านในเขต อบต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นสายข่าวอาสาสมัครพิทักษ์ป่า แจ้งว่า พบเห็นกลุ่มนายพรานนอกพื้นที่ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน-เขาใหญ่ มรดกโลกแห่งที่ 5 โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งกลุ่มนายพรานจะถือโอกาสตั้งเต็นท์พักค้างคืนกันกลางป่า ตนพร้อมพวกที่เป็นลูกจ้างงานพิทักษ์ป่า จึงต้องจัดเวรยามออกลาดตระเวนกันอย่างเข้มงวด
ขณะที่เดินเท้าผ่านบริเวณพื้นที่ป่าโป่งเกต (แปลงปลูกป่าทดแทน) เขตบ้านซับพู หมู่ 16 ต.อุดมทรัพย์ แนวรอยต่อ อ.ครบุรี-อ.วังน้ำเขียว ในช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พบรถกระบะของกลางที่ตรวจยึดได้ จอดอยู่บนเส้นทางแนวกันไฟกลางป่า จึงกระจายกำลังไว้โดยรอบ เพื่อรอดูความเคลื่อนไหว จนพบชายฉกรรจ์ 5 คน เดินมาที่รถยนต์ที่จอดไว้ ซึ่งทั้งหมดได้ช่วยกันหาบถุงปุ๋ย 2 ถุง โดยใช้วิธีหาบคานไม้ไผ่ และมีคนยืนถือปืนคุ้มกันไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอตรวจค้น แต่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเห็นท่าไม่ดีรีบทิ้งสิ่งของ พร้อมแยกย้ายวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการเดินป่า และรู้เส้นทางดี ไล่ตามจนสามารถจับกุมได้ 2 คน
ส่วนอีก 3 คน ฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ไปได้หวุดหวิด โดยชายฉกรรจ์ 2 คน ที่เจ้าหน้าที่จับได้กลางป่า ได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติที่ 11 (ไทยสามัคคี) และนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสำเนา กล่าวว่า ของกลางที่ยึดได้ในกระบะหลังรถเป็นซากไก่ป่า และเครื่องกระสุนปืน ส่วนถุงปุ๋ย ด้านในเป็นซากเลียงผา สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ที่ใกล้สูญพันธุ์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สีข้าง เบื้องต้นตรวจสอบเป็นเลียงผา เพศผู้ น้ำหนัก 48 กก. นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถของกลาง ตามเอกสารระบุชื่อผู้ครอบครองคือ จ.ส.อ.สมเกียรติ เขียนกระโทก อายุ 48 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 8 (ม.พัน กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี
จากการสอบสวนผู้ต้องทั้งสองยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับการลักลอบล่าสัตว์ป่าแต่อย่างใด แต่ได้มาเที่ยวตากอากาศกับเพื่อน แล้วถูกชักชวนมาในป่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น นายสุขะชัย ศุภศิริ หนึ่งในผู้ต้องหา เป็นอาจารย์โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แต่นายสุขะชัยยังไม่ยอมรับ โดยอ้างว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา ส่วนคนร้ายที่สามารถหลบหนีไปได้ เมื่อเทียบเคียงกับภาพถ่ายแล้ว ยืนยันว่าเป็น จ.ส.อ.สมเกียรติ เจ้าของรถที่ตรวจยึดได้กลางป่า ซึ่งจะประสานต้นสังกัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ป่าทับลาน-เขาใหญ่ เป็นหนึ่งในพื้นที่ของป่าในเขต 4 อุทยานแห่งชาติ และ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติตาพระยา อุทยานแห่งชาติปางสีดา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ โดยคณะกรรมการมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ในชื่อ "ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่"
ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ กินพื้นที่ใน 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และบุรีรัมย์ มีพื้นที่รวมทั้งสิ้นราว 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร ถือเป็นมรดกโลกแหล่งที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติอันดับที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง เป็นผืนป่ารอยต่อของที่ราบลุ่มภาคกลาง กับที่ราบสูงโคราช เป็นถิ่นอาศัยสำคัญของสัตว์ป่าหายากมากมาย เช่น ช้างป่า เสือโคร่ง กระทิง วัวแดง และนกเงือก
ส่วนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว พบซากกระทิงป่าถูกพรานยิงตายอีกราย โดยเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ได้เข้ากู้ซากกระทิงเพศผู้ น้ำหนักตัวประมาณ 500 กก. ที่ถูกกลุ่มพรานป่ายิงได้รับบาดเจ็บ แล้ววิ่งหนีมาซุกตัวอยู่ในปลักโคลนจนตาย ในบริเวณป่าห้วยปลามัน เขต ต.ช่างตะลูด อ.หล่มสัก ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง กับอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่มาพบตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ซึ่งระหว่างวางกำลังซุ่มดูกลุ่มนายพรานจะเข้าไปชำแหละซากกระทิง แต่กลุ่มนายพรานไหวตัวทัน ทิ้งซากกระทิงจนเน่า โดยเจ้าหน้าที่ได้นำซากส่วนที่เป็นเขากลับมาเก็บรักษายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และกระจายกำลังร่วม 100 นาย ติดตามจับกุมกลุ่มพรานป่าอาชีพที่ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวต่อไป
นายธรรมศักดิ์ พิทักษ์จารุพรรณ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง กล่าวว่า ได้สนธิกำลังระหว่างเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว และเจ้าหน้าที่ส่วนป้องกันทรัพยากรสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 11 ประมาณ 100 นาย เพื่อตรวจและลาดตระเวนไล่ล่าพรานป่ากลุ่มนี้แล้ว และได้นำความเข้าแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านกลาง อ.หล่มสัก เพื่อร่วมกันสืบหาตัวกลุ่มพรานป่ามาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
นายธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในการออกหาข่าวของเจ้าหน้าที่ป่าไม้พอทราบเบาะแส และแหล่งของพรานป่ากลุ่มนี้แล้ว จากการตรวจสอบทางลึกยังพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของป่าไม้ที่ทำหน้าที่เขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูผาแดง ที่ขึ้นตรงกับหน่วยป้องกันรักษาป่า มีส่วนรู้เห็นกับการล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวด้วย ซึ่งได้รายงานไปยังผู้บังคับบัญชาดำเนินการแล้ว นอกจากนี้การทำงานระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมป่าไม้ ก็ยังขาดความร่วมมือที่จะปกป้องรักษาป่าและทรัพยากรธรรมชาติ ดังนั้น ในรอบ 1 ปี จึงพบว่ามีสัตว์ป่าจำนวนมากถูกล่าเอาเนื้อมาขายส่งให้แก่ร้านอาหารป่าที่มีอยู่เป็นจำนวนมากใน เขต อ.หล่มสัก และ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์
นายกำธร เสวีวัลลภ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว กล่าวว่า จากการตรวจสอบซากกระทิงพบว่า มีร่องรอยถูกยิงที่หน้าขาด้านขวา และวิ่งเตลิดมาตายในปลักข้างลำห้วย กระทั่งถูกสัตว์ล่าเนื้อมาฉีกกินเป็นอาหาร ทำให้ตรวจสอบไม่ได้ว่าพรานป่าใช้อาวุธปืนชนิดไหน ส่วนการไล่ล่าพรานป่าคงลำบาก เพราะป่าน้ำหนาวมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก อย่างไรก็ตาม กระทิงป่าที่ถูกยิงตายนั้นเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองที่หายาก และเป็นครั้งแรกที่พบว่ามีกระทิงป่าถูกล่าในป่าบริเวณนี้
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว กล่าวด้วยว่า ผืนป่าโซนนี้ประกอบไปด้วยป่าน้ำหนาว เชื่อมต่อกับป่าภูเขียว และป่าตาดหมอก โดยเรียกว่ากลุ่มป่าภูเขียว-น้ำหนาว ซึ่งเป็นป่าผืนใหญ่ครอบคลุมเนื้อที่เป็นล้านไร่ มีสัตว์ป่าชุกชุม ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแผนแม่บทเพื่อดูแลป่าผืนนี้ ส่วนป่าน้ำหนาวมีเนื้อที่ราว 603,750 ไร่ มีหน่วยพิทักษ์อุทยานย่อย 12 หน่วย เฉลี่ยการดูแลราว 5 หมื่นไร่ต่อหน่วยพิทักษ์
ที่มา : น.ส.พ.คมชัดลึก ฉบับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552
อ้างอิง : http://www.komchadluek.net/2009/02/22/x_main_a001_338465.php?news_id=338465
เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 เวลาประมาณ 14.00 น.เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ทับลาน ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนจากต่างพื้นที่เข้ามาล่าสัตว์ ในพื้นที่อุทยานฯ ทับลาน บริเวณด้านบ้านซับพลู ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบพบรถปิคอัพโฟล์วิล 1 คัน ทะเบียน บล 48 นครราชสีมา จอดอยู่ในป่า ที่รถพบไก่ป่าอยู่ในถุงปุ๋ยจำนวนหนึ่ง ในขณะนั้นได้ยินเสียงคนคุยกันเดินออกมา จึงกระจายกำลังซุ่มดู พบชาย 5 คน แต่งชุดลายพรางเดินมาที่รถโพล์ฟิล พร้อมอาวุธปืนและถุงปุ๋ย เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จึงแสดงตัวเข้าจับกุม แต่ทั้ง 5 คนวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมได้ 2 คน คนแรกเป็นข้าราชการครู หน.ฝ่ายส่งเสริมฯ ที่โรงเรียนสวนกุหลาบ อีกคนหนึ่งชื่อเล่นว่า "ต่อ" ภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ส่วนอีกคนหนึ่งที่หลบหนีเจ้าหน้าที่ได้ติดตามทัน และบอกว่าตนเองเป็นทหาร มีอะไรก็พูดกันได้ พร้อมกับเปิดเสื้อให้ดูอาวุธปืนที่เอว เหมือนจะข่มขู่ จากนั้นได้วิ่งหนีเข้าป่าไป
จากการตรวจถุงปุ๋ย พบว่า เป็น "เลียงผา" น้ำหนักประมาณ 48 กก.อายุประมาณ 16 ปี พร้อมอาวุธปืนลูกกรดยาว 1 กระบอก ซึ่งอาจารย์จากโรงเรียนสวนกุหลาบเป็นครูถือ บอกว่าเป็นของทหารที่หลบหนีให้ถือไว้ จากการตรวจสอบที่รถโฟล์วิน พบบัตรผ่านเข้าค่ายสุรนารี สังกัด ม.พัน 8 ชื่อ จ.ส.อ.สมเกียรติฯ และพบบัตรนักกีฬายิงปืน พิษณุโลกเกมส์ ชื่อ จ.ส.อ.สมเกียรติฯ จากการดูภาพใบหน้ามีลักษณะคล้ายกับคนที่บอกว่าตนเป็นทหารพร้อมกับเปิดเสื้อให้ดูอาวุธปืน จึงน่าจะเป็นคนเดียวกัน จากนั้นพบสำเนาทะเบียนรถ มีชื่อเจ้าของรถคนเดียวกัน
อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และอุปกรณ์ที่ยึดได้ ประกอบด้วย
-อาวุธปืนลูกกรดยาว 1 กระบอก
-ลูกกระสุนปืน ขนาด 7.62 มม. ซึ่งเป็นลูกกระสุนปืนอาวุธสงคราม ใช้ในราชการทหารเท่านั้น จำนวน 6 นัด
-ลูกกระสุนปืน ขนาด .45 มม. จำนวน 8 นัด เป็นลูกหัวระเบิดทั้งหมด
-ลูกกระสุนปืนไรเฟิร์น ขนาด 308 จำนวน 10 นัด
-ลูกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 7 นัด (หัวระเบิด 4 นัดและธรรมดา 3 นัด)
-ลูกกระสุนปืนลูกซอง ลูกโดด ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 10 นัด
-มีดพกเดินป่า ด้ามเขากวาง จำนวน 1 เล่ม
-มีดแล้เนื้อ จำนวน 1 เล่ม
-เงินสด จำนวน 29,000 บาท
จึงได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบ สภ.ต.อุดมทรัพย์ เพื่อดำเนินคดีต่อไป
อนึ่ง ในขณะที่ทั้ง 5 คนวิ่งหนีพบว่ามีคนหนึ่งสะพายอาวุธปืนคาร์บินยาว แหล่งข่าวแจ้งว่า ในบริเวณหมู่บ้านแถบนั้นมีอาวุธปืนชนิดนี้เพียง 1 กระบอก เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งไม่น่าจะตรวจสอบได้ยากนัก
จากการสอบสวนทราบว่า นอกจากข้าราชการครูแล้ว (ภายหลังกลับคำ บอกว่าตนเองไม่ได้เป็นครู) คนที่ชื่อเล่นว่า "ต่อ"
ต่อมาเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2552 มีข่าวไม่ค่อยดี เพราะผู้ต้องหาไม่ยอมให้การและไม่ลงลายมือชื่อทั้งสิ้น ขอให้ทนายเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เหมือนจะพยายามช่วยเหลือ เนื่องจากบอกให้ผู้ต้องหา ให้การว่า รถโฟล์วิล ของ จ.ส.อ.สมเกียรติฯ นั้น ทั้งสองคนยืมมา ส่วนเจ้าของรถไม่ได้มาด้วย เพื่อจะได้ไม่ต้องยึดรถยนต์ไว้
และจากการสอบถามและตรวจสอบอาวุธ กลุ่มพรานนี้มีด้วยกัน 9 คน เป็นชาวบ้านนำทางและกลุ่มคนมีสี ข้าราชการและพ่อค้าจากในตัวเมืองโคราช ซึ่งมักจะเข้าไปล่าสัตว์อยู่เป็นประจำ และมักจะบอกกับผู้อื่นว่า ไปยิงหมูป่าที่เข้ามาในไร่
อนึ่ง เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง จึงได้ประสานงานกับผู้สื่อข่าวให้ช่วยนำเสนอข่าว ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (23 ก.พ.52) น่าจะมีข่าวปรากฎในหนังสือพิมพ์ส่วนกลางหลายฉบับ ในส่วนรายละเอียดจะได้นำมาเสนอให้ทราบต่อไป
รวบพรานไฮโซตั้งเต้นท์ล่าสัตว์ในเขตป่ามรดกโลกชื่อก้องเป็นอาจารย์โรงเรียนชื่อดัง
เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าล้อมจับกลุ่มพรานไฮโซ ตั้งเต็นท์พักแรมล่าสัตว์ป่าวันหยุด กลางป่าทับลาน-เขาใหญ่ ในเขตป่ามรดกโลก รวบได้ 2 ราย เป็นอาจารย์โรงเรียนดังใน กทม. อีก 3 แหวกวงล้อมหนีได้หวุดหวิด ตรวจสอบพบเป็นจ่าทหารม้าค่ายสุรนารี ยึดของกลางอื้อมีทั้งไก่ป่า เลียงผา สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์
เมื่อวันที่ 22 ก.พ.52 เวลา 09.00 น. นายสำเนา ขอร่วมกลาง อายุ 50 ปี หน.หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง ได้ควบคุมตัวนายสุขะชัย ศุภศิริ อายุ 48 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 29/233 ถ.พุทธมณฑล แขวงบางแคเหนือ เขตบางแค กทม. และนายศินพ บุตรเนียน อายุ 32 ปี ที่อยู่บ้านเลขที่ 27 ประชานุกูล 3 ซอย 1 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. 2 ผู้ต้องหาที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวนในเขตมรดกโลกทับลาน-เขาใหญ่ พร้อมของกลางที่เป็นซากสัตว์ป่า และอาวุธปืน เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง มาให้ พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนง.สอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ดำเนินคดีตามกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีของกลางเป็นยานพาหนะที่ใช้ในการกระทำผิด คือรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นดีโฟดี สีน้ำเงิน เลขทะเบียน บล 48 นครราชสีมา ให้ จนท.ลงบันทึกตรวจยึดไว้ เพื่อติดตามตัวผู้ครอบครองรถต่อไป
นายสำเนา ขอร่วมกลาง เปิดเผยว่า ชาวบ้านในเขต อบต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นสายข่าวอาสาสมัครพิทักษ์ป่า แจ้งว่าพบเห็นกลุ่มนายพรานนอกพื้นที่ได้ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน-เขาใหญ่ มรกดโลกแห่งที่ 5 โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยกลุ่มนายพรานจะถือโอกาสตั้งเต็นท์พักค้างคืนกันกลางป่า ตนพร้อมพวกที่เป็นลูกจ้างงานพิทักษ์ป่าฯ จึงต้องจัดเวรยามออกลาดตระเวนกันอย่างเข้มงวด
ขณะที่เดินเท้าผ่านบริเวณพื้นที่ป่าโปร่งเกต (แปลงปลูกป่าทดแทน) เขตบ้านซับพู หมู่ 16 ต.อุดมทรัพย์ แนวรอยต่อ อ.ครบุรี-อ.วังน้ำเขียว ในช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 21 ก.พ. พบรถกระบะของกลางที่ตรวจยึดได้จอดอยู่บนเส้นทางแนวกันไฟกลางป่า ตนจึงให้กระจายกำลังไว้โดยรอบ เพื่อรอดูความเคลื่อนไหว พบเห็นชายฉกรรจ์ 5 คนเดินมาที่รถยนต์ที่จอดไว้ ซึ่งทั้งหมดได้ช่วยกันหาบถุงปุ๋ยจำนวน 2 ถุง โดยใช้วิธีช่วยกันหาบคานไม้ไผ่ และมีคนยืนถือปืนคุ้มกันไว้ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวตรวจค้น แต่ชายฉกรรจ์ทั้งหมดเห็นท่าไม่ดีรีบทิ้งสิ่งของพร้อมแยกย้ายวิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งแต่ละคนได้รับการฝึกฝนจนมีความเชี่ยวชาญในการเดินป่าและรู้เส้นทางดี จึงสามารถจับกุมตัวได้ 2 คนที่ไม่รู้เส้นทางการหลบหนี หลงทางวิ่งวนเวียน วิ่งไปในเส้นทางแนวกันไฟป่า ส่วนอีก 3 คนแหวกวงล้อมเจ้าหน้าที่หนีไปได้หวุดหวิด จึงควบคุมตัวชายฉกรรจ์ 2 คนที่ จนท.จับได้กลางป่ามาสอบสวนที่หน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติที่ 11 (ไทยสามัคคี) และนำตัวส่งให้ พนักงานสอบสวน สภ.อุดมทรัพย์ ฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
นายสำเนา กล่าวว่า ของกลางที่ยึดได้ในกระบะหลังรถเป็นซากไก่ป่า และเครื่องกระสุนปืน ส่วนถุงปุ๋ยด้านในเป็นซากเลียงผา สัตว์ป่าสงวน 1 ใน 15 ที่ใกล้สูญพันธุ์ มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สีข้าง เบื้องต้นตรวจสอบเป็นเลียงผาเพศผู้ น้ำหนัก 48 กก. นอกจากนี้จากการตรวจสอบเลขทะเบียนรถของกลางตามเอกสารระบุชื่อผู้ครอบครองคือ จ.ส.อ.สมเกียรติ เขียนกระโทก อายุ 48 ปี ทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 8 (ม.พัน กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ยังให้การปฏิเสธ อ้างไม่มีส่วนรู้เห็นกับการลักลอบล่าสัตว์ป่าแต่อย่างใด แต่ได้มาเที่ยวตากอากาศกับเพื่อน แล้วถูกชักชวนมาในป่า ซึ่งการตรวจสอบเบื้องต้น นายสุขะชัย ศุภศิริ หนึ่งในผู้ต้องหา เป็นอาจารย์ผู้สอน ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย แต่นายสุขะชัยยังไม่ยอมรับ อ้างเป็นชาวบ้านธรรมดา ส่วนคนร้ายที่สามารถหลบหนีไปได้ เมื่อเทียบเคียงกับภาพถ่ายแล้วยืนยันว่าเป็น จ.ส.อ.สมเกียรติ เจ้าของรถที่ตรวจยึดได้กลางป่า ซึ่งจะประสานต้นสังกัดให้มารับทราบข้อกล่าวหาเร็วๆ นี้
แฉสุดฮิต"ทัวร์ล่าสัตว์"เปิดรีสอร์ทตั้งวงปาตี้พรานได้ประกัน
ญาติยื่นหลักทรัพย์ 1 แสนบาท ประกันตัวสองพรานเมืองกรุง ลักลอบล่าสัตว์ป่ามรดกโลก ยังปฏิเสธไม่ได้ร่วมล่า อ้างมีเพื่อนบอกให้ช่วยยกถุงปุ๋ยไม่รู้ข้างในเป็นซากสัตว์ ขณะที่ จนท.ระบุมีจ่าทหารร่วมขบวนการด้วย เห็นหน้าชัดขณะหลบหนี เผยทัวร์ปาร์ตี้ล่าสัตว์ป่ากำลังเป็นที่นิยม หลังออกล่าสัตว์แล้วเอาเนื้อไปตั้งวงปาร์ตี้ในรีสอร์ท
ความคืบหน้ากรณีนายสุขะชัย ศุภศิริ อายุ 48 ปี หัวหน้ากลุ่มงานสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศึกษา ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย และนายศินพ บุตรเนียน อายุ 32 ปี ผู้รับเหมาก่อสร้าง ถูกนายสำเนา ขอร่วมกลาง หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ 11 (ไทยสามัคคี) พร้อมกำลัง จับกุมข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าสงวน ได้ของกลางซากเลียงผา ไก่ป่า อาวุธปืนจำนวนหนึ่ง และรถปิกอัพ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นดีโฟร์ดี สีน้ำเงิน ทะเบียน บล 48 นครราชสีมา ในพื้นที่ป่าโป่งเกต (แปลงปลูกป่าทดแทน) เขตบ้านซับพู หมู่ 16 ต.อุดมทรัพย์ แนวรอยต่อ อ.ครบุรี-อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ญาติพี่น้องของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน เดินทางมายัง สภ.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว เพื่อยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินมูลค่า 1 แสนบาท ซึ่ง พ.ต.ท.พันธมิตร ชาติมนตรี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ได้อนุมัติตามขั้นตอน จากนั้นผู้ต้องหาทั้งสองเดินทางกลับทันที
พ.ต.ท.พันธมิตร กล่าวว่า ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิด เพียงแต่มาเที่ยวพักผ่อนช่วงวันหยุดแล้วถูกชักชวนให้เข้าไปในป่าช่วยยกถุงปุ๋ย ซึ่งด้านในจะมีสิ่งของอะไร ทั้งสองอ้างว่าไม่รู้ พบเห็นแต่เลือดที่บริเวณปากถุงและขณะช่วยกันยกถุงปุ๋ยมาที่รถยนต์ก็ถูกล้อมจับได้
ส่วนหลักฐานการครอบครองรถยนต์ของกลางที่ยึดได้ พบว่าเจ้าของคือ จ.ส.อ.สมเกียรติ เศียรกระโทก อายุ 48 ปี นายทหารสังกัดกองพันทหารม้าที่ 8 (ม.พัน. กองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี คำให้การของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ยืนยันว่าเป็นหนึ่งในสามของผู้ที่แหกวงล้อมหลบหนีไปได้ โดยจะเร่งประสานผู้บังคับบัญชาของ จ.ส.อ สมเกียรติ พร้อมดำเนินการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป
นายสำเนา หัวหน้าชุดจับกุม กล่าวยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหมด 5 นาย ที่เข้าไปจับกุม สามารถจดจำตำหนิ รูปพรรณสัณฐาน ใบหน้า จ.ส.อ.สมเกียรติ ผู้ต้องหาที่หลบหนีได้ และพร้อมที่จะชี้ตัวได้อย่างถูกต้อง ซึ่งที่ทราบว่าเป็น จ.ส.อ.สมเกียรติ เนื่องจากพบรูปถ่ายผู้ต้องหาอยู่ในบัตรประจำตัว วางอยู่ในรถยนต์ของกลาง และขณะที่วิ่งไล่จับก็เป็นช่วงเย็น ระยะห่างก็ไม่เกิน 5 เมตร จึงจดจำได้อย่างแม่นยำ ซึ่งสายข่าวที่เป็นอาสาสมัครชาวบ้านได้รายงานมาว่า พบแก๊งนายพรานนี้ลักลอบเข้ามาล่าสัตว์บ่อยครั้ง และยังมีการพยายามเปลี่ยนตัวผู้ต้องหา หรือแอบช่วยเหลือ ทำให้เวลาจับกุมจะต้องทำบันทึกการจับกุมอย่างละเอียดและรอบคอบที่สุด โดยบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวไว้ทุกครั้ง
นายธงชัย แสงประทุม เลขาธิการกลุ่มเรารักษ์ป่า ซึ่งเป็นองค์กรภาคีที่มีภารกิจในการอนุรักษ์ผืนป่าทับลาน-เขาใหญ่ กล่าวว่า หลังจากผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ แห่งที่ 5 ของประเทศไทย และเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติอันดับที่ 2 ของประเทศไทยต่อจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร-ห้วยขาแข้ง โดยคณะกรรมการมรดกโลกแห่งองค์การยูเนสโก เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 ทำให้ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ที่มีพื้นที่ใน 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระบุรี นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว และ บุรีรัมย์ รวมพื้นที่ทั้งสิ้น 3,874,863 ไร่ หรือ 6,155 ตารางกิโลเมตร เริ่มคืนสภาพความสมบูรณ์อีกครั้ง สัตว์ป่าหายากหลายชนิดมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยพบสัตว์ป่าในผืนป่ารอยต่อของที่ราบลุ่มภาคกลางกับที่ราบสูงโคราช เช่น เลียงผา 1 ใน 15 สัตว์ป่าสงวนที่ใกล้สูญพันธุ์ อยู่กันเป็นครอบครัวประมาณ 20 แห่ง เสือโคร่งหลายสิบตัว รวมทั้งช้างป่าหลายโขลง
นายธงชัย กล่าวว่า เมื่อผืนป่าสมบูรณ์ สัตว์ป่าเพิ่มจำนวนมากขึ้น แก๊งนายพรานนักล่าสัตว์ก็ถือโอกาสเข้ามาลักลอบล่าสัตว์อย่างต่อเนื่องเช่นกัน ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ แก๊งนายพรานจาก กทม. หรือชาวบ้านเรียกว่า พรานบรรดาศักดิ์ ก็จะชักชวนกันเข้ามาพักผ่อน กางเต็นท์กลางป่าลึก โดยมีชาวบ้านในพื้นที่เป็นคนนำทาง ผู้ที่ร่วมขบวนการก็จะเป็นข้าราชการ ร่วมกับพ่อค้า และคนมีฐานะในตัวเมือง โดยใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นยานพาหนะในการบุกตะลุยไปในป่า
แหล่งข่าวในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เปิดเผยว่า กรณีการล่าสัตว์ในพื้นที่ป่าทับลาน-เขาใหญ่ ในช่วงวันหยุด ส่วนมากเป็นพรานต่างถิ่นที่นัดกันมา และบางส่วนเป็นเจ้าของรีสอร์ทในพื้นที่ที่นัดเพื่อนมาพักผ่อน และเข้าป่าล่าสัตว์ โดยส่วนใหญ่จะจ้างพรานในพื้นที่เป็นคนนำทาง หรือเพื่อนฝูงในพื้นที่ที่ชำนาญในการเดินป่า และรู้แหล่งสัตว์ป่าที่นิยม ส่วนใหญ่นิยมให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เป็นคนนำทาง เพราะชำนาญพื้นที่และเมื่อมีปัญหาก็สามารถเคลียร์ได้
แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มทัวร์ปาร์ตี้ล่าสัตว์ป่ามักมีในช่วงวันเสาร์ ตั้งกลุ่มดื่มกินและออกล่าสัตว์ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่คนกลุ่มนี้จะไม่เสี่ยงในการนอนในป่า และเมื่อได้สัตว์ป่าตามต้องการ ก็จะนำไปกินกันในรีสอร์ทของตัวเองเป็นปาร์ตี้เล็กๆ หากเนื้อเหลือก็จะแบ่งกันกลับบ้าน ซึ่งเป็นวิธีการที่นิยมอย่างมาก
ด้านเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอุทยานแห่งชาติรายหนึ่ง กล่าวในกรณีที่มีพรานกลุ่มหนึ่งนำอาวุธเข้าไปไล่ล่าสัตว์ป่าในอุทยานแห่งชาติทั่วไปนั้น ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มของข้าราชการคนมีสีในพื้นที่ที่ชอบล่าสัตว์ เมื่อเข้ามาพักในอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็จะลักลอบนำอาวุปืนยาวเก็บเสียง เช่น ปืน .22 ติดกล้อง โดยอ้างว่าเข้ามาเพื่อท่องเที่ยว เมื่อบอกว่าสัตว์ป่าในพื้นที่เป็นสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติ เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง กลุ่มคนมีสีที่เข้ามาพักในอุทยานแห่งชาติและมีตำแหน่งใหญ่โตก็มักจะไม่พอใจ
แหล่งข่าวกล่าวว่า กลุ่มพรานในพื้นที่เหล่านี้ เช่น กลุ่มของข้าราชการบางกระทรวง กลุ่มนี้อันตรายมากเพราะบางคนเป็นครูสอนหนังสือในเขตป่ารอบนอกพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว วันหยุดจะพากันออกล่าสัตว์เพื่อทดสอบอานุภาพของอาวุธปืนที่ซื้อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่เคยจับกุมได้แต่หลุดคดีเพราะมีนักการเมืองท้องถิ่นวิ่งเต้นคดี ทำให้เจ้าหน้าที่มีความหนักใจในเรื่องนี้มาก
แหล่งข่าวยังรายงานว่า ขณะนี้มีการลักลอบล่าสัตว์ในอุทยานแห่งชาติ เช่น น้ำตกตาดหมอก เขาค้อ ทุ่งแสลงหลวง และอุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มของข้าราชการกระทรวงต่างๆ เช่น ศึกษา มหาดไทย และกรมการปกครอง ซึ่งมีรายงานด้วยว่า มีปลัด อบต.นายหนึ่งนำพรรคพวกเข้าไปส่องและล่าสัตว์ในเขตป่าหนองแม่นาที่ติดต่อกับอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง โดยยิงกวางแล้วนำเนื้อมาปรุงเป็นอาหาร ส่วนหัวนำไปสตัฟฟ์โชว์ที่บ้านของตนเองที่อยู่ต่างอำเภอ
คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า นายสุขะชัย ซึ่งเป็นผู้ต้องหา จะต้องเขียนรายงานชี้แจงให้ผู้อำนวยการโรงเรียนทราบ จากนั้นเสนอให้ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (ผอ.สพท.กทม.) เขต 1 พิจารณาตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และรายงานให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับทราบ หากพบว่ากระทำผิดจริงก็จะต้องรับโทษตามกฎหมาย
แหล่งข่าวจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร (สพท.กทม.) เขต 1 ซึ่งดูแลรับผิดชอบโรงเรียนรัฐและเอกชนในเขตพระนคร กทม. กล่าวว่า หากผลสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลความผิด ครูคนดังกล่าวจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย ซึ่งโทษทางวินัยแบ่งได้ 2 แบบ คือ โทษทางวินัยไม่ร้ายแรงมีโทษตั้งแต่ลดขั้นเงินเดือน ตัดเงินเดือน ภาคทัณฑ์ แต่ถ้ามีโทษทางวินัยร้ายแรงจะถูกปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ หากครูคนนี้ถูกลงโทษทางวินัยไม่ร้ายแรงและต่อมาศาลมีคำตัดสินให้มีโทษอาญาต้องจำคุก ก็จะส่งผลให้ต้องมีโทษทางวินัยร้ายแรง ทำให้ต้องถูกปลดออก หรือไล่ออกจากราชการ ซึ่งการลงโทษนั้นจะดูตามความเหมาะสม
ที่มา : น.ส.พ.คมชัดลึก ฉบับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552
อ้างอิง : http://www.komchadluek.net/2009/02/23/x_edu_e001_338653.php?news_id=338653
ที่มา : น.ส.พ.คมชัดลึก วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552
อ้างอิง : http://www.komchadluek.net/2009/02/24/x_main_a001_338748.php?news_id=338748
พระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔
ณ วันที่ ๒ กันยายน ๒๕๐๕
หมวด ๓
การคุ้มครองดูแลและรักษาอุทยานแห่งชาติ
มาตรา ๑๖ ภายในเขตอุทยานแห่งชาติห้าม มิให้บุคคลใด
( ๓ ) นำสัตว์ออกไป หรือ ทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์
( ๙ ) นำยานพาหนะเข้าออก หรือ ขับขี่ ยานพาหนะไปในทางทีมิได้จัดไว้เพื่อ การ นั้น
เว้นเสียแต่จะได้รับ อนุญาต จากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่
(๑๓ ) เข้าไปดำเนินการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่
(๑๕ ) นำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรือจับสัตว์ หรืออาวุธใดๆเข้าไปในพื้นที่ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และได้ปฎิบัติ ตามเงื่อนไขซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่
ผู้อนุญาติกำหนดไว้
หมวด ๕
การกำหนดโทษ
มาตรา ๒๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ ว. ๑,๒,๓,๔,๕, ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกิดสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๒๗ว.๘,๑๒,๑๓,๑๔,๑๕,๑๖,๑๗,๑๘,๑๙ ต้องโทษปรับไม่เกิน ห้าร้อยบาท
มาตรา ๒๗ บรรดา อาวุธ เครื่องมือที่ได้ใช้ และ ยานพาหนะใดๆก็ตาม ซึ่งบุคคลนั้นได้ใช้ในการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๖ ว. ๓ ฐานทำให้เป็นอันตรายต่อสัตว์ ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่
พระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕
ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒ ๕๓๕
หมวด ๓
มาตรา ๑๙ ห้ามมิให้ผู้หนึ่งผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ซึ่อ สัตว์ ป่าสงวน สัตว์ป่าคุ้มครอง ซากของสัตว์ป่าสงวน หรือ ซากสัตว์ป่าคุ้มครอง
หมวด ๕
การกำหนดโทษ
มาตรา ๒๕ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา๑๙ ,ต้องโทษปรับไม่เกิน ห้าหมื่นป่า จำคุก ห้าปี ของกลางที่ทำให้เป็นอันตรายต่อสัตว์ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ให้ริบเสียทั้งสิ้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่
อันนี้ นำมาให้ อ่านกันเป็น ความรู้ ตาม พ.ร.บ อุทยานแห่งชาติ ดูว่าเมือผู้ถูกจับกุม ทำผิดตาม ตาม พ.ร.บ อุทยานแห่งชาติ ฯ จะมีความผิดขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าใหญ่ นายโต ทนาย ข้าราชการ ก็จะต้องรับผิด ทุกข้อของกฎหมาย และหาก ว่า การกระทำนั้น จะ มี การช่วย กันด้วยวิธี การใดๆ จากเจ้าหน้าที่ รัฐ ก็แย่ ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที ทีเค้าเข้าไป หาข่าว จับกุม ทีชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.บ อุทยานแห่งชาติ ด้วย
อย่าดีแต่พูดสัญญาหรือกล่าวคำปฏิญาณต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ที่ จะช่วยกัน รักษาสิ่งแวดล้อมและสัตว์ป่า สุดท้าย ก็มาเป็นผู้กระทำ เสียเอง
ลิงค์ข่าวเรื่องเดียวกันจากสื่อต่างๆ ดังนี้
-sanook.com
http://news.sanook.com/read/2009/รวบพรานไฮโซล่าสัตว์วันหยุดในป่ามรดกโลก/273231/
-oknation.net/blog/gasung
http://www.oknation.net/blog/gasung/2009/02/22/entry-1
-www.sodazaa.cc
http://news.sodazaa.cc/1302.html
-สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
http://www.onep.go.th/index.php?option=com_content&task=view&id=413
-น.ส.พ.บ้านเมือง
http://www.banmuang.co.th/hotnews.asp?id=165685
-น.ส.พ.ข่าวสด
http://www.matichon.co.th/khaosod/view_news.php?newsid=
TUROd01ERXdOVEl6TURJMU1nPT0=
-www.ryt9.com
http://www.ryt9.com/s/psum/526826/
-www.mcot.net
http://news.mcot.net/environment/inside.php?value=bmlkPTgwNzcyJm50eXBlPXRleHQ=
-www.teenee.com
http://tnews.teenee.com/crime/32617.html
-www.ryt9.com
http://www.ryt9.com/tag/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B2
-www.mthai.com
http://news.mthai.com/general-news/10280.html
หมายเหตุ จะนำลิงค์เพิ่มขึ้นเมื่อพบข่าวเพิ่ม..
|