คำตอบที่ 16
เอาล่ะ หลังจากที่ได้ฟังมาหลายท่านแล้วก็รู้สึกดีบ้าง แย่บ้างปะปนกันไป เอาเป็นว่าเรื่องที่ลงในเว็บนั้นเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น สุดแล้วแต่ว่าใครจะเชื่อก็แล้วกันครับ ของดีๆ ราคาถูกๆ หายากครับ แต่ก็พอหาได้ขึ้นอยู่กับโอกาสจะมาถึง รถชุดนี้เป็นชุดแรกที่นำเข้าและจดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฏหมาย และก็คงเป็นล็อตสุดท้ายครับ เพราะเหนื่อยที่จะตอบคำถามเรื่องที่มาที่ไป และความรู้ทางกฏหมายของแต่ละคนแตกต่างกัน เอาเป็นว่ามีหลายท่านที่ออกความเห็นมาก็รู้จริงบ้าง ไม่รู้จริงบ้าง ก็ว่ากันไป ส่วนตัวผมแล้วครั้งแรกๆผมก็ไม่เช่อหรอกว่ามันทำได้จริง แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนี่แหละ ทำให้วันนี้ผมนี่แหละที่เป็นคนขายรถเหล่านี้ และเป็นคนที่บวกราคาจากทุนเป็นแสน แต่ท่านครับ งานยากๆที่จะต้องรับผิดชอบมากมายขนาดนี้เอากำไรสองหมื่นอย่างไอ้หมอนั่น มันก็โคตรโง่เลยล่ะครับ กว่าจะเอารถพวกนี้ออกมาขายได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย แล้วจะเอากำไรแค่สองหมื่นมาทำส้มตำอะไรครับท่าน ลงทุนไปมากมายแล้วจะให้ขายขาดทุนก็บ้าแล้วครับ ผมจะเรียนเพื่อนๆทุกท่านนะครับว่า ราคาที่ถูกบวกไปนั้นให้ท่านดูราคากลาง และราคาเต้นให้ดีๆนะครับ ผมรับรองได้เลยว่าเต็นท์มันขายให้ท่านแพงกว่าของผมแน่นอนครับ แล้วท่านเคยถามมันรึเปล่าว่ามันบวกกำไรไปเท่าไหร่เวลาท่านไปซื้อรถมัน แล้วท่านรู้ได้ไงครับว่ารถพวกนั้นเป็นรถเกรดเอ ที่มีคุณภาพดี ท่านรู้ได้ไงล่ะว่ามันไม่ย้อมแมวมาเช่นกัน มันก็ซื้อรถเก่าราคาถูกๆ มาย้อมแมวมาขายแพงๆเหมือนกันแหละครับ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่าที่เต็นท์ และอีกจิปาถะที่จะต้องจ่าย เอากำไร 2 หมื่น พอจ่ายเหรอครับท่าน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละครับที่ทำอย่างนั้น ในเมื่อไม่ว่าจะเป็นผมขายเอง หรือเต็นท์ขาย มันจะต่างอะไรกันครับ ขั้นตอนต่างๆก่อนขายก็เหมือนๆกัน นอกจากเรื่องราคาที่ผมขายมันถูกกว่า อย่างมีเหตุและผล ก็เท่านั้นเองไหนๆก็จะซื้อรถมือสองอยู่แล้ว ก็ทำใจเถอะครับ แล้วเลือกในสิ่งที่มีส่วนดีที่สุดแล้วกัน ข้อดีของสินค้าของผมนะจะบอกให้ครับ 1.ผมพูดแต่เรื่องจริง รู้ก็บอกรู้ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ครับ 2.จริงใจนะ เพราะผมเอาใจคนซื้อมาใส่ใจผม ท่านรู้ส฿กอย่างไรใจผมก็รู้สึกอย่างนั้น 3.ถ้าของไม่ดีพี่ก็ไม่ต้องซื้อไปหรอก ผมไม่บังคับ 4.ขั้นตอนการมัดจำต่างๆนั้น หากท่านไม่สบายใจ เช็คความถูกต้องไม่ได้ก็อย่าจ่ายซิครับ 5.ที่ผมขายแพงกว่าทีมอื่นๆนั้นก็เพราะผมรับรองทุกคนว่า ลูกค้าผมจะได้รถจริงๆทุกคันที่ตกลงซื้อ 6.ท่านที่อยากจะซื้อราคาถูกกว่านี้กับทีมขายอื่นๆ ท่านแน่ใจได้ไงว่า ท่านจะได้รถจริง ท่านมั่นใจได้ไงว่ามัดจำเงินแล้วจะได้คืน 7.ท่านถามคนขายรึยังว่าจะด้รถเมื่อไหร่หลังจากมัดจำเงินแล้ว คิดดูดีๆนะครับ คิดอย่างมีหลักมีฐาน อย่างมีเหตุมีผม ถ้าหากมีคนขายราคาถูกเอากำไรแค่ 2 หมื่น เทียบกับผมที่เอากำไรเป็นแสน เพราะผมมีทีมงานที่จะต้องเลี้ยงดู แต่เอา 2 หมื่น บอกได้เลยว่าตัวคนเดียว แล้วท่านรู้ได้ไงว่าจะไม่หายตัวไปคนเดียว จะยกตัวอย่างให้ดูนะครับ ถ้าหากว่า ราคาทุน 350,000 เท่ากับทุกทีมขาย ทีม A ขายราคา 370,000 บาท ได้กำไร 20,000 บาท ใช่รึเปล่า เจ้าของบริษัทตกลงขายและให้ราคากลางเป็นมาตรฐานเท่าๆกันทุกทีม แต่ทีมของผม คือ ทีม B ขายรถคันเดียวกันราคา 450,000 บาท เอากำไร 100,000 บาท แพงมั๊ยครับท่าน เจ้าของบริษัทไม่สนใจหรอกว่าใครจะไปบวกเท่าไหร่ ขอให้ข้าได้ราคาไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท ก็พอใจแล๊ว..ทีม A ขายรถราคา 370,000 บาท แล้วจ่ายเจ้าของบริษัท 350,000 บาท ถูกต้องตามที่ตกลงกันไว้ ได้กำไร 20,000 บาท ง่ายๆหวานๆ แต่ปรากฏว่าฝันพังทลาย เพราะทีม B ของผม ขายรถคันเดียวกัน ราคา 450,000 บาท กะจะฟันกำไรสัก 1 แสนแซ็บๆ ปรากฏว่า อ้าว..ตายล่ะ ลูกค้าต้องการรถคันเดียวกันจะทำไงดีล่ะ มาพร้อมกัน ไม่มีการจองอย่างเป็นทางการจากบริษัทซะด้วยซิ เงินมัดจำก็เอามาแล้ว สัญญาก็ทำกันแล้ว ถ้าไม่มีรถให้ลูกค้า กูตายแน่ ทีม A และ B ต่างก็คิดในใจ(ดังๆ) ทำไงดีว่ะ...เจ้าของบริษัทบอกว่า ข้าไม่สน ไม่รู้ ไม่ชี้ ไม่ได้บอกให้พวกเจ้าไปรับเงินมัดจำซะหน่อย ก็บอกแล้วไงว่าเอกสารจากกระทรวงฯ ไม่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี แล้วเสนอหน้าไปรับเงินลูกค้ามาทำไมว่ะ เสนอหน้าพาลูกค้ามาดูรถแล้วเลือกทำไมว่ะ ไม่สนวันนี้ใครจ่ายก่อนข้าขายให้คนนั้น ทีม A ได้ยินอย่างนั้นก็รีบวิ่งหูตั้งเข้าไปจ่ายเงิน 350,000 บาท ให้กับเจ้าของบริษัททันที ในขณะเวลาเดียวกันนั้น ทีม B อย่างผม ก็ยังนั่งนิ่งๆ อมยิ้มอย่างพอใจ ไม่รีบร้อนอะไร ลูกค้าทั้งสองฝ่ายก็ใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้รถรึเปล่าว้า...เราอุตส่าห์วางมัดจำไว้แล้วตั้งนาน วันนี้จะได้รถรึเปล่าว่ะเนี้ย.. ลูกค้าทีม A กำลังลุ้นอย่างใจจดจ่อ ดีใจที่เห็นคนขายรีบวิ่งเอาเงิน 350,000 บาท ไปจ่ายที่โต๊ะเจ้าของบริษัท มั่นใจว่าข้าได้แน่ๆคราวนี้ รถถูกๆ ดีๆ แบบนี้หากยาก สุดยอดจริงๆ คุณทนาย....ไม่เสียแรงที่ผมไว้ใจซื้อขายกับคุณ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ในขณะเวลาเดียวกันนั้น ลูกค้าของทีม B เหงื่อแตกซิกๆๆ เมื่อหันหน้ามาเห็นผมได้แต่นั่งนิ่งๆ ไม่ทำอะไรเลย เอาแต่อมยิ้มอยู่ได้ ไอ้บ้าเอ๊ย..กูอุตส่าห์เชื่อใจ ไว้ใจวางมัดจำ 3 ขั้นตอน อย่างที่มึงกำหนด ฟังพูดก็ดูดีน่าเชื่อถือ เป็นหลัก เป็นการดี ที่แท้ก็ดีแต่ปาก ไม่มีปัญญาทำอะไรเลย ไอ้....กูไม่น่าเสียเวลากับมึงเลย เอาเงินกูคืนมา กูไม่เชื่อมึแล้วโว้ยๆๆๆ ทันใดนั้น..เสียงอันนุ่มลึก แฝงไปด้วยความจริงใจ และเชื่อมั่นก็ดังขึ้นออกจากปากของหัวหน้าทีม B (ผมเอง) ว่า...พี่ครับ (เรียกเจ้าของบริษัท) ผมขอซื้อรถคันนี้จากพี่ในราคา 380,000 บาท ซึ่งเพิ่มราคาจากเดิมให้พี่อีก 30,000 บาท ครับ ผมยอมขาดกำไร อีกแค่ 30,000 บาท จากปกติจะได้กำไร 100,000 บาท ก็ลดลงเหลือ 70,000 บาท เพื่อจะให้ลูกค้าของผมได้รถคันนี้ไป ตามที่ผมได้รับปากลูกค้าไว้ ผมยอมครับ ราคาที่ผมเสนอให้นั้น แค่ทุนที่ขอซื้อนั้นราคาก็มีจำนวนที่มากกว่า ทุนและกำไรทั้งหมดของทีม A เสียอีก แสดงว่าแทนที่พี่จะได้ขายรถราคา 350,000 บาท กลับเป็นว่าพี่ได้ขายรถคันนี้ในราคาตั้ง 380,000 บาท ซึ่งได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกตั้ง 30,000 บาท ต่อคันเลยนะครับ และขอซื้อคันที่ลูกค้าจองชนกัน ด้วยนะครับพี่...... คำถาม ???? 1.หากท่านเป็นเจ้าบริษัทท่านจะตัดสินใจขายรถคันนั้นให้กับทีมขายทีมใด ทั้งที่ท่านไม่ได้รับมัดจำเงินและไม่ได้ทำสัญญากับทีมขายใดเลย ...??? 2.หากท่านเป็นลูกค้าของทีม A ท่านคิดว่าวันนั้นท่านจะได้รถกลับบ้านอย่างที่ได้ตั้งใจไว้หรือไม่...??? 3.แล้วเงินมัดจำ 30 % ที่ท่านได้วางไว้พร้อมสัญญาล่ะ ท่านจะทำยังไงล่ะ ในเมื่อเจ้าของทีม A เป็นทนายความผู้รู้กฏหมาย ท่านจะทำยังไงดีถ้าคิดจะฟ้องร้องเอาเงินคืนพร้อมค่าปรับตามสัญญา 4.หากผู้ขายได้เอาเงินที่ท่านมัดจำไว้ล่วงหน้าแล้วนั้น ไปใช้จ่ายโดยการส่วนตัว ท่านคิดว่าท่านจะได้เงินนั้นคืนหรือไม่ ทั้งที่ผู้ขายเป็นถึง ทนายความ...??? 5.มาถึงตอนนี้แล้ว ท่านจะตัดสินใจซื้อขายรถคันนี้กับใครดี มีให้เลือก 3 ข้อ 1.ซื้อกับทีม A 2.ซื้อจากทีม B 3.ไม่ซื้อกับใครเลย สบายใจดี //// หากท่านตอบคำถามทั้งหมดนี้ไม่ได้ กรุณาปรึกษาหัวหน้าทีม B ได้ตลอดเวลา ที่หมายเลข 089-7111184 คุณครรชิต