WeekendHobby.com


จะซื้อ KIA Sportage จากเต้นท์ จะเช็คอะไรบ้าง

จาก Raccoon
จันทร์ที่ , 10/11/2551
เวลา : 20:32

อ่าน = 1637
58.137.70.179
       อยากได้ KIA Sportage สภาพดีๆ สักคัน แต่ดูรถไม่ค่อยเป็น อยากได้คำแนะนำในการตรวจเช็ครถเต้นท์ เบื้องต้นต้องทำอย่างไรบ้างครับ

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       ผมว่าใช้ได้ทั้งรถเก่า และรถใหม่แหละ

1.ตัวถัง
______ 1.1 ดูขอบ, สันข้างรถว่าแนวยังตรงดีอยู่หรือไม่ โดยเฉพาะระหว่างประตู และตัวถัง
______ 1.2 เปิด/ปิดประตูครบทุกบาน และกระโปรงหน้า-หลัง ได้ดี /ล็อคเด็กประตูหลัง
______ 1.3 มีสนิมบริเวณขอบประตูแต่ละบานหรือไม่ แค่ไหน
______ 1.4 เห็นรอยสีใหม่พ่นทับสีเก่าในบริเวณขอบประตูหรือไม่ (ถ้ามีขอบยางกันกระแทกลองแง้มดู)
2. กระจก
______ 2.1 กระจกทุกบานขึ้นลงได้สุดหรือไม่ (ถ้าเป็นกระจกไฟฟ้าควรดูเป็นพิเศษ)
______ 2.2 กระจกมีรอยร้าวกระเทาะหรือไม่อาจจะนําไปสู่การแตกง่ายในอนาคต
______ 2.3 ลวดละลายฝ้ากระจกหลังยังใช้ได้อยู่หรือไม่
______ 2.4 ยางปัดนํ้าฝนต้องเปลี่ยนหรือไม่
______ 2.5 ที่ปัดนํ้าฝนยังใช้งานได้ดี
______ 2.6 ที่ฉีดนํ้าล้างกระจกยังใช้งานได้ดี
______ 2.7 กระจกมองข้างปรับได้ตามปกติ / พับยังไง ให้แสดงให้ดู
3. ยางและล้อ
______ 3.1 เนื้อยางยังนิ่มอยู่พอสมควร / ปียางที่ผลิต / รอยวิ่งของยาง
______ 3.2 ล้อมีรอยบิ่นหรือไม่ / Max เก่า ใหม่
______ 3.3 แม่แรง / ล้ออะไหล่ / ประแจ / เครื่องมือประจำรถครบหรือไม่
4. กลไกขับเคลื่อน
______ 4.1 เครื่องยนต์เดินเรียบ
______ 4.2 ความร้อนไม่ขึ้นสูง
______ 4.3 เข้าเกียร์ได้ครบ
______ 4.4 เกียร์ไม่หลวม, ไม่มีเสียงดังเวลาเข้าเกียร์ใดเกียร์หนึ่ง
______ 4.5 พวงมาลัยไม่มีเสียงดังเวลาเลี้ยว
______ 4.6 เวลาปล่อยมือแล้วรถไม่เอียง
______ 4.7 คลัชไม่แข็งหรือระยะตื้นจนเกินไป
______ 4.8 ที่เปิดฝาเติมน้ำมันเปิดตรงใหน-สาธิตให้ดูด้วย
5. ห้องเครื่อง
______ 5.1 น้ำมันเบรค/ น้ำมันเครื่อง/ น้ำมันเกียร์/ น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ / สายพานต่างๆ น้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำฉีด
กระจก/ ถามให้รู้ว่าอยู่ตรงไหน
______ 5.2 สายพานต่างๆ น้ำหม้อน้ำ ระดับน้ำฉีดกระจก/ ลอง Start เครื่องฟังเสียงดู เร่งเครื่อง
______ 5.3 หมายเลขเครื่อง / หมายเลขตัวถัง / ให้เขาชี้ให้ดู
---------______ 5.4 แผ่นกันความร้อนมีให้หรือไม่-ราคาเท่าไร-แถมได้มั๊ย
6. ระบบปรับอากาศ
______ 6.1 แอร์เย็น / ปรับอุณหภูมิได้
7. ภายใน
______ 7.1 ลายไม้และหน้าปัดเป็นรอยขูดขีดหรือไม่ / หน้าปัดหลักๆยังใช้งานได้ครบหรือไม่ เช่น เข็มความเร็ว เข็มนํ้า
มัน เข็มไมล์ ไฟเบรคมือ เข็มความร้อน
______ 7.2 เบาะปรับได้ท่าทีถนัด / เข็มขัดนิรภัย ลองปรับ+กระตุก
______ 7.3 กระจกมองหลังและข้างปรับได้ทัศน์วิสัยที่ดี/ กระจกข้างปรับได้ ลองพับ /กุญแจรีโมท Central Lock
______ 7.4 ยางปูพื้นติดรถมาแบบไหน
______ 7.5 วิทยุติดรถ/ ทดสอบแอร์ ลองแรงลมทุกระดับ ที่วัดอุณภูมิภายใน-นอก /กดแตร / ที่ปัดน้ำฝน INT / Senser
ฝน / ไฟเบรคดวงที่ 3/ ไล่ฝ้าหลัง ข้าง ลองกดแล้วจับดูว่าร้อนไหม…../หมุนพวงมาลัยดูจนสุด 2 ด้านมีเสียง
ดังปรับ ไกล-ใกล้ สูง-ต่ำ/ วิทยุ CD ลองฟังแยกทุกจุดว่า OK/ กระจกไฟฟ้า 4 บาน กระจกข้างปรับได้ ลอง
พับ / ป้องกันหนีบ/ สัญญานเตือนไฟเปิด ประตู/เปิด คาดเข็มขัด เบรกมือ นาฬิกา/ กุญแจรีโมท Central
Lock/ ไฟแสดงตำแหน่งเกียร์ / ที่เปิดกระโปรง หน้า หลัง ฝาน้ำมันอยู่ตรงใหน / ช่องเก็บของต่างๆเปิด-ปิด
ได้ดีหรือไม่
8. ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง
______ 8.1 ไฟสูง ไฟหน้า และไฟหรี่ เปิดติด ปิดดับ สว่างชัดเจน
______ 8.2 ไฟเลี้ยวใช้ได้ทั้ง 2 ข้าง
______ 8.3 ไฟเบรคใช้งานได้
______ 8.4 ไฟถอยหลังใช้งานได้
9. เอกสารต่างๆ
______ 9.1 สมุดทะเบียน/ ใบโอนรถ / เอกสารประกันภัย / พรบ. /ใบเสร็จรับเงินค่าdown/ ใบเสร็จค่ามัดจำป้ายแดง
/ สมุดคู่มือป้ายแดง/ ป้ายแดงมีตรา ขส / เอกสารการรับ /ประกันอุปกรณ์รถ และเช็คระยะฟรี
/ คู่มือรถ

-สังเกตจอดที่ราบรถจะต้องไม่เอียง
-ดูความเรียบเนียนของสีรถสีจะต้องไม่เหลื่อมหรืออ่อนเข้มไม่เท่ากัน
-หลังคารถจะต้องเป็นสีเดิม ๆ และบาง ๆ ต้องไม่มีการเก็บสีที่หลังคา
-ระยะห่างตามขอบประตู ฝากระโปรงหน้าหลัง จะต้องพอดีเท่ากับทุกด้าน
-สังเกตุไฟหน้าและหลังในความเก่าหรือใหม่ ขึ้นอยุ่กับปีรถ
-ก้มดูใต้ท้องรถว่ามีสนิมหรือผุตรงใหน
-เปิดฝากระโปรงดูห้องเครื่องสีจะต้องตรงกับสีตัวรถ
-ภายในห้องโดยสารดูตามสภาพว่าโทรมหรือเปล่า

Credit : คนอื่น(จำไม่ได้)



Ganza จาก Ganza  58.9.7.160  จันทร์, 10/11/2551 เวลา : 22:12   


คำตอบที่ 2
       ซื้อรถมือสองมาแล้ว…ทำอย่างไรต่อไป

เมื่อคุณเก็บหอมรอมริดได้เงินครบจะไปดาวน์รึซื้อสดรถคันโปรดมาแล้ว บางทีอาจเป็นรถคันแรกของบ้านคุณ แล้วเราจะทำอย่างไรต่อไป บทความนี้จะบอกให้ทราบว่ามือใหม่(แต่)รถไม่ใหม่นั้น ควรจะทำอย่างไรบ้างเมื่อคุณขับคันนี้กลับมาที่บ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

1. ทำความรู้จัก

อย่าตกใจว่าทำความรู้จักกับใคร ไม่ใช่ช่างซ่อมหรือคนขายคนสวยแน่นอน แต่ที่ต้องรู้จักก็คือรถของคุณนั่นเอง สิ่งที่คุณต้องรู้จักดังต่อไปนี้

- รุ่นของรถ/ปี บ่อยครั้งที่เราไปซื้ออะไหล่รถเองแล้วถ้าเราไม่รู้ชื่อรุ่นที่แม่นยำเกิดปัญหาแน่นอนอย่างเช่น เพราะรถชื่อรุ่นเดียวกันแต่อาจใช้เครื่องยนต์ต่างกันก็มีไม่น้อย เรื่องอย่างนี้ถือเป็นเรื่องหญ้าปากคอกที่ทำให้เจ้าของรถที่เรียกตัวเองว่าเซียนเหงื่อแตกมาหลายคนแล้ว เวลาไปซื้ออะไหล่รถที่ตัวเองขับอยู่ทุกวัน

- เครื่องยนต์ คุณควรรู้ขนาดซีซีของเครื่องยนต์และจำนวนวาวล์ ชื่อบล็อกของเครื่องยนต์ของรถคุณ เช่นใช้มิตซู-แลนเซอร์ บล็อก 4G63 ตัวเลขเพียงไม่กี่ตัวกลับบอกความแตกต่างของรุ่นได้มากมาย ถ้าไม่รู้เปิดฝากระโปรงรถดูส่วนใหญ่จะมีเขียนรายละเอียดเอาไว้ บางคนเถียงว่าดุจากคู่มือรถก็รู้ แต่ก็ทราบกันดีว่าคู่มือการใช้รถนั้นน้อยนักที่จะตกมาถึงมือของเจ้าของรถมือสองมือสามอย่างเราๆ

- จุดวัดระดับน้ำมัน-น้ำยาต่างๆ คุณต้องรู้ว่าอันไหนเป็นจุดวัดระดับน้ำมันเครื่อง น้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์ น้ำมันเบรก น้ำยาแอร์ หม้อน้ำรถ หม้อพักน้ำ น้ำฉีดกระจก น้ำกลั่นแบตเตอรี่ ฯลฯ อย่างน้อยเราต้องรู้ว่าจะวัดระดับตรงไหนอย่างไร มีรุ่นน้องที่ทำงานชอบถกเถียงเรื่องรถกับผมบ่อยๆ เมื่อสัปดาห์ก่อนได้ซื้อรถมือสองมาใหม่คุยเรื่องระบบต่างๆของรถราวกับท่องมาซะยืดยาว แต่เปิดฝากระโปรงรถให้ผมดู ก่อนจะถามว่าที่ดูระดับน้ำมันเครื่องมันอันไหนกันแน่อันนี้อาการหนักจริงๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องรู้คือ

- ดูระดับน้ำมันเครื่องตรงไหน Max – Min

- เติมน้ำหม้อน้ำตรงไหน ควรเติมในหม้อพักและไม่ให้มากไปนักที่สำคัญควรเปิดน้ำที่หม้อน้ำดูด้วยว่าเต็มรึเปล่าที่สำคัญต้องไม่ทำตอนเครื่องร้อนอันตราย

- ดูระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ต้องเปิดดูทุกช่องเติมไม่ต้องล้นเพียงแต่เติมให้พอดีกับพลาสติคที่เป็นลิ้นลงไปในช่องก็เพียงพอแล้ว ห้ามอย่าเติมจนล้น

- ดูระดับน้ำฉีดกระจกด้วย ถ้าแห้งจะทำให้ปั้มฉีดน้ำเสียหายได้ อันนี้บอกให้ลูกๆมาช่วยเติมได้เป็นการสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวได้เป็นอย่างดี

- ดูระดับน้ำมันพวงมาลัยพาวเวอร์เป็น บางรุ่นไม่ต้องเปิดฝาก็รู้สามารถดูได้จากข้างกระปุกมีขีดบอกระดับ มีคำเตือนเล็กน้อยอยู่บริเวณฝาอ่านบ้างก็ดี

- ดูระดับน้ำมันเบรก บางครั้งไม่ต้องถึงกับเปิดฝามาดูเพราะมีขีดบอกสามารถมองเห็นจากภายนอกเช่นกัน

- ดูระดับน้ำยาแอร์ ดูจากกระปุกพักน้ำยาแอร์สังเกตกระปุกที่มีท่ออะลูมีเนียมรึทองแดงต่อเข้านั้นแหละมีเลนซ์ สังเกตถ้าน้ำยาแอร์เต็มเราจะไม่เห็นว่ามีอะไรในเลนซ์นั้นเลยแต่ถ้าเมื่อไหร่เห็นในเลนซ์นั้นมีน้ำวิ่งๆเมื่อไหร่ อย่าคิดว่าน้ำยาแอร์เต็มนะครับนั้นคือน้ำยาแอร์หมดแล้วละครับ ไปร้านแอร์ให้ตรวจเช็คเลย

2. เปลี่ยนซะให้เรียบ

- น้ำมันเครื่องและใส้กรองน้ำมันเครื่อง บ่อยครั้งรถจากเต็นท์นั้นเค้าไม่ได้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมาให้ บางครั้งพึ่งเปลี่ยนมาถือว่าเป็นโชคดีไป แต่ถ้าให้ดีถ้าเราดึงสายวัดออกมาแล้วน้ำมันเครื่องเหนียวๆ ไม่หยดติ๋งๆ เปลี่ยนไปเถอะครับเพื่อความสบายใจ ถ้าเปลี่ยนแล้วขับรถกลับบ้านมาดึงเข็มวัดออกมาเห็นน้ำมันเครื่องทำไมขุ่นซะแล้วให้คุณดีใจไว้เลยว่าน้ำมันเครื่องนั้นดีเพราะสามารถดึงเขม่าที่จับกับชิ้นส่วนในเครื่องออกมาได้เป็นอย่างดี รวมถึงเปลี่ยนใส้กรองน้ำมันเครื่องด้วยไม่แนะนำไปใช้ใส้กรองจากปั้มเพราะสมัยนี้ใส้กรองของเทียมมีเยอะอายุการใช้งานสั้นกว่า (ไม่ใช่ว่าใช้ไม่ได้) ใครรักรถมาแนะให้ใช้ของแท้แต่ผมชอบใช้ของเทียบเพราะมีคุณภาพพอๆกันและอาจดีกว่าด้วยซ้ำไป ว่างๆผ่านไปแถววรจักรก็ไปซื้อซะ ถือว่าเป็นการหัดทำความรู้จักกับร้านอะไหล่ไว้ ดูด้วยว่าต้องแถมแหวนยางโอริงมาด้วยแต่อย่าไปคิดว่าเอามาใช้กับกรองน้ำมันเครื่องล่ะ โอริงนี้ไว้ใช้กับน็อตที่เป็นก๊อกปิด-เปิดอ่างน้ำมันเครื่องของเราต่างหาก เวลาให้ช่างใส่ดูกับเค้าด้วย ก่อนใส่แนะว่าให้เอาน้ำมันเครื่องเรานี่แหละทาขอบยางของกระปุกกรองด้วยกันยางเบี้ยวออกมาเวลาขันเข้า

- ใส้กรองอากาศ ส่วนใส้กรองอากาศก็เป่าซะ แนะให้เป่าเองตามปั้มเจ็ทที่มีที่เป่าอากาศตรงที่เราเติมลม มีหลายคนขับรถมาจนแก่เป่าอากาศยังไม่เป็น การเป่ากรองอากาศต้องเป่าจากในออกนอก ห้ามเป่าจากข้างนอกเข้าในเด็ดขาด ถึงแม้เป่าแล้วฝุ่นกระจายดีแต่นั้นคือการทำให้กรองอากาศของเราตันไปเลย แต่ถ้าเก่าแล้วเปลี่ยนไปเลยซักอันได้เลยไม่ได้แพงอะไรนัก สำหรับมือใหม่ระวังจะถอดไม่เป็นให้สังเกตสลักยึดให้ดี ดึงออกให้ครบไม่ต้องออกแรงมากนักพอประมาณเดี๋ยวพวกสายอากาศจะหลุดแล้วใส่กลับไม่ถูก

- ใส้กรองเบนซิน สุดท้ายใส้กรองเบนซินอันนี้แนะนำให้เปลี่ยนเลยไม่กี่ตังค์ จะได้ไม่ต้องมาโอดครวญภายหลังว่ารถเร่งไม่ขึ้น กระตุกเป็นช่วงๆ แต่อันนี้แนะนำไปให้ช่างเปลี่ยนให้ อย่าลืมถามความรู้เล็กๆน้อยๆจากช่างด้วยตามที่ผมว่ามาหากยังสงสัย เห็นมั้ยว่านอกจากจะได้เปลี่ยนกรองเบนซินแล้วยังได้ความรู้อีกต่างหาก


3. ตรวจอะไรที่มันยุ่งๆที่ห้องเครื่องอีกที


ลองตรวจดูที่สายพานไดฯ สายพานแอร์ สายหัวเทียน หัวเทียน ให้ช่างคนที่เปลี่ยนกรองเบนซินเราเมื่อสักครู่นั้นแหละดูให้ คิดดูว่าเปลี่ยนกรองเบนซินอันเดียวได้ประโยชน์มากมาย หากสายพานอันไหนเก่าหมดสภาพแล้วเปลี่ยนซะมีราคาไม่ถึงร้อยถึงร้อยกว่าบาท แต่แพงกว่านั้นไปร้านอื่นเหอะ สายหัวเทียนเก่ารึเปล่า หากเก่ามากๆขาดแล้วพันๆเทปมาละก็เปลี่ยนไปเลย ให้เค้าเช็คหัวเทียนด้วยเพียงแต่เอามาล้างปรับเขี้ยวก็พอใช้ได้อีกนาน หัวเทียนไม่ใช่ของเสียง่าย หมดอายุง่ายอายุการใช้งานราว 20,000 กม. ( 2000 กม.) หากเจอช่างที่ดี แต่ถ้าเยินจริงๆเปลี่ยนก็ได้เพราะราคาถูกมากๆ ตัวเราเองก่อนกลับบ้านแวะไปตามห้างซื้อน้ำอเนกประสงค์มาติดรถไว้ก็ดีไว้ฉีดพวกขั้วแบตฯ ขั้วหัวเทียน จานจ่าย(ถ้าไม่รู้จักว่าอันไหนไปถามช่างคนเดิมอีกนั่นแหละ) เวลาเก็บอย่าเอาไปไว้ที่ร้อน เกิดตูมตามขึ้นมาไม่รู้ด้วย


4. คราวนี้มาดูที่ช่วงล่างกันบ้าง


- ถ่วงล้อ อันนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆที่หลายคนมองข้ามเพราะเมื่อเราใช้ความเร็วสูงขึ้นหน่อยรถกลับสั่นๆ อาจนึกไปถึงช่วงล่างอื่นๆ แต่ความจริงปัญหามันแค่เพียงถ่วงล้อเท่านั้นเอง ผมแนะให้ไปถ่วงล้อที่เรียกว่า “ถ่วงจี้” เพราะเท่าที่ทำมาได้ผลดีพอสมควร ดีกว่าการถอดล้อไปถ่วงข้างนอก สังเกตด้วยว่าบางครั้งน็อตล้อเราอาจเป็นคนละแบบทำให้การถอดล้อไปถ่วงไม่แม่นยำแต่ถ้าให้ดีก็เปลี่ยนน็อตให้มันเหมือนกันให้หมดเลยจะดีกว่า ก่อนถ่วงบอกให้ช่างแกะหินที่ติดล้อออกให้ด้วยนี่ก็เป็นผลให้การถ่วงล้อไม่แม่นยำ แนะให้ไปถ่วงหลังไปล้างรถจากปั้มใหม่ เพราะโคลนที่ติดล้อก็เป็นอีกปัจจัยนึงเช่นกัน เคยแนะให้รุ่นน้องที่มีปัญหาที่ว่าไปถ่วงจี้มาหลายคนส่วนใหญ่จะบอกว่ายังกับได้รถใหม่มาแน่ะ

- ยางรถ ดูว่าดอกยางยังเต็มๆดีหรือไม่ ไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเปลี่ยนถามจากร้านยางดูก็ดีถ้าร้านที่ดีบ่อยครั้งเค้าจะบอกว่าใช้ได้อีกนานแต่ถ้าเค้าบอกว่าเปลี่ยนเถอะให้สังเกตว่าดอกยางเรายังเต็ม ยางยังไม่เสียรูป แก้มยางยังสวย เนื้อยางยังสดอยู่หรือไม่ ไม่แนะนำให้ไปทำตามปั้มแต่ก็ตามใจหากใครอยากลองดู การเติมลม ควรเติมซัก 27-28 หากอยากได้ความนิ่มนวลและ 30 หากต้องการประหยัดน้ำมันได้อีกนิดหน่อยในการวิ่งแบบรถไม่ติด อย่าลืมเติมลมยางอะไหล่ด้วยแนะให้เติมเกินปกติไว้ 2 ปอนด์ (ประมาณ 32 ปอนด์) เพราะไม่ได้เติมบ่อยๆ แนะอีกนั้นแหละให้ไปเติมที่ปั้มเจ็ทเพราะเครื่องวัดแบบดิจิตัลค่อนข้างแม่นยำกว่าร้านยางซะอีกและอย่าลืมอุดหนุนเค้าบ้างก็ดี

- เช็คช่วงล่าง ไปอู่ที่รับทำช่วงล่างให้เค้ายกรถตรวจพวก ยางหุ้มแร็คช่วงล่างอื่นๆ เพราะบางครั้งเปื่อยๆแล้วเปลี่ยนไปเลยราคาไม่ถึง 300-400 บาท ถ้าขาดขึ้นมาแต่เราไม่รู้จะลำบาก ทั้งทรายทั้งโคลนหลุดเข้าไปละก็เสียมากกว่านี้อีกมาก ให้ช่างตรวจลูกหมาก-คันชัก-คันส่ง-ปีกนก โยกๆแล้วหลวมๆหรือไม่แต่พวกนี้ถ้าไม่หลวมมากเอาไว้ตอนได้โบนัสออกหรือกู้สหกรณ์ได้ก่อนค่อยมาเปลี่ยนก็ได้ หากยังพอใช้ได้


5. มาดูภายในรถกันบ้าง


- หากรถมีกลิ่น แนะนำว่าให้เราจอดรถตากแดดหมุนกระจกลงมาเล็กน้อยทำซ้ำๆหลายวันช่วยได้บ้าง หาน้ำหอมมาใส่รถบ้างบางทีไม่เหม็นโดนเหงื่อเราไปซักพักจนกลิ่นติดเบาะ สงสารคนมานั่งรถเราบ้าง แนะนำอย่าสูบบุหรี่ในรถเพราะเขม่าจากบุหรี่กับกำมะหยี่ทั้งหลายในรถเรารักกันมากทั้งสีทั้งกลิ่น

- ยางรองพื้น บางทีเต็นท์ให้มาเฉพาะยางแผ่นเล็กทำให้ทรายกระจายฝังในพรม แนะให้ใช้ยางที่เป็นรูปแอ่งๆ ไม่สวยนักแต่สะอาดอย่าบอกใครไม่มีทรายกระเด็นออกด้วยหรือถ้ากำลังทรัพย์มีก็เอาแบบที่มีขายตามห้างที่มีเฉพาะรุ่นก็ได้

- น้ำยาต่างๆ หาซื้อน้ำยาต่างๆเช่นแชมพูล้างรถ ยาขัดเบาะ ยาขัดสีรถ หัดทำเองบ้างจะได้รู้จุดอ่อนของตัวถัง-สีรถเราเอง

- เสียงดังหน้าคอนโซล อันนี้สืบเนื่องาจากรถใช้มาหลายปีเกิดจากการเคยถูกถอดคอนโซลเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง แต่การหาจุดนี่ยากที่สุดพวกนี้ต้องค่อยๆหาแล้วหาซื้อตัวยึดพลาสติคตามวรจักรมาใส่แทนได้หากของเก่าแตกหรือหลวมรึไม่มีเลย


6. สังเกตกันบ้าง


- ซื้อรถมาวันแรกผมแนะนำให้ล้างเลยไปให้โดนน้ำฉีดแรงๆ ตามคาร์แคร์ ถึงแม้เต็นท์จะขัดสีรถมาสวยงามสักปานใด เพราะรถหลายคันพึ่งไปสาดสีมาทั้งคัน การประกอบขอบยางกันน้ำซีลซิลิโคนประตูและกระจกหน้า-หลังต่างๆ อาจทำมาไม่ดีพอเพราะทำเองในอู่สีไม่ได้ทำที่ร้านกระจกที่ชำนาญกว่าบ่อยครั้งที่น้ำไหลเข้ารถเป็นถังๆ เวลาฝนตกจะได้รีบซ่อมเองหรือให้เต็นท์ทำให้หากตกลงกันไว้แล้ว

- แอร์ หากได้ยินเสียงแต็กๆ ดังติดๆกันขณะเปิดแอร์ทำให้รอบเครื่องเราขึ้นๆลงๆ ให้ช่างเช็คดูช่างที่เก่งๆ จะยังไม่วิ่งไปดูที่คอมแอร์ แต่จะตรวจที่ตัวปรับระดับความเย็นที่ภาษาช่างแอร์เรียกรางเลื่อน (Slice volume) เพราะรถเก่าแล้วพวกนี้จะสึกรึหมดอายุเปลี่ยนซะราคา 300-400 บางทีไม่ถึงกับต้องไปยุ่งกับคลัชแอร์หรอกครับ ร้านทำแอร์ผมชอบร้านที่แท็กซี่เค้าชอบไปทำกันเพราะราคาไม่แพงคุยกันได้ แต่ไม่ใช่ร้านที่แท็กซี่ไม่เข้าไม่ดีนะครับ อย่างผมใช้ทั้งสองร้านเพราะที่เจอความชำนาญร้านอาแปะของผมเนี่ยเก่งเข้าขั้นเลยทีเดียวแต่ราคาเอาเรื่องเหมือนกันเวลาเข้าซ่อมถามไว้เลยว่าเท่าไหร่ ต่อไปเถอะลดได้นิดหน่อยดีกว่าไม่ลดเลย ซ่อมบ่อยๆ ชำนาญขึ้นเดี๋ยวก็รู้ราคาไปเอง


- ตรวจดูหลอดไฟรถ ไฟหน้าสูง-ต่ำ ไฟหรี่ ไฟท้าย-ไฟเบรก ไฟกระพริบซ้ายขวา ไฟถอย ไฟทะเบียน ติดครบหรือไม่จัดการให้เรียบร้อยสมบูรณ์


หากมีอะไรนอกเหนือจากนี้ต้องเช็คต้องเปลี่ยนคงต้องอาศัยการเอาใจใส่ และความช่างสังเกตจากตัวคุณเอง ย้ำต้องดูแลอย่างสม่ำเสมอไม่ใช่แค่เพียงช่วงแรกๆเท่านั้น หมั่นหาความรู้เสมอๆควรให้คนในครอบครัวมีส่วนร่วมด้วย สร้างความสัมพันธ์กันโดยมีรถเป็นสื่อนี่ก็ถือว่ารถไม่ใช่แค่เพียงเป็นพาหนะอย่างเดียวใช่มั้ยละครับ

Credit : คนอื่น(จำไม่ได้อีกครั้ง)



Ganza จาก Ganza  58.9.7.160  จันทร์, 10/11/2551 เวลา : 22:15   


คำตอบที่ 3
       อยากได้รถเกียโพสหาในนี้ดีกว่าครับ ให้สมาชิกช่วยหาให้หรืออาจมีผู้ที่ต้องการขาย จะได้รถที่รู้ประวัติของผมก็ได้จากการเข้ามาหาข้อมูลในนี้และครับไม่ผิดหวังเลย นอกจากผมได้รถดีแล้วยังได้มิตรภาพที่ดีจากในนี้อีกด้วยบอกได้เลยว่าเกินคุ้มครับ





จาก tak fireman  222.123.120.174  จันทร์, 10/11/2551 เวลา : 22:22   


คำตอบที่ 4
       http://www.taladrod.com/Search/TbRst.aspx?mk=46&md=227&ck=y



จาก tak fireman  222.123.119.202  อังคาร, 11/11/2551 เวลา : 09:13   


คำตอบที่ 5
       เช็ดดวง ด้วยครับ

แนะนำหาในนี้ดีกว่า
ดูดีๆรถถูก ปีเก่า ไม่แนะนำ ถ้าพอมีงบหา
รถปีใหม่ๆ เดิมๆ ติดแก็สหัวฉีดยิ่งดีใหญ่
จากการที่ผมตะเวนหารถ ไปเจอรถถูก ปี 96 แต่สภาพ
สุดโทรม ต้องตามเปลี่ยน ยาง แบต แอร์โฟร์ สายพานไทม์มิ่ง ลูกรอก คลอย์ หัวเทียน ครัชก็จะหมด ช่วงล่างก็หลวม
ความร้อนก็ขึ้นๆลงๆข้างในก็โทรมอีก
ขาย 190,000 ต้องไปทำอีก หลายตังไม่ไหว
เลยตัดใจไปเอา รถปี 99 รถใช่มามือเดียวซื้อมา 260,000 มาติดแก็สฉีดอย่างเดียว ใช่มาเกือบปี ยังไม่เคยต้องทำอะไร นอกจากถ่ายน้ำมันเครือง ไส้กรองอย่างเดียว
บางคนผมเห็นหารถถูกที่สุดไว้ก่อน แล้วมาตามเก็ษเอา
หมดไปอีก หลายหมื่น ไหนเวลาที่เสีย สุขภาพจิตอีก
ใช้แล้วไม่สบายใจ พาลมาโทษ Kia Sportage ว่าไม่ดีอีกเสียชื่อหมด
เอาง่ายๆ ของถูกและดีแทบจะไม่มีในโลก



จาก ตัดใจ  114.128.27.92  อังคาร, 11/11/2551 เวลา : 15:42   


คำตอบที่ 6
       จากที่ดูๆเพื่อนสมาชิกซื้อรถมาหลายๆคันนะครับจะซื้อมาเท่าไหร่ก็แล้วแต่กว่ารถจะสมบูรณ์ได้รวมทั้งติดแก้สด้วยนี่ผมว่าตกอยู่ประมาณเกือบ300000นะครับไม่งี้นเนี๊ยบยาก(อันนี้ความคิดส่วนตัวนะ)



จาก ลุงหนุ่ย  124.120.73.234  อังคาร, 11/11/2551 เวลา : 20:07   


คำตอบที่ 7
       เห็นด้วยกับลุงหนุ่ยครับ
รวมแล้วประมาณน้นเลย.....



ctnut จาก kia บึงคำพร้อย  124.122.224.194  อังคาร, 11/11/2551 เวลา : 20:35   


คำตอบที่ 8
       ตามลุงหนุ่ยครับ รถผมซื้อมาแสนสาม วิ่งไปไม่ถึงหกหมื่นโล คิดว่าได้รถเจ๋งสุดแล้ว เพราะเจ้าของเก่าซ่อมกับช่างที่สนิทกับพ่อผมมาก(มากแค่ช่วยพูดให้จากราคารสองแสนห้าเหลือแสนสาม) และรู้ประวัติรถตลอดเพราะซ่อมกับช่างคนเดียวกัน
สรุปว่าตอนนี้รถผมปาเข้าไปสามแสนแล้วครับ อาจเป็นเพราะว่ารถคันนี้จอดไว้นานก็ได้ครับ



จาก เกียหนึ่งบางปะกง  117.47.30.156  อังคาร, 11/11/2551 เวลา : 22:31   


คำตอบที่ 9
       เห็นตามลุงหนุ่ยอีกคนครับ รถผมขนาดซื้อมาจากช่างโดยตรงยังมีปัญหาเยอะเลยครับ ต้องมาทำเองอีกเช่นกันเพราะช่างเองก็ทำเท่าที่เห็นว่าต้องทำแต่ไม่ได้ใช้จริง เรามาใช้จริงแล้วมันมีมากกว่านั้นครับ ต้องเตรียมไว้อีกเผื่อทำให้ได้เข้าที่เข้าทางจริงๆครับก็น่าจะประมาณนั้นหละครับแล้วจะได้ใช้ยาวเลยทีนี้



จาก เกียมือใหม่  203.172.199.254  พุธ, 12/11/2551 เวลา : 10:00   


คำตอบที่ 10
       ถ้าได้รถมาราคาถูก..ต้องเปลี่ยนอะไหล่อีกเยอะ แต่อะไหล่ที่เปลี่ยนก็คือของใหม่ที่จะใช้ไดอีกนานเลย...อีกหนึ่งมุมมอง



จาก kia-d  116.68.148.226  พุธ, 12/11/2551 เวลา : 12:10   


คำตอบที่ 11
       ตามลุงหนุ่ยอีกคน ผมไปดูรถมาหลายที่ รถราคาถูกสภาพไม่ไหวจริง ๆ ครับหรือรถปีเก่า ถึกซ่อมมาอันที่เสียแล้วยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเสียตามมา ผมได้รถ ปี2000 มาราคา 220000 โชคดีที่เจ้าของเก่ารักษาดี ซื้อจากเต้นซ์แต่มีประวัติเจ้าของเก่าเป็นฝรั่ง ใช้แค่ 124***กิโล สภาพเดิม ๆ แทบไม่ได้ทำอะไรเลยเครื่องยนต์สมบูรณ์ ช่วงล่างสมบูรณ์แต่ไม่ได้ติดแก็สตอนนี้เอาไปติดแก็สใต้ท้องรถกับยก 2-3 นิ้วอู่ช่างยุทธ ขับรถจากขอนแก่นมาทำ เดี๋ยวทำเสร็จเดี๋ยวจะถ่ายรูปให้ดูเผื่อใครสนใจ ว่าทำสวยไหมเผื่ออยากติดใต้ท้องรถเหมือนผม ช่างยุทธเขาให้ราคาสมาชิก weekend ราคาพิเศษด้วยครบ



จาก เกียขอนแก่น  222.123.88.6  เสาร์, 18/4/2552 เวลา : 18:57   


คำตอบที่ 12
       http://www.taladrod.com/w/Search/CarDet.aspx?cib=270948



จาก Yew  58.137.113.66  พุธ, 22/4/2552 เวลา : 17:38   


คำตอบที่ 13
       Nice hobby
www.jerleaw.com






จาก N/A  124.121.20.32  เสาร์, 13/6/2552 เวลา : 16:33   


คำตอบที่ 14
       เห็นตามลุงหนุ่ยอย่างแรง ผมคนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้เปลี่ยนรถหลายคันเห็นแก่ของถูกต้องซอ่มอย่างแรง โดยเฉพาะ KIAคันแรกซื้อเพราะของถูกซอ่มเท่ากับราคาซื้อ คัน2ซื้อที่อู่พี่สัญญาOKครับ คัน3ของพี่war ..okครับ ยังไม่มีค่าซ่อมอย่างสาหัสเลยครับ ซี้อรถเก่ายอ่มมีความเสี่ยงอยู่บ้าง โปรดใช้พิจรนากอ่นซื้อ โชคดีโชคร้ายใครจะรู้ ลดความเสี่ยงได้ถ้าทำกิจธุรกับผู้รู้ครับ



passakorn จาก จ่าออฟโรด  117.47.16.30  เสาร์, 13/6/2552 เวลา : 23:28   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 23/8/2554 6:00:39

Error processing SSI file