WeekendHobby.com


อาหารสำหรับเครื่องยนต์
molar
จาก molar
ศุกร์ที่ , 21/9/2550
เวลา : 19:31

อ่าน = 1320
125.26.183.15
       อาหารสำหรับเครื่องยนต์
จากหนังสือยานยนต์ ฉบับที่ 415 ประจำเดือน ธันวาคม 2543

คนเรายังมีอาหารตั้งเยอะ ไม่ว่าจะเป็นของพื้น ๆ เช่น หมู เนื้อ ไก่ ปลา และผักต่าง ๆ หรือของพิสดารที่ปกติทั่วไปเค้าไม่ค่อยบริโภคกัน อย่างพวกหนอนพวกแมลง ซึ่งเดี๋ยวนี้ก้าวหน้าไปจนถึงขั้นบรรจุกระป๋องกันแล้ว ส่วนไอ้ที่ไม่น่ากินได้แต่ชอบกินกันประเภทหิน เหล็ก ปูน อะไรพวกนั้นไม่เกี่ยวนะ

อาหารสำหรับรถยนต์ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ที่ว่ากันพื้นฐานก็เป็นพวกน้ำมันเบ็นซิลและดีเซลส่วนของโปรดสำหรับรถแท็กซี่ก็เป็นพวกแก๊สหรือก๊าซ จนกระทั่งมาถึงยุคน้ำมันแพงก็มีเชื้อเพลิงประเภทแอลกอฮอล์ออกมาเสนอหน้าให้เห็นกัน ซึ่งอันที่จริงอาหารของรถแต่ละอย่างนั้น ยังสามารถแบ่งปลีกย่อยลงไปได้อีก นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต่างกันมีทั้งข้อดีและข้อด้วย เรามาลองทำความรู้จักกับมันซักหน่อยดีกว่า

ถ้าจะว่าไปแล้วพวกน้ำมันเบ็นซินและดีเซล ที่ผลิตจากปิโตรเลียมหรือซากฟอสซิลนั้น มีขบวนการผลิตที่ไม่ยากนัก แถมที่สำคัญ คือ ต้นทุนการผลิตยังถูกกว่าพวกเชื้อเพลิงทดแทนประเภทอื่น ๆ ซะด้วยซ้ำ แต่อาศัย “กลไกทางการตลาด” บวกกับการเล่นตัวของเหล่าผู้ดูดน้ำมันขึ้นมาขาย ผสมผสานกับคนกลั่นน้ำมัน ค่าตัวของเงินบาท และอัตราภาษีอีกสารพัด เลยทำให้คนใช้รถต้องน้ำตาตกเวลาควักกระเป๋าจ่ายค่าน้ำมัน แม้จะมีข่าวว่าอาจจะมีเชื้อเพลิงอย่างอื่นมาทดแทนในราคาที่ถูกกว่า ก็อย่าเพิ่งดีใจให้มันมากนัก เพราะราคาที่ว่าไม่รู้เค้าบวกค่าการตลาดกับเหล่าบรรดาสารพัดภาษีเข้าไปด้วยแล้วหรือยัง


ก๊าซ

อันที่จริงบ้านเรามีการใช้แก๊สหรือก๊าซ กันมานานแล้ว โดยเฉพาะพวกรถแท็กซี่เพิ่มจะมีช่วงหลังที่ระบบเครื่องยนต์เปลี่ยนมาป้อนเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ซึ่งมีระบบควบคุมการทำงานซับซ้อนกว่าคาร์บูเรเตอร์ และมีตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับประหยัดน่าพอใจ ทำให้ห่านเหินกับก๊าซไประยะหนึ่ง จนกระทั่งตัวเลขของน้ำมันสูงขึ้น จึงค่อยเริ่มหวนกลับมานึกถึงกันอีก


ก๊าซธรรมชาติ


ก๊าซธรรมชาติ NGV (Natural Gas for Vehicles) เกิดจากฟอสซิลแบบเดียวกับพวกน้ำมัน ซึ่งระยะนี้อาจจะได้ยินกันบ่อย เพราะกำลังเป็นเรื่องเป็นราวกันอยู่ จากการนำเจ้าก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่มาใช้ และบ้านเราก็มีปริมาณก๊าซธรรมชาตินี้สำรองเอาไว้เยอะเลย เจ้าก๊าซธรรมชาตินี้เราสามารถนำมาผลิดเป็นน้ำมันเบ็นซินและน้ำมันดีเซลที่สะอาดได้

ข้อดี
สิ่งแรกที่น่าสนใจและถูกใจ คือเจ้าก๊าซธรรมชาติ NGV มีราคาต่ำกว่าน้ำมันเยอะ พวกรถยนต์ที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ NGV เป็นเชื้อเพลิง จะปล่อยไอเสียที่มีสารสร้างมลภาวะทางอากาศ ฝุ่นละออง และควันดำน้อย อย่างไอเสียจะมีคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ต่ำกว่าน้ำมันประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ พวกไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอนนอกไซด์ และไนโตรเจนอ๊อกไซด์ ถือว่าต่ำมาก แถมยังไม่มีพวกซัลเฟอร์ไนโตรเจนอีกต่างหากก๊าซธรรมชาติ NGV ไม่มีกลิ่น และไม่เป็นอันตรายเมื่อสูดดมเข้าไป ด้วยเหตุนี้ถ้าจะว่าไปแล้วพวกที่ต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติจริง ๆ ก็น่าจะสนับสนุนให้มีการใช้เจ้าก๊าซธรรมชาติ NGV นี้มากกว่านะ

ข้อด้อย
ก๊าซธรรมชาติมีข้อดีตรงที่ไม่มีกลิ่นรบกวนจมูก แบะยังไม่เกิดอันตรายเมื่อมีการสูดดมเข้าไป แต่ตรงจุดนี้ก็กลับกลายเป็นข้อด้อย ตรงที่เราไม่รู้ตัวเมื่อเกิดการรั่วไหลขึ้นมา เพราะแก๊สในปริมาณหนาแน่นนั้นสามารถระเบิดได้ และยังเป็นภาระที่ต้องออกแบบให้ถังบรรจุใหญ่โตมีความแข็งแรง ส่วนกรณีที่ทำมาในรูปของเหลว จะเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้น



ก๊าซชีวภาพ


พวกก๊าซชีวภาพ Biogas ในบ้านเรากำลังเริ่มได้รับความสนใจ อันที่จริงน่าจะมีการพัฒนาและสนับสนุนให้มีการใช้มากขึ้น เนื่องจากบ้านเราพื้นฐานยังเป็นเรื่องของการเกษตรและเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นเจ้าก๊าซชีวภาพซึ่งเกิดขึ้นจากการย่อยสลายของเสียที่เป็นอินทรีย์สาร จึงทำให้เราสามารถนำของเสียมาใช้ประโยชน์แทนที่จะปล่อยทิ้งเอาไว้เฉย ๆ



ข้อดี


ก๊าซชีวภาพสร้างปัญหาในเรื่องมลภาวะน้อย เพราะมีปริมาณไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอน็อคไซด์ และไนโตรเจนอ๊อกไซด์ในระดับที่ต่ำมากไม่มีกลิ่น และไม่เกิดอันตรายเมื่อมีการสูดดม



ข้อเสีย


ปัญหาก๊าซชีวภาพก็มาทำนองเดียวกันกับก๊าซธรรมชาติ ในเรื่องของความสามารถระเบิดได้งาน ในกรณีที่มีความหนาแน่นสูง



น้ำมันดีเซลชีวภาพ


อันที่จริงในบ้านเรามีการผลิตน้ำมันดีเซลชีวภาพกันมานานแล้ว เพียงแต่เป็นเพียงแค่ภูมิปัญญาชาวบ้าน ยังไม่ถึงระดับทำเป็นอุตสาหกรรม โดยการทำจากเมล็ดของพืช ซึ่งเคยเป็นข่าวให้ได้ยินกันหลายครั้ง และเนื่องจากเป็นผลงานระดับชาวบ้าน คุณภาพจีงไม่สูงเท่าไหร่นัก อยู่ในระดับพอใช้งานได้เท่านั้น



น้ำมันดีเซลชีวภาพ (Biodiesel) เป็นผลงานของปฏิกิริยาของน้ำมันพืช ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์ม น้ำมันถั่วเหลือง หรือเมล็ดของพืชบาชนิดกับแอลกอฮอล์ ลักษณะการใช้งานนั้นมักนิยมเอามาผสมกับน้ำมันดีเซล โดยใช้อัตราส่วนของน้ำมันดีเซลชีวภาพประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์



ข้อดี


สามารถน้ำมาใช้งานกับเครื่องยนต์ได้เลย โดยไม่จำเป็นต้องมีการปรุงแต่งอะไรเพิ่มเติม แล้วยังช่วยในด้านมลภาวะได้อีก เนื่องจากมันเกิดพวกไฮโดรคาร์บอน และคาร์บอนมอน็อคไซด์ รวมทั้งพวกฝุ่นละออง (Particulate Matter) น้อยกว่าน้ำมันดีเซลเยอะ



ข้อเสีย


จุดที่เป็นปัญหาของน้ำมันดีเซลชีวภาพ น่าจะเป็นเรื่องของต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการผลิตมากกว่า ซึ่งประมาณกันเอาไว้ว่าจะเป็นประมาณ 3 เท่าตัวของการผลิตน้ำมันดีเซลตามปกติ นอกจากนี้ในส่วนอื่นถึงแม้จะสร้างมลภาวะน้อยกว่าน้ำมันดีเซลก็ตาม แต่ยังมีปัญหาเรื่องมีไนโตรเจนอ๊อกไซด์มากไปหน่อย ทำให้ยังต้องมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิต



เชื้อเพลิงแอลกอฮอล์


การผสมระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงกับแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะเป็นเจ้า “แก๊สโซฮอล์” ที่ผสมแอลกอฮอล์กับน้ำมันเบ็นซิน หรือ “ดีโซฮอล์” จากการผสมแอลกอฮอล์กับน้ำมันดีเซล พบว่าสามารถใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงในรถยนต์ได้อย่างสบายไร้กังวลแถมยังช่วยลดมลพิษได้อีกต่างหาก เนื่องจากแอลกอฮอล์จะช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์เช่น เจ้า “แก๊สโซฮอล์” สามารถลดปริมาณไฮโดรคาร์บอนได้ไม่ต่ำกว่า 6 เปอร์เซ็นต์ คาร์บอนมอน็อคไซด์มากกว่า 23 เปอร์เซ็นต์ สำหรับ “ดีโซฮอล์” นั้นก็ช่วยลดปัญหาเรื่องมลพิษในอากาศได้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นไนโตรเจนอ๊อกไซด์ หรือคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องของควันดำสามารถลดลงได้ไม่ต่ำกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้ช่วยให้ฝูงรถกระบะไม่ต้องหลบตาตำรวจ อีตอนถูกเรียกจับวัดควันดำ



เมทานอล


เมทานอลเป็นผลผลิตที่ได้จากก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซมีเทน โดยมาในรูปลักษณ์เป็นของเหลว นอกจากนี้เรายังผลิตได้จากพวกเยื่อไม้ต่าง ๆ อีกด้วย คือ สามารถผลิตเมทานอลตัวนี้ได้จากสารที่มีพวกคาร์บอนเป็นส่วนประกอบนั่นเอง



ข้อดี


ถึงแม้การผลิตเมทานอลจะลำบากและเปลืองกว่าการผลิตน้ำมันจากปิโตรเลียม แต่เมื่อเทียบกับการผลิตแอลกอฮอล์ประเภทอื่นแล้วยังถือว่าต่ำกว่าสามารถใช้เป็นสารเติมแต่งในน้ำมันเชื้อเพลิงได้สูงถึง 85 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นผลผลิตที่ได้มาจากพวกสารชีวภาพ ยามเผาไหม้จะไม่เพิ่มปริมาณพวกคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศ ยกเว้นจะทำมาจากพวกก๊าซ



ข้อด้อย


ข้อด้อยหรือปัญหาในการคบกับเจ้าเมทานอลตัวนี้ค่อนข้างจะเยอะหน่อย อย่างแรก คือ ค่าของพลังงานที่ได้นั้นจะมีเพียงแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำมันเชื้อเพลิงพวกน้ำมันปิโตรเลียมเท่านั้นเอง และเมทานอลที่ผลิตจากพวกก๊าซธรรมชาติ ก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของมลภาวะ โดยมันจะไปเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ในอากาศให้มีปริมาณมากขึ้นการเผาไหม้ของเมทานอลนะไม่มีเปลวไฟ แต่สามารถระเบิดได้และยังเป็นพิษ (Toxic) อีกต่างหาก ตัวไฮโดรคาร์บอนซึ่งเกิดขึ้นอีตอนเผาไหม้ จะทำให้เกิดโอโซนในระดับพื้นดิน ที่เราเห็นเป็น Smog หรือหมอกควันดำ ๆ คลุมพื้นที่นั่นแหละ ไอเสียของเครื่องยนต์ที่ใช้เมทานอลเป็นเชื้อเพลิงนี้ จะมีพวกไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอน็อคไซด์ ตลอดจนไนโตรเจนอ๊อกไซด์ เช่นเดียวกับการใช้น้ำมันและมีปริมาณระดับเดียวกัน อีกทั้งยังมีอัลดีไฮด์ (Aldehydes) อีกด้วย และที่สำคัญ คือ เจ้าเมทานอลจะมีผลต่อวัสดุประเภทพลาสติค ยาง หรือแม้แต่โลหะดังนั้นการใช้จึงต้องระมัดระวังและมีการป้องกันเป็นพิเศษ ส่วนข้อด้อยประการสุดท้ายคงจะไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับบ้านเรามากนัก คือ การใช้เมทานอลในแถบที่มีอุณหภูมิหนาวเย็น มันจะเกิดการกัดกร่อนทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้



เอทานอล


ช่วงที่กำลังแตกตื่นจากราคาน้ำมันที่ถีบตัวสูงขึ้น เจ้า “เอทานอล” ตัวนี้แหละที่เป็นพระเอกขี่ม้าขาวเข้ามาสร้างความหวังว่าจะได้ใช้ของถูกกัน ก็พอจะจุดประกายสร้างความหวังขึ้นมาได้บ้าง แม้รู้ว่ากว่าฝันเป็นจริงยังอีกนานก็ตาม



เจ้าเอทานอลมันถือกำเนิดมาจากการหมักและกลั่น ของพวกผลิตผลจากการเกษตร ไม่ว่าจเป็นพวกข้าวต่าง ๆ ข้าวโพด มันสำปะหลัง มันฝรั่ง อ้อย และอื่น ๆ อีกเยอะแยะ ซึ่งอาศัยส่วนประกอบของแป้ง และน้ำตาลเป็นหลัก



ข้อดี


จากคุณสมบัติของเอทานอลทำให้สามารถนำไปใช้เป็นสารเติมแต่ง สำหรับเพิ่มค่าอ๊อคเทนของน้ำมันเชื้อเพลิงได้ในอัตราส่วนสูงสุด 80 เปอร์เซ็นต์ และขณะเผาไหม้ยังไม่เป็นการเพิ่มคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ให้แก่อากาศอีกด้วย



ข้อเสีย


เมื่อมีข้อดีมันย่อมมีข้อด้อยเป็นธรรมดาไม่มีของอะไรได้มาฟรี ๆ หรอก สำหรับข้อด้อยอย่างแรกเลยอยู่ที่การผลิต เพราะต้องใช้พลังงานในการทำเป็นเอทานอลนี้สูงขึ้นถีง 3 เท่า ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับการผลิตน้ำมันตามปกติ นอกจากนี้ในไอเสียของเอทานอล ยังมีปริมาณสารไฮโดรคาร์บอน คาร์บอนมอน็อคโซด์ พร้อมกับไนโตรเจนอ๊อกไซด์ ระดับเดียวกันกับน้ำมัน นอกจากนี้ยังมีอับดีไฮล์ (Aldehydes) และค่าพลังงานของเจ้าเอทานอลนี้ยังมีอยู่เพียง 80 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำมันเชื้อเพลิงพวกน้ำมันปิโตรเลียม

ถึงแม้การผลิตเจ้าเอทานอลจะมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อคิดถึงด้านสามารถลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าน้ำมัน ทำให้เงินบาทออกไปเที่ยวเมืองนอกลดจำนวนลงก็นับว่าน่าสนใจ โดยเฉพาะบ้านเราเป็นเมืองเกษตร สามารถผลิตข้าวได้ถึงปีละ 23 ล้านตัน มันสำปะหลัง 19 ล้านตัน และอ้อยอีก 50 ล้านตัน ถ้าแบ่งเอามาผลิตเป็นเอทานอลซะมั่ง ก็สามารถแก้ปัญหาพืชผลราคาตกต่ำลงได้ ทำให้ไม่ต้องลำบากเสียเวลามาเดินขบวนให้เมื่อย





เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       อ่านจนตาลายเลยครับ...


สาระครับ...อัพๆ




de boy จาก de boy  125.27.224.33  ศุกร์, 21/9/2550 เวลา : 21:48   


คำตอบที่ 2
       อ่านจนลายต่ครับ ของเค้าดีจริงมีสาระ



prawate จาก ป.ปา  61.90.167.50  เสาร์, 22/9/2550 เวลา : 07:39   


คำตอบที่ 3
       สัส



จาก ยน่าวน  117.47.166.245  พฤหัสบดี, 26/3/2552 เวลา : 15:33   


คำตอบที่ 4
      



จาก hhhhh  117.47.38.241  อาทิตย์, 6/9/2552 เวลา : 19:52   


คำตอบที่ 5
       http://www.gasthai.com/Energy/board/question.asp?id=26
-ฝากไว้อีก1เมนูครับ



korn_ จาก หนู ไบโอแก๊ส  110.49.101.207  จันทร์, 7/9/2552 เวลา : 07:22   


คำตอบที่ 6
       ขอบคุณครับ ในวิทยาทาน นี้ครับ



nange จาก ม้ากระจ้อน  125.26.247.145  อังคาร, 8/9/2552 เวลา : 21:46   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 25/8/2554 6:23:20

Error processing SSI file