คำตอบที่ 1
       อาจเป็นไปได้นะที่ไม่รู้ เพราะก่อนที่จะรู้คือไม่รู้มาก่อน
คำถามที่ 1 วิธีถอนยางกรณีทั่วไป
1. ตรวจสอบดูก่อนว่ายางอะไหล่มีลมหรือเปล่า
2. มีอุปกรณ์เช่นบล้อคถอดน้อตล้อ และแม่แรงหรือไม่
3. ถ้ามีอุปกรณ์ ก่อนเอายางออกควรคลายน้อตล้อพอประมาณ โดนยังไม่เอาน๊อตล้อทั้งหมดอาจเหลือไว้สัก 2-3ตัว
4. ขึ้นแม่แรง ตรวจดูบริเวณพื้นที่แข็งๆเพราะเมื่อขึ้นแล้วดินอาจยุบ และที่ตัวรถก็ดูให้ดี ไม่ใช่ขึ้นแล้วรถยุบ ควรเป็นแคชซีรถ ขึ้นจนล้อลอยก็ถอดออกแล้วใสยางใหม่เข้าไป
5. ลงแม่แรง เช็คน๊อตล้อให้แน่น ไปต่อได้
ส่วนกรณีในป่า หรือไม่มีแม่แรง มีอีกหลายวิธี เอาไว้ให้คนอื่นตอบบ้าง
คำถามที่ 2 เข็นรถสตาร์ท ก็มีหลายวิธีที่ใช้กันบ่อยคือ ก่อนเข็นปลดเกียร์ว่าง เมื่อเข็นเร็วพอประมาณ คนขับเหยียบครัชไว้ แล้วเข้าเกียร์ 2 หรือ 3 แต่ละคนไม่เหมือนกัน ปล่อยครัชทันทีเพื่อกระตุกรถพร้อมกับบิดกุญแจสตาร์ทไปด้วย กรณีนี้ที่เขาใช้กันเพราะแบตหมด หรือไดร์สตาร์ทไม่ค่อยปกติ

คำตอบที่ 2
       ผมเคยถอดล้ออะไหล่ ตามขั้นตอนนี้
ก่อนอื่นเลยนะครับ ให้ดูก่อนว่ารถมีอุปกรณ์ในการถอดล้ออะไหล่รึเปล่า และต้องมีล้ออะไหล่ด้วยนะครับ
1. ล้ออะไหล่ ( ยามปกติต้องตรวจวัดลมยาง เหมือนล้อปกติ และเติมลมยางให้มากกว่าปกตินิดหน่อย " กันซึม " )
2. แม่แรง (ใช้งานได้ดีรึเปล่า และมีอุปกรณ์ แกนเหล็กโยกครบใหม )
3. บล๊อคถอดน๊อตล้อรถยนต์ ( มีรึเปล่า ขนาดหัวน๊อต ตรงใหม )
วิธีการก็คือ นำแม่แรงสอดเข้าใต้ท้องรถ เลือกบริเวณที่เป็นคานเหล็กแข็ง เพื่อรองรับน้ำหนักรถยนค์ เสร็จแล้วใช้แกนเหล็กโยกเพื่ออัดลมเข้าแม่แรง ทำให้แม่แรงดันยกรถให้สูงขึ้น ลอยพ้นพื้นถนนนิดหน่อยก็พอ แล้วใช้บร๊อคขันน๊อตล้อออกทั้งหมด แล้วทำการถอดเปลี่ยนล้ออะไหล่ เสร็จแล้วให้ทำย้อนกลับตามขั้นตอนเดิม
หรือถ้าว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำ ก็ทดลองดูได้นะครับ ฝึกเอาใว้ก่อน เวลาเกิดเหตุ จะได้คล่องๆ เน๊อะ

คำตอบที่ 3
       คำถามที่ 2 เข็นรถสตาร์ท ( แบตหมด หรือสตาร์ไม่ติด )
( ใช้กับรถเกียร์ธรรมดานะครับ ส่วนรถที่เป็นเกียร์ AUTO ไม่สามารถใช้วิธีเข็นสตาร์ทได้นะครับ ต้องพ่วงแบตอย่างเดียวเลยครับ )
ตามประสบการณ์ของผมคือ บิดสวิทย์กุญแจ ไปที่ ON แล้วปลดเกียร์ว่าง เริ่มเข็นรถให้วิ่งพอประมาณ เหยียบครัชค้างไว้ แล้วเข้าเกียร์ 2 หรือ เกียร์ 3 ก็ได้ แล้วให้ปล่อยครัชทันทีเพื่อกระตุกรถ พอเครื่องติดแล้วก็สามารถขับเคลื่อนได้ตามปกติครับ
กรณีที่จะต้องเข็นรถสตาร์ท ให้ดูทางยาวๆ หรือถนนที่มีช่วงระยะยาวซักหน่อยนะครับ ที่แคบๆ หรือระยะสั้นไปไม่ควรเข็นสตาร์ทนะครับ เพราะตอนเข็นรถสตาร์ทติดแล้วรถมันจะพุ่ง ถ้าไม่ชินอาจเกิดอันตรายได้นะครับ
หรือถ้าว่างๆ อยากมีประสบการณ์ละก็ ลองหาถนนว่างๆ หรือสนามกว้างๆ หาคนมาช่วยเข็นซักคน ทดลองดูได้นะครับ

คำตอบที่ 4
       เพิ่มเติมให้นะครับ
1.กรณีเปลี่ยนแม็กใหม่แล้วรูน็อตเล็กกว่าเดิม ร้านเค้าจะให้น็อตตัวใหม่ที่เล็กกว่าของติดรถ(ยกเว้นพวกที่น็อตล้อไม่อยู่ในรูอันนี้ใช้น็อตล้อของเดิมได้) เราต้องซื้อกากบาทถอดล้อมาเองม่ายงั้นถอดล้อไม่ได้ครับ เพราะบล็อกถอดล้อที่ติดมากับรถจะใหญ่กว่าของใหม่ แต่บางร้านเค้าก็แถมบล็อกถอดล้อสำหรับแม็กชุดใหม่ให้ด้วย อันนี้ประสบการณ์ตรง
2.รถเกียร์ออโต้เข็นได้ครับ "แต่ต้องใช้ความเร็ว 80 กม./ชม.ขึ้นไป"
3.ควรคลายน็อตล้ออกพอประมาณก่อนขึ้นแม่แรงนะครับ เพราะถ้าขึ้นแม่แรงก่อนล้อมันจะหมุนตาม เดี๋ยวหัวจะทิ่ม

คำตอบที่ 5
       ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ

คำตอบที่ 6
       ตอบคุณ n-strada
ผมพึ่งจะรู้นะครับว่ารถเกียร์ออโต้สามารถเข็นสตาร์ทได้
" แต่ทำอย่างไรถึงจะเข็นให้ได้ความเร็วที่ 80 กม./ชม. "

คำตอบที่ 7
       ตอบ คต.6 น่ะครับ...มาช่วยคิดเพิ่มเติมหน่อยนึง
กรณีที่จะทำความเร็ว 80 km/h นั้นอาจจะเกิดจากใช้รถมาช่วยลาก (เพราะไม่มีสายพ่วงแบตทั้ง 2 คัน และเป็นทางตรงยาวๆมากๆ).....
แต่ผมเองก็เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่ามันทำได้... เพราะมันตั้ง 80km/h เชียว อันตรายเหมือนกัน... มีใครเคยลองวิธีท่าน n-strada ยังเนี่ยครับ มาไขที....

คำตอบที่ 8
       อ่านมานี่ ยังไม่เพื่อนคนไหนสอนวิธีเอายางอะไหล่ลงจากที่เก็บเลย 555+

คำตอบที่ 9
       ครับ...ผมก็ดูอยู่.......ว่าจะถามเหมือนกันนะ
เพราะรถเรามีหลาบยรุ่น...แต่ส่วนมากการเอาลงน่าจะมีในคู่มีอประจำรถนะ

ที่แนะนำกันมาก็มีถูกผิดคละกันไป

ดูเผินๆเหมือนเป็นเรื่องที่ Basic มากเลยนะ
แต่ก็มีที่ทำไม่ถูกหลายท่านนะครับ...บางทีก็อันตรายนะ

คำตอบที่ 10
       ผมก็ไม่เคยเปลี่ยนเอง แต่เคยเห็นตอนเข้าไปเปลี่ยนยางที่B-Quic น่ะครับผิดถูกต้องขออภัยด้วยครับ
1 ไขกุญแจปลดล็อคที่ยางอะไหล่ก่อน
2 ใช้แท่งเหล็กที่ ติดรถอยู่หลังเบาะน่ะครับ สอดเข้าช่อง คือมันจะมีช่อง ต้องมองลอดเข้าไป ระหว่างฝากระบะกับ กันชนท้าย เมื่อสอดแล้ว ก้อหมุนที่ด้ามแท่งเหล็กน่ะครับ ยางอะไหล่ ก็จะค่อยๆเลื่อนลงมา
ผมว่า... ไม่ถูกแน่เลย......ไว้รอผู้ร้ดีกว่า

คำตอบที่ 11
       ขออนุญาต-ก๊อป-มาบางส่วนนะครับ

ไม่ได้บอกรุ่นรถ ถ้าเป็นแบบที่ยางอะไหล่อยู่ใต้รถก็

1 ไขกุญแจปลดล็อคที่ยางอะไหล่ก่อน
2 ใช้แท่งเหล็กที่ ติดรถอยู่หลังเบาะน่ะครับ สอดเข้าช่อง คือมันจะมีช่อง ต้องมองลอดเข้าไป ระหว่างฝากระบะกับ กันชนท้าย เมื่อสอดแล้ว ก้อหมุนที่ด้ามแท่งเหล็กน่ะครับ ยางอะไหล่ ก็จะค่อยๆเลื่อนลงมา (ถูกแล้วครับ คุณ hangman)

1. ตรวจสอบดูก่อนว่ายางอะไหล่มีลมหรือเปล่า
(ถ้าไม่เอาลงมามันก็ตรวจสอบยากนะครับ คุณ j )

2. มีอุปกรณ์เช่นบล้อคถอดน้อตล้อ และแม่แรงหรือไม่
3. ถ้ามีอุปกรณ์ ก่อนเอายางออกควรคลายน้อตล้อพอประมาณ โดนยังไม่เอาน๊อตล้อทั้งหมดอาจเหลือไว้สัก 2-3ตัว
4. ขึ้นแม่แรง ตรวจดูบริเวณพื้นที่แข็งๆเพราะเมื่อขึ้นแล้วดินอาจยุบ และที่ตัวรถก็ดูให้ดี ไม่ใช่ขึ้นแล้วรถยุบ ควรเป็นแคชซีรถ ขึ้นจนล้อลอยก็ถอดออกแล้วใสยางใหม่เข้าไป
5. ลงแม่แรง เช็คน๊อตล้อให้แน่น ไปต่อได้ (ก่อนจะลงต้องใส่น้อตล้อเข้าไปก่อน แล้วขันเล็กน้อย พออยู่)

+++ตอนขันให้แน่น ควรจะค่อยๆขันและสลับน้อตตัวตรงข้ามกันไปเรื่อยๆ ดีกว่าขันให้แน่นทีเดียววนไล่ไปทีละตัว+++

ผมเคยถอดล้ออะไหล่ ตามขั้นตอนนี้
ก่อนอื่นเลยนะครับ ให้ดูก่อนว่ารถมีอุปกรณ์ในการถอดล้ออะไหล่รึเปล่า และต้องมีล้ออะไหล่ด้วยนะครับ (บางคนล้ออะไหล่ถูกขโมยไปแล้ว แต่ไม่รู้ตัว...ใช่มั้ยครับ คุณพร)
1. ล้ออะไหล่ ( ยามปกติต้องตรวจวัดลมยาง เหมือนล้อปกติ และเติมลมยางให้มากกว่าปกตินิดหน่อย " กันซึม " )
2. แม่แรง (ใช้งานได้ดีรึเปล่า และมีอุปกรณ์ แกนเหล็กโยกครบใหม )
3. บล๊อคถอดน๊อตล้อรถยนต์ ( มีรึเปล่า ขนาดหัวน๊อต ตรงใหม )
วิธีการก็คือ นำแม่แรงสอดเข้าใต้ท้องรถ เลือกบริเวณที่เป็นคานเหล็กแข็ง เพื่อรองรับน้ำหนักรถยนค์
เสร็จแล้วใช้แกนเหล็กโยกเพื่ออัดลมเข้าแม่แรง ทำให้แม่แรงดันยกรถให้สูงขึ้น ลอยพ้นพื้นถนนนิดหน่อยก็พอ
(ต้องคลายน้อตก่อนอย่างที่คุณ j บอกนะครับ ไม่งั้นอาจหัวทิ่มแบบคุณ n ว่าไว้ แต่ถ้าเป็นล้อหลัง ดึงเบรคมือไว้ แล้วขันแรงๆ แม่แรงก็อาจจะล้มได้)
แล้วใช้บร๊อคขันน๊อตล้อออกทั้งหมด แล้วทำการถอดเปลี่ยนล้ออะไหล่ เสร็จแล้วให้ทำย้อนกลับตามขั้นตอนเดิม
หรือถ้าว่างๆ ไม่มีอะไรจะทำ ก็ทดลองดูได้นะครับ ฝึกเอาใว้ก่อน เวลาเกิดเหตุ จะได้คล่องๆ เน๊อะ

คำตอบที่ 12
       แหะๆ ขออภัยครับ คือเรื่องการเข็นรถเกียร์ออโต้เนี่ยผมเคยอ่านจากนิตยสารเกี่ยวกับรถยนต์ฉบับหนึ่งนานมาแล้ว คือมันเป็นแค่หลักการนะครับ ในทางปฏิบัติไม่อาจปฏิบัติได้จริงเพราะมันอันตรายมากๆ
เพิ่มให้อีกละกัน
1.ก่อนขึ้นแม่แรงให้เอาท่อนไม้หรือก้อนอิฐหรือก้อนหินรองล้ออีกด้าน เช่น จะขึ้นที่ล้อหน้าขวาก็รองที่ด้านหลังของล้อหลังซ้าย(ไม่รู้นึกภาพออกมั๊ย) เผื่อเบรคมือมันขี้เกียจกระทันหัน
2.อันนี้บางท่านอาจรู้แล้ว แต่ท่านไหนไม่รู้ก็อานดูครับ แม่แรงโดยทั่วไปจะมีสองแบบ ไม่รวมไฮ-ลิฟท์ แจ็คกับแม่แรงตะเข้นะครับ เพราะสองอันหลังนี้มันไม่แถมมากับรถ ส่วนที่แถมมาจะมีแบบแรกที่มันลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน คล้ายๆแขนหุ่นยนต์ซึ่งจะอยู่ในรถเก๋ง ส่วนอีกแบบของพวกเราสิงห์ควันดำจะเป็นแม่แรงไฮโดรลิก ทรงกระบอก ตัวนี้มีวิธีใช้เล็กน้อยครับใครไม่เคยใช้อาจตกใจว่าทำไมโยกแล้วมันไม่ขึ้น ดูตรงฐานแม่แรงนะครับฐานสี่เหลี่ยมนั่นแหละ มันจะมีที่หมุนเล็กๆอยู่ มันคือวาล์วของแม่แรง ถ้าจะขึ้นแม่แรงให้บิดหมุนไปทางขวาจนสุดก่อน ถ้าจะลงแม่แรงก็บิดหมุนมาทางซ้ายมันก็จะปล่อยแรงดันออกมา แกนที่ยื่นขึ้นไปก็จะยุบลงมาเอง
3.พอถอดยางออกมาจากดุมล้อแล้ว(กรณีไม่ได้เอายางไปปะหรือซ่อมบำรุงอย่างอื่น)ให้เอายางเส้นนั้นสอดเข้าใต้ท้องรถแถวใกล้ๆแม่แรงก็ได้ เพื่อป้องกันแม่แรงล้มหรือยุบตัวกระทันหัน รถจะได้ไม่ทับเอาตัวเราถ้าอยู่ใต้ท้องรถ
เชิญพี่ๆลุงๆมาเพิ่มเติมให้ด้วยนะครับ พิมพ์ไปตาลายไป เมื่อวานวันศุกร์แห่งชาติ หนักไปหน่อย

คำตอบที่ 13
       ใช่แล้วครับ....กำลังจะต่อพอดี

มันเป็นแค่ทฤษฎี....ว่าถ้าจะให้เครื่องติด ต้องใช้ความเร็วประมาณนั้น

แต่ถ้านำไปปฏิบัติ.....เกียร์จะพังก่อนนะ เพราะไม่มีน้ำมันไปหล่อเลี้ยง


แถมเรื่องพ่วงแบ็ตด้วยเลย

ต่อขั้ว + ของสายพ่วงเส้นนึง(มักจะใช้สีแดง) เข้ากับขั้ว + ของแบ็ตที่ไฟหมด ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งเข้ากับขั้ว + ของแบ็ตดี
ต่อขั้ว - ของสายพ่วงอีกเส้น(มักจะสีดำ) เข้ากับขั้ว - ของแบ็ตดี ต่อขั้วอีกข้างหนึ่ง เข้ากับโครงรถคันที่แบ็ตหมด
ติดเครื่องคันที่แบ็ตดี เร่งเครื่องพอประมาณ (ผมเร่งประมาณ1,500-2,000 รอบ) แล้วสตาร์ทรถคันที่แบ็ตหมด
ถ้ายังไม่ติด ให้เร่งเครื่องคันที่แบ็ตดีขึ้นอีก หรือสายจั้มอาจจะเล็กไป(จับดู สายจะร้อนมาก)
เมื่อสตาร์ทรถคันที่แบ็ตหมดติดแล้ว ก็ถอดสายพ่วงแบ็ตย้อนกลับจากตอนที่ต่อเข้า(เริ่มจากโครงรถ)

คำตอบที่ 14
       ขอบคุณครับที่ช่วยเพิ่ม แล้วมาเรื่องพ่วงแบตพอดี
1.การถอดขั้วแบตนี่ใช้สูตร ถอดลบ ใส่บวก (ตอนถอดต้องถอดขั้วลบก่อนขั้วบวก ตอนใส่ต้องใส่ขั้วบวกก่อนขั้วลบ)ใช่มั๊ยครับ
2.เราต้องดูขนาดของแบตเตอรี่ก่อนใช่มั๊ยครับก่อนที่จะทำการพ่วง แบบถ้ารถคันที่แบตหมดต้องมีแบตที่แอมป์ต่ำกว่าหรือเท่ากันกับรถที่จะมาพ่วงให้เราใช่มั๊ยครับ ไม่รู้ผมเข้าใจถูกรึเปล่า
3.แบตเตอรี่มีอายุใช้งานจริงๆประมาณกี่ปีครับ ของผมติดรถตั้งแต่ถอยใหม่ มาเดือนนี้ก็เข้าปีที่สาม ยังไม่มีอาการไฟอ่อนเลย(เช็คระดับน้ำกลั่นทุกอาทิตย์) ได้ยินมาว่าอยุ่ที่ไม่เกินสามปี จะได้เตรียมเงินไว้

คำตอบที่ 15
       พี่ครับ พอดีเพิ่งซื้อสายพ่วงแบตฯ มาน่ะครับ แต่ไม่เคยลองใช้เลย ผมเห็นมันมี 100-200แอมป์ กับ 300แอมป์
อันไหนดีกว่ากันครับ...
และวิธีพ่วงแบตฯ ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ วิธีปฎิบัติเหมือนกันไหมครับ.....
แต่เร็วๆนี้คงได้ใช้ เพราะแบตฯของผม จะ3ปีแล้วครับ.....

คำตอบที่ 16
       ความรู้ล้วนๆขอบคุณมากๆครับบางทีเรื่องง่ายๆของหลายคนก็เป็นเรื่องที่อีกหลายๆคนไม่เคยทำ คิดจะพึ่งร้านอย่างเดียวคงไม่ไหวเกิดวันไหนเดินทางรถไปเสียกลางเขาจะทำยังไง ขอบคุณครับและช่วยต่อเรื่องแบตฯด้วยนะครับ ผมยังไม่มีสายพ่วงแบตเลยสงสัยต้องไปซื้อเก็บไว้ซะแล้ว

ล้ออะไหล่ก็ไม่เคยเหลียวแลมันเลย คาดว่าอาทิตย์นี้จะลองกับมันสักตั้ง เริ่มจากเช็คอุปกรณ์ก่อนใช่มั้ยครับ แล้วกุญแจปลดล็อคยางอะไหล่ มันมีมากับรถแล้วใช่มั้ยครับ ผมนึกภาพไม่ออก เพราะซื้อรถมือสองมา ยังไม่เคยตรวจสอบดูเลย แย่จริง นึกแล้วอยากเขกหัวตัวเอง

คำตอบที่ 17
       คต15 แอมป์มากยิ่งดี แต่ส่วนมากจะโดนหลอก วิธีที่ดีที่สุด ดูทองแดงของสายให้เยอะที่สุดที่จะหาได้ ยิ่งเยอะยิ่งดี หรือไปหาซื้อสายที่มีทองแดงเยอะๆและซื้อปากคีบมาต่อเองจะดีกว่าคับผม ไม่ยากทำเองได้สบาย ประหยับเงิน ได้ของดีๆมาใช้ ....

คำตอบที่ 18
       ขอเสริมจากคุณβlue$ushi (คตที่13) อีกนิดครับ ต้งขออภัย
สำหรับขั้วลบให้คีบที่ตัวเครื่องยนต์ หลีกเลี่ยงการคีบสายพ่วงกับขั้วแบตฯ
ถ้าเป็นไปได้ให้ถอดขั้วลบออก แล้วต่อสายพ่วงเข้ากับสายแบตฯลบ (กรณีแบตฯ ที่ใช้พ่วงมีกำลังไฟไม่พอ /กระแสไฟจะถูกดึงเข้าสู่แบตก่อน / ค่าความต่างศักดิ์ไฟฟ้าไม่เท่ากัน)