คำตอบที่ 16
มีปรากฏการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นควบคู่กับวัฏจักรของราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศไทยเสมอมา
คือในช่วงที่ราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวสูงขึ้นจะมีการเสนอขายสินค้าที่มีคุณภาพค่อนข้างมหัศจรรย์
ในการช่วยลดการใช้น้ำมันของยานยนต์เข้าสู่ตลาด
สินค้าดังกล่าวจะมีคุณสมบัติในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์
ส่วนมากจะระบุตั้งแต่ 20 % ขึ้นไป และ เมื่อราคาน้ำมันลดลงมาอยู่ในระดับปรกติ สินค้าพวกนี้ก็จะค่อยๆ
ลดกิจกรรมด้านการตลาดลง จากประสบการณ์ในรอบ 20 ปีเศษที่ผ่านมา ซึ่งมีวิกฤตการณ์น้ำมันแพงหลายระลอก
พอจะรวบรวมประเภทของสินค้าเหล่านี้ออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ
กลุ่มแรกเป็นอุปกรณ์เสริมติดตั้งในยานยนต์
กลุ่มที่สองเป็นประเภทสารเคมีสำหรับเติมลงในน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันหล่อลื่น
กลุ่มที่สามกลุ่มอุปกรณ์เสริม (Gimmicks)
สำหรับติดตั้งเพิ่มในส่วนต่างๆของยานยนต์ มีหลากหลายชนิด ได้แก่
1. แม่เหล็กแรงสูง
เป็นแท่งแม่เหล็กนำไปรัดติดกับท่อน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนเข้าสู่เครื่องยนต์ ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลโดยอธิบายการ
ทำงานว่า
สนามแม่เหล็กจะช่วยจัดระเบียบ (สังคม) ให้โมเลกุลของน้ำมันที่วิ่งผ่านให้เรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบแบบแผนก่อนเข้าห้องเผาไหม้ มีผลทำให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ถึง 20-30 % และช่วยลดควันดำได้ด้วยในขณะเดียวกัน
ในช่วงกำลังนิยมราคาขายสูงสุดอยู่ที่ 7,000-8,000 บาท
ระยะหลังมีวางขายในห้างสรรพสินค้า ราคาลงมาอยู่ที่ 800 บาท
ต่อมามีผู้พัฒนาสินค้าชนิดนี้ให้ดูไฮเทคขึ้น โดยเปลี่ยนจากแท่งแม่เหล็กถาวรเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยต่อกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ อธิบายหลักการทำงานเหมือนกัน
2. ท่อเพิ่มพลังงาน สร้างด้วยโลหะผสมพิเศษ มีตั้งแต่ 5 ถึง 9 ชนิด
โดยทำเป็นท่อกลมหรือท่อสามเหลี่ยมติดตั้งโดยการตัดต่อเข้ากับท่อส่งน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อให้น้ำมันไหลผ่าน โดยอธิบายว่าโลหะเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) ให้โมเลกุลของน้ำมันเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์ขึ้น มีผลให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ท่อแบบสามเหลี่ยมผสมด้วยโลหะ 9 ชนิด เคยมีขายในราคาอันละ 4,500 บาท
3. ท่อช่วยรีดดูดไอเสีย ลักษณะเป็นท่อขนาดใหญ่
ประกอบด้วยครีบโลหะภายใน ติดตั้งที่ปลายท่อไอเสีย โดยอธิบายว่าอุปกรณ์นี้จะช่วยรีดดูดไอเสียออกได้มากและรวดเร็วกว่าปรกติ ทำให้เครื่องยนต์มีการเผาไหม้ที่ดีขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมันและลดควันดำ ราคาที่เสนอขายอยู่ที่ 20,000 บาท
4. เครื่องอุ่นน้ำมันดีเซล (Diesel Heater) มี 2 ชนิด
ชนิดแรกเป็นแบบขดลวดไฟฟ้า โดยใช้พลังไฟจากแบเตอรี่
ชนิดที่สองมีลักษณะเป็นท่อโลหะ 2 ท่อประกบกัน ท่อหนึ่งติดแทรกเข้าไปกับท่อยางหม้อน้ำอีกท่อหนึ่งติดแทรกกับท่อทางเดินน้ำมันดีเซล (การติดตั้งจะต้องตัดท่อน้ำกับท่อน้ำมัน)
อธิบายว่าเมื่อน้ำมันดีเซลไหลผ่านจะได้รับความร้อนจากหม้อน้ำ ทำให้น้ำมันดีเซลมีความใสสามารถแตกตัวเป็นฝอยเผาไหม้ได้ดีขึ้น มีผลช่วยให้ประหยัดน้ำมันและลดควันดำ
ต่อมามีผู้ประดิษฐ์เอาเครื่องอุ่นดีเซลนี้พ่วงกับแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อให้ได้พลังยกกำลังสอง ในการช่วยประหยัดน้ำมัน
5. เครื่องเพิ่มออกซิเจน เป็นอุปกรณ์คอยล์ไฟฟ้าผลิตอิเล็กตรอน
เพื่อแยกสารประกอบออกไซด์ในอากาศ ทำให้เพิ่มปริมาณออกซิเจนเข้าไปในเครื่องยนต์มากขึ้น ทำให้เพิ่มกำลังแรงม้าและอัตราการเร่งของเครื่องยนต์ และช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงในบางกรณีได้ถึง 60 % ราคาเสนอขายที่เครื่องละ 3,500 บาท
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อีกหลายชนิดที่จะไม่กล่าวถึงรายละเอียด อาทิเช่น
กระบอกโลหะบรรจุเม็ดตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับจุ่มแช่ไว้ในถังน้ำมันแบบถาวร
ครีบช่วยอัดอากาศ (Cyclone) เป็นแผ่นโลหะประกบเข้ากับไส้กรองอากาศ ฯลฯ
กลุ่มสารเคมี (Chemicals or Additives)
ในท้องตลาดเรียกกันว่าหัวเชื้อ มีการทำออกจำหน่ายมากมายหลายสิบหรืออาจจะเป็นร้อยยี่ห้อในท้องตลาด
เริ่มตั้งแต่สารหัวเชื้อประเภทพื้นฐาน ใช้ในการทำความสะอาดระบบเชื้อเพลิงและเครื่องยนต์ ใช้เพิ่มประสิทธิภาพของน้ำมันเครื่อง ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ลดการกินน้ำมันเครื่องและยืดอายุการใช้งาน ซึ่งบางชนิดก็อาจพอมีประโยชน์บ้าง
แต่สำหรับรถยนต์ที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพสูงเป็นประจำ ก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องใช้สินค้าเสริมเหล่านี้
ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะสินค้าที่อ้างสรรพคุณในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นจุดขาย ได้แก่
สารเร่งปฏิกิริยา (Catalysts)
ผสมลงในน้ำมันเชื้อเพลิงในปริมาณเพียงเล็กน้อย (ppm) จะช่วยให้การเผาไหม้มีประสิทธิภาพสูง ประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างมาก 20-30 % ขึ้นไป แต่ไม่สามารถอธิบายรายละเอียดถึงกลไก (Mechanism) การทำงานของ Catalysts เหล่านั้นได้
เอ็นไซม์ (Enzymes)
ระบุว่าผลิตมาจากน้ำย่อยของแบคทีเรียบางชนิด เมื่อผสมลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ขึ้น ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก และลดมลภาวะ เช่น ควันดำลงในขณะเดียวกัน
หัวเชื้อน้ำมันเครื่อง เป็นสารเคมีสูตรพิเศษ
ผสมลงไปในน้ำมันเครื่องจะไปเคลือบผิวโลหะของกระบอกสูบและลูกสูบ เพิ่มความลื่น มีผลให้ลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้มาก สินค้ากลุ่มนี้ราคาแพง กระป๋องหนึ่งราคาหลายร้อยบาทขึ้นไป
เทคโนโลยีของการหล่อลื่นในปัจจุบัน มีสารอยู่ประเภทหนึ่งที่เรียกว่า Friction Modifier เป็นสารช่วยลดความฝืดระหว่างผิวโลหะได้ชนิดที่เติมลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ประมาณ 1-2 % ซึ่งมีอยู่ในน้ำมันเบนซินบางยี่ห้อ การซื้อไปเติมเองจะไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ ส่วน
Friction Modifier ชนิดที่ใช้ผสมในน้ำมันเครื่องนั้น
จะมีอยู่ในน้ำมันเครื่องชนิดที่มีคุณภาพสูงมากๆบางยี่ห้อ ซึ่งเมื่อผสมลงในน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดใส เช่น เบอร์ SAE 0W-30, 5W-30 หรือ 5W-40 อาจจะช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ 3-4 % แต่การเติมสารพวกนี้ลงไปในน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันหล่อลื่นก็ตามจะต้องมีการทดสอบก่อนว่า จะไม่มีผลร้ายข้างเคียง (Harm Effect) ต่อชิ้นส่วนใดๆของยานยนต์ การเติมพวกหัวเชื้อ ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปลงไปในเครื่องยนต์ย่อมมีความเสี่ยงอยู่ในตัว
ข้อสังเกตของสินค้าช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
1. ผู้ที่อ้างตัวเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้น ส่วนใหญ่ เป็นผู้ที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือวิศวกรรมอย่างเป็นทางการ และไม่สามารถหาข้อมูลของแหล่งผลิตที่อยู่ในรูปบริษัทที่เป็นตัวตนได้
2. คำบรรยายสรรพคุณของสินค้า ไม่มีหลักทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน
บรรยายไปตามจินตนาการ ที่คล้ายๆจะเป็นวิทยาศาสตร์ของผู้เขียนหรือผู้ทำ แหล่งต้นตอของสินค้าประเภทนี้ ส่วนใหญ่จะมาจากทางไต้หวันและญี่ปุ่น เมื่อคนไทยได้พบเห็นจึงทำเลียนแบบหรือดัดแปลงขึ้น เพราะไม่ได้เป็นอุปกรณ์มีความสลับซับซ้อนมากนัก
3. การทดสอบเรื่องการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่อวดอ้าง
จะเป็นวิธีการของผู้ทำหรือผู้ขายเอง ไม่ใช่ วิธีการที่เป็นมาตรฐานสากลที่ทางอุตสาหกรรมยานยนต์ยอมรับกันอยู่ในปัจจุบันวิธีการทดสอบการประหยัดน้ำมันที่ใช้เป็นมาตรฐานในประเทศไทยคือ มอก.1870-2542
ซึ่งเทียบเท่ามาตรฐาน EURO 2 และ มอก. 2160-2546 เทียบเท่ามาตรฐาน EURO 3
4. ในระยะหลายปีที่ผ่านมา
ได้มีผู้นำสินค้าประเภทนี้หลายรายมาว่าจ้างให้ทางสถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ของ ปตท. ทำการทดสอบการประยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ตามวิธีการทดสอบมาตรฐาน มอก.1870-2542 ปรากฏว่ายังไม่เคยมีรายใดสามารถแสดงผลการประหยัดน้ำมันได้อย่างมีนัยสำคัญ ความเป็นจริง ในสภาพของการแข่งขันทางธุรกิจเพื่อเสนอขายสินค้าที่มีคุณภาพสูงและกฎเกณฑ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นตามลำดับ ทั้งบริษัทผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมทั่วโลกทุกวันนี้ ใช้นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรรวมกันเป็นหมื่นๆ คน และงบประมาณปีหนึ่งเป็นแสนๆล้านบาท เพื่อทำการศึกษาวิจัยเพื่อให้ได้ยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและปล่อยมลพิษน้อยที่สุด
ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ว่า ถ้าหากมนุษย์จะได้ค้นพบเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมใหม่ๆในการช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและลดมลพิษ สิ่งเหล่านั้นย่อมถูกนำมาอยู่ในผลิตภัณฑ์ยานยนต์และปิโตรเลียมที่ท่านใช้อย่างรวดเร็ว โดยที่ท่านไม่จำเป็นจะต้องจ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อหาสิ่งพิเศษมาใช้กับรถของท่าน นอกจากจะไม่คุ้มค่าเงินแล้ว ยังอาจจะต้องเสี่ยงกับผลร้ายข้างเคียงที่เกิดขึ้นกับรถของท่าน
รวบรวมโดย ดร. ธานินทร์ อุทวนิช
ผู้จัดการฝ่ายวิจัยวิศวกรรมและเครื่องยนต์ทดสอบ
สถาบันวิจัยและเทคโนโลยี ปตท
1 มิถุนายน 2547