คำตอบที่ 1
       สูตรก็มีอยู่ว่า
ความเร็วจริง(km/h)=ความเร็วรอบ(rpm)/อัตราทดเกียร์ x 1/อัตราทดเฟืองท้าย x 60 เส้นรอบวงล้อ(หน่วยเป็นเมตร) / 1000
ตัวอย่างเช่น คำนวณหาความเร็วจริงจากความเร็วรอบ 4750 รอบ อัตราทดเกียร์ 0.827(เกียร์ 5 ของ สตราด้า 2500)อัตราทดเฟืองท้าย 4.22 (อัตราทด ของ สตราด้า 2500) เส้นรอบวงยาง 2.03 เมตร (ยาง 195R14C )
แทนค่า
ความเร็วจริง = 4750/0.827x1/4.22x60x2.03/1000
165.77 km/h ในขณะที่ความเร็วจริงที่แจ้งที่เรือนไมล์คือ 180 km/h ลองคำนวณดูเล่น ๆ นะครับอย่าคิดมาก(สูตรที่ได้ทดสอบ และวัดจริงด้วย GPS และ การจับเวลาครับผม)

คำตอบที่ 2
       โทษทีครับตกไปนิดนึงขอแก้ไขจาก
ความเร็วจริง(km/h)=ความเร็วรอบ(rpm)/อัตราทดเกียร์ x 1/อัตราทดเฟืองท้าย x 60 เส้นรอบวงล้อ(หน่วยเป็นเมตร) / 1000
เป็น ความเร็วจริง(km/h)=ความเร็วรอบ(rpm)/อัตราทดเกียร์ x 1/อัตราทดเฟืองท้าย x 60 x เส้นรอบวงล้อ(หน่วยเป็นเมตร) / 1000

คำตอบที่ 3
      

น่าจะจริงนะ ผมไม่ค่อยเชื่อเข็มไลเท่าไหร

จะเชื่อ GPS มากกว่า

คำตอบที่ 4
       ปกติแล้วความเร็วที่หน้าปัทม์กับความเร็วที่ล้อจะต่างกันประมาณ10% ถึง 20%
หากแต่ว่าถ้าคุณแนนน้อยเน จับความเร็วด้วยGPS ผมก็ขอเชื่อด้วยคนครับ

คำตอบที่ 5
       ขออนุญาตออกความเห็นแย้งนิดนะครับ ผมคิดว่าถ้าเอาความเร็วรอบมาคำนวณร่วมด้วยโอกาสเที่ยงตรงน่าจะคลาดเคลื่นได้ เพราะความเร็วรอบวัดที่เครื่องยนต์แสดงว่าถ้าวัดรบวัดได้1000รอบหมายความว่าฟลายวีลก็หมุน1000รอบ แต่การส่งกำลังมาเกียร์ต้องผ่านแผ่นครัชโอกาสที่จะลื่นมีแน่นอน ฟลายวีลหมุน1000รอบ ไม่แน่นอนเสมอไปว่าแกนเพลาที่ต่อมาจากแผ่นครัชจะหมุนได้1000รอบด้วย ยิ่งสปริงหวีครัชที่เริ่มเสื่อมแล้วโอกาสผิดพลาดยิ่งเยอะ ลองมองแบบง่ายๆ รถคันเดียวกันถ้าวิ่งที่100 กม./ชม. เคยใช้รอบ2500รอบ ถ้าเรารรทุกด้วยความเร็วเท่าเดิมอาจต้องใช้รอบถึง2600รอบในความเร็ว100กม./ชม.เท่าเดิม


นี่น่าจะเป็นสาเหตุที่การวัดความเร็วรถจึงไปวัดที่เพลาส่งกำลังแทน ซึ่งรถแต่รุ่นจึงเอารัศมีของยางมาคำนวณเฟืองตัวหนอนทดตรงสายไมล์ หรือถ้าเป็นไมล์ไฟฟ้าก็เลือกมาวัดรอบหมุนของเพลาส่งกำลังขั้นสุดท้าย


ด้วยความเคารพในความเห็นของทุกท่านครับ

คำตอบที่ 6
       มิน่าเวลาฉลามเรียกผมถามว่าตั้งเท่าไร เขาตอบ 110