จาก กุ้ง
อาทิตย์ที่ , 30/8/2552
เวลา : 09:16
อ่าน = 734
124.121.142.66
|
ก้าวสู่ 20 ปีที่เราทำงานให้สืบ นาคะเสถียร
โดย ศศิน เฉลิมลาภ เขียนแทน มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร
คืนวันที่ 31 สิงหาคม ล่วงเข้าสู่เช้าวันที่ 1 กันยายน ปี 2533 เป็นคืนที่พี่สืบ นาคะเสถียร ตัดสินใจยิงตัวตาย ใช้ชีวิตเป็นเดิมพันเพื่อเรียกร้องให้สังคมไทยหันมาสนใจการอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งนับถึงสิ้นเดือนนี้ก็ครบ 19 ปีเต็ม ที่ชีวิตผู้ชายคนหนึ่งสร้างปรากฏการณ์กระแส "อนุรักษ์" ขึ้นในประเทศไทยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เหตุการณ์คัดค้านเขื่อนน้ำโจนในป่าทุ่งใหญ่ ภาพการช่วยชีวิตสัตว์ป่าที่เขื่อนเชี่ยวหลาน การทำงานแก้ปัญหาสารพัดเพื่ออนุรักษ์ผืนป่าห้วยขาแข้งในช่วงเวลาเพียงแปดเดือนของงานหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า การตระเวนบอกกล่าวถึงความสำคัญของการละเว้นชีวิตและอนุรักษ์บ้านของสัตว์ป่า และการทุ่มเทเขียนรายงานการสำรวจคุณค่าป่าทุ่งใหญ่-ห้วยขาแข้งเสนอให้เป็นมรดกโลก จนถึงการตัดสินใจใช้ชีวิตเรียกร้องให้ผู้คนรู้จักกับการเสียสละเพื่อธรรมชาติโดยมีตัวอย่างของการทำงานด้วยชีวิต
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ในอดีตไม่มีใครเคยทำ และทั้งประเทศก็แทบไม่มีใครรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นที่ต้อง "ทำ"
เมื่อใกล้ล่วงสู่ปีที่ 20 ผมลองถามเด็กที่เข้าสู่วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว พบว่าแทบไม่มีใครรู้ว่าอะไรคือความสำคัญของวันที่ 1 กันยาฯ ไม่รู้ว่าคนชื่อสืบ นาคะเสถียร เคยฝากอะไรไว้ให้กับผืนป่าและสัตว์ป่า
แต่เชื่อว่าความทรงจำทั้งหลายยังคงชัดเจนอยู่กับคนรุ่นสี่สิบอย่างผม และผู้คนที่ผ่านวันเวลานั้นร่วมกันอย่างไม่ลืมเลือน ผู้คนที่ผ่านวันเวลานั้นต่างร่วมกันยกอุดมการณ์อนุรักษ์ขึ้นเป็นหลักคิด หลักยึดถือที่สำคัญมากในการพัฒนาประเทศไทยจนถึงวันนี้
ในระดับนโยบาย ปรากฏการณ์ปฏิเสธการสัมปทานตัดไม้จากป่า การยกความสำคัญในการออกกฎหมายสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า กฎหมายคุ้มครองคุณภาพสิ่งแวดล้อม การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อนทำโครงการขนาดใหญ่ การประชาพิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นของประชาชน การคำนึงถึงสิทธิของชุมชนและคุณภาพชีวิตของชาวบ้านตามรัฐธรรมนูญ เหล่านี้ใช่หรือไม่ว่าเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของประเทศไทยในการรักษาสิ่งแวดล้อม
ในระดับปฏิบัติ ความตื่นตัวในการรักษาป่า การปลูกป่าทดแทน การใช้หลักการรีไซเคิล รียูส ใช้ถุงผ้า และมาตรการลดขยะทั้งหลาย การหันกลับมานิยมวัสดุธรรมชาติ ผักปลอดสารพิษ การรังเกียจการนุ่งห่มประดับประดาด้วยซากสัตว์ รวมถึงการประหยัดน้ำ ไฟฟ้า พลังงาน ต่างเป็นค่านิยมที่เกิดขึ้นในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา และผู้คนจำนวนมากไม่ปฏิเสธที่จะร่วมมือเท่าที่โอกาสจะอำนวย ในระดับเยาวชน แทบไม่มีใครไม่รู้จักความสำคัญของผืนป่า ผลกระทบจากโลกร้อน กิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมและค่ายอนุรักษ์เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในโรงเรียน อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาเมื่อก่อนปี 2533 และยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้
มาตรฐานทางความคิดเช่นนี้ หากจะว่าไปแล้วนับเป็นการยกระดับ "ความเจริญ" หรือการเป็นประเทศที่ก้าวไปสู่การ "พัฒนา" ครั้งสำคัญทีเดียว
ดังนั้นไม่ว่าวันนี้ใครจะจำพี่สืบได้หรือไม่ ล้วนไม่มีความสำคัญ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เรียกว่าการอนุรักษ์ได้ลงหลักปักฐานอย่างมั่นคงในระดับหนึ่งแล้วในประเทศไทย แต่หากจะว่ากันตามจริงแล้ว ความตื่นตัวในครั้งนั้นอาจจะดูมีพลังไม่มากเมื่อเทียบกับการก้าวกระโดดของระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่เน้นการบริโภคแบบทุนนิยมที่กลืนกินโลกทั้งใบไปพร้อมๆ กันกับกระแสอนุรักษ์ที่ก้าวตาม แต่เชื่อว่าเมื่อถึงวันหนึ่งสังคมไทยที่มีการเตรียมพร้อมอย่างที่ว่ามายาวนานก็จะสามารถร่วมกันรวมพลังแก้ปัญหาและรักษาประเทศไทยเอาไว้ได้จากภัยใหญ่จากสิ่งแวดล้อมในที่สุด
มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ก่อตั้งขึ้นจากผู้คนที่มีจิตใจอนุรักษ์และเข้าใจเจตนารมณ์นั้นของคุณสืบ ช่วยกันสร้างองค์กรแห่งนี้ขึ้นภายหลังจากคุณสืบเสียชีวิต 18 วัน เวลาที่ผ่านมาหลายปีเปิดโอกาสให้ผู้คนหลากหลายได้เข้ามาร่วมกันทำงานให้พี่สืบ เราช่วยกันคิดว่าถ้าพี่สืบยังอยู่เขามีความคิดจะทำอะไร และพวกเราก็ช่วยกันทำในสิ่งที่เราคิดว่าเป็นแนวคิดของพี่สืบ
ผลงานที่ชัดเจนของมูลนิธิในช่วงแรกหลังการจากไปของคุณสืบ คือการสร้างอาคารอนุสรณ์สถานสืบ นาคะเสถียร และรูปปั้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์สืบ นาคะเสถียร รวมถึงอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง โดยการประสานงานการระดมทุนและการก่อสร้างจนแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2536 และยังสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานให้เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ทุ่งใหญ่นเรศวร สถานีวิจัยสัตว์ป่าเขานางรำ และพื้นที่อนุรักษ์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนถึงการเริ่มจัดตั้งกองทุนเพื่อผู้พิทักษ์ป่าซึ่งได้จัดสรรเงินให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิต ในการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนที่ราชการไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตในการสนับสนุนทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งบุตรธิดาเรียนจบการศึกษา ซึ่งได้ทำต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันได้ช่วยเหลือดังกล่าวไปแล้วนับกว่า 100 นาย
ผลงานที่เด่นชัดอีกประการหนึ่งของมูลนิธิได้แก่ การรณรงค์ทักท้วงโครงการที่จะมีผลกระทบต่อผืนป่าสัตว์ป่า แหล่งธรรมชาติ และสิทธิชุมชน ดังเห็นตามข่าวต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
ในปี 2547-2552 เป็นช่วงสำคัญยิ่งของการเปลี่ยนแปลงแนวทางการทำงานของมูลนิธิ มาทำงานในพื้นที่ชุมชนในป่าตะวันตกได้ครบ 131 ชุมชนในผืนป่า ส่งผลให้สามารถลดความขัดแย้งในระดับพื้นที่ได้ในระดับที่น่าพอใจ สำหรับชุมชนขอบป่าได้สนับสนุนให้ชุมชนมีการจัดตั้งป่าชุมชนบริเวณขอบป่า รวมจำนวน 135 ชุมชน
20 ปีที่ผ่านมา การทำงานของเราในนามมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร อาจเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่รักษาสัญลักษณ์และความทรงจำบางอย่างไว้ แต่การสืบจิตวิญญาณของพี่สืบที่แท้จริงคงต้องหวังไว้กับผู้คนทุกๆ คนที่มีจิตใจอนุรักษ์ดังกล่าวมาแล้วในทุกระดับ เพื่อเตรียมพร้อมในการกอบกู้วิกฤตใหญ่ทางสิ่งแวดล้อมที่คุกคามโลกในวันที่ใกล้เข้ามาทุกที ไม่ว่าเขาจะจำได้หรือรู้จักว่า "สืบ นาคะเสถียร" เป็นใครหรือไม่ก็ตาม
หมายเหตุ : มูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ขอเชิญเพื่อนมิตรร่วมงานก้าวสู่ปีที่ 20 สืบ นาคะเสถียร ณ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม และร่วมทำบุญในวันครบรอบเสียชีวิตพี่สืบในเช้าวันที่ 1 กันยายน สอบถามรายละเอียดที่ 0-2224-7838-9 หรือ www.seub.or.th
|