คำตอบที่ 4
็อาจจะเป็นความโชคดีของผู้ผลิตปิกอัพก็ได้ที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อรถเก๋งหันมาซื้อรถปิกอัพมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากปิกอัพขนาดหนึ่งตันนอกจากจะใช้เป็นพาหนะเยี่ยงรถเก๋งได้แล้ว ยังใช้เป็นเครื่องมือทำมาหากินได้อีกหรือรถในเชิงพาณิชย์ และยิ่งมาในระยะหลังผู้ผลิตรถปิกอัพได้เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นใกล้เคียงกับรถเก๋ง เหมาะกับการใช้งานอเนกประสงค์มากขึ้น และค่ายรถยนต์ชั้นแนวหน้าได้นำเทคโนโลยีเครื่องยนต์ใหม่ๆมาใส่ไว้ในรถปิกอัพเป็นการเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกไปพร้อมกับพลังของเครื่องยนต์ที่จัดจ้านมากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากขึ้น
ค่ายมิตซูบิชิเองก็ได้นำเครื่องยนต์ 2.5 เทอร์โบ มาใส่ไว้ในมิตซูบิชิ สตราดา รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 5 เกียร์หลังจากเปลี่ยนรุ่นจากจากมิตซูบิชิ แอล 200 ไซโคลน เมื่อปี 2539
รูปโฉมภายนอก-ภายใน
คันที่ได้ทำการทดสอบเป็นมิตซูบิชิ 2.5 วีจี เทอร์โบ แกรนดิส (แบบสี่ประตู) เครื่องยนต์ภายใต้รหัส 4D56 ที่ให้แรงจัดจ้านเร่งแซงทันใจ นอกจากนี้ยังผสมผสาน ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลวีจีเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ 2500 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 85 กิโลวัตต์ 116 แรงม้า กับแรงบิด 240 นิวตันเมตรที่ 2000 รอบ/นาที และระบบฉีดจ่ายเชื้อเพลิง รวมถึงระบบคันเร่ง ควบคุมด้วยไฟฟ้า จึงมีอัตราเร่งตอบสนองทุกความเร็วได้สมบูรณ์แบบลงตัว
นอกจากนี้ยังตอบสนองการใช้งานแบบออฟโรดกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบ M-SOF ซึ่งเป็นต้นแบบ Shift-on-the-fly ที่เปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2 ล้อ เป็น 4 ล้อ โดยไม่ต้องหยุดรถเมื่อความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และชุดเฟืองท้ายลิมิเต็ด สลิป รองรับการลุยทุกรูปแบบด้วยความมั่นใจ และอุปกรณ์พิเศษมาตรวัด TRIPLE METER ที่จำเป็นสำหรับการเดินทางแบบออฟโรดทำให้ภายในห้องโดยสารนอกจากจะออฟโรดลงตัวกับรูปร่างหน้าตาจากภายนอกที่มีความเป็นสปอร์ต พร้อมจมูกดักอากาศบนฝากระโปงหน้า สีทูโทนพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานในแบบฉบับของออฟโรด อย่างที่เห็น ที่สำคัญมีถุงลมนิรภัยด้านคนขับ และเอบีเอส 4 ล้อ กระจกมองข้างและประตูปรับด้วยระบบไฟฟ้า
การทดสอบ
ผมเพิ่งได้มีโอกาสทดสอบมิตซูบิชิ 2.5 สตราดา วีจี เทอร์โบ อย่างเต็มอิ่มเป็นครั้งแรกในทุกสภาพถนน ในการขับในสภาพถนนปกตินับว่าให้อัตราเร่งแซงที่ประทับใจมาก ในระดับความเร็วใช้งานปกติไม่เกิน 110 กิโลเมตร/ชั่วโมงห้องโดยสารเงียบเป็นที่น่าพอใจ จุดเด่นของรถคนนี้อยู่ที่สามารถเรียกม้าที่อยู่ในห้องเครื่องออกมาได้ทั้งในรอบเครื่องยนต์สูงและรอบ เครื่องยนต์ต่ำ นับว่าเป็นรถยนต์ที่ให้พลังจัดจ้านเอาเรื่องคันหนึ่งทีเดียว อาจเป็นเพราะเทอร์โบที่ถูกกำหนดให้ทำงานเร็วขึ้นในรอบ เครื่องยนต์ต่ำ
การทดสอบในสภาพถนนออฟโรด เพื่อ ทดสอบความแรงของเครื่องยนต์ แม้จะไม่โหดแต่เท่าที่เลือกทดสอบในสภาพถนนต่างๆ รถคันนี้ก็สามารถตอบสนองความรู้สึกได้ดี และยังมีม้าเหลือพร้อมที่จะให้พลังอีกจำนวนมากตามที่ต้องการ ตามปกติแล้วเครื่องยนต์เทอร์โบจะเริ่มอัดอากาศ (บูสต์) ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ปานกลางขึ้นไป เนื่องจากในรอบเครื่องยนต์ต่ำแรงดันไอเสียที่ผลัดดันชุดเทอร์ไบน์ยังน้อยมากทำให้เทอร์โบไม่มีกำลังพอที่จะบูสต์ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเครื่องยนต์ชนิดนี้
สำหรับเครื่องวีจี เทอร์โบ ได้แก้ปัญหานี้ลงไป โดยแรงดันของไอเสียที่ไปผลักดันใบบัดเทอร์ไบน์จะถูกบังคับทิศทางโดยอุปกรณ์ใบควบคุม (VANE) ที่ออกแบบพิเศษให้ปริมาณไอเสียถูกบีบเร่งความเร็วให้เป็นแรงดันที่สูงพอในการผลักดันใบเทอร์ไบน์ขณะที่เครื่องยนต์เดินรอบต่ำ ทำให้การอัดอากาศทำได้เร็วกว่า และดีกว่าเทอร์โบเดิม และจะปรับมุมสูงขึ้นจนถึงรอบสูงสุด และจะไม่มีการปรับตำแหน่งอีกแม้รอบเครื่องยน์จะขึ้นสูงไปอีกเป็นการป้องกันการโอเวอร์บูสต์ และมีอินเตอร์คูลเลอร์ช่วยในการระบายความร้อนอากาศก่อนเข้าสู่กระบอกสูบให้อุณภูมิมีความเหมาะสมต่อแรงดันในกระบอกสูบ และยังมีพัดลมไฟฟ้าใต้อินเตอร์คูลเลอร์เสริมประสิทธิภาพการระบายความร้อนได้ดีขึ้น
สรุป
การทดสอบมิตซูบิชิ 2.5 วีจี เทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ นับว่าเป็นรถยนต์ที่ประทับใจอีกคันหนึ่งทั้งอัตราเร่งแซงที่ฉับไวทันใจในสภาพออนโรด และในสภาพออฟโรดก็ให้กำลังขับเคลื่อนมหาศาลเพียงพอที่จะตอบสนองผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางในรูปแบบนี้ ขณะที่ราคา 775,000 บาท ก็สูสีกับรถยนต์ประเภทเดียวกันจากค่ายอื่นๆ แต่อาจจะเหนือกว่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่พร้อมสรรพ และต้องยอมรับว่ามิตซูบิชิ 2.5 สตราดา วีจี เทอร์โบ ขับเคลื่อน 4 ล้อ แกรนดิส (แบบสี่ประตู) เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ชอบรถที่มีความแรงจัดจ้าน