WeekendHobby.com


ขอความรู้เรื่องน้ำมันเครื่อง

จาก ตุ๋ยมิตซู
พฤหัสบดีที่ , 2/2/2549
เวลา : 09:47

อ่าน = 2415
202.6.107.51
       ขอความกระจ่างจากท่านผู้รู้ด้วยนะครับเรื่องน้ำมันเครื่อง คือว่ามีเพื่อนผมเขาถามผมมาเรื่องน้ำมันเครื่อง ว่า รถใหม่จะใช้ SAE 10 W 30 หรือ SAE 15 W 40 แล้วรถที่ใช้งานมาแล้ว 4 ปีควรจะใช้เท่าไรดี และความหมายของตัวเลข 10,15 หมายความว่าอะไร ตัว W คืออะไร แล้วเลข 30,40 ตัวท้ายหมายความว่าอะไร ผมเองก็ตอบได้ไม่ชัวร์ครับ เลยต้องมาถามท่านผู้รู้ขอบคุณล่วงหน้าครับ

เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       จำได้คร่าวๆนะครับอาจไม่ถูกนะครับ
5w ไม่เกิน 12,500กม.
10w ไม่เกิน 10,000กม.
15w ไม่เกิน 7,500กม.
20w ไม่เกิน 5,000กม.
และไอ้ 20 , 30 , 40 ตัวหลังบอกความหนืดของน้ำมันถ้ารถเก่าก็จะใช้น้ำมันที่หนืดมากๆถ้ารถยังใหม่ก็ใช้ความหนืดไม่เกิน 30 บางท่านอาจจะว่าผิดนะครับผมมือใหม่ครับไม่รู้มากรอท่านอื่นตอบก็ได้ครับ



Strada 2.8 จาก อู๊ด/Strada 2.8  203.156.190.134  พฤหัสบดี, 2/2/2549 เวลา : 12:40   


คำตอบที่ 2
       สมาคมวิศวกรรมยานยนต์แห่งสหรัฐอเมริกา (Society of Automobile Engineers - SAE) ได้แบ่งเกรดของสารหล่อลื่นไว้หลายชนิด เช่น SAE 10 , SAE 20, SAE 10W, SAE 20W และ SAE 10W-30 เป็นต้น ซึ่งตัวอักษร W ได้แสดงถึงคำว่า Winter หมายถึง สารหล่อลื่นใดที่ลงท้ายด้วย W เป็นสารหล่อลื่นที่ถูกทดสอบที่ 0 องศาฟาเรนท์ไฮท์ และออกแบบให้ใช้ในเมืองหนาว แต่สำหรับสารหล่อลื่นแบบ SAE 10W-30 จะหมายถึงสามารถใช้ได้ที่ทั้งอากาศร้อนและหนาวกล่าวคือจะเป็น เกรด SAE 10W ในขณะที่อากาศหนาว และเป็นเกรด SAE 30 ในอากาศร้อนเป็นต้น รูปที่ 1 และรูปที่ 2 ได้แสดงถึงความสัมพันธ์ของค่าความหนืดสัมบูรณ์ (Absolute viscosity) ของสารหล่อลื่นเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนไป



จาก nipon  202.6.107.59  พฤหัสบดี, 2/2/2549 เวลา : 13:50   


คำตอบที่ 3
       คัดลอกมาจาก teenet.chaiangmai.ac.th/emac/journal/2000/08/06.php



จาก nipon  202.6.107.59  พฤหัสบดี, 2/2/2549 เวลา : 13:54   


คำตอบที่ 4
       สำหรับในไทย ตัวหน้าไม่ต้องสน เน้นตัวหลัง
นอกจากว่าทำงานที่บนดอย ก็เลือก 0w ไว้ก่อน

ส่วนรถใหม่ๆ ดีเซลยุคเก่า ก็ 40 พอเริ่มกิน นมค มาก ก็ขยับเป็น 50

แต่ถ้าเป็นดีเซลยุคใหม่ คอมมอนเรลทั้งหล่ยให้เริ่มที่ 30 แล้วค่อยๆเพิ่มตามอายุ



Grandis2800 จาก Grandis2800  161.200.255.161  ศุกร์, 3/2/2549 เวลา : 19:58   


คำตอบที่ 5
       ระยะทางของการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องแต่ละชนิด

1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา ประมาณ 4000 กิโลเมตร
2. น้ำมันเครื่องชนิดกึ่งสังเคราะห์ ประมาณ 6000 กิโลเมตร
3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ประมาณ 10000 กิโลเมตร
ความหนืดของน้ำมันเครื่องจะเกี่ยวข้องกับการสร้างชั้นเคลือบและการไหลเวียนของน้ำมันเครื่อง ซึ่งเกรดความหนืดคืออัตราการไหลของปริมาณต่อขนาดและความยาวของรู ต่อหน่วยเวลา ณ อุณหภูมิหนึ่ง ยกตัวอย่าง
เช่น น้ำมัน 60 ซี.ซี ไหลผ่านรูขนาด 12.25 มิลลิเมตร ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส
ส่วนหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในการวัดเกรดความหนืดก็คือ สมาคมวิศวกรรมยานยนต์หรือ SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) โดยเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องจะแสดงเป็นเป็นอักษรย่อ SAEแล้วตามด้วยเกรดความหนืดเป็นตัวเลขเช่น 5, 10, 15, 30, 40และ 50เป็นต้น
โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็จะสูงตามไปด้วยเช่น SAE 10W-50จะมีความหนืดมากกว่า SAE 5W-40
ซึ่งการวัดเกรดความหนืดจะแบ่งเป็นการวัดที่ 2 อุณหภูมิที่แตกต่างกัน
1. วัดที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะตามด้วยอักษร W (WINTER) เช่น 5W, 10W
2. วัดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งตัวเลขเกรดความหนืดจะเป็นตัวเลขอย่างเดียวเช่น 30, 40, 50

การเลือกน้ำมันในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศร้อนให้ดูที่ตัวเลขตัวหลังสุดที่ไม่มีตัวอักษรนำหน้าอย่างเดียวก็พอ
เพราะประเทศไทยไม่มีอุณหภูมิติดลบจึงไม่มีความจำเป็นต้องดูตัวเลขที่มีตัวอักษร W ตามหลัง

ส่วนการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องนั้นให้ดูจากคู่มือประจำรถยนต์ หากไม่ทราบเกรดความหนืดที่แน่นอนให้ใช้เกรดความหนืด 40 หากเครื่องยนต์มีอาการกินน้ำมันเครื่องให้เปลี่ยนเป็นเกรดความหนืด 50
ปัจจัยอื่นๆในการเลือกเกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องก็คืออุณหภูมิของอากาศและสภาพความหลวมของชิ้นส่วนในเครื่องยนต์ หากอากาศภายนอกเย็นหรือเครื่องยนต์เย็น น้ำมันเครื่องควรใสและไหลง่ายเพื่อหล่อลื่นและปกป้องชิ้นส่วนของเครื่องยต์ขณะ
สตาร์ทและใช้งาน หากเครื่องยนต์ร้อนแล้วน้ำมันเครื่องใสเกินไป ชั้นเคลือบหรือฟิล์มจะบางเกินไปและไม่สามารถปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จากการสึกหรอได้
หากเครื่องยนต์ผ่านการใช้งานมามากและเครื่องยนต์เริ่มหลวมก็ควรเลือกน้ำมันที่มีเกรดความหนืดมากขึ้นจากมาตรฐานที่กำหนดในคู่มือรถยนต์สักหน่อยเช่นจาก 40เป็น 50 เพราะชั้นเคลือบหรือฟิล์มที่หนาขึ้นสามารถเข้าไปอุดช่องว่างที่เกิดจากการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ที่เพิ่มมากขึ้นได้อีกด้วย ในส่วนนี้สามารถช่วยป้องกันกำลังอัดรั่วไหลของเครื่องยนต์ที่เกิดจากช่องว่างระหว่างแหวนลูกสูบและกระบอกสูบได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งทำให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย



จาก BIRD ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ  124.122.45.156  อังคาร, 25/8/2552 เวลา : 21:35   


คำตอบที่ 6
       กลายเป็นบัวพ้นน้ำเลยครับน้า ขอบคุณครับ



จาก abu-daiwa  124.157.224.171  พุธ, 26/8/2552 เวลา : 10:16   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 25/8/2554 5:42:14

Error processing SSI file