คำตอบที่ 2
ท่านบอกเป็นนัย...ว่าให้ท่านทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อ อำนาจของประชาธิปไตยนั้น มีอยู่ 3 ส่วน คือ
1.อำนาจบริหาร(รัฐบาล)
2.อำนาจนิติบัญญัติ(เสนอร่าง,พรบ.)
3.อำนาจตุลาการ
แล้วทีนี้ไอ้ข้อ1 ตอนนี้มันเละเทะซะเหลือเกินแล้ว ส่วนข้อ 2 ก็ทำอะไรมันไม่ได้เพราะว่า ร่าง พรบ. ทุกอย่าง เสนอมาจาก สส. ส่งให้สำนักงานกฤษฎีกาตีความ,ตรวจสอบข้อกฎหมาย เสร็จแล้วถ้าถูกต้องสามารถดำเนิการต่อได้ก็ให้นำเรื่องหรือ พรบ.นั้นเข้าสภา เปิดวาระประชุม ครม. (ใครล่ะที่ตัดสินว่าเอาเข้าไป ก็พวกมันนั่นแหล่ะ ไอ้ สส.ตัวดีบางตัว) ผ่านก็ส่งให้ สว. พิจารณา (ส่วนนี้ก็ใครอีกที่เป็นลูกหม้อพรรคการเมืองบางพรรคที่จะเอื้อผลประโยชน์ต่อกัน) ........
เท่าที่เล่าให้ฟังพอสรุปได้เลยไหมล่ะครับ ว่า อำนาจประชาธิปไตยมันโอนเอียงไปให้ใคร..... ในหลวงท่านเลยชี้ในจุดนี้ว่า ยังมีอำนาจอีก 1 ที่ยังเหลืออยู่นั้นคืออำนาจตุลาการ ท่านเลยกำชับบรรดาผู้รับผิดชอบในอำนาจนี้ว่า "ตามที่ท่านปฏิญาณต่อเรามาถ้าท่านทำไม่ได้(เชิงเหมือนท่านว่าถ้าไม่กล้าอ่ะนะครับ) ก็ลาออกไปซะ...อย่ามาปฏิญาณให้เสียเวลาเลย"
เพราะอำนาจทุกอย่างอยู่ที่ประชาชน เพราะนี่คือประชาธิปไตย...ในหลวงท่านเลยฝากให้ศาลต่างๆจัดการหามาตรการมาเฉือดทักษิณ..ไปหาทางมา...ส่วนไอ้เจ้าสนธิน่ะบอกมันด้วยว่า..ท่านไม่ได้กลัวหรือเกรงที่จะทำตามาตรา 7..แต่ในมาตรา 7 น่ะ ไม่มีบอกว่า ท่านทำได้...อย่ามามั่วให้มันมากนักหรือยืมมือท่าน....ทำนองนั้น....จงอยู่ในความสงบ..เอะอะก็กู้ชาติ..กู้บ้ากู้บอ...กู้เพื่อมันเองล่ะไม่ว่า....ผมอ่านแล้วเข้าใจว่ากระนี้ ท่านอื่นล่ะว่าอย่างไร...ไอ้พวกที่เอาไปตีความเข้าข้างตัวเองนี่มันก็ช่างระย.... จริงๆนะครับ คิอเองเออเองไปได้ไง...
นี่ผมพูดอย่างเป็นกลางเลยนะครับ....พล่ามซะยาว..ดึกแล้ว...ทำงานต่อก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวจะเช้าซธก่อน งานเยอะแม้เวลาหลับนอนยังแทบไม่มี...เศร้าจาย....