WeekendHobby.com


ผม print ติดรถเอาไว้กันโดนกัดยามออกต่างจังหวัด
thanya.b
จาก เที่ยวละไม
จันทร์ที่ , 22/5/2549
เวลา : 13:03

อ่าน = 1553
203.154.152.254
       เอาไว้โวยกลับถ้าโดนจับครับ...print เก็บติดรถเลย....




เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


   
   

คำตอบที่ 1
       เขาจะใช้ข้ออ้างว่า คุณขับช้ากว่าคันอื่น (ถ้าคุณเป็นคันแรกที่วิ่งขวา และรถคันอื่นวิ่งตามติดหลังมา) ยังไงก็มีช่องหากินอยู่ดี



จาก ลูกขนุน  203.144.139.225  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 14:10   


คำตอบที่ 2
       เขาจะใช้ข้ออ้างว่า คุณขับช้ากว่าคันอื่น (ถ้าคุณเป็นคันแรกที่วิ่งขวา และรถคันอื่นวิ่งตามติดหลังมา) หรือขับเร็วเกินกำหนด ยังไงก็มีช่องหากินอยู่ดี



จาก ลูกขนุน  203.144.139.225  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 14:46   


คำตอบที่ 3
       ผมว่าของพี่ดาบเขาดีๆ จะดีกว่าวิธีนี้มั๊ง



จาก สมหมาย  58.147.45.188  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 16:05   


คำตอบที่ 4
      
:: พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตราที่ 31-43เบญจ

:: ลักษณะ 3 การใช้ทางเดินรถ หมวด 1 การขับรถ
มาตรา 31 นอกจากที่บัญญัติไว้เป็นพิเศษในลักษณะ 4 ว่าด้วยการใช้ ทางเดินรถที่จัดเป็นช่องเดินรถประจำทาง การใช้ทางเดินรถให้เป็นตามที่ บัญญัติไว้ในลักษณะนี้
มาตรา 32 ในการใช้ทางเดินรถผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถ ชนหรือโดนคนเดินเท้าไม่ว่าจะอยู่ ณ ส่วนใดของทางและต้องให้สัญญาณ เตือนคนเดินเท้า ให้ผู้รู้ตัวเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็ก คนชรา หรือ คนพิการที่กำลังใช้ทาง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการควบคุม รถของตน
มาตรา 33 ในการขับรถ ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย และ ต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาหรือ ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้
(1) ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(2) ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(3) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึงหกเมตร
มาตรา 34 ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียว กันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดิน รถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้
(1) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(2) ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก
(4) เมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(5) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย
*หมายเหตุ มาตรา นี้ได้มีการเพิ่มเติมเข้าไปโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ข้อความใหม่เข้าไปโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ 4)พ.ศ.2535 ใน มาตรา 6 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 39 หน้า 44 วันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2535

มาตรา 35 รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของ รถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขัยรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถ ด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้
ผู้ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถ ซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่อง ทางเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ต้องขับรถในช่องเดินรถด้าน ซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทางแล้วแต่กรณี
ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับแก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีน้ำหนักไม่ เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ตามกฎหมาย ว่าด้วยรถยนต์
*หมายเหตุ มาตรา นี้ความเดิมได้ถูกยกเลิกไป และมีการเพิ่มเติมข้อความ ใหม่เข้าไปโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2535 ใน มาตรา 3 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 103 ตอนที่ 180 ลงวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2529
มาตรา 36 ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถ ให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้าเปลี่ยน ช่องเดินรถ ลดความเร็วของรถ จอดรถ หรือหยุดรถ ต้องให้สัญญาณด้วยมือ และแขนตาม มาตรา 37 หรือไฟสัญญาณตาม มาตรา 38 หรือสัญญาณอย่าง อื่นตามข้อบังคับของเจ้าพนักงานจราจร
ถ้าโดยสภาพของรถ สภาพของการบรรทุก หรือสภาพของทัศนวิสัยการ ให้สัญญาณด้วยมือและแขนตามวรรคหนึ่งไม่อาจทำให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถสวนมา หรือตามมาข้างหลังมองเห็นได้ ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณ
ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาหรือสัญญาณอย่างอื่น ตามวรรคหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ จอดรถหรือหยุดรถเป็น ระยะทางไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร
ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่างอื่น ตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร
มาตรา 37 การให้สัญญาณด้วยมือและแขน ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) เมื่อจะลดความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขวนขวาตรงออกไปนอก รถเสมอระดับไหล่ และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
(2) เมื่อจะหยุดรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับ ไหล่ยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น
(3) เมื่อจะให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้า ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรง ออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือไปทางข้างหน้าหลายครั้ง
(4) เมื่อจะเลี้ยวขวาหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา ให้ผู้ขับขี่ยื่น แขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่
(5) เมื่อจะเลี้ยวซ้ายหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย ให้ผู้ขับขี่ยื่น แขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และงอข้อมือชูขึ้นโบกไปทางซ้าย หลายครั้ง
เพื่อประโยชน์แห่ง มาตรานี้ ในกรณีที่รถยนตร์นั้นมีเครื่องขับอยู่ทางด้าน ซ้ายให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟสัญญาณแทนการใช้สัญญาณด้วยมือและแขน
มาตรา 38 การให้ไฟสัญญาณของผู้ขับขี่รถยนตร์หรือรถจักรยานยนตร์ ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้
(1) เมื่อจะหยุดรถ ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณสีแดงที่ท้ายรถ
(2) เมื่อจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นผู้ขับขี่ ต้องให้สัญญาณยกเลี้ยวสีเหลืองอำพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีขาวหรือ สีเหลืองอำพันที่ติดอยู่หน้ารถหรือข้างรถ และไฟสัญญาณกระพริบสีแดง หรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถไปในทิศทางที่จะเลี้ยว เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(3) เมื่อจะให้รถคันอื่นแซงขึ้นหน้า ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณยกเลี้ยว สีเหลืองอำพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ ท้ายรถทางด้านซ้ายของรถ
*หมายเหตุ มาตรา นี้ความเดิมได้ถูกยกเลิกไป และมีการเพิ่มเติมข้อความ ใหม่เข้าไปโดย พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2535 ใน มาตรา 7 ซึ่งได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 109 ตอนที่ 39 หน้า 44 วันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2535
มาตรา 39 เมื่อขับรถสวนกัน ให้ผู้ขับขี่รถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถ โดยให้ถือกึ่งกลางของทางเดินรถเป็นหลัก แต่ถ้าทางเดินรถใดได้จัดแบ่งเป็น ช่องเดินรถไว้ ให้ถือเส้นหรือแนวที่แบ่งนั้นเป็นหลัก
ในทางเดินรถที่แคบ เมื่อขับรถสวนกัน ผู้ขับขี่แต่ละฝ่ายต้องลดความเร็ว ของรถเพื่อให้รถสวนกันได้โดยปลอดภัย
ในทางเดินรถที่แคบซึ่งไม่อาจขับสวนกันได้โดยปลอดภัย เมื่อขับรถสวน กัน ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันที่ใหญ่กว่าต้องหยุดรถให้ชิดขอบทางเดินรถด้านซ้าย เพื่อให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันที่เล็กกว่าผ่านไปได้
ในทางเดินรถที่มีสิ่งกีดขวางอยู่ข้างหน้า ผู้ขับขี่ลดความเร็วของรถหรือ หยุดรถเพื่อให้รถคันที่สวนมาผ่านไปได้
มาตรา 40 ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุด รถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ
ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถขึ้นสะพานหรือทางลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้ รถถอยหลังไปโดนรถคันอื่น
มาตรา 41 ทางเดินรถใดที่มีเครื่องหมายจราจรให้เป็นทางรถทาง เดียว ให้ผู้ขับขี่รถไปตามทิศทางที่ได้กำหนดไว้
มาตรา 42 ทางเดินรถใดที่มีเครื่องหมายจราจรแบ่งทางเดินรถออก เป็นสองทางสำหรับรถเดินขึ้นทางหนึ่ง ล่องทางหนึ่ง โดยมีช่องว่างคั่นกลาง หรือทำเครื่องหมายจราจรกีดกั้นแสดงว่าทางเดินรถนั้นมีการแบ่งออกเป็นสอง ทางดังกล่าว ให้ผู้ขับขี่ขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถ
มาตรา 43 ห้ามมิให้ผู้ขับขี่รถ
(1) ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะขับ
(2) ในขณะเมาสุราหรือของเมาอย่างอื่น
(3) ในลักษณะกีดขวางการจราจร
(4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคล หรือ ทรัพย์สิน
(5) ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจ แลเห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านได้พอ แก่ความปลอดภัย
(6) คร่อมหรือทับเส้นหรือแนวแบ่งช่องเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยนช่อง เดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ
(7) บนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับทารถ คนป่วยหรือคนพิการ
(8) โดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น
มาตรา 43ทวิ ห้ามมิให้ผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษตามกฎหมายว่าด้วย ยาเสพติดให้โทษหรือเสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามกฎหมายว่า ด้วยวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ทั้งนี้ ตามที่อธิบดีกำหนดโดยประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา
ให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือ ผู้ตรวจการมีอำนาจจัดให้มีการตรวจสอบผู้ขับขี่รถบางประเภทตามที่อธิบดี กำหนด โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าได้เสพยาเสพติดให้โทษหรือ เสพวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทตามวรรคหนึ่งหรือไม่ และหากผลการ ตรวจสอบในเบื้องต้นปรากฏว่าผู้ขับขี่นั้นไม่ได้เสพก็ให้ผู้ขับขี่นั้นขับรถต่อไป ได้
ในกรณีที่ผู้ขับขี่ตามวรรคสองไม่ยอมให้ตรวจสอบให้เจ้าพนักงานจราจร พนักงานสอบสวน พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผู้ตรวจการมีอำนาจกักตัวผู้นั้นไว้ เพื่อดำเนินการตรวจสอบได้ภายในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นแห่งกรณีเพื่อให้การ ตรวจสอบเสร็จสิ้นไปโดยเร็วและเมื่อผู้นั้นยอมรับการตรวจสอบแล้วหากผล
การตรวจสอบในเบื้องต้นปรากฏว่าไม่ได้เสพก็ให้ปล่อยตัวไปทันที การตรวจสอบตาม มาตรา นี้ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนด ในกฎกระทรวง
*หมายเหตุ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉ.6) พ.ศ.2542
มาตรา 43ตรี ในกรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 43 (1) หรือ (2) ผู้ตรวจการมีอำนาจสั่งให้ผู้นั้นหยุดรถและสั่งให้มีการทดสอบ ตาม มาตรา 142 ด้วย
*หมายเหตุ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉ.6) พ.ศ.2542
มาตรา 43จัตวา ในกรณีที่ผู้ตรวจการพบว่าผู้ขับขี่ผู้ใดฝ่าฝืน มาตรา 43 (1) หรือ (2) หรือ มาตรา 43ทวิ วรรคหนึ่ง ให้ผู้ตรวจการส่งตัวผู้นั้นพร้อม พยานหลักฐานในเบื้องต้นแก่พนักงานสอบสวนผู้มีอำนาจโดยเร็วแต่ต้องไม่ เกินหกชั่วโมง นับแต่เวลาที่พบการกระทำความผิดดังกล่าว เพื่อดำเนินคดี ต่อไป
*หมายเหตุ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉ.6) พ.ศ.2542
มาตรา 43เบญจ ในการปฏิบัติหน้าที่ตาม มาตรา 43ทวิ และ มาตรา 43ตรี ให้ผู้ตรวจการแสดงบัตรประจำตัวของตนซึ่งออกตามกฎหมายว่า ด้วยการขนส่งทางบกหรือกฎหมายว่าด้วยรถยนตร์ต่อผู้ซึ่งเกี่ยวข้อง
*หมายเหตุ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉ.6) พ.ศ.2542




จาก ss  203.151.216.4  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 16:57   


คำตอบที่ 5
       พอกันแหละครับ ฝ่ายจราจร เห็นวิ่งขวามาก็จะจับท่าเดียว ส่วนพวกเราก็เพลอไม่ได้ เห็นทางขวาโล่ง ก็ออกวิ่งยาวเลย ทางที่ดี ดูตามสถานการณ์เถอะครับ ถ้าลงมาวิ่งซ้ายได้ก็กลับมาดีกว่า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเถียงกับจราจร



จาก ss  203.151.216.4  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 17:02   


คำตอบที่ 6
       ไม่มีอะไรดีดีในสุริยะจักรวาลที่ตำรวจไทยทำได้ครับ



จาก พันทางแท้  203.113.56.14  จันทร์, 22/5/2549 เวลา : 20:26   


คำตอบที่ 7
       มันเป็นช่องโหว่ของกฏหมาย ถ้าจะคุยกันภาษากฏหมาย...ยาว..ครับ มันขึ้นอยู่กับการตีความ ตราบใดที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลฏีกา เขียนไว้เป็นบรรทัดฐาน..ว่าการวิ่งขวาผิดกม.หรือไม่?อย่างไร (ผมว่าคดีอย่างนี้ไม่น่ามีใครเสียเวลาฟ้องถึงศาลฏีกา เดี่ยวจะลองไปหาฏีกาเก่าๆดูว่ามีหรือไม่)
ส่วนบทความของคุณเพลิงมรกต เขียนให้ผู้อ่านได้พอเข้าใจ.ถึงความน่าจะเป็น และสิ่งที่น่าจะถูกต้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า วิ่งขวาแล้วไม่ผิด ตอนท้ายยังสรุปว่า การตีความข้อกฏหมายเรื่องนี้ยังไม่ชัดเจน ดังนั้น ในเมื่อ..จ่า..จะจับ ข้อหาง่ายๆคือ วิ่งขวาทำให้กีดขวางการจราจร หรือ ขับรถเร็วเกินกว่า กม.กำหนด
ทางที่ดีที่สุด คือ..ปากเป็นเอกครับ มือเป็นเทพพนม จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก
แต่ถ้าคุณต้องการความถูกต้อง ซึ่งหายากมากๆกับข้าราชการเมืองไทย ก็ลองดูซักตั้งครับ ยอมเสียเวลาลุยเลยครับ



ed จาก ขงเบ้ง ราม"29   อังคาร, 23/5/2549 เวลา : 10:28   


คำตอบที่ 8
       เคยเห็นป้ายครับ
" เดินรถชิดขอบทางด้านซ้าย ช่องขวาไว้แซงเท่านั้น "
ดังนั้นหากเดินรถในช่องทางขวาโดยที่ช่องซ้ายว่าง
และมีรถขับตามท้ายด้านขวาจะถูกข้อหา
" เดินรถในลักษณะกีดขวางการจราจรและหรือเดินรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย " ครับ



จาก E21SBO  203.148.204.194  อังคาร, 23/5/2549 เวลา : 12:00   


คำตอบที่ 9
       แต่ผม เจอข้อหานี้ครับ
" ปิดบังสาระสำคัญ ของป้ายทะเบียนรถยนต์ "

เนื่องจาก กันชนหน้า และ หลังของกระผมมันดันปิดบังตรงตำแหน่ง จังหวัด ของป้ายทะเบียน ครับผม
เจอไป สองร้อย แต่ต้องไปเสียที่ สถานีตำรวจทางหลวง ตรงขาออกจากด่านมอเตอร์เวย์ ทีไปจากชลบุรี น่ะ
ตอนนี้เลยต้อง ขยับป้ายทะเบียนขึ้นไปอีกขั้น



จาก hi-tech no log  58.147.72.215  อังคาร, 23/5/2549 เวลา : 20:30   


คำตอบที่ 10
       เอาเงินร้อย..ให้พวกมันดีกว่าครับ..ถ้าพวกมันเรียกแล้วก้อต้องจ่ายครับ...ผมขับมาซ้าย..วิ่งไม่เกิน90..มันเรียกผมแล้วบอกว่าขับเร้ว...ผมบอกว่า..วิ่งไม่ถึง90..มันพูดเลย..ว่าอย่ามาเถียงเจ้าหน้าที่.....จะจ่ายที่นี่หรือรับใบสั่ง...
สุดท้ายก้อต้องจ่ายครับ...สุ้พวกมันม่ได้หรอกครับ



patchatt จาก Bug_toom  203.130.144.32  พุธ, 24/5/2549 เวลา : 07:30   


คำตอบที่ 11
       ขนาดมี พวกมัน(เผือก) บางคนยังขับปาดซ้าย แซงขวา วิ่งบ้าพลัง 200 กม/ชม ถ้าไม่มี พวกมัน(เผือก) จะวิ่งกันขนาดไหน



จาก star-ton (kit-nb)   203.149.16.33  พุธ, 24/5/2549 เวลา : 10:12   


คำตอบที่ 12
       อืม..ดีๆๆครับ นานาทัศนคติดีครับ...ถ้ามีเวลาพอเป็นผมก็คงเถียงและไม่รับอย่างเดียวครับ...ถ้าเรามั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดจริงๆ..ประมาณขาโวย..แต่บางทีรีบมากๆ โดนเรียกก็ลดกระจกแล้วยื่นไปเลยครับ ร้อยทั้งร้อย เอาทั้งนั้น ถ้าเป็นด่านลอย....



thanya.b จาก เที่ยวละไม  203.154.152.254  พฤหัสบดี, 25/5/2549 เวลา : 14:48   


คำตอบที่ 13
       เห็นด้วยตาม คห.8 เพราะตามกฎหมายบอกว่าให้เดินรถชิดช่องทางซ้ายสุด จะวิ่งขวาก็ได้แต่ก็ต้องเข้าซ้ายทุกครั้งที่ช่องทางซ้ายว่าง ผมก็ขับซ้ายเวลาช่องซ้ายว่าง แล้วขับขวาเวลาแซงรถ ไม่เคยถูกจับเลย ผมเดินทางออกต่างจังหวัดอาทิตย์ละ 3-4 วันถูกเรียกไม่เกิน 5ครั้ง ในระยะเวลาเกือบ 10 ปี และไม่เคยขับช้าแล้ววิ่งขวากีดขวางใคร เพราะตัวเราเองก็ไม่อยากให้ใครขับช้ากีดขวางเราเหมือนกัน แต่ทุกวันนี้มีพวกขับ 80 วิ่งขวาตลอดเต็มถนนไปหมดทำให้ทางหลวงใช้ความเร็วไม่ได้รถต่อแถวยาวเหยียดเพราะต้องขับตามรถช้าไปตลอดทาง ตัวอย่างเช่น มอเตอร์เวย์ ที่มี 2เลน จะพบเห็นเป็นประจำ แต่พอรถติดพวกนี้ก็จะแซงซ้ายบ้าง ไหล่ทางบ้าง เหมือนจะรีบไป พอรถว่างก็ขับ 80 ต่อ ถ้ามีตำรวจตรวจจับก็จะไม่ค่อยมีปัญหาเพราะแต่ละคันก็จะรักษากฎจราจร ขับซ้ายยกเว้นแซงกันได้ แปลกจริงๆ คนไทย



จาก B_VG  210.86.147.112  เสาร์, 27/5/2549 เวลา : 23:31   


คำตอบที่ 14
       อีกข้อหนึ่ง ปัจจุบันนี้ ตำรวจทางหลวงได้กวดขันเรื่องการขับรถเร็วเกินอัตรา ก็ขอเตือนเพื่อนสมาชิกให้ระมัดระวังกัน เพราะที่สังเกตมา จะมีการตั้งด่านจับความเร็วบนถนนหลวงสายหลัก ๆ เกือบทุกสาย เกือบทุกวัน เช้าบ้าง บ่ายบ้าย เช่น พระราม 2 แถว มหาชัย-แม่กลอง ,สุขุมวิท ชลบุรี ,ระยอง สายใหม่ หรือสายเหนือ สายอีสาน ยังไงก็อย่าให้เกิน 110 กม/ชม ก็ยังพอคุยกันได้



จาก B_VG  210.86.147.112  เสาร์, 27/5/2549 เวลา : 23:36   


คำตอบที่ 15
       อืม ไม่ทราบว่าท่านใดเคยโดน ใบสั่งทางไปรษณีย์ เนื่องจากขับรถเร็วบ้างครับ เพราะวันที่ผมไปเสียค่าปรับ ข้อหา " ปิดบังสาระสำคัญ ของแผ่นป้ายทะเบียน " เห็นมีรูปตัวอย่าง ของการตรวจจับความเร็ว โดยเครื่องตรวจจับ

ชัดเจนมากครับ เห็นหน้ารถเต็มหน้ายิ่งไม่ติดฟิล์มน่ะ โอ้โห เห็นหน้าคนขับเลยทีเดียว แต่ที่เด่นที่สุดก็เป็นหมายเลขทะเบียนรถด้วยครับ และที่หน้าจอ ก็จะมี รายละเอียดเกี่ยวกับว่า รถห่างจากกล้อง กี่เมตร ขับเร็วเท่าไร ผ่านกล้องไปเร็วเท่าไร วันที่ เวลา มีเรียบร้อยครับ เรียกว่าหากโดนคงปฏิเสธไม่ได้แน่ๆ

เจ้าหน้าที่บอกว่า หากไม่เกิน 110 จริงๆ ก็จะไม่จับครับ เพราะก็เข้าใจคนขับรถเหมือนกัน ดังนั้นผมก็เลย พยายามขับไม่ไห้เกิน 110 ครับนอกจากเร่งแซง

ฝาก พี่ๆ เพื่อนๆ ด้วยน่ะครับ ช้าๆ ก็ไปถึงเหมือนกันแหละ ช้ากว่า ไม่กี่นาที แต่ปลอดภัยทั้งจากอุบัตเหต และ กฏหมายด้วยครับ

ว่าแต่ว่าทำไมรถผมมันวิ่งได้แค่ 130 ก็ไม่รู้สิ



จาก hi-tech no log  58.147.51.70  อาทิตย์, 28/5/2549 เวลา : 00:39   


คำตอบที่ 16
       ขอบคุณครับ ป๊ะ ก๊อปไว้แล้ว
ผมยังไม่เคยโดนนะ ถ้าโดนจะลองดูซักตั้ง

เคยแต่โดนจับความเร็ว โกรธมากเลย
วิ่งมาร้อยห้าสิบ บอกเราวิ่งร้อยสิบห้า เกินกว่ากฏหมายกำหนด



blue_sushi จาก blue_sushi  210.246.73.60  อาทิตย์, 28/5/2549 เวลา : 09:14   


      

Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วัน<%=WeekdayName(Weekday(Date))%>,<%=formatdatetime(date(),1)%> (Online <%=Application("OnlineUsers")%> คน)
                                       

เพื่อลดภาระของ ฐานข้อมูล ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก เพราะเวบเปิดมากว่า 10 ปี
จึงทำให้เวบช้าลงมาก ทีมงานจึงขออนุญาต แปลงข้อมูลจาก ฐานข้อมูลหลักเป็น SHTML File
เพื่อลดภาระการทำงานของ ฐานข้อมูลหลักครับ การแปลงฐานข้อมูลนี้ จะทำให้กระทู้นี้
ไม่สามารถตอบคำถามได้อีกต่อไปครับ แต่จะสามารถค้นหาชื่อกระทู้ และ Link ตรงมาที่หน้านี้ได้เหมือนเดิมครับ

ด้วยความนับถืออย่างสูง ทีมงาน Weekendhobby.com


Convert on : 25/8/2554 5:47:54

Error processing SSI file