คำตอบที่ 9
น้ำป่าโคลนถล่ม เมืองลับแล เสียหายยับเยิน
ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของ คืนวันที่ 22 พ.ค. ต่อเนื่องถึงกลางดึกล่วงเข้าวันที่ 23 พ.ค. ได้เกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงจากเทือกเขา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดน้ำตกแม่พูลใน อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ เข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่เกษตรใน ต.นานกก ต.สายหลวง ต.แม่พูล ต.ทุ่งยั้ง และ ต.ไผ่ล้อม อ.ลับแล ระดับน้ำบางช่วงสูงถึง 4 เมตร บ้านเรือนราษฎรบางหลังที่อยู่ในพื้นที่ลุ่มถูกน้ำท่วมจมมิดหลังคา
น้ำป่า-โคลนทะลักกลางดึก
โดยเฉพาะที่หมู่ 7 บ้านผามูบ และบ้านมหาราช หมู่ 11 ต.แม่พูล อ.ลับแล ซึ่งมีบ้านเรือนราษฎรรวมกันกว่า 100 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในพื้นที่หุบเขาและเชิงลาดตามไหล่เขา ปรากฏว่าถูกน้ำป่าสีแดงขุ่นคลักไหลทะลักเข้าท่วมอย่างรวดเร็วกลางดึก ชาวบ้านที่กำลังพักผ่อนต้องสะดุ้งตื่นเพราะตกใจกับเสียงน้ำป่าและต้นไม้หักโค่น รีบหอบลูกจูงหลานอพยพขึ้นที่สูงหนีตายกันอย่างโกลาหล ทิ้งข้าวของเครื่องใช้ เครื่องมือการเกษตร รถยนต์ รถจักรยานยนต์ และสัตว์เลี้ยง ไว้ตามยถากรรม ก่อนถูกกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดกลืนหายไปกับความมืด ต่อมาได้เกิดดินโคลนถล่มลงมาทับบ้านเรือน ประชาชนต่างร้องขอความช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ เนื่องจากกระแสไฟฟ้าดับ และสัญญาณโทรศัพท์มือถือถูกตัดขาด ชาวบ้านซึ่งส่วนมากเป็นผู้สูงอายุและเด็กตัดสินใจลุยน้ำ นำร่างผู้บาดเจ็บอพยพออกจากหมู่บ้าน มาอาศัยอยู่ที่ ทำการเทศบาลตำบลหัวดง อ.ลับแล
ระดมกำลังนับพันเข้าช่วย
ต่อมาในช่วงเช้า นายจักริน เปลี่ยนวงษ์ รอง ผวจ. อุตรดิตถ์ สั่งระดมเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด เจ้าหน้าที่ อปพร. หน่วยกู้ภัย และทหาร ตำรวจ รวมกว่า 1,000 นาย ออกช่วยเหลือชาวบ้าน แต่ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากถนนสายลับแล-อุตรดิตถ์ หมู่ 4 ต.ฝายหลวง มีน้ำท่วมสูง รถยนต์ทุกชนิดผ่านไม่ได้ จึงประสานกองทัพภาคที่ 3 ขอเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงผู้บาดเจ็บสาหัส ซึ่งถูกกระแสน้ำพัดไปกระแทกกับสิ่งต่างๆ ส่ง รพ.อุตรดิตถ์ ขณะที่ น.พ.บุญเกิด เชวงศรี ผอ.รพ. อุตรดิตถ์ ส่งแพทย์และพยาบาลมาประจำที่ศูนย์กู้ภัยมูลนิธิ อุตรดิตถ์สงเคราะห์ เพื่อปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บเล็กน้อยกว่า 20 ราย เนื่องจากถนนทุกสายที่เข้าสู่ รพ.อุตรดิตถ์ ถูกน้ำท่วมรถยนต์ผ่านไม่ได้
ตาย 5 ศพสูญหายอีกเพียบ
ต่อมา พล.ท.สพรั่ง กัลยาณมิตร แม่ทัพภาคที่ 3 พร้อมด้วย พล.ท.จิรเดช คชรัตน์ แม่ทัพน้อยที่ 3 ได้นำ เฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ ขึ้นบินสำรวจพื้นที่ประสบอุทกภัยใน จ.อุตรดิตถ์ โดยนำเฮลิคอปเตอร์ไปลงที่สนามบินชั่วคราว ร.ร.บ้านหัวดง ต.แม่พูล อ.ลับแล ลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บส่ง รพ.อุตรดิตถ์ 13 ราย จากการบินสำรวจพบพื้นที่ที่ได้รับ ความเสียหายมากที่สุดอยู่ในเขต ต.แม่พูล โดยเฉพาะบ้านผามูบ ซึ่งตั้งอยู่ติดกับเทือกเขาพลึงและลำน้ำแม่พูล ได้เกิดโคลนถล่มและมีท่อนซุงจำนวนมากไหลเข้าถล่มหมู่บ้าน ตัดเส้นทางคมนาคมที่ผ่านเข้า-ออกหมู่บ้านทุกเส้นทาง จึงสั่งให้ทหารโรยตัวลงจากเฮลิคอปเตอร์ เข้าสำรวจความเสียหาย พบบ้านเรือนราษฎรราว 90 หลังคาเรือน ถูกโคลนถล่มทับ ต่อมาหน่วยกู้ภัยพบผู้เสียชีวิต 5 ราย 3 รายจมน้ำเสียชีวิต ส่วนอีก 2 รายเสียชีวิตอยู่ใน รถยนต์ที่ถูกน้ำท่วมและหนีออกมาไม่ทัน นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้สูญหายกว่า 90 ราย คาดว่าอาจอพยพขึ้นบนยอดเขา แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้
ชาวบ้านโวยรัฐไม่แจ้งเตือน
นายชัยณรงค์ เคยสุวรรณ์ ชาวบ้านผามูบ กล่าวว่าฝนตกตั้งแต่เช้าวันที่ 22 พ.ค. ต่อเนื่องมาจนถึงกลางคืน จนเวลา 23.00 น. ได้ยินเสียงต้นไม้ใหญ่น้อยในป่าติดกับหมู่บ้านหักโค่น บ้านเรือนเกิดการสั่นไหว สักพักก็มีน้ำสีแดงจากภูเขาไหลลงมา พร้อมพัดโคลนและต้นไม้ลงมาท่วมทับ ทำให้หมู่บ้านทั้งหมู่บ้านจมอยู่ใต้โคลน ตั้งแต่ตั้งหมู่บ้านมาหลายสิบปีก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ชาวบ้านทุกคนตกใจมาก ลูกเล็กเด็กแดงร้องไห้กันระงม ต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอดไว้ก่อน ไม่ทันจะเก็บข้าวของติดตัวไปด้วย โดยก่อนเกิดเหตุไม่ได้รับการแจ้งเตือนจากทางอำเภอหรือหน่วยราชการแต่อย่างใด สำหรับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ รุนแรงกว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2538 เนื่องจากในครั้งนี้มีโคลนถล่มร่วมด้วย
ปีนต้นไม้ขึ้นหลังคาหนีตาย
กระแสน้ำยังไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ โดยที่ ต.น้ำริด ต.บ้านด่านนาขาม มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนตั้งแต่กลางดึก กระแสน้ำพัดบ้านหายไปกว่า 30 หลังคาเรือน ชาวบ้านต้องขึ้นไปหลบภัยบนต้นไม้ และหลังคาบ้านเพื่อรอการช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ ถนนสายพิษณุโลก-เด่นชัย หมู่ 4 ต.บ้านด่านนาขาม ถูกน้ำป่าจากป่าแม่เฉยไหลบ่าท่วมสูงราว 1 เมตร รถยนต์ผ่านไม่ได้ ส่วนที่ ต.ท่าอิฐ เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ ระดับน้ำสูง 1-3 เมตร โดยเฉพาะถนนเจษฎาบดินทร์ ระดับน้ำสูงมาก รถยนต์กว่า 50 คัน ถูกน้ำท่วมมิดหลังคา บางคันพลิกตะแคงเพราะแรงน้ำซัด ที่หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ ระดับน้ำสูง 80 ซม. ด้านเรือนจำจังหวัดอุตรดิตถ์ มีน้ำท่วมสูง 90 ซม. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต้องขนย้ายนักโทษชาย-หญิงรวม 729 คน ไปฝากขังไว้ที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอุตรดิตถ์ ต้องตัดกระแสไฟฟ้าเพื่อป้องกันอันตราย ทำให้การสื่อสารทุกระบบถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
วอนจังหวัดเร่งช่วยเหลือด่วน
นายไพฑูรย์ ม่วงทอง อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 หมู่ 3 ต.น้ำริด อ.เมืองอุตรดิตถ์ และเป็นสมาชิก อบต.น้ำริด กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ฝนตกหนักติดต่อกันมา 2 วัน 2 คืน จู่ๆน้ำป่าก็ไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 23 พ.ค. ชาวบ้านไม่มีใครรู้ตัวมาก่อน ต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น ระดับน้ำขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 1.80-2.50 เมตร หากเป็นบ้านชั้นเดียวก็ท่วมมิดหลังคา ที่บ้านของตนเลี้ยงสุกรไว้ 50 ตัวไม่ สามารถเคลื่อนย้ายออกมาจากคอกเลี้ยงได้ ต้องปล่อยไปตามยถากรรม ชาวบ้านส่วนหนึ่งอพยพออกไปบนพื้นสูงได้ทัน แต่บางส่วนยังติดค้างอยู่ในบ้าน ไม่มีทั้งน้ำดื่มและอาหาร อยากจะวิงวอนให้ทางจังหวัดเร่งเข้ามาช่วยเหลือด้วย
รถไฟหยุดเดินรถสายเหนือ
ที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ และสถานีอุตรดิตถ์ มีผู้โดยสารที่มากับรถไฟเที่ยวล่องจากเชียงใหม่ ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ตกค้างอยู่ราว 4,000 คน เนื่องจากน้ำท่วมทางรถไฟ เจ้าหน้าที่ต้องนำรถทหารลำเลียงออกมา เพื่อต่อรถโดยสารต่อไป ล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศ ไทย ได้ประกาศงดเดินขบวนรถสายเหนือ ที่ต้องผ่านเส้นทางสถานีศิลาอาสน์ ในวันที่ 23 พ.ค. จนกว่าระดับน้ำจะลดลง สอบถามรายละเอียดได้ที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง ขณะเดียวกันระดับน้ำในแม่น้ำน่าน ก็เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยชั่วโมงละ 2 ซม. ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ เตรียมตัวขนย้ายสิ่งของอพยพหนีน้ำขึ้นที่สูง
สุโขทัยดินถล่มตาย 3 ศพ
ส่วนที่หมู่ 7 บ้านห้วยตม ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับหมู่ 7 บ้านผามูบ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ แต่อยู่คนละฟากภูเขา ปรากฏว่าได้เกิดดินโคลนถล่มเข้าทับถนนทางเข้าหมู่บ้าน และน้ำป่าไหลบ่าท่วมบ้านเรือนราษฎรที่ตั้งบ้านอยู่ตามพื้นที่ลาดเชิงเขา เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย จากดินถล่มทับ หน่วยกู้ภัยยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้เพราะถนนถูกตัดขาด ต้องประสานขอเฮลิคอปเตอร์และเรือท้องแบนติดเครื่องยนต์ของ ตชด. เข้าไปในพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน ในขณะที่สภาพอากาศช่วงเช้ายังคงมีสายฝนโปรยปรายลงมาเป็นระยะ ท้องฟ้าปิดมีเมฆหนาทึบ คาดว่าหากฝนตกหนักลงมาอีกระลอก จะส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้น สำหรับบ้านห้วยตม ชาวบ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนผลไม้ ปลูกทุเรียนและลางสาด พื้นที่ของหมู่บ้านเป็นที่ราบสลับเชิงเขา และอยู่ในประกาศพื้นที่เสี่ยงภัยต่อการเกิดน้ำภาวะป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.สุโขทัย ด้วย
เมืองแพร่ไม่พ้นจมบาดาล
ที่ จ.แพร่ น้ำป่าจากลำห้วยต่างๆ ไหลทะลักเข้าท่วมในพื้นที่ ต.ห้วยไร่ อ.เด่นชัย ส่งผลให้น้ำท่วมทางรถไฟ ขบวนรถเด่นชัย-อุตรดิตถ์ ต้องหยุดเดินรถชั่วคราว ในขณะที่คอสะพานระหว่างเขตรอยต่ออุตรดิตถ์-แพร่ ถูกน้ำพัดตัดขาด รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ รถทัวร์โดยสารที่มาจากกรุงเทพฯและเชียงใหม่ต้องเปลี่ยนเส้นทางไปใช้เส้นทางศรีสัชนาลัย-วังชิ้นแทน ส่วนถนนสายแพร่-เด่นชัยมีดินถล่มทับถนน รถที่มาจากลำปางต้องเปลี่ยนเส้นทางเช่นกัน ที่บ้านกวาง หมู่ที่ 4 ต.บ้านกวาง อ.สูงเม่น น้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมอย่างรุนแรง ทำให้บ้านของนายสม สายยน นายหมาย ริมวรรณนายเริง มานพ ถูกกระแสน้ำพัดสูญหาย นอกจากนั้น ยังมีชาวบ้านสูญหายไปอีก 2 คน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ระดมกำลังกันค้นหาอยู่
สั่งหยุดเรียนหนีภัยน้ำท่วม
ที่บ้านไน หมู่ 6 ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ น้ำป่าจากห้วยแม่สายไหลบ่าเข้าท่วมถนนสายยันตรกิจโกศล ระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร รถยนต์ที่มาจาก อ.สูงเม่น และอ.เมืองแพร่ ไม่สามารถผ่านได้ ส่งผลให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด ชาวบ้านต้องอพยพข้าวของหนีน้ำกันอลหม่าน ด้านนายสามารถ ลอยฟ้า ปลัดจังหวัดแพร่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ออกให้การช่วยเหลือ โดยระดมเรือท้องแบนเข้าไปรับชาวบ้านที่ยังติดอยู่ในบ้านที่ ต.ร่องกาศ อ.เมืองแพร่ ที่มีระดับน้ำท่วมสูงออกมาอย่างลำบาก ในส่วนของสถานศึกษา โรงเรียนในเขตเทศบาลและในเขตรอบนอกหลายแห่งต้องประกาศหยุดเรียนให้เด็กนักเรียนกลับบ้าน ถนนสายหลักก็ยังปิดตายเนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถต้องจอดข้างทางหลายร้อยคัน ต่อมาทางจังหวัดแพร่ ประสานขอเฮลิคอปเตอร์ของกระทรวงเกษตรฯ มาช่วยเหลือแต่ก็ไม่สามารถบินได้ จึงประสานไปยัง ตชด.32 พะเยา ขอเฮลิคอปเตอร์มาช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่หลังจากที่เฮลิคอปเตอร์บินขึ้นได้สักพัก ก็ต้องบินกลับเนื่องจากทัศนวิสัยไม่ดี
3 ชีวิตสังเวยกระแสน้ำคลั่ง
สำหรับยอดผู้เสียชีวิตเบื้องต้นพบศพแล้ว 3 ราย ทราบชื่อ ด.ญ.จรวยพร แก้วมณี อายุ 7 ขวบ นายสมัย เทียนทอง อายุ 45 ปี และนางชุ่ม ยาสุปี อายุประมาณ 70-75 ปี เป็นชาวบ้านนาตอง หมู่ 9 โดยศพทั้งหมดไหลมากับน้ำป่าและพบอยู่ในลำห้วย ท้องที่หมู่ 6 บ้านไน ต.ป่าแดง อ.เมืองแพร่ ส่วนพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วมและได้รับความเสียหายขณะนี้มี 4 อำเภอ คือ อ.เมืองแพร่ อ.สูงเม่น อ.เด่นชัย และ อ.วังชิ้น ด้าน พ.ต.อ.สมเกียรติ ปราดเปรียว ผกก.สภ.อ.เมืองแพร่ เผยว่า การช่วยเหลือราษฎรที่ประสบภัยใน 5 หมู่บ้านของ ต.ช่อแฮ และ ต.ป่าแดง มีหมู่ 5 และหมู่ 7-8-9 ที่น่าเป็นห่วงคือบ้านนาตอง หมู่ 9 ซึ่งเป็นหมู่บ้านอยู่กลางหุบเขา สภาพเป็นแอ่งกระทะ มีบ้านเรือน 137 ครัวเรือน ราษฎร 403 คน ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมเพราะขาดการติดต่อ และยังไม่สามารถเข้าไปได้ หากจะเดินด้วยเท้าจะต้องใช้เวลา 2 วัน ขณะนี้ได้ให้ทางหน่วยกู้ภัย ตำรวจบางส่วนเดินทางล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อสำรวจว่าเกิดอะไรขึ้น
น้ำลดซุงยักษ์เกลื่อนถนน
ต่อมาเวลา 16.00 น. อากาศเริ่มเปิด เฮลิคอปเตอร์ ของกระทรวงเกษตรฯเริ่มขึ้นบินได้ จากนั้นนายสามารถ ลอยฟ้า ปลัดจังหวัดแพร่ พร้อมเจ้าหน้าที่ อส.ได้นำข้าวกล่องและน้ำดื่ม ขึ้นเครื่องบินเพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎรที่บ้านนาตอง หมู่ 9 ต.ช่อแฮ อ.เมืองแพร่ จำนวน 403 คน ที่ติดค้างอยู่ในหมู่บ้านไม่สามารถออกมาได้ ไล่เลี่ยกันเฮลิคอปเตอร์ ตชด.ที่ 32 พะเยา ก็ได้ทยอยนำข้าวกล่อง เครื่องใช้ เทียนไข และอาหารแห้ง ไปแจกจ่ายให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยในหลายหมู่บ้านที่กำลังรอการช่วยเหลือ ขณะเดียวกัน มีผู้ประสบภัยที่รอดชีวิต ว่ายน้ำไปติดค้างอยู่บนเกาะกลางน้ำที่บ้านไน หมู่ 6 ต.ช่อแฮหน่วยกู้ภัยช่วยเหลือพาข้ามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากได้สำเร็จ ขณะที่หลายหน่วยงานก็เร่งซ่อมแซมและกวาดเก็บขยะ ดินโคลน ซากต้นไม้ ที่ถูกกระแสน้ำพัดพามาที่สำคัญ หลังน้ำลดพบว่ามีซุงขนาดใหญ่หลายสิบต้น ตกค้างตามลำห้วยและบนถนน ซึ่งท่อนซุงดังกล่าวเป็นต้นเหตุของการทำลายสะพาน ถนน และบ้านเรือนราษฎร
เมืองน่านโชคดีโดนแค่หาง
จ.น่าน น้ำป่าไหลหลากท่วมบ้านเรือนราษฎรในที่ลุ่มเขต อ.เมืองน่าน ถนนสายบ้านก๊อด-บ้านนาซาว หมู่ 4 ต.นาซาว และถนนเข้าหมู่บ้านนาหิน-บ้านนวราษฎร์ หมู่ 3 ต.นาซาว ระดับน้ำสูง 50 ซม. รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และหมู่บ้านสะไม หมู่ 2 ต.นาซาว น้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือนราษฎรที่อยู่ติดลำห้วยน้ำซาว 20 หลังคาเรือน นายวินัย สิทธิมงคล นายอำเภอเมืองน่าน พร้อมคณะ นำเรือท้องแบน รถยนต์บรรทุกเครื่องจักรกล พร้อมชุดกู้ภัย อบจ.น่าน เข้าช่วยเหลืออพยพชาวบ้านที่ติดอยู่ภายในบ้านออกมาที่ปลอดภัยแล้ว ส่วนที่ อ.เวียงสา เกิดน้ำป่าไหลท่วมบ้านเรือนราษฎร ในพื้นที่ ต.ทุ่งศรีทอง อ.เวียงสา ถนนสายบ้านน้ำปัว-บ้านทุ่งศรีทอง รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ กระแสน้ำยังไหลท่วมโรงเรียนบ้านน้ำปัว ครู นักเรียน และชาวบ้าน ต้องช่วยกันขนย้ายเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การเรียนการสอนไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัย
หวั่นอ่างเก็บน้ำห้วยฮิแตก
นายวิชิต บุญกังวาน นายอำเภอเวียงสา กล่าวว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยฮิ ต.แม่สา อ.เวียงสา จ.น่าน ว่า ขณะนี้ระดับน้ำที่อ่างเก็บน้ำห้วยฮิและฝายเก็บน้ำแม่สา สูงกว่าที่เก็บน้ำปกติประมาณ 1 เมตรเศษ จึงประสานให้ทางอำเภอประกาศแจ้งเตือนราษฎรในพื้นที่ใกล้เคียง อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ถ้าหากระดับสูงเกินกว่าปริมาตรที่อ่างเก็บน้ำไม่สามารถรับน้ำได้ ซึ่งนายปริญญา ปานทอง ผวจ.น่าน ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ที่เสี่ยงภัย แจ้งประกาศเตือนให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับอุทกภัยในครั้งนี้อย่างเร่งด่วนแล้ว
มท.2 บินด่วนดูพื้นที่ภัยพิบัติ
ต่อมาเมื่อเวลา 17.00 น. นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รักษาการ รมช.มหาดไทย พร้อมด้วยนายอนุชา โมกขเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) เดินทางมาที่ จ.อุตรดิตถ์ เข้าร่วมประชุมกับนายจักริน เปลี่ยนวงษ์ รอง ผวจ.อุตรดิตถ์ พล.ต.ณรงค์ศักดิ์ ภู่อารีย์ ผบก.จทบ.อุตรดิตถ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่สโมสรนายทหารจทบ.อุตรดิตถ์ เพื่อประเมินสถานการณ์ และสรุปความเสียหายจากเหตุการณ์โคลนถล่มและน้ำท่วม หลังการประชุมนายเสริมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ว่า ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ดูสภาพความเสียหายพบว่ามีอยู่มาก โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านผามูบ หมู่ 7 และบ้านมหาราช หมู่ 11 ต.แม่พูล อ.ลับแล มีผู้เสียชีวิต 4 ราย ผู้สูญหายราว 20 คน บ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลังไม่น้อยกว่า 50 หลังคาเรือน ส่วนที่เทศบาลตำบลศรีพนมมาส อ.ลับแล และเขตบริเวณใกล้เคียงมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ สูญหาย 2 ราย บ้านเรือนเสียหายทั้งหลังราว 20 หลังคาเรือน ที่ อ.ท่าปลา มีผู้เสียชีวิต 1 ราย รวมมีผู้เสียชีวิตล่าสุดที่ค้นศพเจอ 7 ราย
สั่งติดตั้งดาวเทียมสื่อสาร มท.
นายเสริมศักดิ์กล่าวว่า ปัญหาในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยส่วนใหญ่เพราะถนนขาด น้ำท่วมถนน รถยนต์ ของผู้ช่วยเหลือเข้าไปไม่ได้ บางจุดเป็นหุบเขา ทำให้เฮลิคอปเตอร์ที่จะเข้าไปลำเลียงผู้บาดเจ็บไม่สามารถลงจอดได้ ขณะนี้สั่งการให้มีการซ่อมถนนเป็นการเร่งด่วน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังติดค้างอยู่ตามจุดต่างๆ รวมทั้งส่งอาหารการกินที่จำเป็นต่อผู้ประสบภัยเข้าไปช่วยเหลือด้วย ส่วนการติดต่อสื่อสารใน จ.อุตรดิตถ์ ติดต่อไม่ได้เลย จึงสั่งให้นำระบบสื่อสารดาวเทียมของกระทรวงมหาดไทยมาติดตั้ง จะสามารถติดตั้งและใช้การได้ภายในวันที่ 24 พ.ค.นี้ ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่โคลนถล่มอย่างช้าวันที่ 24 พ.ค. จะเข้าถึงได้ทุกจุด สำหรับปัญหาน้ำท่วมขังก็ให้ทางจังหวัดและเทศบาลเร่งระบายน้ำลงสู่แม่น้ำน่านเป็นการเร่งด่วน
กฟผ.ประกาศงดจ่ายไฟฟ้า
นายจำนงค์ วงศ์สว่าง รองผู้ว่าการระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเนื่องจากในพื้นที่ภาคเหนือมีฝนตกหนักติดต่อกันในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยวัดปริมาณน้ำฝนได้กว่า 263 มม. มากที่สุดในรอบ 38 ปี ส่งผลให้น้ำท่วมสูงจากพื้นดินในบริเวณสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ.ที่ จ.อุตรดิตถ์ ถึง 160 ซม. และไหลท่วมห้องควบคุมการจ่ายไฟ 60 ซม. ซึ่งหากน้ำมีปริมาณสูงขึ้นมากกว่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายต่ออุปกรณ์การจ่ายกระแสไฟฟ้าและประชาชน กฟผ.และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จึงพิจารณางดการจ่ายไฟฟ้าชั่วคราวจากสถานีไฟฟ้าแรงสูงอุตรดิตถ์ เมื่อวันที่ 23 พ.ค. ตั้งแต่เวลา 07.45 น. ทำให้พื้นที่ อ.ลับแล และในเมืองอุตรดิตถ์ เกิดไฟฟ้าดับรวม 3,000 กิโลวัตต์ โดยจะเริ่มจ่ายไฟเข้าระบบได้ตามปกติตั้งแต่เช้าวันที่ 24 พ.ค.เป็นต้นไป จากนั้น กฟผ.จะรีบส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเช็กอุปกรณ์ต่างๆ เช่น อุปกรณ์ป้องกันภัย มิเตอร์วัดไฟ และหม้อแปลงไฟฟ้าทันที
ยันเขื่อนสิริกิติ์ยังรับน้ำไหว
นายจำนงค์กล่าวว่า ที่ผ่านมาเคยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในสถานีไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ในหลายพื้นที่แต่ที่ จ.อุตรดิตถ์ยังไม่เคยเกิดขึ้น และปริมาณน้ำมีค่อนข้างมาก กฟผ.ได้หาแนวทางป้องกันในปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด ด้วยการติดตั้งระบบปั๊มน้ำ สร้างกำแพง และยกระดับห้องควบคุมศูนย์ฯให้สูงขึ้น สำหรับในส่วน ของการรองรับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งตั้งอยู่เหนือบริเวณตัวเมือง ยังสามารถรับปริมาณน้ำฝนได้อย่างพอเพียง เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาตรน้ำอยู่ประมาณ 4,000 ล้าน ลูกบาศก์เมตร จากความสามารถรองรับน้ำได้ทั้งหมดที่ประมาณ 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือยังคงรับน้ำได้กว่า 50%
รมว.เกษตรฯสั่งเร่งระบายน้ำ
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคเหนือส่งผลให้เกิดน้ำท่วม และน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมในบางพื้นที่ของ จ.แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และสุโขทัย โดยเฉพาะที่ จ.อุตรดิตถ์ มีฝนตกหนักมาตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 22 พ.ค. วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่ อ.เมืองอุตรดิตถ์ 263.7 มม. ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหล หลากเอ่อท่วมพื้นที่ริมตลิ่งของลำน้ำน่านและลำน้ำสาขา ท่วมพื้นที่การเกษตรในเขต อ.ท่าปลา อ.ลับแล อ.ทองแสนขัน อ.ตรอน อ.พิชัย และ อ.เมือง โดยในพื้นที่ลุ่มมีระดับน้ำสูงเฉลี่ย 2.3 เมตร และท่วมถนนเข้าตัวเมืองอุตรดิตถ์ สายอุตรดิตถ์-เด่นชัย สูง 1 เมตร โครงการชลประทานอุตรดิตถ์ได้ประสานงานกับทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน ทำให้ขณะนี้ปริมาณน้ำเริ่มลดลงแล้วในหลายพื้นที่
พื้นที่การเกษตรล่มนับพันไร่
สำหรับ จ.ตาก เกิดน้ำป่าไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำการเกษตรของ อ.เมืองตาก ประมาณ 200 ไร่ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก ประมาณ 500 ไร่ ขณะนี้ฝนหยุดตกแล้วและหากไม่มีฝนตกอีก คาดว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติภายใน 1-2 วัน ส่วน จ.สุโขทัย เกิดฝนตกหนักใน อ.เถิน จ.ลำปาง ทำให้ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำแม่หมอกมีปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลากท่วมถนนสาย อ.ทุ่งเสลี่ยม-อ.เถิน สูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งปริมาณน้ำดังกล่าวได้ไหลลงคลองแม่หมอกสู่ จ.สุโขทัย ทำให้เกิดน้ำเอ่อล้น 2 ฝั่งคลองแม่หมอก ตั้งแต่ อ.ทุ่งเสลี่ยม ถึง อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย และทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่การเกษตรบางส่วน ขณะนี้ฝนหยุดตกแล้ว และคาดว่าหากไม่มีฝนตกอีก สถานการณ์น้ำจะเข้าสู่สภาวะปกติใน 1-2 วัน
จับตาสถานการณ์น้ำทุกระยะ
ส่วน จ.แพร่ เกิดน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ ลำห้วยแม่ปาน หมู่ที่ 2 ต.ไทรน้อย อ.เด่นชัย ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 2 เมตร ขณะนี้สถานการณ์น้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว นอกจากนี้ยังเกิดน้ำป่าไหลหลากในลำห้วยแม่พวก ระดับน้ำสูงกว่าตลิ่ง 1 เมตร ขณะนี้สถานการณ์น้ำเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ด้านลำห้วยแม่สาย และลำห้วยแม่ขอน เกิดน้ำไหลหลากเข้าตัวเมืองแพร่ บริเวณชุมชนป่าแดง ระดับน้ำสูง 1 เมตร ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือน เนื่องจากมีท่อนซุงไหลตามน้ำลงมาด้วย แต่สถานการณ์น้ำเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้ จากสภาวะน้ำท่วมในพื้นที่ จ.แพร่ อุตรดิตถ์ และสุโขทัย ปริมาณน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำยมและแม่น้ำน่าน จึงมอบหมายให้กรมชลประทานได้ประสานกับ กฟผ.ปิดการระบายน้ำท้ายเขื่อนสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.นี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ทางด้านท้ายเขื่อนและให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมในการให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนโดยเร่งด่วน
สธ.เปิดศูนย์ประสานช่วยเหลือ
ด้านนายพินิจ จารุสมบัติ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ จ.อุตรดิตถ์ ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุตรดิตถ์ จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง จากการตรวจสอบล่าสุด พบว่าโรงพยาบาลทุกแห่งไม่ถูกน้ำท่วม เนื่องจากอยู่ในที่สูง ยังให้บริการได้ แต่น้ำและไฟฟ้าถูกตัดขาด โดยทุกแห่งมีเครื่องปั่นไฟ ได้สั่งการให้จังหวัดใกล้เคียงเตรียมพร้อมทีมแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ รวมทั้งอาหาร น้ำมันใช้ปั่นไฟ เพื่อส่งไปช่วยบรรเทาภาระทีมเจ้าหน้าที่ของ จ.อุตรดิตถ์ ตามการร้องขอตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากน้ำท่วมครั้งนี้ นับว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 20 ปี และได้จัดตั้งศูนย์ประสานความช่วยเหลือที่กระทรวงสาธารณสุข และศูนย์นเรนทร ตลอด 24 ชั่วโมง มี น.พ.ธวัชชัย วานิชกร เป็น ผอ.ศูนย์ฯ ทางโทรศัพท์ 0-2590-1739, 1745 และ 0-9130-9838
เตรียมงบสำรองฉุกเฉิน 10 ล้าน
นายพินิจกล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้จัดเตรียมงบสำรองฉุกเฉินไว้ที่ส่วนกลาง สำหรับจัดซื้อเวชภัณฑ์ยา ให้ความช่วยเหลือจังหวัดที่ประสบอุทกภัยจำนวน 10 ล้านบาท พร้อมทั้งสั่งการด่วนให้หน่วยงานสาธารณสุขในจังหวัดทุกแห่งที่มีฝนตกหนัก เฝ้าติดตามสถานการณ์ น้ำป่าไหลหลากอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่เพื่อรับสถานการณ์รุนแรง โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน ให้เตรียมการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เครื่องมือแพทย์สำคัญตลอดจนเวชภัณฑ์ต่างๆ สำหรับจังหวัดอื่นๆในภาคเหนือที่ถูกน้ำท่วมได้แก่ จ.แพร่ ได้รับรายงานน้ำท่วมที่ อ.เด่นชัย อ.เมือง อ.สูงเม่น ได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ 6 จุด และจัดส่งยาสามัญประจำบ้าน สารคลอรีนและรองเท้าบูท สำหรับใส่ลุยน้ำให้ 100 คู่แล้ว
สั่งปิด รพ.ลับแลชั่วคราว
ด้าน น.พ.ณรงค์ศักดิ์ อังคะสุวพลา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สถานบริการในพื้นที่ประสบอุทกภัยทุกแห่งที่ยังสามารถเปิดให้บริการได้ ไม่มีปัญหาเรื่องขาดแคลนเวชภัณฑ์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม สั่งการให้ รพ.น่าน แพร่ ลำปาง และพิษณุโลก จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว จังหวัดละ 2 ทีม ประกอบด้วยแพทย์พยาบาลเจ้าหน้าที่ รวมทั้งเวชภัณฑ์ เตรียมพร้อมออกปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อ จ.อุตรดิตถ์ ร้องขอ เพื่อบรรเทาภาระของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่เองก็ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นกัน และให้ รพ.พุทธชินราช จ.พิษณุโลก เป็นศูนย์กลางในการจัดส่งน้ำมันสำหรับใช้กับเครื่องปันไฟ เสื้อผ้า อาหารผู้ป่วย รวมทั้งผ้า เครื่องมือแพทย์ที่ใช้แล้ว เพื่อหมุนเวียนให้ผู้ป่วยใน รพ.อุตรดิตถ์ ซึ่งขณะนี้มีราว 500 คน และให้ รพ.วัดโบสถ์ และ รพ.พุทธชินราช สำรองเตียงรับผู้ป่วยไว้แห่งละ 50 เตียง ส่วนที่ รพ.ลับแล ยังปิดบริการชั่วคราว เนื่องจากเจ้าหน้าที่รับมือไม่ไหว ต้องขนย้ายผู้ป่วย 20 คนไปที่ รพ.อุตรดิตถ์
รพ.อุตรดิตถ์วุ่นคนไข้เพียบ
ขณะที่ น.พ.เฉลิม ศักดิ์ศรชัย รอง ผอ.รพ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า ขณะนี้บริเวณโดยรอบ รพ.อุตรดิตถ์ถูกน้ำท่วม ทั้งหมด แต่ในโรงพยาบาลน้ำไม่ท่วม เนื่องจากอยู่ในพื้นที่สูง แต่บุคลากรประมาณครึ่งหนึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมบ้าน ไม่สามารถเดินทางมาปฏิบัติงานได้ ทำให้ บุคลากรที่เหลืออยู่ในโรงพยาบาลต้องผลัดเปลี่ยนกันทำงานหนักขึ้น ในส่วนของแพทย์จำนวน 65 คน ส่วนใหญ่พักอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้ไม่มีปัญหา ยังคงสามารถให้บริการได้ตามปกติ โดยใช้ไฟฟ้าสำรองจากเครื่องปันไฟ ซึ่งต้องใช้น้ำมัน ได้ประสานขอซื้อน้ำมันมาสำรองไว้แล้ว เพื่อให้บริการผู้ป่วยโดยเฉพาะจุดที่ต้องใช้เครื่องมือแพทย์สำคัญ เช่น ห้องผ่าตัด ผู้ป่วยนอก และไอซียู ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยหนักเต็มทุกเตียง ส่วนน้ำประปาที่ขณะนี้ไม่สามารถใช้การได้ จำเป็นต้องใช้น้ำที่มีสำรองอยู่อย่างประหยัด ที่สำคัญ โรงพยาบาลมีผู้ป่วยนอนอยู่ในโรงพยาบาลถึง 580 คน จะสำรองอาหารและน้ำดื่มของเจ้าหน้าที่และผู้ป่วยได้เพียง 1 วันเท่านั้น
ทบ.ส่งกำลังทหารสนับสนุน
พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ชุดช่วยเหลือและกู้ภัย 64 คน ซึ่งมีความสามารถพิเศษในการปฏิบัติการทางน้ำออกเดินทางจาก จ.ลพบุรี ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ด้านกรมพลาธิการทหารบกได้จัดเตรียมเสบียงกระป๋อง และรถครัวสนามเคลื่อนที่พร้อมที่จะเดินทางไปประกอบอาหารให้ผู้ประสบภัยเมื่อได้รับการร้องขอ ส่วนกรมทหารช่างได้ส่งเรือท้องแบน เรือทุ่นอัดลม เรือพายกว่า 30 ลำ พร้อมขุดประปาสนามเคลื่อนที่อีก 2 ชุด ออกเดินทางจาก จ.ราชบุรี ไปช่วยเหลือชาวบ้านใน อ.เมืองอุตรดิตถ์ อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย อย่างไรก็ตาม กองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ 3 ได้แจ้งเตือนให้หน่วยทหารที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้เตรียม พร้อมกำลังพล และยุทโธปกรณ์เข้าให้การช่วยเหลือโดยตลอดเวลา หากเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่อื่นๆ ทั้งนี้ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบสามารถขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์บรรเทาภัยกองทัพภาคที่ 1 หมายเลขโทรศัพท์ 0-5524-2859 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายกฯเตรียมบินไปดูพื้นที่
เย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าเวลา 10.00 น. วันที่ 24 พ.ค. จะออกเดินทางจากสนามบิน ขส.ทบ.ไปดูพื้นที่ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมทั้งหมดที่ จ.สุโขทัย แพร่และอุตรดิตถ์ แต่จะไม่ค้างคืน
โรงเรียนพัง-นร.ตาย
นางพรนิภา ลิมปพยอม เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำท่วมจาก ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใน จ.อุตรดิตถ์ แพร่ และสุโขทัย ว่า สพท.อุตรดิตถ์ เขต 1 เป็นพื้นที่ที่ ได้รับความเสียหายมากที่สุด โดยเฉพาะใน อ.ลับแล และอ.เมือง ที่มีน้ำท่วมสูง 1-4 เมตร สำหรับ สพท.แพร่ เขต 1 พบว่า อ.เมือง มีโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย 3 โรง มีนักเรียนเสียชีวิต 1 คน เป็นนักเรียนชั้น ป.1 ร.ร.บ้านนาตอง สพท.แพร่ เขต 2 พบว่า อ.สูงเม่น มีโรงเรียนปิด เรียน 4 โรง อ.วังชิ้น มีโรงเรียนปิดเรียน 1 โรง และ อ. เด่นชัย มีโรงเรียนปิดเรียน 3 โรง, สพท.สุโขทัย เขต 1 พบว่า พื้นที่ที่เสียหายมากที่สุดคือ อ.บ้านด่านลานหอย และ สพท.สุโขทัย เขต 2 พบว่า มีพื้นที่เสียหาย 3 อำเภอ ได้แก่ อ.ศรีสำโรง ศรีสัชนาลัย และทุ่งเสลี่ยม มีโรงเรียน เสียหาย 12 โรง
(ก็มันรอนานนี่ครับ)
แจ้งความประสงค์ร่วมบริจาด แต่ยังไม่ได้ดำเนินการให้ เพราะไม่สะดวก วันจันทร์ที่30 จะรีบดำเนินการให้นะครับ 
