คำตอบที่ 1
http://www.weekendhobby.com/offroad/strada/Question.asp?ID=7712
คือมีประสบการณืที่พลั้งเผลอจะมาเล่าให้เพื่อนสมาชิกฟัง
เราใช้รถ mitsu Grandis 2800 ปี 2000 เลขไมล์ ประมาณ 19xxxx
ตามปกติเราก็ใช้รถ + ตรวจเช็ครถเอง( ดูน้ำมันเครื่อง, น้ำที่หม้อน้ำ(ทั้งหม้อน้ำหลักและหม้อน้ำสำรอง)และของเหลวในห้องเครื่องทั้งหมด) เมื่อต้นเดือน ที่ผ่านมา เราก็ตรวจเช็คตามปกติ แตไม่ได้ดูนำในหม้อน้ำหลัก โดยดูแต่หม้อน้ำสำรองซิ่งมันก็อยู่ในระดับปกตินะ (ขีดMAXพอดี) หลังจากตรวจเช็คเรียบร้อยเราก็ขับรถไปทำงานตามปกติ โดยวันนั้นเราจะไปหาลูกค้าที่ระยอง ระหว่างทางที่ขับมาได้ซักระยะหนึ่ง(จากศรีราชาถึงสนามพีระ) แอร์มันก็ไม่เย็นไปเฉยเลย (เราคิดว่าแอร์มันตันอ่ะ เพราะถึงเวลาล้างตู้แอร์พอดี) ขณะที่เรากำลังที่จะส่งรถขึ้นเนิน รถมันอยู่ก็ไม่มีแรงซะงั้นแถมยัง ควันดำท่วมตูดรถเลย เราก็เลยเอะใจถอนคันเร่งแล้วลงซ้ายจอด ระหว่างที่ถอนคันเร่งนั้น เครื่องมันดับไปเลย พอสตารท์ใหม่มันก็ไม่หมุนแล้ว เลยลงมาเปิดฝากระโปรงดู พบกลิ่นไหม้เหม็นมาก สรุปเครื่องน็อค เพราะปัมน้ำรั่ว
หลังจาก ผ่าเครื่องดู พบว่า ฝาโก่ง + แตก, เสื้อโก่ง + แตก(ระหว่างสูบ2 กับ 3) ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่ เลยไปซื้อ เครื่อง 4m40t + intercooler ที่วางอยู่ในรถตู้มาใช้ (ซึ่งจะเล่าการสลับชิ้นส่วนให้ฟังอีกที)
ที่เล่ามาทั้งหมดอยากจะบอกกับเพื่อนๆสมาชิกว่า เวลาดูน้ำหม้อน้ำให้ดูที่หม้อน้ำหลัก อย่าดูที่หม้อน้ำสำรอง เพราะเวลาปั๊มรั่วน้ำจากหม้อน้ำสำรองมันจะไม่ไหลไปที่หม้อน้ำหลัก และถ้าอยู่ดีๆ แล้วแอร์มันไม่เย็นขึ้นมาอย่างกระทันหันโดยไม่มีสาเหตุให้สันนิถานได้เลยว่าน้ำในหม้อนำแห้ง อายุงานของปั๊มน้ำหล่อเย็นจะอยู่ประมาณ 180000 up เพราะฉนั้น เพื่อนๆสมาชิกท่านใดใช้รถถึง 180000 แล้วเปลี่ยนปั๊มน้ำได้ก็เปลี่ยนเถอะอย่าเสี่ยงเลย (เราโดนค่าใช้จ่ายไป ~ 70000)
หม้อน้ำที่เปลี่ยนนี้ของ 0 หรือข้างนอกครับ ปกติไม่น่าขึ้นนะครับ รถแต่งอะไรหรือเปล่าครับ