คำตอบที่ 1
       ผมคิดว่าทุกคนคงคิดเหมือนกันนะ คืออยากหาทางประหยัด แต่สิ่งที่ ยังคาใจหลายๆท่านอยู่ เกี่ยวกับการเปลี่ยนเครื่อง ก็น่าจะเป็น

1. ชอบที่จะใช้เครื่องเดิม หรือให้รถคงสภาพเดิมที่สุด
2. กลัววางเครื่องแล้วไม่จบ ปัญหาที่ตามมาภายภาคหน้า จะเจออะไรบ้างไม่รู้ เพราะเครื่องที่ซื้อมาวาง ก็เหมือนกับการเสี่ยงโชคเหมือนกัน ได้เครื่องดีก็โชคดีไป เจอเครื่องที่มีปัญหาก็วุ่นวาย แน่นอน

เอาแค่นี้ก่อนนะอัศวิน เดี๋ยวมาต่อใหม่ ลองฟังท่านอื่นดูบ้าง

คำตอบที่ 2
       ถ้าดัดแปลงเป้นปั๊มคอมมอนเรลจะเป็นไปได้ไม๊ครับ

คำตอบที่ 3
       ผมเปลี่ยนเป็น 2j + gas ครับ ตกกิโลละ 1.50 บาท ทดลองวิ่ง ความเร็วใช้ gas สุดไมล์ 180 Km เฟืองท้าย 8/39 ตัวเดิม ขับ 4WD

คำตอบที่ 4
       คุณ stra-ton (mitsu-ta) ขอชมหน่อยได้ไหมครับ คำนวนแล้ว จุดคุ้มทุนอยู่ที่กี่ปีครับ ระหว่างค่าเครื่องที่วาง กับค่าน้ำมันที่ลดลง

คำตอบที่ 5
       เพราะพลังปาล์มนี่แหละครับ ทำให้รู้สึกรัก4M40ขึ้นเยอะเลย

คำตอบที่ 6
       ราคาน้ำมันคงจะไม่ลดลงต่ำไปมากกว่านี้ ต่อไปมันต้องขึ้นราคาอีก

คำตอบที่ 7
       อยากเห็นห้องเครื่องเหมือนกันครับ รบกวน คุณ stra-ton ช่วยลงรูปเป็นวิทยาทานหน่อยครับ พร้อมรายละเอียดราคา เครื่อง ค่าแรง และ อื่นที่จำเป็นต้องทำ เพราะตอนนี้ ผมโล 4 บาท ครับ ที่สำคัญมากๆอยากวิ่งสุดไมล์ครับ ขอบคุณล่วงหน้า

คำตอบที่ 8
       คุณ ขงเบ้ง ของผมมีรายละเอียดดังนี้ครับ
1.เครื่อง 2j ฝาดำ
2.หัวหมูทำใหม่ เพราะใช้เกียร์เดิม ให้ขับ 4ได้ เฟืองหน้า/ ท้ายเดิม 8/39
3.ครัช 10 นิ้ว
4.หม้อน้ำ 1 ช่อง
5.พัดลมไฟฟ้า 2 ตัว
6.ตัวแปลงสัญญาณรอบ 1 ตัว
ห้องเครื่องไม่ทำลาย ทำแท่นเครื่องใหม่
เข้า กทม. จะส่งรูปให้ดูครับ ตอนนี้มาสัมนาที่เขื่อนท่าทุ้งนา

คำตอบที่ 9
       - ผมเคยเห็นเขาติดแก็ส LPG ครับสำหรับตัว 4M40 turbo ทดลองนั่งดูแล้วอัตราเร่งดีขึ้นพอสมควรถ้าวิ่งทางไกลหยัดได้อีก 30% ครับ ผลที่ได้คือกดคันเร่งน้อยครับวิ่งประหยัดขึ้น ส่วนผลระยะยาวไม่ทราบ แต่เห็นรถใหม่อีกค่ายกำลังจะออก ดีเซล+LPGครับ แต่ก็ลองดูครับเผื่อเป็นอีกทางเลือก ตอนนี้ต้าด้าผมไม่ได้เติมน้ำมันมาเดือนกว่าแล้วครับเพราะได้รถเก่ามาติดแก็สอีกคันก็เลยไม่ได้เติมครับ(ล่อเล่นนะครับ) ลองเลือกดูแล้วกันครับเผื่อเป็นอีกทางเลือก

คำตอบที่ 10
      

คำตอบที่ 11
       เจ๋งครับ สรุปค่าใช้จ่ายเป็นวิทยาทานด้วยครับ

คำตอบที่ 12
       ต้องทุบห้องเกียร์ป่าวอ่ะคับ

แล้วแผงแอร์ยังอยู่ที่เดิมป่าว

คำตอบที่ 13
       อยากจะเปลี่ยนจริงๆค่อยเปลี่ยนครับ เปลี่ยนแล้วเมื่อไหรจะคุ้มทุน กลัวไม่จบ คิดมากจนนอนไม่หลับ สนใจลองโทรถาม 081-850-0294 (แผงแอร์อยู่ที่เดิมครับ)

คำตอบที่ 14
       ถามคุณstra-ton ดว้ยครับ 1. วางเครื่องแล้วมีผลกับเฟืองเกียร์5มัยครับ(เพราะเคยอ่านในกระทู้บอก 2800ไปติดโบเกียร์ยังพังต้องทำเกียร์ด้วย) และมีปัญหาในการใช้งานกับเครื่องใหม่นี้บ้างมัยครับ 2.ลองใช้ขึ้นดอยบ้างรึยังครับ อัตตราความเร็วกับรอบเครื่องเป็นไงบ้างครับ 3.หมดงบไปเท่าไรครับรวมติดแก็ส 4.ต้องขอชมว่าวางได้สวยมากครับ ( เพราะผมเคยเห็นเขาวางในขับสอง เครื่องจะจมลงไปเยอะดูไม่สวยแบบนี้ ) 5.รถติดไฟแนนท์อยู่เค้าจะยอมให้เปลี่ยนเครื่องมัยครับ รบกวนตอบให้ด้วยนะครับ

คำตอบที่ 15
       1. รถผมปี 2002 ยังไม่มีปัญหาเกียร์ 5 เพิ่งเปลี่ยนเครื่องได้ 1เดือนไม่มีปัญหากับเครื่องใหม่ เฟือง/เกียร์เดิม ขับ 4ได้เหมือนเดิม 8/39 ความเร็วปลาย 180 (8/37 ได้ความเร็วปลาย 160)
2. ยังไม่ได้ลองขึ้นดอย รอบเครื่องยังเหลือ แต่ยังหาเฟืองท้ายลงไม่ได้(ต้องเปลี่ยน หน้า/หลัง)
3. ต้องมีงบ เกือบแสน
4. ตอนโอนรถไฟแนนท์ไม่ได้เอารถไปตรวจสภาพได้เล่มมาค่อยแจ้งเปลื่ยน

คำตอบที่ 16
       1. รถผมปี 2002 ยังไม่มีปัญหาเกียร์ 5 เพิ่งเปลี่ยนเครื่องได้ 1เดือนไม่มีปัญหากับเครื่องใหม่ เฟือง/เกียร์เดิม ขับ 4ได้เหมือนเดิม 8/39 ความเร็วปลาย 180 (8/37 ได้ความเร็วปลาย 160)
2. ยังไม่ได้ลองขึ้นดอย รอบเครื่องยังเหลือ แต่ยังหาเฟืองท้ายลงไม่ได้(ต้องเปลี่ยน หน้า/หลัง)
3. ต้องมีงบ เกือบแสน
4. ตอนโอนรถไฟแนนท์ไม่ได้เอารถไปตรวจสภาพได้เล่มมาค่อยแจ้งเปลื่ยน

คำตอบที่ 17
       ขอทราบร้านที่ทำได้ไหมครับ เบอร์โทรก็ได้ครับ ผมเคยไปถามบางคนว่าวางแล้วมีปัญหาเรื่องของเกียร์เข้ายาก

คำตอบที่ 18
       ขอบคุณครับที่ตอบให้ แล้วเครื่องเก่าของรถเอาเทิรนไปหรือว่าจัดการยังไงครับ

คำตอบที่ 19
       คุณ..stra-ton ครับ ผมรบกวนขอดูรูป 1.) หัวหมูที่ทำขึ้นมาใหม่ +ใช้เกียร์เดิม และ 2.)ก้นอ่าง..ดัดแปลงอย่างไรครับ!! คืออยากจะหาทางประหยัด แต่ยังคาใจอยู่ช่วยลงรูปเป็นวิทยาทานหน่อยครับ....ขอบคุณครับ

คำตอบที่ 20
       เครื่องเบนซินลงเกียร์เดิม ไม่ต้องกลัวเกียร์ห้าพังครับ เพราะเครื่องเบนซินแรงบิดไม่รุนแรงเหมือนเครื่องดีเชล และมาแบบนุ่มนวลไม่มากระชากแบบดีเชลติดเทอร์โบ

คำตอบที่ 21
       เครื่องเก่าผมขายทั้งชุดครับ แต่ยังรอคนซื้อครับ
หัวหมูทำใหม่ เป็น 2ชิ้นครับ
ชิ้นแรกติดเครื่องเป็นชุดครัช
ชิ้นที่สองเป็นชุดตีนผี
เกียร์เดิมเป็นรุ่น 2500 vg ที่ถอดหัวหมูได้ เป็นเกียร์ปาเจโร่ หัวหมูเดิมยังอยู่ ผมไปซื้อหัวหมูที่ประทุมวันราคา 2500 มาทำแบบ เพราะหัวหมูนำกลับมาใช้อีกไม่ได้
ซื้อเครื่อง 2j แคล้งหน้า ไม่ได้ดัดแปลงอะไร
ผมทำที่ สามัคคี 50 ครับ นนทบุรี
รถที่มาวาง มี วอลโว่ ฟอร์ด คามีโอ่ มิตซู บีเอม ฯลฯ

คำตอบที่ 22
       ผมลงเฟืองท้ายใหม่ ความเร็วได้ ต้น/ปลาย ลื่นไหล ไม่แพ้กระบะบ้าพลังแต่ใช้เชื้อเพลิงถูกกว่า (เข็มขึ้นสุดไมล์ติด)

คำตอบที่ 23
       http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/Question.asp?ID=12873

หรือเข้าไปดูที่ ClubJZ

คำตอบที่ 24
       เครื่องยนต์ 2JZ
เรามาดูเจ้าของเครื่องตัวโหดรหัส 2JZ ที่มีลูกเล่นให้วัยแรงได้เล่นกันคือ เป็นเครื่องยนต์ขนาดความจุ 3000cc. ไม่มี TURBO รหัส 2JZ ส่วนอีกตัวมีขนาดความจุเท่ากันแต่ติด TURBO 2 ลูก (TWINTURBO) เครื่องยนต์เหล่านี้จะมีอยู่ในรถประเภท สปอร์ต ซีดาน รวมไปถึงเจ้าตัวดังรหัส SUPRA SZ-R นอกนั้นยังมีวางในรหัส JZA80-A นอกจากตัวเรา SPORT SURRA แล้วยังมีใน SOARER JZZ31-A,CROWN 1JZS155-A, ARISO JZS147-B, CAESTE JZX101-C, MARK II JZX101-A จนถึงปัจจุบัน

SPEC 2JZ-GE
เครื่อง 2JZ-GE (COARER)
เครื่องยนต์ 2 JZ-GE
แบบ DOHC 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2997 cc
แรงม้า(PS/ RPM) 225 / 6200
แรงบิด (KG-M/RPM) 29.0 / 4800
ความกว้าง x ช่วงชัก 86.0 x 86.0
กำลังอัด 10:1
ระบบส่ง(เกียร์) 5 M/T
อัตราเฟื่องท้าย 4.083
ขนาดยาง 225 / 50 ZR16, 245/50 ZR16

เครื่อง 2JZ-GE ปี 95 (CROM)
เครื่อง ยนต์ 2JZ-GE
แบบ DOHC 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2997 cc
แรงม้า(PS/ RPM) 220 / 5600
แรงบิด (KG-M/RPM) 30 / 4000
ความกว้าง x ช่วงชัก 86.0 x 86.0
กำลังอัด 10:5:1
ระบบส่ง(เกียร์) 5 M/T , 5 A/T
อัตราเฟื่องท้าย 3.909
ขนาดยาง 225 / 50 ZR16, 245/50 ZR16

เครื่อง 2JZ-GE ปี 95 (ARISTO)
เครื่อง ยนต์ 2JZ-GE
แบบ DOHC 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2997 cc
แรงม้า(PS/ RPM) 230 / 6000
แรงบิด (KG-M/RPM) 29.0 / 4800
ความกว้าง x ช่วงชัก 86.0 x 86.0
กำลังอัด 10:1
ระบบส่ง(เกียร์) 4 A/T
อัตราเฟื่องท้าย 4.083
ขนาดยาง 225 / 50 ZR16, 245 / 50 ZR16

เครื่อง 2JZ-GE ปี 98 (ARSTO และ SOARER)
เครื่อง ยนต์ 2 JZ-GE
แบบ DOHC 6 สูบแถวเรียง
ความจุกระบอกสูบ 2997 cc
แรงม้า(PS/ RPM) 230 / 6000
แรงบิด (KG-M/RPM) 31.0 / 4800
ความกว้าง x ช่วงชัก 86.0 x 86.0
กำลังอัด 10:5:1
ระบบส่ง(เกียร์) 5 M/T
อัตราเฟื่องท้าย 4.083
ขนาดยาง 225 / 50 ZR16, 245 / 50 ZR16
(ENG Version)
The 3.0 L (2997 cc) 2JZ has been produced since 1992 (first released in the 1992 Lexus SC300). Cylinder bore was 86 mm (3.39 in) and stroke was 86 mm (3.39 in). VVT-i variable valve timing was added later in 1997.
2JZ-GE
The 2JZ-GE is a common version. Output is 215 to 230 hp JIS (158 to 169 kW) at 5800 to 6000 rpm and 209 to 220 ft.lbf (283 to 298 Nm) of torque at 3800 to 4800 rpm.

จะเห็นว่า torqueมันไม่แตกต่างกับ 4m40 turbo เลย 4M40
Engine type — Inline 4 cylinder SOHC Displacement — 2835 cc
Bore — 95 mm
Stroke — 100 mm
Fuel type — Diesel
Intercooled Turbo (1993-1996)
Fuel system — Distributor type injection pump Compression ratio — 21:1
Power — 92 kW (125 PS) @ 4000 rpm
Torque — 294 N·m (217 ft·lbf) @ 2000 rpm

คำตอบที่ 25
       ใครว่าทอร์คไม่ต่าง ต่างมากๆครับ
อย่าไปดูตัวเลขตัวหน้าตัวเดียว คือ ตัว กก.-เมตร (Kg-M หรือ N-m ขึ้นอยู่ว่าจะใช้หน่วยไหน) มันต้องสัมพันธ์กับรอบที่แรงบิดนั้นจะมาด้วย

กล่าวคือ อย่างในเครื่องของ 2JZ-GE แรงบิดมีที่ 29-31 กก.-เมตร ที่รอบเครื่อง 4000-4800 รตน. นั่นหมายถึงจะต้องกดคันเร่งลึกมากเพื่อที่จะได้รอบที่ 4800 และจะต้องใช้เวลาพอสมควร วิ่งทางดำไม่เท่าไหร่ แต่หากเอามาวางในรถ 4x4 ที่ต้องการแรงบิดในรอบต้นๆ เพื่อที่ขับเคลื่อน อาการมันก็จะเกิดในลักษณะเวลากดคันเร่งเพื่อข้ามอุปสรรครอบแรงบิดจะยังไม่มา รถจะมีอาการตื้อๆ แต่ทีนี้เวลาเติมคันเร่งลงไปจนรอบมาที่แรงบิดที่ต้องการ คราวนี้แหละมันจะพุ่งพรวดพราดจนบางทีอาจจะแทบควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางเป็นไปได้ยาก

ขนาดเครื่อง 4M40 เรารอบแรงบิดจะมีสูงสุดที่รอบต่ำแค่ 2000 รตน.ในบางโอกาศยังมีอาการรอบมาช้า เหมือนรอรอบเลย แล้วนี่เครื่อง JZ รอบสูงสุดของแรงบิดอยู่ที่ 4000 กว่า รตน.นู้น ขับในทางออฟโรดขับยากครับ แต่วิ่งทางดำนี่ฉิวเลยหละ

คำตอบที่ 26
       ถ้าเป็นรถบรรทุกหนักละก็ เปลี่ยนเป็นเครื่องเบนซินต้องใช้ที่มันใหญ่ๆและแรงม้ามากๆนะ เพราะพอหนักเดี๋ยวอืด

คำตอบที่ 27
       ผมไม่ค่อยแนะนำครับถ้าเห็นแก่ความประหยัด ความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจเพราะผมไม่ได้วิ่งไกลมากนัก ไม่ขับเร็วมากนักเพราะรถมันสูงไม่ใช่เก๋งจะได้ใช้ไปประลองความเร็ว

ค่าเครื่องค่าวาง จนจบ ~50000
ขายเครื่องเก่า ~35000
ค่าติดแก๊ส ~20000

เบ็ดเสร็จลงทุน ส่วนต่าง ~35000

วันนี้ดีเซลผมตกที่ กม ละ 2.12 บาท
สมมุติว่าแก๊ส ตกที่ กม ละ 1.5 บาท

ผม save ได้ กม ละ 62 สตางค์ จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 58333 กม หรือให้คุ้มทุนใน 1 ปีผมต้องวิ่งเฉลี่ย เดือนละ 4861 กม

หรือให้คุ้มทุนใน 2 ปีผมต้องวิ่งเฉลี่ย เดือนละ 2431 กม

1) ข้อเสียอีกอย่างคือแก๊สบ้านนอกเช่นบ้านผม โลละ 10.5 บาท(แพงกว่ากทม เกือบ 2 บาท) ค่าบริโภคแก๊สมันจะไม่ใช่ 1.5 บาทต่อกม แต่จะเปลี่ยนเป็น 1.7~1.8 บาทต่อกม การคืนทุนก็จะช้าไปกว่านี้อีก
2) ใช้แก๊ส ต้องหมั่นดูแล หม้อต้ม อายุการใช้งานก็ราวๆ 1~2 ปี ผ้าอาจจะฉีก
3) โดย nature เครือง ดีเซลมันมักจะทนกว่าเครื่องเบนซิน และ เครื่องเบนซิลมันมักจะทนกว่าเครื่องเบนซินติดแก๊ส
4) ราคาขายต่อภายภาคหน้ามากกว่าเครื่องเดิม
5) อย่างที่ข้างบนกล่าวนั่นแหละเครื่องตัวนี้แรงบิดมาในรอบสูง โอกาสปีนแล้วพลิกสูง(ต่างจากเครื่อง jeep ที่เน้นแรงบิดไม่ค่อยเน้นแรงม้า) เครื่องเหมาะกับรถขับ 2 มากกว่าวิ่งทางเรียบจะดี
6) ความจุกจิกของแก๊ส เมื่อไม่ค่อยได้ใช้น้ำมัน เช่น ท่อน้ำมันแตก, หัวฉีดตันเพราะไม่ค่อยใช้น้ำมันม O-ring ระบบน้ำมันชอบเสื่อม, ปัมท์ติกเสียเพราะไม่ค่อยใช้ เครื่องร้อนเพราะใช้แก๊ส, น้ำหม้อน้ำหายเพราะเอาไปต้มแก๊ส, หม้อต้มรั่ว เป็นต้น
7) วางไม่ดีระวังไม่จบ
8) แก๊สติดไม่ดี ไม่วิ่ง และกินจัด

ทุกวันนี้ bio ดีเซลเป็นทางเลือกของผมสำหรับ grandis 2.8 ไม่โบ ยาง 31"กิน บางจาก bio ดีเซล 2.12 บาท/กม
และทุกวันนี้ Cherokee 4.0 กินแก๊ส ราว 4.5 กม/ลิตร หรือ 2.5 บาท/กม(ที่แก๊ส ลิตร ละ 10.5) แพงกว่าดีเซลอีก

ลองคิดดูก่อนนะ อย่าเชื่อผม

คำตอบที่ 28
       ปล.
Torque — 294 N·m (217 ft·lbf) @ 2000 rpm
เท่ากับ 29.98 KG-M

2j torque = 29.0~31.0 / @4800 rpm

ผมว่า torq 4m40 ไม่ต่างกับ 2j นะ แต่ 2j ใช้รอบสูงกว่าแยอะมากๆ

คำตอบที่ 29
       เป็นกระทู้ ข้อมูลดีๆ สำหรับใช้ในการตัดสินใจ

คำตอบที่ 30
       เพื่มเติมข้อมูล
วงเงินที่ติดตั้ง ประมาณ 1xx,xxx ต้นๆ
เปลี่ยนเฟืองท้าย ใหม่ 7/37 หน้า/หลัง ออกตัวเร็วขึ้น
ยางเดิม 265/70/16
เปลี่ยนหม้อน้ำ เป็น 2 ช่อง
ระยะทาง ตรงกับ GPS ได้ 1.72 บาท/กม. ราคา แก๊ส 9.70 บาท บางที่ 9.59 บาท วิ่งใน กทม.
Triton 3.2 M/T อีกคัน ตก 3บาท/กม

คำตอบที่ 31
       โอ้โห ขนาดคุณ tu ta คำนวนว่า

ค่าเครื่องค่าวาง จนจบ ~50000
ขายเครื่องเก่า ~35000
ค่าติดแก๊ส ~20000

เบ็ดเสร็จลงทุน ส่วนต่าง ~35000

วันนี้ดีเซลผมตกที่ กม ละ 2.12 บาท
สมมุติว่าแก๊ส ตกที่ กม ละ 1.5 บาท

ผม save ได้ กม ละ 62 สตางค์ จุดคุ้มทุนจะอยู่ที่ 58333 กม หรือให้คุ้มทุนใน 1 ปีผมต้องวิ่งเฉลี่ย เดือนละ 4861 กม

หรือให้คุ้มทุนใน 2 ปีผมต้องวิ่งเฉลี่ย เดือนละ 2431 กม

แล้วคุณ stra ton บอกว่างบจนเสร็จ 100000 บาท(สมมติ ว่าเศษแสน เราขายเครื่องเดิมได้พอดี) จุดคุ้มจะอยู่ที่กี่ กม แล้วระหว่างที่วิ่งเพื่อให้ได้จุดคุ้ม จะไม่มีรายจ่ายอื่นๆ หรือครับเนี้ยะ

อย่างผมวิ่ง เดือนละ 3000KM. ก็ตกโลละ 2.5 บาท(เติมเต็มถัง 1500 วิ่งได้ 600km.) ก็จะมีรายจ่าย คนม. 7500 บาทต่อเดือน แต่ถ้าติดแกส รายจ่าย คก. ก็จะตก 5100 บาท(คิดที่โลละ 1.7 บาท)ส่วนต่าง คือ 2400 บาท ปีหนึ่งก็จะประหยัดได้ 28800 แต่เราลงทุนไป 100000 บาท ก็เท่ากับว่า้ต้องใช้สัก 3 ปีก็จะได้ คุ้มกับเงิน 100000 ที่จ่ายไป แต่ 100000 นั้นไม่ได้ทยอยจ่ายแน่ๆ

เอาเป็นว่า ถ้าวิ่งปกติธรรมดา เดือนละเท่านี้ ผมไม่เปลี่ยนเครื่องดีกว่า ที่แนๆ่ เครื่องเดิมที่เราคุ้นเคย เราก็จะพอคาดคะเน รายจ่ายที่จะต้องเสียเพื่อบำรุงรักษาได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเครื่อง เราไม่คุ้นเคยกะมันเลย เสียเมื่อไร ช่า่งที่ใหนซ่อมได้บ้างก็ไม่รู้

ถ้ามองว่า ค่าใช้จ่ายต่อ กิโลเมตร มันถูกกว่าครึ่งหนึ่ง ก็น่าทำ หากแต่ถ้าต้องเสียเงิน เป็น ครึ่งแสน หรือเป็นแสน เพื่อแลกกับ ค่าใช้จ่ายต่อ กิโลเมตร ที่ถูกกว่าแค่นี้ แล้วปีหน้า ก็จะลอยตัวแกส กับ ก๊าซ กันแล้ว(ฟังเขามาอีกที) ยิ่งไปกันใหญ่

เหมือนตอนผมออกรถ สตราด้า ก็มีคนบอกให้เอา อีซูซุ เพราะประหยัดค่าน้ำมันกว่ากันเยอะ ตอนนั้นออกรถถ้าเป็น IZu ต้องใช้สัก แสนหน่อยๆ แต่สตราด้าแค่ สามหมื่นห้าเอง
แต่ผมมาคิดคำนวนอีกทีในตอนนี้ ผมว่าผมออก สตราด้าดีแล้ว ตอนออกรถ ใช้เงินน้อยกว่าเป็นใหนๆ ในออปชั่นเท่ากัน(สตราด้าดีกว่าด้วย) ส่วนต่างครึ่งแสนกว่าๆ แต่ประหยัดกว่า แค่ 5 โลลิตร ให้แบบไม่คิดมากด้วย

คิดแค่ไอ้ส่วนต่างตอนออกรถ เราเติมน้ำมันได้ตั้ง หลายปีกว่าจะหมดเงินนั้น แถมเงินนั้นเอามาหมุน ออกดอก ออกผลได้ตั้งเยอะ ซ่ะด้วย

แหะๆ ยืดยาวไปหน่อยครับ แต่ก็ตามที่คุณ อัศวิน ถามไว้ก็เลยมา บอกเล่า ตามที่ผมคิดเอง เผื่อจะไปสะดุดคนอื่นๆบ้างอ่ะครับ

คำตอบที่ 32
       เรียน คุณ STA-TON ปัจจุบันการใช้รถคันนี้ยัง OK หรือเปล่าครับ ขอทราบเบอร์โทรอู่ด้วยครับ กำลังสนใจจะทำบ้างครับ

คำตอบที่ 33
       ยังใช้อยู่ครับ 60,000 กม.แล้วครับ ผมปรับ gas หลายวิธีตอนนี้มา กิน gas อยู่ 1.50-1.70 บาท/กม อากาศร้อนเย็น กินไม่เท่า กัน (ในกทม.) ต่ำกว่านี้วิ่งไม่ออก อู่0818500294 แก้ว

คำตอบที่ 34
       การใช้งานในเส้นทางทุรกันดานและขึ้นเขาเป็นอย่างไรบ้างครับ ใช้แก็สได้ไหม

คำตอบที่ 35
       น่าสนใจครับผมใช้2800ติดโบเองเพิ่งรู้นะครับว่าติดโบแล้วเกียร5จะพังผมจะได้ถนอมมันหน่อย(เบี้ยน้อย)เมื่อก่อนผมคิดวางjเหมือนกันครับผมมี1jอยู่2ตัวครับคิดจะวางมีคนนั้นบอกคนนี้บอกว่าวิ่งทางดำใช้ได้ทางฝุ่นไม่ดีจนผ่านมา2ปีเครื่องยังวางอยู่ที่เดิมครับ(นอกรถ)พอมาเห็นรถพี่วางแล้วตอนนี้ความคิดนี้มันหวนมาอีกแล้วครับขอรบกวนพี่ช่วยรายงานผลการใช้มาเรื่อยๆนะครับผมรอติดตามอยู่ถ้าไปได้ดีผมจะได้ทำตามบ้างครับเพราะพี่ได้ใช้จริงย่อมรู้มากกว่าขอบคุณมากครับผมจะรอติดตามผลการใช้ของพี่

คำตอบที่ 36
       1j ไม่โบ ผมว่าไม่เหมาะสำหรับขับ 4 นะครับ จะอืดผมลงเครื่อง+แก็ส ไม่เกิน 1 แสน + เฟืองท้าย/หน้า ด้วยครับเครื่องเดิม 2500 vg โบ ยังวางอยู่บ้าน วิ่งไป 7 หมื่นกว่า โลประหยัด กิโลบาท ก็ไกล้ทุนแล้วครับ Triton 3.2 M/T ก็ใช้น้อยจอดมากกว่า

คำตอบที่ 37
       สวยมากครับ.....แจ๋วจริงๆ

คำตอบที่ 38
       ถ้าหมดเป็นแสนก็ต้องนอนคิดนานหน่อยพี่ทีแรกกะเอา1jที่มีอยู่ไปวางเพื่อจะได้เบาเงินหน่อยผมขอนอนคิดดูก่อนครับกับเงินแสนที่จะเสียไป

คำตอบที่ 39
       ทำไมการเปลี่ยนเฟืองท้ายถึงช่วยการออกตัวและการขึ้นทางชันได้ล่ะครับ แล้วค่าเปลี่ยนประมาณเท่าไหร ผมพึ่งเปลี่ยนเครื่องเป็น 2j เหมือนกัน แต่เหลือขับสองกำลังทดสอบดูอาการอยู่ เผื่อจะได้ไปทำบ้าง

คำตอบที่ 40
       Torque — 294 N·m (217 ft·lbf) @ 2000 rpm
เท่ากับ 29.98 KG-M

2j torque = 29.0~31.0 / @4800 rpm

ผมว่า torq 4m40 ไม่ต่างกับ 2j นะ แต่ 2j ใช้รอบสูงกว่าแยอะมากๆ

นั่นก็หมายความว่า 2j ต้องใช้รอบที่สูงมาก(4800 รอบ)เพื่อที่จะได้ทอร์คในระดับ 29-30 ซึ่งต่างกับ 4M ที่ใช้รอบที่ต่ำ (2000 รอบ)
ดังนั้นถ้ามองอีกด้านหนึ่งก็คือ ถ้าหาก 4M ใช้รอบที่สูงเท่ากับ 2J ก็คือ 4800 รอบ จะทำให้ 4M มีแรงบิดที่มากกว่า 2J แบบท่วมท้นเลย

สรุปก็คือ ถ้าเรากำหนดรอบไว้ที่ 2000 กับเครื่องทั้ง 2 ตัวนี้ รับรองเลยว่า 2J แทบจะมีแรงบิดที่น้อยมาก และไม่สามารถใช้งานได้
จากทั้งหมดจึงเป็นที่มาว่า ข้อมูลทางเทคนิคของโรงงานที่ให้มาสำหรับเครื่องเบนซินมักจะคุยกันที่รอบเครื่องสูงๆ (มาตรฐานก็คือ 4500 รอบขึ้นไป)เพราะถ้ารอบต่ำกว่านี้คงไม่มีใครซื้อรถยี่ห้อนี้เป็นแน่
ส่วนดีเซลมักจะคุยกันที่รอบเครื่องต่ำๆ(มาตรฐานก็คือ 2000 รอบ) เพราะถ้ารอบสูงกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์เพราะเครื่องดีเซลทุกตัวได้ออกแบบมาให้มีแรงบิดที่ต่ำจากการที่มีช่วงชักกระบอกสูบที่ยาว ถ้าเอาดีเซลมาคุยกันที่รอบเครื่องสูงๆมันก็จะมีแรงบิดที่มากกันทุกๆเครื่อง ทุกๆยี่ห้อเลย และก็สูงกว่าเครื่องพวกเบนซินด้วยซ้ำ

ดังนั้นการเปรียบเทียบจึงเป็นไปไม่ได้ เป็นมวยคนละคู่กัน ใช้งานคนละอย่าง ถ้าเอาแต่ใช้งานในเมืองก็วางเบนซินติดแก๊ส แต่ถ้าเอาไปเที่ยวป่าก็ใช้ดีเซลและก็เติมน้ำมันแพงหน่อย
มันไม่มีสูตรสำเร็จที่จะเป็นแบบว่า "แรง ทอร์คดี ใส่ยางใหญ่ๆได้ ขึ้นเร็ว วิ่งประหยัดแบบรถเก๋ง และจะได้ไปเที่ยวถูกๆ" อย่างแน่นอนครับ มันคือความฝัน

คำตอบที่ 41
       ถูกต้องตรงประเด็น

โป๊ะเซ๊ะ โป๊ะเซ๊ะ

คำตอบที่ 42
       ขายเครื่อง 4m40 สภาพเดิมๆ 23500
เกียร์ 6000 ครับ
ปี04 นะครับ ก่อน triton หน่อย

moo 081-4578377

คำตอบที่ 43
       ลองดูเล่นๆครับ ละเอียดดีจัง

http://www.weekendhobby.com/offroad/toyota/question.asp?page=1&id=18038
Sport Rider กับขุมพลัง V8 - 1UZ 3,968 C.C. 260 แรงม้า

http://www.weekendhobby.com/board/landrover/question.asp?page=1&id=5466
รวมพล LandRover ขุมพลัง 1UZ


น่าสนใจดีเหมือนกัน สำหรับคนที่จะเอาเล่นทางออฟโรด