จาก jui-4wheels
เสาร์ที่ , 16/12/2549
เวลา : 20:02
อ่าน = 657
58.9.47.227
|
เมื่อเดือนที่แล้ว ดิฉันและเพื่อนๆ
นัดกันไปทานข้าวแถวสุขุมวิท ตอน
กลับบ้านดิฉันติดรถเพื่อนกลับบ้านด้วย
บ้านดิฉันอยู่แถวหลานหลวงส่วนเพื่อนดิฉันอยู่พุทธมลฑล
>>เธอจึงอาสาขับไปส่งบ้านดิฉันเสมอเพราะเป็นทางผ่าน
ห้าทุ่มแล้ว
ระหว่างทางที่ขับกลับบ้านเราขับผ่านมาบุญครองและสนามกีฬาแห่งชาติ โดย
รถของเราวิ่งเลนส์ในที่เป็นเลนส์เดียว
ฝั่งเดียวกับโลตัสพระราม 1 และช่างกลปทุมวัน
เส้นทางนั้นเป็นทางแคบและมืดเพราะไม่มีไฟทาง
เนื่องจากเราวิ่งใต้รางรถไฟ
ไฟ้าตลอด (ถ้าคนไปแถบนั้นคงทราบดี)
ในระยะสายตาดิฉันเหลือบเห็นคนยืนคนหนึ่งอยู่
ริมฟุตบาท รอที่จะข้ามไปยังฝั่งช่างกลปทุมวัน
เขาหันมามองขวาตามสัณชาติญาณคนข้าม
ถนน (ระยะรถกับที่เค้ายืนน่าจะห่างกันประมาณ 50 เมตร)
รถเพื่อนดิฉันแล่นกำลังจะ ผ่านป้ายรถเมล์หน้าช่างกลปทุมวัน
ชายผู้นี้ก้าวลงมาที่ถนนอย่างไม่คาดฝัน เพื่อนดิฉัน
เหยียบแบรคทันที เค้าคนนั้นหันมาเห็นรถเราด้วยความตกใจ
แต่รถเราก็ปะทะตัวเค้าเต็มๆ
ในจังหวะนั้นดิฉันหวังว่าเค้าจะไม่เป็นอะไรมากเพราะเพื่อนดิฉันขับรถไม่เร็วเลย
ไม่เกิน 50 ด้วยซ้ำ อย่างที่บอกว่าทางแคบ มืด และมีรถขับสวนตลอดไฟก็ส่องหน้าเต็มๆ
จึงไม่ขับเร็ว.. เค้าคนนั้นล้มลงที่พื้นถนน
ดิฉันได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากป้ายรถเมล์ ทุกคนคงตกใจ แต่คง
ไม่มากกว่าดิฉันและเพื่อน เพื่อนพูดขึ้นมาทันที
แกทำไงดีชั้นไม่เคยขับรถชนคน ดิฉันก็เอ่อ...
ชั้นก็ไม่เคย ระหว่างนั้นเราก็งงว่าควรทำยังไงดี
ดิฉันตัดสินใจเปิดกระจกไป ตะโกน
ถามว่าคุณจะไปโรงพยาบาลมั้ย..........แต่ได้ยินเสียงด่าสวนมา ดังมาก จากผู้หญิงคนหนึ่ง
ตอนแรกคิดว่าเค้าเป็นเพื่อนกัน
แต่ไปๆมาๆเป็นใครไม่รู้ที่เจ็บร้อนแทนเท่านั้น คำด่าก็ประมาณว่า เฮ้ย แม่งมีน้ำใจบ้างรึเปล่า
เมิงลงมาดูเค้าสิวะ แล้วอยู่ดีๆชายคนที่เจ็บ
ลุกขึ้นมาเดินกระเพลกๆ มาเคาะกระจกด้านเพื่อนดิฉัน
จับใจความได้ว่า คุณ ขับรถชนคนอื่น ไม่คิดลงมาดูเลยใช่มั้ย
ไม่ได้แล้งน้ำใจ แต่ตกใจและนึกได้ว่า
เป็นผู้หญิงไม่ควรลงไปจากรถยามค่ำคืนหากเกิด
เหตุการณ์ใดใด เพราะเคยถูกเทรนมา
.
พอดีตำรวจเดินมา ดิฉันดีใจมาก รีบตะโกนบอกไปว่า
คุณตำรวจคะ คือเราขับรถชนเค้า เราจะพาเค้าไปโรงพยาบาลช่วยพยุงเค้าหน่อยได้ไหมคะ
ตำรวจก็ใจดีพาเค้าคนนั้นขึ้นมา ในขณะที่เค้าแข็งขืน พูดตลอดว่า
ผมไม่เป็นไรครับ ไม่ไปโรงพยาบาลก็ได้
ดิฉันกับเพื่อนก็งง อารายวะเมื่อกี้แทบจะกินกรูอยู่แล้ว
แต่ดิฉันก็บอกว่าให้ขึ้นรถมา
เค้าขึ้นรถมาด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไป เค้านอบน้อมมากบอกว่า
ผมทำให้พี่เดือดร้อนเลยนะครับ บราๆๆๆๆ
และแล้วอยู่ดีๆเค้าก็ขอยืมโทรศัพท์เพื่อน
ดิฉันบอกว่าขอติกต่อเพื่อนที่ทำงานด้วยกันหน่อย
โทรศัพท์เค้าโทรออกไม่ได้ เพื่อนก็ให้ยืม
แล้วเค้าก็โทรหาแฟนเป็นคนแรก ตัวเองเหรอ อือๆ
เค้าโดนรถชน เค้าซุ่มซ่ามเองแหละ เนี่ยพี่เค้าพามาส่งโรงพยาบาล
.
และก็กดหาเพื่อนอีกประมาณ สามคนได้ ดิฉัน
ก็งงว่าปกติ ผู้ชายเค้าต้องพูดเยอะขนาดนี้เลยเหรอ
ดิฉันรู้สึกแปลกๆ แอบคิดว่า
เค้าจะเอาเบอร์เพื่อนดิฉันยิงไปที่เบอร์เพื่อนเค้าเพื่อเก็บไว้เพื่อทำอะไรไม่ดี
คิดอย่างนั้นจริงๆนะคะ
ถึงโรงพยาบาลมิชชั่น บุรุษพยาบาลเข็นเค้าพาไปห้องฉุกเฉิน
เพื่อนดิฉันให้เค้า X-Ray ขาเพื่อให้แน่ใจว่าเค้าปลอดภัย
ระหว่างนั้นเค้าพูดตลอดว่า
เนี่ยผมทำให้พี่ลำบากแย่เลย..
ผมต้องแย่แน่ๆเพราะผมต้องไปทำงานต่อ เพื่อนดิฉันถาม
น้องทำงานอะไรคะ นี่จะเที่ยงคืนแล้ว
คือ ผมเป็นแดนเซอร์ครับ เนี่ยถ้าผมไป
ไม่ทันผมโดนปรับแน่ๆ สามพัน ดิฉันสะดุดกึกทันที
แปลกๆแล้วไง ดิฉันเลยโทรหาคุณแฟน
ฮีก็แนะนำให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลและก็ให้เงินไปนิดหน่อยค่าทำขวัญ
แล้วให้จบๆไป
เพราะเค้าก็รู้สึกว่า คนๆนี้เป็น มิจฉาชีพ
เหมือนที่ดิฉันคิด
ค่าปรับสามพันที่ชายคนนั้นพูดทำให้หมอพยาบาลสะดุดกึกเหมือนกัน
หมอบอกว่า โอ้โหรายได้คุณดีจังนะ มากกว่าผมมาเข้าเวรอีก
แล้วผล X-Ray ก็ออกมา กระดูกไม่มีปัญหา พยาบาลจึงมานวดขาให้เค้า เค้าบอกว่าดีขึ้นแล้ว
เราจึงเข็นเค้าไปห้องจ่ายยา
ส่วนดิฉันและเพื่อนไปจ่ายเงิน สรุปหนึ่งพันนิดๆ
คุณหมอถามว่าเอาไบรับรองแพทย์มั้ย
เค้าบอกว่าไม่เอาครับเพราะผมใช้อะไรไม่ได้อยู่แล้ว
ดิฉันพูดโพล่งขึ้นไปว่าขอใบรับรองแพทย์ด้วย แล้วหันไปบอกเค้าว่า
คุณนำใบรับรองแพทย์ไปเป็นหลักฐานว่าคุณเจ็บจริงนะคะ
นายจ้างคุณจะได้ไม่มาปรับคุณ
เค้ารีบพูดว่า คืองานที่ผมทำมันไม่เป็นระบบ
ทางนายจ้างเค้าไม่สนใจหรอก
ดิฉันก็คิดว่าแปลกมาก ดิฉันไม่เชื่อสิ่งที่เค้าพูดเลย
และประกอบกับทางโรงพยาบาลบอกว่าเราสามารถเรียกเอาประกันได้ถ้ามี
ได้โดยเอาสำเนาบัตรประชาชนของเค้าและ
ทะเบียนบ้าน แต่นาทีนั้นใครจะพกทะเบียนบ้านมา
ดิฉันจึงขอถ่ายสำเนาบัตรประชาชนเค้าไว้ เพื่อเป็นหลักฐานการยื่นขอเอาประกันที่สถานีตำรวจ
ดิฉันกับเพื่อนนับว่ามีโชคอยู่บ้าง ที่มีเอกสารของเค้าทุกอย่างอยู่กับตัว
โอ้ขอบคุณโรงพยาบาลที่เตือนสติ
และก็เป็นไปตามคาดคือ
ก่อนที่เราจะส่งเค้าขึ้นแท็กซี่ที่เราเรียกให้ เพื่อนอีชั้นยื่นเงินสด
ให้เค้าหนึ่งพันบาท บอกว่าเป็นค่าตกใจ
โดยมีบุรุษพยาบาลเป็นพยานในการส่งรับนั้น
ดิชั้นกระซิบบอกเพื่อนก่อนหน้านี้ว่าให้พูดดังๆตอนจ่ายตังค์ จะได้มีพยานรู้เห็น
ตามคาด.......... คือเรื่องไม่จบง่ายๆ
. เค้าทำหน้าน่าสงสารและพูดว่า
คุณครับ...... ผมต้องเอาเงินไปจ่าย ค่าปรับสามพัน
..
นั่นไงกรูเห็นลิ้นไก่เมิงทันที
ดิฉันจึงพูดว่า
น้องค่ะพี่ว่าน้องลองยื่นให้หัวหน้าน้องดูก่อนดีกว่าค่ะ
แล้วค่อยมาว่ากันว่าเค้าว่ายังไง พี่ว่าน้องเจ็บขนาดนี้เค้าจะไม่เห็นใจเลยเหรอคะ
เค้าก็อึ้งไปแล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะโทรมา
ตามคาดอีกแล้ว เค้าโทรมาหาเพื่อนดิฉัน
แหมแอบเอาเบอร์ไปเมมไว้ตั้งแต่ต้น ฉลาดจัง.พ่อคุ๊ณ
แต่ด้วยความที่ดิฉันกับเพื่อนเตี๊ยมกันไว้แต่ต้นว่าจะพูดยังไงกับเค้าดี
บทสนทนาจึง
เป็นอย่างนี้
เค้า: พี่ครับผมต้องจ่ายสามพันแน่
เดี๋ยวผม Massage เลขบัญชีมาให้พี่โอนพรุ่งนี้นะครับ
เพื่อน: เอ่อ น้องคะพี่ว่าอย่างนี้ดีมั้ย
น้องบอกเบอร์หัวหน้าน้องมาดีกว่า พี่จะโทรไปคุย กับ เค้าโดยตรงว่าเค้าจะผ่อนปรนได้มั้ย
แต่ถ้าไม่ได้จริงก็ไม่เป็นไรพี่จะจ่ายให้เค้าเองโดยตรง
น้องไม่ต้องกลุ้มนะ พี่จัดการเอง ขอเบอร์หัวหน้าน้องด้วยจ่ะ
เค้า: เอ่อ ไม่มีครับพี่
เพื่อน: อ้าว งั้นน้อง Massage มาบอกพี่พรุ่งนี้นะ บ้ายบาย
เอตอนแรกบอกว่ามือถือโทรออกไม่ได้ ตอนนี้โทรได้ซะแล้ว อืม น่าคิด
แต่เรื่องยังไม่จบ
ตอนเช้าเพื่อนรีบไปดำเนินเรื่องแจ้งความที่ สนปทุมวัน ตำรวจบอกว่า
โอ้ยอีหนูตรงนั้นโดนกันประจำ คือมีแก็งค์มิจฉาชีพอ่ะค่ะ
สรุปหญิงสาวที่ร้องโหวกเหวก
โวยวายด่าทอเราที่ป้ายรถเมล์ ก็พวกเดียวกันแน่ๆ
เค้ามากันเป็นทีม คือจะให้เราอาย
ตอนนั้นบอกตรงๆว่าหน้าชาเลยเหมือนเรากับเพื่อนเป็นอาชญากรสังคมและเค้าต้องการ
ให้เราจ่ายเงินให้เค้าไปตรงนั้น
ว่าแล้วเค้าไม่ยอมมาโรงพยาบาลในตอนแรกเพราะต้องการให้เรื่องจบตอนนั้น
และแล้วก็ติดต่อประกันให้ดำเนินการต่อ
เค้าคนนั้นยังคงโทรมาในช่วงแรกๆ โทรมาโวยวาย
เพื่อนพูดอย่างเดียวว่าไปคุยกับประกัน
เค้าจึงพูดขู่ว่า
นี่ผมประณีประนอมมากแล้วนะ
ถ้าเป็นคนอื่นเค้าถึงตำรวจแล้ว เพื่อนเราเลยบอกว่า
อ่อ......อ
เรื่องถึงตำรวจอยู่แล้วค่ะเพราะพี่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันแล้ว
ตำรวจรู้ เรื่องแล้วค่ะ เค้าเห็นว่าไม่ได้ผลจึงวางสายไปและ
สุดท้ายเค้าส่ง Massage มาหามีใจ
ความว่า คุณระวังตัวไว้ให้ดี บาปกรรมมีจริง
ขอให้คุณเจออุบัติเหตุที่หนักกว่า
ผม
..
เค้าคนนั้นจริงๆแล้วมีวิธีที่เนียนมากในการทำครั้งนี้
บางคนอาจสงสัยว่ามีคนกล้าเสี่ยงตัว
เองเพื่อเงินขนาดนี้เลยเหรอ ขอบอกว่ามีจริงๆค่ะ
เค้ารู้วิธีที่จะทำให้ตัวเองเจ็บน้อยยังไง เค้ากระโดดขึ้นมาบนกระโปรงรถ
ตอนที่รถพุ่งเค้าใกล้ตัวเค้า ถ้าเป็นคนปกติยืนนิ่ง
โดนเสยกระเด็นไปแน่นอนแม้จะขับไม่เร็วก็เหอะ
ขอเตือนเพื่อนๆทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิงนะคะ
เพราะเราชอบกลัวและใจอ่อนกับอะไร
ง่ายๆ ต้องมีสติให้ดีค่ะ
เค้าคนนี้ชื่อ
ตู่ บ้านอยู่แถวรามอินทรา
ผิวคล้ำ สูง ผอม
อายุ 26 ปี
( จริงๆมีบัตรประชาชนเค้าด้วย แค่เดี๋ยวตำรวจเสียรูปคดี)
|