จาก Pom Cronos IP:58.181.157.122
พฤหัสบดีที่ , 11/6/2552
เวลา : 10:02
อ่านแล้ว = ครั้ง
เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน
|
ตรวจเช็คหลายอย่างแล้ว โครโนสก็ยังสตาร์ทไม่ติด ???
รถผม โครโนส ปี 93 5 ป. 4 สูบ เกียร์ออโต้ ใช้น้ำมันอย่างเดียว มีอาการดังนี้ครับ
เช้าวันพฤหัสฯ ขับรถไปทำงานจอดรอไฟแดง เครื่องดับ สตาร์ทใหม่ติดทันที วิ่งได้ปกติ ถึงที่ทำงาน เดินหน้า - ถอยหลัง เข้าที่จอด เครื่องดับและสตาร์ทใหม่ติด 2 - 3 ครั้ง
เย็นขับออกจากที่ทำงานประมาณ 200 เมตร เครื่องดับ สตาร์ทใหม่ติด ขับถึงบ้าน
เช้าวันศุกร์ ขับออกจากบ้าน รอลูกปิดประตูบ้าน เครื่องดับสตาร์ทไม่ติด เดินไปส่งลูกขึ้นมอเตอร์ไซค์ปากซอย กลับมาสตาร์ทติด จึงขับรถเข้าบ้าน ลองดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ติดประมาณ 30 วินาที แล้วดับ สตาร์ทไม่ติดอีกเลย
การแก้ไขขั้นแรก
คิดเอาเองว่ากรองเชื้อเพลิงอาจตัน เพราะซื้อรถมา 2 ปีกว่าแล้ว ยังไม่เคยเปลี่ยน
จึงไปซื้อของเทียบมาเปลี่ยน เพราะร้านแถวบ้านไม่มีของแท้ขาย
ราคา 200 บาท หน้าตาไม่หล่อเหมือนของแท้
เปลี่ยนเสร็จ สตาร์ทไม่ติดเหมือนเดิม
ขั้นที่สอง
โทรหาช่าง ประภาส ดอนเมือง
ช่างประภาส บอกให้ลองเช็คปั๊มติ๊กดู โดยคลายน๊อตเเบอร์ 17 ที่รางหัวฉีดออกนิดหน่อย
แล้วจั๊มสายไฟที่ปลั๊กตรวจสอบเครื่องยนต์ (ภาษาอังกฤษจำไม่ได้ครับ) ข้างกล่อง FUSE BOX ที่ขั้ว F/P กับ GND บิดสวิทช์กุญแจที่ ON ปรากฎว่ามีน้ำมันพุ่งออกมาจากรอบๆ น๊อตเบอร์ 17 ที่คลายไว้อย่างแรง แสดงว่าปั๊มติ๊กไม่เสีย
ขั้นที่สาม
ช่างประภาส บอกให้ลองเช็ค ไฟที่หัวเทียน
โดยถอดปลั๊กหัวเทียนออก นำไขปลายควงแหย่เข้าไปในปลั๊ก สวมถุงมือหนัง แตะไขควงกับฝาครอบวาวล์
สตาร์ทเครื่อง แล้วดูว่ามีประกายไฟสปาร์คที่ฝาครอบวาวล์หรือไม่
ปรากฎว่าไฟแรง และดูดจนสะดุ้ง ขนาดสวมถุงมือหนังแล้ว
ขั้นที่สี่
เช็คการยกของหัวฉีด
ถอดปลั๊กหัวฉีดสูบที่ 1 ออก
ที่ปลั๊กหัวฉีดมีสายไฟ 2 เส้น
ใช้ไขควง Test Lamp
นำปลายไขควงฯ จี้ที่สายไฟเส้นที่ 1 จั๊มดินที่เครื่อง บิดสวิทช์กุญแจที่ ON ปรากฎว่าไฟติด จึงดับสวิทช์ฯ
นำปลายไขควงฯ จี้ที่สายไฟเส้นที่ 2 จั๊มไฟที่ขั้ว + แบตฯ บิดสวิทช์กุญแจสตาร์ทยาว
ปรากฎว่าไฟกระพริบเป็นจังหวะ
แสดงว่าการยกของหัวฉีดปกติ
ไฟมา - น้ำมันมา ปวดหัว ทำไมสตาร์ทไม่ติด
ขั้นที่ห้า
นำกล่อง ECU ไปเช็คที่ ONE-TECH ปากซอยลาดพร้าว 64
คุณสุรศักดิ์ ใช้เวลาเช็ค 2 วัน
แจ้งค่าใช้จ่ายไว้ 2000 บาท ไม่พบว่าเสีย จึงไม่คิดเงิน
ขั้นที่หก
คุณสุรศักดิ์ แนะนำให้ลองมาตรวจเช็ค สายไฟ ฟิวส์ ระบบกันขโมย
ตรวจเช็คทุกอย่างแล้ว ปกติ
การตรวจสอบขั้นที่ 7
เช็คว่าสายพานไทมิ่งข้ามร่องหรือไม่
ถอดหัวเทียนสูบ 1 และ สูบ 4 ออก เปิดฝาครอบจานจ่าย ใชไขควงแหย่ไว้ที่หัวลูกสูบ
หมุนเครื่องยนต์ให้สูบ 1 ขึ้นสูงสุด ดูที่หัวนกกระจอก อยู่ตำแหน่งจ่ายไฟของสูบ 1
หมุนเครื่องยนต์ให้สูบ 4 ขึ้นสูงสุด ดูที่หัวนกกระจอก อยู่ตำแหน่งจ่ายไฟของสูบ 4
แสดงว่าสายพานไทมิ่งไม่ข้ามร่อง
ขอเข้ามาแจมหน่อยครับ
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้ ได้ทำการตรวจสอบระบบจ่ายน้ำมันจากปั้มตื๊ก และระบบไฟที่หัวเทียน พร้อมทั้งได้นำกล่อง ECU ไปให้ช่างทำการตรวจเช็ค ช่างบอกว่าปกติ และประการสุดท้ายได้น้ำกล่อง ECU ไปทดลองใช้กับคันอื่น ยังรอผลวันนี้
เรื่องมันยาวที่จะอธิบายความ อยากรอฟังผลการนำกล่อง ECU ไปทดลองใช้กับคันอื่นเหมือนกันครับ
เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ประเด็นอื่นๆให้ทดลองตรวจเช็คดูครับ
เอาอย่างนี้ดีกว่า ให้คุณตรวจเช็คที่ระบบของแอร์โฟลว์ดูว่า มันมีขั่วหลุดหลวมหรือเปล่า หรือจะเข้าไปให้ลึกกว่านั้นก็ต้องตรวจเช็คการทำงานของมันว่าทำงานปกติหรือไม่ หากไม่ใช่ช่างมีความรู้ทางอีเลคโทรนิคส์ก็ลำบากที่จะอธิบาย เอาแบบง่ายๆ ลองขอยืมจากรถเพื่อนฝูงมาทดลอง ถอดชุดกรองอากาศ ที่มีตัวเรือนของแอร์โฟวล์ติดอยู่ มาใส่แทนที่ของรถคุณ แล้วลองสตาร์ทเครือ่งยนต์ดูครับ หากโชคดีก็จะพบสาเหตุ เพราะตัวแอร์โฟวล์เสีย รถยนต์ที่มีระบบแอร์โฟวล์ หากมันเสียก็ไม่สามารถที่จะสตาร์ทเครื่องได้เช่นกัน นี้เป็นกรณีหนึ่งที่อยากจะให้ตรวจสอบ
สำหรับการวิเคราะห์ว่าระบบไฟที่จ่ายให้กับหัวเทียนทำงานหรือไม่ ต้องทราบในหลักการทำงานของระบบเสียก่อนว่ามันทำงานอย่างไร พอจะสรุปให้ฟังเคร่าๆดังนี้ครับ ส่วนประกอบที่จะทำให้เกิดการสร้างไฟสูงที่ป้อนให้กับหัวเทียน ก็คือตัวช่วยจุดระเบิดชุดอินิชั่นคอย แต่การที่จะให้ตัวช่วยจุดระเบิดนี้ทำงานได้ ต้องอาศัยปัจจัย ในการสร้างสัญญาณพัลส์ จากมุมองศาจุดระเบิด ที่มีชุดสสร้างสัญญาณพัลส์ NE ที่อยู่ในตัวเรื่อนจานจ่าย เมื่อเครื่องยนต์เริ่มสตาร์ท และเครื่องยนต์เริ่มหมุน สัญญาณที่ได้รี้จะถูกส่งป้อนให้กับตัว ECU เพื่อที่จะให้ ECU สร้างสัญญาณพัลส์อีกชุดหนึ่ง เพื่อป้อนสัญญาณนี้ให้กับตัวชุดช่วยจุดระเบิด(สร้างไฟสูง) จึงมีไฟสูงออกที่หัวเทียนตามจังหวะองศาการจุดระเบิดแต่ละสูบ
ดังนั้นการที่จะวิเคราะห์หาสาเหตุว่าตัวจานจ่ายเสียจะต้องกระทำการตรวจเช็คสัญญาณพัลส์ NE ว่าถูกจ่ายออกมาจากจานจ่ายหรือไม่ แล้วสัญญาณนี้จ่ายไปถึง input ที่ตัวกล่อง ECU หรือไม่ หรือสายนำส่งขาดระหว่างสายไฟนำสัญญาณ และต้องตรวจเช็คสัญญาณพัลส์พัลส์ ที่ ECU จ่ายไปป้อนให้ ตัวช่วยสร้างไฟสูงสำหรับจุระเบิด แต่เราก็สามารถจะทำการวิเคราะห์ตัวช่วยสร้างไฟสูงว่าทำงานหรือเปล่า แบบตาดูหูฟัง ไม่ต้องสร้างพัลส์จากเครื่องเจนเนอเรเตอร์ ทำพัลส์แทนการจ่ายพัลส์ที่ ECU สร้างขึ้น โดยหาสายไฟที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณเข้าอนพุทของตัวช่วยสสร้างไฟสูง มาเขี่ยกับกราวด์ ก็จะมีไฟออกที่หัวเทียน แสดงว่าชุดสร้างไฟสูงโอเค เพื่อตัดปัญหาช่างโมเมทึกทักเอาว่าชุดจานจ่ายเสีย การที่จะวิเคราะห์ว่าตัวจานจ่ายเสียจะต้องตรวจสอบการทำงานของมันด้วย ออสซิลโลสโคป ดูรูปสัญญาณ NE ที่เกิดขึ้น ว่ามีหรือไม่ รวมทั้งสัญญาณที่มาจาก ECU ด้วย
นี้เป็นหลักการตรวจเช็คของระบบการจ่ายไฟสูงให้กับหัวเทียน
แต่เนื่องจากคุณได้บอกว่า ได้ทำการวัดไฟที่หัวเทียนแล้ว ปรากฏว่ามีปกติ ก็พอสรุปได้ว่าชุดสร้างไฟสูงทำงานถูกต้อง แต่ผมจะกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องในภาคส่วนของตัว ECU ที่ทำหน้าที่สร้างสัญญาณป้อนให้กับตัวช่วยสร้างไฟสูง ว่ามันทำงานผิดพลาดอย่างไร ขอตัดบทสรุปความสั้นๆก็แล้วกัน เพราะอธิบายยาวขี้เกียจพิมพ์ ไม่ค่อยมีเวลาครับ
ปกติแล้วในส่วนของวงจรอีเลคโทรนิคส์ที่ทำหน้าที่สร้างสัญญาณที่ว่านี้จะประกอบไปด้วยวงจรสร้างสัญญาณพัลส์ และตัวบัฟเฟอร์ ขยายกระแสของ Transistor ที่วงจรนี้จะมี Capacitor แบบ อีเลคโตรไลท์ ทำหน้าที่ฟิลเตอร์ไฟ DC ที่เลี้ยงวงจร เกิดการลีคภายในตัวของมัน ทำให้เสมือนมีค่าความต้านทานเกิดขึ้นในตัวของมัน ที่ตัว Capacitor นี้ขาขั่วลบของมันจะลงกราวด์ ดังนั้นหากตัวของมันเปรียบเสมือนค่าความต้านทานที่เกิดขึ้น จึงทำให้โวลเต็จของวงจรนี้ มีกระแสโวลเต็จส่วนหนึ่งไหลลงกราวด์ ทำให้โวลเต็จที่ภาควงจรนี้ลดลงมาก เกินกว่าที่จะทำให้ไฟที่ใช้เลี้ยงวงจรดังกล่าว ทำงานได้ จึงไม่มีสัญญาณพัลส์ไปจ่ายให้กับวงจร ตัวชุดช่วยจุดระเบิด
อาการที่เกิดขึ้นมีมีผลในการสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด หรือบางครั้งติดเดี๋ยวเดียวก็ดับ โดยมากจะเป็นสักสองสามครั้งก็ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดได้อีก มีท่านเจ้าของรถคันหนึ่งเป็นเพื่อนของเพื่อนผม นำมาให้ทำการตรวจซ่อม ก็มีอาการคล้ายกับของคุณ เข้าไปให้อู่สองสามอู่ตรวจซ่อม แต่ละร้านที่ซ่อมลงความเห็นว่าจานจ่ายเสีย ต้องซื้อจานจ่ายมาเปลี่ยน แต่หลังจากเปลี่ยนแล้วอาการก็ไม่หาย เหมือนเดิม ผมก็จัดการเปลี่ยนเจ้าคาปาซิเตอร์ที่ว่านี้ ก็จบลงด้วยดี
ตามที่ท่านเจ้าของกระทู้ให้ช่างไปตรวจเช็คกล่อง ECU แล้วบอกว่าปกติ ผมยังแครงใจอยู่นิดๆ เอาเป็นว่าถัไม่เป็นไปตามที่ผมเล่ามา สิ่งที่จะต้องตรวจสอบมีอีกสองสามจุด ยังไงลองตรวจเช็คแอร์โฟวล์ดูก่อนนะครับ หากไม่ได้ผลอย่างไร กรุณาบอกให้ทราบจะช่วยแนะให้ตรวจเช็คในภาคที่เกี่ยวข้องต่อไปครับ ขอให้โชคดี...srithanon
ผมรบกวนให้ อ.วอน ช่วยวิเคราะห์อีกครั้งหนี่งครับ
|