คำตอบที่ 3
สวัสดีครับ...ขอนำเสนออีกสามชุด
เล่มแรกแนวท่องป่าเล็กๆของครูรุ่นบุกเบิกโรงเรียนอัสสัมชันศรีราชา ในยุคที่เป็นป่าเสือดงช้าง
ที่มีเพียงอำเภอเล็กๆหนทางไปมาลำบาก แล้วจากหมู่บ้านที่เงียบเหงาก็มี บ.ไทยออย์ เข้ามาตั้งโรงกลั่น
จึงเป็นที่มาของเรื่องของความฮาของครูกรุงเทพ กับนักเรียนเมืองหลวงที่ต้องมาอยู่โรงเรียนประจำ
เป็นเรี่องราวที่ครูกับนักเรียนต้องเรียนไปด้วยพจญภัยไปต้วยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง
แล้วศิษย์ที่จบมาล้วนมีชื่อเสียงในสังคมทั้งสิ้น
"โรงเรียนกลางป่า"ของชาตรี อนุเทียน
ชุดที่สอง เป็นนิยายอิงเรื่องจริงแนวป่าลึกลับ ของชารี เอี่ยมกระสินธ์เรื่อง"ไพรผาดำ"มีสองเล่ม
ชุดที่สาม แนวป่าดงพงไพรในยุคป่าเขียวดงครึ้มและเรื่องราวของการใช้ชีวิตของผู้คนในภาคอีสาน
สนุกตื่นเต้นมีสาระของ "วัฒนา บุณยัง" มีให้เลือกอ่านหลายเรื่อง เล่มแรกที่ผมได้อ่านคือ"ลูกอีสาน"
ภาษาที่อ่านเข้าใจง่ายและได้บรรยากาศ
ส่วนหนังสือเล่มแรกที่ผมอ่านแล้วทำให้ผมกลายเป็นคนอยากอ่านหนัวสือ เป็นหนังสือเก่าของปู่ผม
ช่วงนั้นผมอยู่ที่บ้านสวนที่อ.กระทุ่มแบนมีเพียงผมกับทหารเท่านั้น ส่วนย่ากับอาผมเดือนนึงจะมาครั้ง
แล้ววันนั้นฝนตกทั้งวันไม่รู้จะทำอะไรเลยเดินไปที่ตู้หนังสือที่ไม่มีใครสนใจแล้ว ผมหยิบเล่มที่สวยที่สุด
ที่มีปกเป็นไหมสีน้ำเงินชื่อว่า"ลุ่มเจ้าพระยา"ของ มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ผมอ่านแล้วของบอกเลยว่า
นี่แหละคือตัวตนของบ้านเรา ใช้ภาษาที่สวยมากอ่านแล้วได้บรรยยากาศของกรุงเทพมื่อครั้งนั้น
บวกกับบ้านผมอยู่ติดแม่น้ำท่าจีนและอยู่ใกล้กับวัดนางสาว จึงทำให้ได้บรรยากาศมากขึ้นจาก"ลุ่มเจ้าพระยา"
มา"ห้วงมหรรณพ"เล่มที่ผมเอามาจากปู่เป็นเล่มที่พิมพ์ครั้งที่สองเมื่อเมษา2502จาก"ห้วงมหรรณพ"
ก็มา"ดาหลัง"ซึ่งเป็นราชนิพนธ์ของ "พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก"จาก"ดาหลัง"มา"ไผ่แดง"
ซึ่งหนังสือที่ผมกล่าวมาในข้างต้นนั้นผมว่าเป็นหนังสือชั้นครูเลยทีเดียวและที่สำคัญเป็นหนังสือที่ผมหยิบมาอ่านครั้งแรกแล้วอยากอ่านอีก ทุกวันนี้ผมเก็บรักษาหนังสือเหล่านี้ไว้อย่างดีผมถือว่าเป็นครูในการอ่านของผมเลย
" สวัสดี"