คำตอบที่ 1
       สังเกตุว่า สายไฟหลักที่ขั้วบวกของแบตจะมีแค่สองเส้น
เส้นใหญ่ 1 เส้น เส้นเล็ก 1 เส้น
เส้นใหญ่ นั้นไม่ต้องไปสนใจเพราะเป็นไฟที่จ่ายให้แต่ไดสตาร์ต ตอนสตาร์ทเครื่อง
เส้นเล็ก เป็นสายที่มาจาก อัลเตอเนเตอร์ที่จะชาร์จไฟให้แบต
รถบางคันจะมีสายเส้นเล็ก ๆ เยอะแยะ ไล่สายดูเองแล้วกัน ว่าต้องเป็นเส้นที่มาจากอัลเตอเนเตอร์

เอาสายเส้นเล็กมาต่อที่มิเตอร์ ขั้วที่มิเตอร์ที่เหลืออีกข้างเอากลับไปที่แบตเหมือนเดิม
แค่นี้ก็เสร็จครับ

มันดูแค่ไฟชาร์จเข้าแบตครับว่าพอหรือเปล่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       ผมไม่แนะนำให้ต่อแอมป์มิเตอร์ราคาถูกแบบซื้อมาเองครับ เพราะว่า

_ต้องใช้สายใหญ่ลากมาจากไดชาร์ทเข้าห้องโดยสารแล้วย้อนกลับเข้าห้องเครื่องไปแบตเตอรี่อีกรอบมันทำให้แรงดันจากไดชาร์ทมันตกลงจากความต้านทานของสายเพราะกระแสมันสูงหลายสิบแอมป์

_มันอันตรายถ้าขั้วสายหลวมหรือชอร์ทลงตัวถังในแผงหน้ารถมันวอดเอาง่ายเพราะสายมันต้องใหญ่และไม่มีฟิวส์ดักที่ต้นทางถ้าจะใส่ฟิวส์มันต้องใส่สักร้อยแอมป์ ตัวใหญ่และร้อนอาจจะไหม้ได้ถ้าต่อไม่ดีหรือฟิวส์หลวม

_แอมป์มิเตอร์ของระบบรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ถูกต้องแล้วต้องใช้ระบบ Shunt คือใช้สายเล็กๆลากเข้าห้องโดยสารแต่สายใหญ่และ Shunt ยังอยู่ในห้องเครื่องแบบนี้ปลอดภัยแบบเต็มร้อยใส่ฟิวส์เล็กขนาดที่สุดยังได้เลย



ผมแนะนำให้ติดโวล์มิเตอร์ดีกว่ามันแสดงผลได้เหมือนกันคือ


_มันใช้สายเล็กต่อจากตรงไหนก็ได้และปลอดภัยที่มันต่อผ่านฟิวส์ได้

_ถ้าแรงดันอยู่ระหว่าง 14-13V แสดงว่าไดชาร์ททำงานปกติยังเหลือไฟชาร์ทเข้าแบตเตอรี่

_ถ้าแรงดันอยู่ระหว่าง 13-12V แสดงว่าใช้ไฟเต็มพิกัดแล้วให้ลดการใช้ไฟลงบ้าง

_ถ้าแรงดันอยู่ระหว่าง 12-10V รีบปิดแอร์ปิดระบบไฟฟ้าทุกอย่างทิ้ง ถ้าแรงดันยังไม่ขึ้นกลับเท่าเดิมให้รีบขับกลับบ้านเพราะไดชาร์ทมันเสียไปเรียร้อยแล้ว

 แก้ไขเมื่อ : 2/9/2553 22:25:03

แสดงความคิดเห็นย่อย