คำตอบที่ 1
       ขั้นตอนก็ต้องติดให้เครื่องร้อนๆก่อนที่จะเช็คกำลังอัด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       แต่ที่ผมไม่รู้ก็คือ ไม่รู้ว่าเครื่องรุ่นนี้กำลังอัดในกระบอกสูบอยู่ที่เท่าไหร่ พี่ๆเพื่อนๆมีใครพอจะทราบบ้าง หรือใครเป็นช่างของศูนย์บ้างขอข้อมูลหน่อยดิครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       เมื่อตอนสองแสนโลผมเอาเทอร์โบไปให้ร้านทำท่อไอเสียในตัวอำเภอใส่ให้ แต่ช่างมันเดินมาดึงท่อระบายที่ฝาครอบวาล์ว ออกแล้วมันบอกว่า โอยรถพี่กำลังอัดลงแล้ว ไม่ไหวหรอก แถมมันยังเรื่องมากอีก จะเอาอินเตอร์ไว้ข้างหน้าหม้อน้ำ ทั้งๆที่มันก็มีขามีแขนวางบนเครื่องแบบเดิมของมันได้ ช่างคนนี้มันขยันสร้างงานจริงๆ มิน่ามันถึงรวยเอาๆ ผมเลยขนกลับมาทำเอง ที่ไปจ้างให้มันใส่ให้เพราะผมไม่มีตู้เชื่อมหรอก ไม่ใช่ไม่มีปัญญา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       วัดกำลังอัดตัวนี้ทำเอง พี่ๆเพื่อนๆใครจะทำที่เช็คกำลังอัดไว้ใช้เองก็ได้นะครับ

อุปกรณ์มี

1 เกจ์ (ตัวนี้ผมขอเขามา )
2 ตัวปล่อยลม ก็ถอดมาจากลูกศรยางมอไซด์
3 ตัวกันกลับ เป็นกันกลับลมทั่วไป ไม่แพงอย่างที่คิด ไม่แน่ใจว่าถึงร้อยป่าว
4 สายน้ำมันเบรก ปลายสายเกลียวเดียวกับหัวเผาครับ แต่ผมไม่รู้ของรถอะไรเส้นนี้ผมเก็บได้มาจากกองวัสดุเหลือใช้ในมหาลัย
5 อแดปเตอร์ข้อต่อต่างๆ ซื้อตามร้านฮาด์ทแวทั่วไปครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       กำลังอัดดีนี่ครับ ช่างมันมั่วคิดว่าเราจะต้มง่ายๆนะสิครับ รถผมยังต่ำกว่านี้ราวๆ300กิโลกรัม/คิวบิกเซนครับ

300 ผมก็ว่ายังโอเคนะคับ แต่ค่าเฉลี่ยแต่ละสูบต้องไม่ต่างกันมาก จาก : kiddee(kiddee) 15/8/2555 7:10:05 [27.55.3.138]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       เข้าใจทำครับ บางคนละลืมการใส่ check valve กับวาวล์ปล่อยลม
แรงอัดยังเกิน 18:1 ยังไม่ถือว่าหลวมครับ ถ้า 20:1 ถือว่าปกติดี

ตามปกติเขาวัดกันตอนสตาร์ทแห้งครับ ถอดสายไฟเลี้ยงปั้มออกมากันไม่ให้เครื่องติดแล้ววัด เพราะเครื่องติดแล้วอากาศมันยังไม่ทันจะรั่วสูบก็วิ่งไปสุดแล้ว ค่าที่วัดได้จะสูงกว่าปกติ

ขอบคุณครับ อาจารย์ จาก : kiddee(kiddee) 15/8/2555 7:14:42 [27.55.13.53]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       "ตามปกติเขาวัดกันตอนสตาร์ทแห้งครับ" หมายถึงสตาร์ไม่ให้เครื่องติดใช่ป่าวครับ ไม่รู้ผมทำถูกขั้นตอนหรือป่าวครับ อ.วอน

ผมติดเครื่องให้มันร้อนๆก่อน ดับเครื่อง แล้วก็ถอดหัวเผาออกให้หมดทุกสูบ จากนั้นก็ดึงสายไฟที่ปั้มออก แล้วก็ทดลองวัดกำลังอัด จริงๆผมก็ไม่กล้าวัดตอนเครื่องติดหรอกครับ กลัว

อ.ครับคำนวณกำลังอัดอย่างไรครับ ผมวัดได้แต่คำนวณ ไม่เป็น


 แก้ไขเมื่อ : 15/8/2555 7:12:24

 แก้ไขเมื่อ : 15/8/2555 7:21:39

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       ถูกต้องแล้วครับ วัดขณะเครื่องไม่ติด และเครื่องยนต์อุ่นตัวดีแล้ว

ผมเอาเครื่องแกสโซลีนก่อน

ตามปกติจะวัดในช่องหัวเทียน ดังนั้นแม้ว่าจะเผลอติดเครื่องยนต์ก็ไม่เป็นอันตรายเพราะสูบที่วัดไม่มีการจุดระเบิด แต่ค่าที่ได้มันไม่ถูกต้องอย่างที่ผมบอกเพราะความเร็วของสูบมันสูงจนการรั่วของมันยังไม่ทันเกิด


สำหรับเครื่องดีเซล อันตรายมาก ผมแนะนำให้คลายท่อน้ำมันเข้าหัวฉีดสูบนั้นออกสักสามเกลียวแต่ไม่ต้องหลุดเสียด้วยซ้ำไป เพราะน้ำมันค้างท่อแล้วมีแรงดันนิดเดียวก็พลาดได้

เครื่องดีเซลวัดในช่องเผาหัว ถ้าเผลอไม่ปลดสายไฟตัดน้ำมันที่ปั้มเมื่อไร สูบที่วัดมันก็จุดระเบิดได้แม้จะปลดหัวเผาหมดทุกสูบก็ตาม สามสูบไม่มีแรงดันไม่จุดระเบิดแต่สูบที่วัดมันมีแรงดัน แรงดันตอนจุดระเบิดเพียงครั้งเดียวเล็กๆมันพอที่จะพัง Pressure gauge ให้ทั้งเข็มและกระจกกระเด็นพุ่งใส่หน้าได้เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       "สำหรับเครื่องดีเซล อันตรายมาก ผมแนะนำให้คลายท่อน้ำมันเข้าหัวฉีดสูบนั้นออกสักสามเกลียว ถ้าเผลอไม่ปลดสายไฟตัดน้ำมันที่ปั้มเมื่อไร สูบที่วัดมันก็จุดระเบิดได้แม้จะปลดหัวเผาหมดทุกสูบก็ตาม"

ขอบคุณครับ ผมลืมคิดถึงข้อนี้ไปเลย ผมไม่ได้คายแป๊บน้ำมันเข้าหัวฉีดด้วย ผมแค่ถอดสายไฟที่ปั๊มออกผมก็ยังว่ามันเสี่ยงเกินไปอยู่ดีแหละครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       ส่วนแรงดันใช้กฎของบอยล์ได้เลยครับ แม้จะหยาบแต่พอประมาณการได้

P1V1 = P2V2

P เป็นความดันของแก๊ส
V เป็นปริมาตรของแก๊ส

ถ้าเครื่องยนต์มี compression Ratio =20:1 ก็แทนค่า V ไปก็รู้ P

แต่ถ้าย้อนไปดูรูปแรงดันมี่ Pressure gauge ข้างบนมันแปลกๆนะเครื่องอะไรแรงอัดสูงขนาดนั้น

แต่ถ้าเอาแบบละเอียดมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ให้ดูแรงดันที่ Pressure Gauge ในรูปข้างบนมันขึ้นมาตั้ง 375 PSI แรงอัดอะไรมันมหาศาลขนาดนั้น เกิน 20:1 ปกติของดีเซลไปไกล



เพราะว่ากฎของชาร์ลบอกว่า V/T = k เมื่อ K คือค่าคงที่ของแกส T คืออุณหภูมิ

ดังนั้น V1/T1 = V2/T2

กฎของชาร์ลบอกว่ายิ่งอัดให้เล็กยิ่งร้อน แต่ยิ่งร้อนยิ่งมีแรงดันสูงขึ้น เพราะกฎของบอยล์บอกว่า ถ้าอุณหภูมิคงตัว ความดันของแก๊สจะแปรผกผันกับปริมาตรของแก๊ส

ดังนั้น ถ้าอุณหภูมิมันไม่คงตัวตามที่กฎของบอยล์กำหนดไว้ด้วยผลของกฎของชาร์ล ผลมันต้องมีตัวแปรอีกตัวคือ กฎของเก-ลูซัก คือ P/T = K

ดังนั้น P1/T1 = P2/T2

ในสภาพความเป็นจริงของธรรมชาติ ปริมาตร-แรงดัน-อุณหภูมิ มันไปด้วยกันในเวลาเดียวกัน เมื่อรวมเอาทั้งสามกฎเข้าหากันเป็นกฎเดียวก็จะได้

(P1V1)/T1 = (P2V2)/T2 ก็ดูสมบูรณ์ดีขึ้นน่าจะใช้ได้แล้ว




แต่ว่าถ้าจะคิดกันดีๆแล้ว แกสมันมีค่าพลังงานต่ออุณหภูมิอยู่ ไม่อย่างนั้นก็ใช้อากาศแทนน้ำยาแอร์ได้ซิ อากาศธรรมดากับแกสฟรีออนของระบบทำความเย็นมันมีค่าพลังงานต่างกันเนื่องจากค่าโมลมันต่างกัน เพราะทั้งสองสมการข้างบนมันมีค่าคงที่ K อยู่ทั้งสองสมการ

ดังนั้นกฎตัวสุดท้ายที่เอาค่าพลังงานของแกสมารวมกันเป็นหนึ่งกับทั้งสามกฎคือ กฎของอาโวกาโดร ที่เพิ่ม
R เป็นค่าคงตัวแก๊สอุดมคติประมาณ 8.3145 จูล/(โมลxเคลวิน)
n เป็นจำนวนโมลของแก๊ส เพราะตอนนี้เราไม่ได้คุยเรื่องปริมาตรแล้วเราเอาเนื้อแกสมาคำนวนเลยดีกว่ามันแน่นอนทั้งจักวาล จะอัดอากาศบนโลกหรือไปอัดแกสมีเทนบนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสก็ได้ทั้งนั้น แม้กระทั่งเครื่องยนต์ทำงานที่ระดับน้ำทะเลหรือบนยอดเขาเอเวอร์เรสก็คำนวนได้เพราะเราคิดที่ปริมาณไม่ใช่ปริมาตร

กฎของอาโวกาโดรคือ PV = nRT


คราวนี้ได้แรงดันที่อ่านบน Pressure gauge 375PSI ในรูปข้างบนตรงไม่แปลกแล้วได้ตามที่คำนวนแน่นอน

แสดงความคิดเห็นย่อย