คำตอบที่ 1
       "SOUL OF THE NATION"
"SOUL OF THE NATION"
"SOUL OF THE NATION"

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       เมื่อก่อนนี้คนเรารู้จัก หน้าที่ ที่จะต้องปฏิบัติ รู้จักผิดชอบชั่วดี

เมื่อก่อนเวลาคนกระทำความผิด โดนเรียกมาสอบสวน ก็จะให้การปฏิเสธ พอโดนสอบสวนหนักๆเข้าก็ยอมรับสารภาพและขอโทษผู้เสียหายทั้งน้ำตา เล่าถึงความจำเป็นที่ต้องการทำความผิด (เช่น มันอับจนหมดหนทาง พ่อแม่ป่วย ต้องส่งลูกเรียน จึงต้องกระทำผิด)

พอช่วงต่อมา คนที่ถูกเรียกไปสอบสวนเริ่มหัวหมอมากขึ้น พอโดนสอบสวนก็จะหาข้ออ้างอย่างนั้นอย่างนี้มาแก้ตัวอ้างว่าตนมีสิทธิหรืออำนาจหน้าที่ที่จะกระทำได้

พอในปัจจุบันนี้ คำว่า "สิทธิ" มันเข้ามามีบทบาทในสังคมไทยมากขึ้น จนคนไทยแทบจะลืมคำว่า มนุษยธรรมกันหมดแล้ว เดี๋ยวนี้คนกระทำผิดโดนเรียกมาสอบสวนก็จะนั่งนิ่งไม่สนใจคนพูด พอคนสอบสวนถามก็จะตอบด้วยวลีสั้นๆ "แล้วยังไง" ซึ่งเป็นวลีที่ผู้กระทำผิดใช้ตอบคำถามตามสิทธิของตนเอง

อดีตนายกฯให้สัมภาสนักข่าวเกี่ยวกับโครงการแปรรูปการไฟฟ้าว่า "ตอนที่แปรรูป ปตท. ยอมรับว่ามีคนใกล้ตัวได้หุ้นไปจริงๆ แต่แปรรูปการไฟฟ้าจะไม่ให้คนใกล้ตัวได้ไปอีกแล้ว" ดูจากประโยคนี้อดีตนายกฯยอมรับออกมาอย่างไม่มีความอาย ความเกรงกลัวต่อประชาชน ทั้งๆที่มันดูเหมือนว่าอดีตนายยกฯ ได้กระทำความผิด แต่ทำไมพวกฝ่ายค้าน พวก ส.ต.ง. ถึงไม่เอาเรื่องนี้มาโจมตี นั่นเป็นเพราะ มันดูเหมือนมีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ แต่มันไม่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้มีกฎหมายห้ามคนใกล้ตัวถือหุ้น คนสมัยนี้นึกถึงแต่สิทธิเท่านั้นไม่ค่อยนึกถึงว่าอะไรควรไม่ควร

ตำรวจสมัยก่อนจับบผู้ต้องหาแล้วไม่มี % แบ่งให้ ตำรวจก็จะจับกันแบบมีมนุษยธรรม เช่น จับพวกที่มันจอดรถในพื้นที่ห้ามจอด เพราะมันเกะกะขวางทางผู้อื่น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนจริงๆ
แต่ตำรวจสมัยนี้แน้นทำยอดการจับกุมอย่างเดียว เอาแต่ตั้งด้านเรียกตรวจนั้นตรวจนี้ โดยเฉพาะมอเตอร์ไซค์ โดนยัดข้อหามั่วๆบ้าง ทั้งที่ข้อหาที่จับนั้นเป็นเพียงความผิดเล็กน้อยมากๆ และไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ผู้อื่น สมัยนี้เขาไม่จับไอ้พวกรถยนต์ที่จอดกันไม่ถูกที่ หรือพวกขับรถอ้อมไฟแดงซึ่งอาจทำให้เกิดอันตารายต่อผู้อื่น เหตุที่ไม่จับพวกนี้เพราะ มันเจอตัวผู้กระทำความผิดยาก และต้องเสียเวลากว่าจะเรียก กว่าจะคนผิดจะมา กว่าจะชี้แจงข้อหา

ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำข้อความมาให้อ่านครับ อน่าแล้วรู้สึกประทับใจมากครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย