คำตอบที่ 1
       อีกรูปครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
       อีกรูปครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
       อีกรูปครับ

บร๊ะเจ้า คลัทช์อันเท่าของมอไซค์สี่สูบเอง รับแรงม้าได้เป็นร้อยๆ โอ๊ย เทพจิงๆ จาก : JaneNC(JaneNC) 21/4/2554 20:47:10 [110.49.226.74]   แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       เคยมีครับ เนื่องจากแรงม้ามันมากจนเกิดอุบัติเหตุใหญ่หลายหน จึงออกกฎหมายห้ามใช้ระบบอัดอากาศในรถ F1 มาเกือบสิบปีแล้ว ตามด้วยห้ามใช้ยางสลิกเพื่อลดความเร็วเข้าโค้ง และกำหนดปริมาณน้ำมันที่ใช้เพื่อลดแรงม้าลงอีกรอบ

สมัยสุดท้ายที่ที่มวิลเลี่ยมฮอนด้ากวาดรางวัลเครื่องฮอนด้าF1 ยังไม่มีกฎพวกนี้ เครื่องตัวทดสอบโชว์นักข่าวอัดอากาศ 35PSI รีดม้าได้ 700ตัว ด้วยเครื่อง 1500cc เอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       เขาให้เลิกระบบอัดอากาศใ F1 คงจะคล้ายๆกับยกเลิกรายการแข่ง รถแข่ง Group B พิกัดไม่เกิน 3000cc.Turboเพราะเครื่องแรงเกินไป จนสภาพรถที่แหกโค้งอัดกำแพงคอนกรีต ดูไม่ต่างอะไรจากกระป๋องน้ำอัดลมโดนเหยียบ


สมัยก่อน F1 เขาใช้ Turbo หรือ ซุปเปอร์ชาท หรือระบบอะไรหรือครับ ถ้าเป็นระบบอื่นๆ มีหลักการทำงานอย่างไรครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      

เทอร์โบใน F1 มันเป็นแค่ส่วนย่อยๆของเครื่องยนต์เองครับ มันแรงเพราะทุกส่วนสัดของเครื่องยนต์


และที่ผมบอกว่าเครื่องตัวทดสอบโชว์นักข่าวอัดอากาศ 35PSI รีดม้าได้ 700ตัว ด้วยเครื่อง 1500cc มันไม่ใช่ตัวแข่งนะครับ

ตัวแข่งมันเป็น 59PSI เครื่องขนาด 1500cc 994แรงม้า


ผมย้ำอีกที่ว่ามันแรงทุกสัดส่วนของเครื่องยนต์ไม่ใช่แรงเพราะเทอร์โบ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       ที่ผมบอกว่ามันแรงทุกสัดส่วนนี่ไม่ใช่ผมพูดเลี่ยงไม่อธิบายนะครับ เพราะว่ามันยาวมากเอาเป็นว่าผมเล่าให้ฟังย่อก็แล้วกัน

เพราะสมัยก่อนผมเคยโต๋เต๋เป็นเด็กกวาดพื้นหาเงินซื้อขนมปังกินกับอีกทีมหนึ่งไม่ใช่ทีมวิลเลี่ยมฮอนด้าแต่พอรู้ใส้อีกทีมหนึ่งบ้าง เริ่มจากอาหารของเครื่องยนต์ก่อน อากาศและน้ำมัน

ถ้าเห็นในถ่ายทอดสดรถ F1 เวลามันเกิดอุบัติเหตุแล้วนักแข่งวิ่งตูดปลิ้นออกจากรถนั่นมันไม่ใช่ตาแหกกลัวรถระเบิดนะครับมันวิ่งหนีไฟต่างหาก และพวกหน่วยกู้ภัยเอาเครื่องดับเพลิงฉีดหาเบื๊อกอะไรก็ไม่รู้ไฟไม่ได้ไหม้สักหน่อย แต่ที่จริงแล้วเราไม่รู้เลยว่าไฟไหม้หรือเปล่า คนขับและหน่วยกู้ภัยก็ไม่รู้เพราะว่าเปลวไฟมันใสจนไม่มีสีให้รู้ว่าไฟมันลุกน้ำมันแล้ว

ใช่แล้วครับมันคือน้ำมันระดับเทวดาเสกมาใส่ถัง

เมื่อเกือบสามสิบปีก่อนสมัยที่ผมยังเล่นไมล์เลสมาราธอนอยู่เคยบอกให้เพื่อนที่เอสโซ่ผสมน้ำมันใส่รถให้ใช้แข่งมันวิ่งได้เจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตรต่อลิตรสบายๆ มันลุกไหม้แบบไม่มีเปลวให้เห็นแต่เอามือไปอังมันร้อนเหมือนนรก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       เรื่องนี้มันต้องเริ่มที่สมัยสงครามโลกครั้งที่สองนั่นแหละที่มีการพัฒนาน้ำมันขึ้นมาเพราะเครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องขับไล่มันต้องการกำลังมหาศาล อย่างเครื่องยนต์ Allison ใน DC3 มันใช้สูบดาวสิบสองสูบตอนนั้นมันมีน้ำมันอ็อกเทน87.เท่านั้นเลยได้กำลังเพียง 1500 แรงม้า

พอท่านนายพลทั้งหลายคิดว่าถ้าเครื่องบินมันบินได้เท่านี้มันไม่ชนะพวกญี่ปุ่นและเยอรมันแน่ๆ เครื่องบินต้งบินไปถล่มได้ถึงโตเกียวและเบอลินได้ในเที่ยวเดียวหมายถึงมันต้อง แรงขึ้น กินน้ำมันน้อยลง และอัตราการไต่ต้องสูงโดยใช้เครื่องยนต์เดิมๆเพราะไม่มีเวลามาสร้างเครื่องบินใหม่แล้ว

พวกนักวิทยาศาสตร์จับมือกับวิศวกรสร้างน้ำมันขึ้นมาตัวหนึ่งใส่เครื่องบินให้ได้ตามที่ต้องการนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของน้ำมันเทวดาที่ผมบอก เครื่องยนต์อลิสันปลาร้าสับมันขยับแรงม้าจาก 1500 เป็น 2500แรงม้า ความเร็วเดินทางเพิ่มอีก 12% ความเร็วการไต่ระดับเพิ่มอีก 40% เพดานบินเพิ่มอีก 20% และบรรทุกได้เพิ่มอีก 40% เพียงแต่เปลี่ยนน้ำมันเท่านั้น

อยากเห็นเครื่องยนต์อลิสันปลาร้าสับสิบสองสูบของจริงๆมีตั้งแสดงที่ท้องฟ้าจำลองหนึ่งตัว แล้วจะทึ่งกับการรีดม้า 2500ตัวของวิศวกรรุ่นปู่เมื่อหกสิบกว่าสิบปีก่อน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       น้ำมันเทวดาที่ว่ามันคือ น้ำมันอ็อกเทน 100 ผสมสารตะกั่วธรรมดา 40% และ Triptane 60%

น้ำมันอ็อกเทนร้อยสมัยนั้นก็เทวดาแล้วแล้วครับ ทริปเทนเป็นสูตรลับของเยนเนอราลมอเตอร์ออกจาแล็ปนานแล้วแต่ไม่มีเครื่องยนต์จะใช้เพราะมันร้อนระเบิดเทิดเทิงจนเครื่องสมัยนั้นรับไม่ไหว สมัยนี้ไม่ลับแล้วเพราะมันคือ 2-2-3 Trimethylbuthane นั่นเอง

แล้วผ่านมาอีกหกสิบกว่าปีน้ำมันจะพัฒนาไปถึงไหน แล้วน้ำมัน F1ลิตรละเกือบ 50USD มันจะก้าวกระโดดไปถึงไหนผมก็จินตนาการตามในรายละเอียดไม่ถูกเลยครับ แต่รู้ว่ามันสังเคราะห์แบบเต็มร้อยไม่ใช่น้ำมันกลั่นจากปิโตเลี่ยมแบบที่ขายตามปั้มที่เราใช้กัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       หลังจากพูดถึงน้ำมันแล้วต้องพูดถึงอากาศด้วยจะยัดน้ำมันเข้าสูบมหาศาลอย่างไรถ้าอากาศมันไม่พอก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนจะอ่านสิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้ให้อ่านเรื่องเทอร์โบไม่ยากเกินที่จะรู้เสียก่อน

http://www.weekendhobby.com/offroad/newenergy/Question.asp?ID=661

หลังจากอ่านแล้วมาดูระบบอัดอากาศ F1 บ้าง มีทั้งระบบเทอร์โบธรรมดา 2stage แยกช่วงแรกช่วงหลัง บางสำนักก็อุดรอยต่อด้วย complex supercharger ตัวเดียวต่อชุด สองชุดครบเครื่องก็มีหลายสำนัก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ทำไมต้องมีระบบอัดอากาศโหดๆแบบนี้ก็เพราะเล่นกันระดับ 50PSI up up มันต้องบูสกันตั้งแต่รอบพันกว่าๆยันหมื่นกว่ารอบแบบไม่สะดุด พอเริ่มเกิดอุบัติเหตุบ่อย FIA เลยตอนบูสลงเหลือ สามสิบกว่าๆแถวๆสามสิบห้าม้าเลยลดลงเกือบครึ่ง

ระบบอัดอากาศแบบต่างผมไม่เอามาเล่าให้ฟังเพราะยาวมาก เอาเฉพาะแบริ่งแบบลอยในอากาศไม่ต้องใช้น้ำมันหล่อแกนก็ต้องเล่าเรื่องเบาะอากาศขอ งเนอบูลี อีกเป็นหน้า ระบบอากาศไอดีไอเสียสวนแกนของ complex supercharger ต้องว่ากันเป็นหน้าอีกเช่นกัน ให้ไปหาหนังสืออ่านเอาเองแล้วครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
       จะลองเทียบระบบน้ำมันและอากาศกันดูเล่นๆไหมครับ เทียบแล้วจะเห็นอะไรมากมายเริ่มจากซีวิคเครื่องรถจ่ายกับข้าวก่อน

1.5 Litre 4 cylinder 91RON Fuel NA 92HP at 6000 Torque 89ft-lb at 4500

มาดู F1 ตัวที่วิลเลี่ยมฮอนด้าใช้กัน

1.5 Litre 6 Cylinder 102RON Fuel boost 58PSI 994HP at 12000 Torque 490 ft-lb at 9750

แล้วมาดูตอนที่มันโดน FIA ตอนบูสลงเพราะมันกินคนตายกันระนาวในสนามว่ามันเหลือเท่าไร

1.5 Litre 6 Cylinder 102RON Fuel boost 36PSI 610HP at 12500 Torque 280 ft-lb at 10000


คราวนี้เห็นความสำคัญของอากาศแล้วใช่ไหมครับ

อย่างที่ผมบอกไว้นั่นแหละ อาหารของเครื่องยนต์คืออากาศและน้ำมัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
       F1 วิ่งรอบสนาม 305Km ในเวลา 2ชั่วโมง แต่ Indy 500 โหดกว่า เครื่องมันบูสแค่ 7.3PSI เอง แต่อย่าลืมว่าเครื่องมันระดับ 400 cu inc up ทุกคัน

เครื่องF1 มันบูสขนาดนั้นแล้วใส้มันต้องไม่เหมือนชาวบ้านแน่นอน ผมถึงได้บอกมาตั้งแต่แรกอย่างไรว่ามันแรงทุกส่วนสัด CR มันลดลงเหลือแค่ 7.4 ต่ำกว่านี้ก็ติดเครื่องไม่ได้แล้วเพราะตอนติดเครื่องมันไม่มีบูส แต่พอติดได้แล้วมันวิ่งระเบิดเทิดเทิงจะเห็นว่าเครื่องF1 มันต้องติดเครื่องก่อนแข่งจนร้อนเสียก่อนแล้วจึงออกจากพิทมาจอดรอแข่ง เรื่องที่จะติดเครื่องแบบรถธรรมดาอย่าไปฝันว่าจะทำได้ จะเห็นว่ารถบางคันไถดินออกไปนอกสนามแล้วต้องออกจากการแข่งไปเลยเพราะเครื่องมันดับ ถ้ามันไม่ดับยังพอขยับรถมาแข่งต่อได้ แต่ถ้าเครื่องดับก็ไม่ต้องติดกันแล้วเพราะมันต้องอัดอากาศช่วยให้ติดเพราะแรงอัดมันต่ำจนติดเองเหมือนรถบ้านได้ยากมาก

นั่นคือสมัยก่อนนี้นะครับ สมัยนี้มันเป็น NA เครื่องดับติดเครื่องเมื่อไรก็ได้ตลอดการแข่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      

เว็บรวนลงแล้วเด้งกลับน่าเบื่อ ผมขอจบด้วนๆแบบนี้แหละครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
      
อาจารย์ครับ ทำไมจบห้วนๆ แบบนี้ละครับ


ทำร้ายจิตใจ มิตรรักแฟนกระทู้ ชะมัดเลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       สุดยอดจริงๆ อ. วอน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       F1 วิ่งรอบสนาม 305Km ในเวลา 2ชั่วโมง แต่ Indy 500 โหดกว่า เครื่องมันบูสแค่ 7.3PSI เอง แต่อย่าลืมว่าเครื่องมันระดับ 400 cu inc up ทุกคัน

เครื่องF1 มันบูสขนาดนั้นแล้วใส้มันต้องไม่เหมือนชาวบ้านแน่นอน ผมถึงได้บอกมาตั้งแต่แรกอย่างไรว่ามันแรงทุกส่วนสัด CR มันลดลงเหลือแค่ 7.4 ต่ำกว่านี้ก็ติดเครื่องไม่ได้แล้วเพราะตอนติดเครื่องมันไม่มีบูส แต่พอติดได้แล้วมันวิ่งระเบิดเทิดเทิงจะเห็นว่าเครื่องF1 มันต้องติดเครื่องก่อนแข่งจนร้อนเสียก่อนแล้วจึงออกจากพิทมาจอดรอแข่ง เรื่องที่จะติดเครื่องแบบรถธรรมดาอย่าไปฝันว่าจะทำได้ จะเห็นว่ารถบางคันไถดินออกไปนอกสนามแล้วต้องออกจากการแข่งไปเลยเพราะเครื่องมันดับ ถ้ามันไม่ดับยังพอขยับรถมาแข่งต่อได้ แต่ถ้าเครื่องดับก็ไม่ต้องติดกันแล้วเพราะมันต้องอัดอากาศช่วยให้ติดเพราะแรงอัดมันต่ำจนติดเองเหมือนรถบ้านได้ยากมาก

นั่นคือสมัยก่อนนี้นะครับ สมัยนี้มันเป็น NA เครื่องดับติดเครื่องเมื่อไรก็ได้ตลอดการแข่ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       สมมุติว่าถ้าผมจะเอาเจ้าฮอนด้าซีวิค เครื่อง D15B คอเล็ก 92แรงม้า แปลงร่างเป็น F1จะต้องทำอะไรบ้าง

ทำแบบไม่คิดมากเรื่องวัสดุของเครื่องยนต์นะครับ จะเอาลูกสูบ สแตนดาร์ดแตนๆ ไปเทียบกับ ลูกสูบ ก้านสูบ ไตตาเนี่ยม เบาขนาดบุหรี่ซองเดียวของ F1 คงยาก

อย่างแรกเลยคือเปลี่ยนท่อระบบไอเสียทั้งหมด ม้าขยับขึ้นเป็น 100ตัว จะให้แรงทันตามันขึ้นกับอาหารไม่ใช่ส้วม

อย่างที่สองเปลี่ยนระบบป้อนอากาศใหม่หมด ทำให้มันไม่อั้นรอบ รอบจะกระฉูดขึ้นอีกเท่าตัวแรงบิดขยับเป็น 100 ft-lb ม้าสองเท่าเป็นสองร้อยแรงม้า

อันดับสุดท้ายเพิ่มอากาศและน้ำมันเท่ากับ F1 โดยใส่คอมเพล็กซูเปอร์ชาร์ทเจอร์ตัวใหญ่ขนาดหม้อข้าว อากาศจะเพิ่มอีกสี่เท่า และใส่อินเตอร์ยักษ์ให้มันเย็นลงเท่าอากาศภายนอกมันจะมีความจุเท่ากับสี่เท่าอีกเหมือนกัน ม้าน่าจะเป็น แปดร้อยม้าในฮอนด้าซีวิคหมูสับ

แต่ของจริงมันเป็นไปไม่ได้กับวัสดุท้องตลาดที่ประกอบกันเป็นเครื่องรถจ่ายกับข้าวครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
       แล้วเจ้าน้ำมันเทวดามันอยู่ตรงไหนของการโมดิฟายเจ้าฮอนด้าหมูสับให้เป็น F1 ล่ะครับ

ยังมีอีกแต่คราวนี้ต้องรื้อเครื่องกันแล้ว จะเอาน้ำมัน 102RON มาช่วยเรื่องแรงอัดที่สูงเกือบ 60PSI ต้องลด CR ด้วย ต้องขุดฝา ขุดหัวสูบ ลดก้านลง จนเหลือ 7.5

การเพิ่มรอบให้ชนหมื่นสองต้องใช้ก้านกับลูกเบาๆน้องๆสำลีเพื่องลด innertia ของรอบหมื่นกว่าๆ แต่แข็งและทนความร้อนของน้ำมันนรกได้ มันคือก้านละลูกสูบไตตาเนียมอัลลอยด์ แต่ละก้านต้องถีบม้าลงข้อเหวี่ยงไม่ต่ำกว่าสองร้อยห้าสิบม้า มันเหมือนฝันที่เป็นจริงได้ยาก

เลยต้องขยับจากสี่ก้านเป็นหกก้านเพื่อให้มันถีบม้าต่อก้านน้อยลง มันเลยระเบิดตัวเองเป็น V6 ยังไงล่ะ ก้านละไม่ถึงสองร้อยม้า พอเป็นจริงได้แล้ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ขั้นที่สองของการรับมือกับน้ำมันเทวดา คือมันอัดอากาศไปถึงเกือบ 60PSI อุณหภูมิมันไล่ขึ้นไปเกือบ 375 F ลมร้อนขนาดตะกั่วละลายมันกรอกเข้าเครื่องไม่ได้ ต้องลดอุณหภูมิลงมาไม่เกินร้อยถึงจะได้ปริมาณอากาศตามที่ตั้งเป้าไว้คือสี่เท่าของ NA

เรื่องการหาปริมาณอากาศและอุณหภูมิไม่ยาก ที่ผมไล่ให้ไปอ่านเรื่องเทอร์โบไม่ยากเกินกว่าที่จะรู้ก่อนที่จะมาอ่านตรงนี้อย่างไรล่ะ ถ้าลักไก่ไม่อ่านมาถึงตรงนี้ก็อ่านไม่รู้เรื่องแน่ๆว่ามันร้อนได้อย่างไร และปริมาณมันลดได้อย่างไร

แต่พอลดอุณหภูมิอากาศลงเพื่อเอาปริมาณมันมีปัญหาตามมาอีกคือ อากาศมันร้อนน้อยเกินไปมี่จะทำให้น้ำมันเทวดามันระเหยเป็นไอในท่อไอดีก่อนเข้าห้องเผาไหม้ คราวนี้ต้องใช้วิธีบายพาสลมร้อนก่อนเข้าอินเตอร์มาระเหยน้ำมันแล้วค่อยเอามาผสมอากาศหลังอินเตอร์กันแล้ว ดังนั้นอากาศจะอุ่นขึ้นเล็กน้อยแต่ต้องให้มันสูงเกินจุดระเหยและวาบไฟของน้ำมัน 102RON ที่ 105F

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       สังเกตุหรือเปล่าว่าเวลา F1 ถอนคันเร่งไฟมันลุกแล่บตูดเท่สุดๆ

เพราะว่า stoichiometric มันใช้ไม่ได้กับเครื่องม้าดกขนาดนี้ AF ต้องว่ากันที่ +23% ของ stoichiometric สาเหตุที่ต้องผสมหนาขนาดนี้เพราะต้องลดอุณหภูมิห้องเผาไหม้ให้มันไม่สูงเกินไป ถ้าผสมเหมือนรถจ่ายกับข้าวตามบ้านลูกสูบละลายเป็นวุ้นแม้มันจะเป็นอภิมหาไตตาเนี่ยมก็ไม่รอด

อย่างที่ผมบอกไว้ว่าตอนนี้ผมไม่รู้หรอกว่าน้ำมันเทวดามันผสมกันไปแบบไหนแล้วรู้แต่ว่ามันสังเคราะห์แบบเต็มร้อย


แต่ผมจะสมมุติน้ำมันเทวดามาตัวหนึ่ง เอาเป็นว่าถ้าผมจะใช้น้ำมันแบบนี้ผมจะใช้ Toluene - Heptane 85-15 มาเป็นน้ำมัน 102RON กรอกลงถังน้ำมัน

จะบอกว่าเป็นน้ำมันไฟแลบตูดสูตรของ อ.วอน จะดีไหมเนี่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       สิ่งสุดท้ายคือ e-management จอฟ้าหนึ่งตัวและระบบจุดระเบิดแบบแยกสูบใครสูบมันหนึ่งพวง เพื่อให้มันทำงานผสมอากาศน้ำมันแม่สุดๆตลอดย่านไปจนถึงหมื่นกว่ารอบแบบไม่สะดุด และจุดระเบิดแบบไม่ต้องพึ่งพาความแคบของ B-H curve ของแกนเหล็กคอล์ยเดี่ยว และถ้าฝังทวินปลั๊กได้ผมฝังไปแล้ว แต่วาวล์ของเจ้าฮอนด้าหมูสับมันกินที่ฝาสูบไปหมดแล้วเลยหมดสิทธิ์

ทำได้ได้ตามนี้ เครื่อง 1.5ลิตรของซีวิคจะกลายเป็นเครื่อง F1 ได้ทันที แต่มันเป็นได้แค่ความฝันครับ เครื่องF1 ตัวหนึ่งราคามันไม่ต่ำกว่า 50ล้านบาท เพราะใส้ในมันเทวดาเสกทุกชิ้น เครืองแตนๆโมอย่างไงก็ไม่มีทางขึ้นได้แบบนั้น แม้กระทั่งเครื่องฮอนด้าโมเป็นเครื่องแดรกระดับสองร้อยแรงม้าอัพยังมีอายุเครื่องไม่เกินสามนาที

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       ในโลกแห่งความเป็นจริง ผมจะเอาฝา B16A มาครอบ เสื้อ B18 แล้วทำเป็นเครื่องตั้งต้นสำหรับแต่งเล่น เพราะฝาสูบ B16A มันทำมาหากินเก่งกว่า B18

เท่าที่ผมรู้มา ฮอนด้าหมูสับรถบ้านเครื่องตัวข้างบนสมพงษ์กับอัตราส่วน CR 9.5.:1 ใช้กับน้ำมัน 95 ตามปั้มทั่วไป และอัตราผสม A/F +15% stoichiometric บูสแค่ 8PSI ก็พอ แต่คุมอากาศเข้าเครื่องหลังอินเตอร์ให้ได้ไม่เกิน 160F มากไปก็ไม่ดี น้อยไปน้ำมันไม่เป็นไอ


ถ้าทำได้ตามนี้ แล้วจะรู้ว่าเจ้าซีวิครถจ่ายกับข้าวจะกลายเป็นเสือไล่ขย่ำรถสามลิตรได้แบบติดตูดหนีไม่ออกเลยทีเดียว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       อายุการใช้งานเครื่องยนต์Darg 3นาที ถ้ารถคันนั้นวิ่งได้ 12 วินาที แปลว่าจะวิ่งได้เพียงแค่ 15เที่ยว ต้องรื้อเครื่องใหม่ทั้งหมดใช่ไหมครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
       ไม่ใช่ครับ ควอลิฟายรอบหนึ่ง จับเวลาสามเที่ยว หมดอายุเครื่องแล้ว

จบแล้วครับ หวังว่าคงจะรู้ว่าเรื่องเทอร์โบที่ถามมามันปลายเหตุนิดเดียวเองของเท็คโนโลยี F1

ในรูปที่ลงมาเป็นรูปของ เฮียชูมี่ ที่เฟอร์รารีเชิญมาทดสอบรถ F1 ของปีนี้ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
       ตามมาต่อจนจบ



ขอบพระคุณหลายๆ ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
       เข้ามาอ่านทีไร ก็ได้ความรู้ทุกครั้ง เยี่ยมครับ
อาจารย์ไม่เขียนหนังสือขายบ้างเหรอครับ

อ.ศิริบูรณ์ ก็ไม่แน่ว่าจะลึกซึ้งขนาดนี้
แต่เรื่องมอเตอร์สปอตร์ ต้องยกไว้ให้

แสดงความคิดเห็นย่อย