คำตอบที่ 1
       พ่อหมอจะเฉลยให้

เต็ง 1 รัสเซีย พลังหนุ่ม(กระโทก)

เต็ง 2 เยอรมัน (พลังเก๋า)

ส่วนสเปน หมูสนามจริง สิงห์สนามซ้อม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      
อยากหัวเราะเป็นภาษาสเปน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      

ไม่ได้ท้าทายพ่อหมอกระโทกนะครับ เเต่ขวอโบก....


" อินทรีเหล็ก เด็ดสะเด่า เก๋า ต้องเยอรมันครับ "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
       ปลายจะแผ่วไหมน๊อ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
      

ผมว่ารัสเซีย พลังหนุ่มกระโทก

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
       เชียร์ทุกทีมเลย ขอรับ (หลายใจ)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
      
เฉพาะข้อความในวงเล็บคุณริน ...



" คุณรินมีสิทธิ์ที่จะไม่พูด เเต่ถ้าคุณรินพูด คำพูดจะถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้หักหลังในศาล (เตี้ย) ต่อไป "





หากไม่อยากโดนหักหลัง .................. เอารูปไปเที่ยวมาปิดปากเสียดี ๆ อิอิ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
       เมื่อโชว์สเตปเทพ ผ่านสีส้มไปได้ ชั่วโมงนี้ทีมพี่หมี
น่ามีลุ้น ( ถ้าแมทช์ที่เหลือ เล่นเหมือนวันที่ชนะสีส้มนะ ) ...เราเชียร์Azzurri แต่ดวงแตก กลับบ้านไปหามะกะโรนีกินซะแล้ว!! ..เชียร์รัสเซีย ดีกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
      

ล่าสุด กระทิงหิน " สเปน " ขวิดรัซเวียใส้เเตก 3-0 ตามอินทรีเหล็ก " เยอรมัน " เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ

คืนวันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายนนี้ เวลา 01.45 น.


ฤา ท่านอ.von จะได้หัวเราะเป็นภาษสเปนตามที่ปรารภไว้

ฤา มิชาเอล บัลลัค จะทำสถิติ เป็น " รองเเชมป์" 4ถ้วยใน 1 ฤดูกาล หรือ ..... หรือ ......... หรือ......



















" โปรดติดตามด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน "

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
       มิน่า เมื่อวานผมแข้งขาอ่อน

รัสเซียพลังหนุ่ม(กระโทก) จึงอ่อนแรง เหมือนเล่นบอลไม่เป็น

บอกแล้วว่าอย่าเพิ่งเที่ยว มัวแต่ไปยิงประตูที่อื่น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
       ปลายแผ่วใช่ม่ะ ใช่ม่ะ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
      
ไปซะแล้ว
รัสเซียพลังหนุ่กระโทกของผม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
      


บอกตั้งแต่ คห.ที่2 แล้วว่าอยากหัวเราะเป็นภาษาสเปน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      

วันนี้เเล้วครับ



ปรีวิวฟุตบอลยูโร 2008
(รอบชิงชนะเลิศ)
(วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน 2551)

เยอรมัน - สเปน

เวลาเตะ :01.45 น. (ช่อง 9,7)
สนาม :แอร์นส์ท ฮัปเปล สเตเดี้ยม, เวียนนา, ออสเตรีย

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป เพราะนี่คือการเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 6 แล้ว โดยก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 1972, 1976, 1980, 1992 และ 1996 ซึ่งสามครั้งที่ได้แชมป์คือปี 1972, 1980 และ 1996

โยอัคคิม เลิฟ เทรนเนอร์ทีมอินทรีเหล็ก ได้ขุมกำลังที่ลงตัวอีกครั้ง เพราะเกมนี้ ทอร์สเท่น ฟริงก์ส มิดฟิลด์ตัวตัดเกม จะลงทำหน้าที่เป็นตัวจริงอีกครั้ง หลังจากเสียตำแหน่งไปให้ ไซม่อน โรลเฟส ในรอบที่แล้วเพราะอาการบาดเจ็บ

ขณะที่ โรลเฟส ซึ่งบาดเจ็บจากจังหวะขึ้นโหม่งแย่งบอลกับผู้เล่นตุรกี จนมีแผลแตกบริเวณหางตา ก็ไม่มีปัญหาอะไรให้ต้องกังวล และจะมีชื่อเป็นตัวสำรองตามปกติ

เลิฟ ยังคงมั่นใจในระบบการเล่น 4-2-3-1 ที่เพิ่งปรับมาใช้ตั้งแต่รอบน็อกเอาต์เป็นต้นมา หลังจาก 3 นัดในรอบแรก ยึดระบบ 4-4-2 มาโดยตลอด ซึ่งคนที่ถูกถอดออกไปคือ ศูนย์หน้า มาริโอ โกเมซ ที่ควานหาประตูไม่เจอ แล้วเสริมแดนกลางอย่าง โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ กองกลางเท้าหนักลงไปแทน

ระบบการเล่น 4-2-3-1 เยนส์ เลห์มันน์ นายทวารวัย 38 ปี ลงเฝ้าเสา แผงหลังไล่ตั้งแต่แบ็กขวา อาร์เน่ ฟรีดริช แบ็กซ้าย ฟิลิปป์ ลาห์ม คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ กับ คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์

แดนกลางมีตัวตัดเกมสองคน ทอร์สเทน ฟริงก์ส กับ โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ตัวรุกสามคนใช้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ขึ้นทางขวา มิชาเอล บัลลัค อยู่ตรงกลาง และ ลูคัส โพดอลสกี้ ขึ้นทางซ้าย โดยมี มิโรสลาฟ โคลเซ่ เป็นหน้าเป้า

ทางฝั่ง สเปน ของกุนซือ หลุยส์ อราโกเนส มีผลงานที่ยอดเยี่ยมมาตลอดตั้งแต่จบฟุตบอลโลก 2006 เพราะครั้งสุดท้ายที่ทีมแพ้เกิดขึ้นในเกมกับ โรมาเนีย นัดอุ่นเครื่อง เดือน พฤศจิกายน ปี 2006 มาจนถึงเวลานี้ไม่แพ้ทีมใดมา 21 นัดติดต่อกันแล้ว

ปัญหาของ อราโกเนส คืออาการบาดเจ็บต้นขาของ ดาบิด บีย่า กองหน้าคนสำคัญที่นำดาวซัลโว 4 ประตูอยู่ มีโอกาสพลาดลงเล่นนัดชิงชนะเลิศไม่น้อย ทำให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส จะต้องยืนกองหน้าคนเดียว และเสริมแดนกลางอย่าง เชส ฟาเบรกาส เข้าไป

ระบบการเล่น 4-1-4-1 อิเกร์ กาซิยาส ลงเฝ้าเสา แผงหลังประกอบไปด้วยแบ็กขวา เซร์คิโอ รามอส แบ็กซ้าย โจน กัปเดบิล่า คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ การ์เลส ปูโญล กับ การ์ลอส มาร์เช น่า

กองกลางตัวรับใช้ มาร์กอส เซนน่า ที่เหลือมี อันเดรส อิเนียสต้า ทำเกมกราบขวา ดาบิด ซิลบา ทำเกมกราบซ้าย คู่กลาง ชาบี เอร์นานเดซ เล่นกับ เชส ฟาเบรกาส ส่วนกองหน้าตัว เป้า เฟร์นานโด ตอร์เรส

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
       รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
เยอรมัน (4-2-3-1) : 1 เยนส์ เลห์มันน์ - 3 อาร์เน่ ฟรีดริช, 17 แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, 21 คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์, 16 ฟิลิปป์ ลาห์ม - 8 ทอร์สเทน ฟริงก์ส, 15 โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ - 7 บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, 13 มิชาเอล บัลลัค, 20 ลูคัส โพดอลสกี้ - 11 มิโรสลาฟ โคลเซ่
สเปน (4-1-4-1) : 1 อิเกร์ กาซิยาส - 15 เซร์คิโอ รามอส, 5 การ์เลส ปูโญล, 4 การ์ลอส มาร์เชน่า, 11 โจน กัปเดบิล่า - 19 มาร์กอส เซนน่า - 6 อันเดรส อิเนียสต้า, 8 ชาบี เอร์นานเดซ, 10 เชส ฟาเบรกาส, 21 ดาบิด ซิลบา - 9 เฟร์นานโด ตอร์เรส
ผู้ตัดสิน : โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ (อิตาลี)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 1 : อเลสซานโดร กริเซลลี่ (อิตาลี)
ผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 : เปาโล กัลกานโย่ (อิตาลี)
ผู้ตัดสินที่ 4 : ปีเตอร์ ฟรอจด์เฟลด์ท (สวีเดน)
สภาพทีมล่าสุด

เยอรมัน
นักเตะบาดเจ็บ : ไม่มี
ติดโทษแบน : ไม่มี
สเปน
นักเตะบาดเจ็บ : 7 ดาบิด บีย่า (ต้นขา)
ติดโทษแบน : ไม่มี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
       ผลการพบกันที่น่าสนใจ

เจอกันครั้งแรก
12/05/35 เยอรมัน แพ้ สเปน 1-2
เยอรมันชนะมากสุด
16/08/00 เยอรมัน ชนะ สเปน 4-1
สเปนชนะมากสุด
11/02/70 สเปน ชนะ เยอรมันตะวันตก 2-0
12/02/03 สเปน ชนะ เยอรมัน 3-1
ยิงกันสูงสุด
16/08/00 เยอรมัน ชนะ สเปน 4-1
เจอกันล่าสุด
12/02/03 สเปน ชนะ เยอรมัน 3-1
ข้อมูลที่น่าสนใจ

เยอรมัน กับ สเปน เจอกันมาทั้งหมด 19 ครั้ง และเยอรมัน ชนะ 8 ขณะที่ สเปน ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในทัวร์นาเม้นท์ 5 เกมที่ผ่านมายังไม่แพ้
ในฟุตบอลโลกและยูโรรอบสุดท้าย ทั้งสองทีมเคยเจอกันมาทั้งหมด 5 ครั้ง เป็นเยอรมันชนะ 3 ครั้ง และ สเปน ชนะเพียงแค่ครั้งเดียว
สเปน ชนะเพียงครั้งเดียวในยูโรรอบแบ่งกลุ่ม 1-0 ในปี 1984 อันโตนิโอ เมเชด้า โหม่งในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จนกระทั้งปี 2000 เยอรมัน ตกรอบแบ่งกลุ่มในยูโรอบสุดท้าย
ครั้งล่าสุดที่ทั้งสองทีมเจอกันเป็นเกมนัดกระชับมิตรในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 สเปน ชนะ 3-1
เยอรมันผ่านเข้ามาถึงนัดชิงในยูโรเป็นครั้งที่ 6 ซึ่งถือว่ามากสุดและเป็นครั้งแรกในปี 12 ปี ในปี 1972,1980 และ 1996 ที่ได้แชมป์ และมีโอกาสอีกสองครั้งในปี 1976 และ 1992 ที่แพ้ ต่อ เชกโกสโลวาเกีย กับ เดนมาร์ก
สเปน ผ่านเข้ามาเล่นในนัดชิงชนะเลิศเป็นครั้งที่ 3 ก่อนหน้านี้เคยในปี 1964 และ 1984
สเปน ได้แชมป์เพียงครั้งเดียวในปี 1964 หลังจากเอาชนะ สหภาพโซเวียตได้ 2-1 และในปี 1984 สเปน แพ้ให้กับ ฝรั่งเศสของ มิเชล พลาตินี่ 0-2
สเปน รอถึง 44 ปี ที่จะมีโอกาสคว้าแชมป์ในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่
ตั้งแต่แพ้ โรมาเนีย 0-1 ในเดือนพฤศจิกายน 2006 สเปน ไม่แพ้มา 21 เกม (ชนะ 18 และ เสมอ 3) สเปน ทำสถิติไว้ที่ 31 เกม ตั้งแต่เดือน กันยายน 1994 ถึง พฤศจิกายน 1997
ด้วยวัย 69 ปี กับ 337 วัน หลุยส์ อราโกเนส กลายเป็นกุนซือที่อายุมากที่สุดที่พาทีมเข้ามาถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูโร รอบสุดท้าย ทำลายสถิติของ อ็อดโต้ เรห์ฮาเกล (65 ปี กับ 327 วัน) ของกรีซ เมื่อสี่ปีที่แล้วได้
เยอรมัน เคยยิงจุดโทษในทัวร์นาเม้นท์ใหญ่มาแล้ว 6 ครั้ง โดยครั้งแรกนั้นแพ้ เชกโกสโลวาเกียในยูโร 1976 แต่อีกห้าครั้งที่ผ่านมาชนะรวด ฝรั่งเศส ในฟุตบอลโลก 1982,เม็กซิโก ฟุตบอลโลก 1986,อังกฤษ ฟุตบอลโลก 1990,อังกฤษ ยูโร 1996 และ อาร์เจนติน่า ฟุตบอลโลก 2006
สเปน ยิงจุดโทษเอาชนะ อิตาลี มาได้ ในรอบก่อนรองชนะเลิศ เป็นชัยชนะครั้งที่ 3 จากทั้งหมด 6 ครั้ง ก่อนหน้านั้นเคยเอาชนะ เดนมาร์ก 5-1 ในยูโร 1984 รอบรองชนะเลิศ แต่แพ้ เบลเยียม ในฟุตบอลโลก 1986 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ และอังกฤษในรอบเดียวกันในยูโร 1996 หลังจากเอาชนะ ไอร์แลนด์ ได้ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2002 ในรอบต่อไปแพ้ เกาหลีใต้ ในการดวลจุดโทษ 3-5
เยนส์ เลห์มันน์ จะกลายเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดที่ได้ลงเล่นในเกมนัดชิงชนะเลิศ ถ้าลงสนามในเกมเจอกับสเปน เลห์มันน์ จะทำสถิติไว้ที่ 38 ปี และ 232 วัน ทำลายสถิติของ อาร์โนลด์ มู ห์เรน ที่ทำไว้ 37 ปี กับ 23 วัน ตอนที่เขาลงเล่นให้เนเธอร์แลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศในปี 1988
ลูคัส โพดอลสกี้ ที่ยิงไปแล้วสามประตูมีโอกาสจะแซงหน้า ดาวิด บิย่า ที่ยิงไป 4 ประตูได้ และกลายเป็นดาวซัลโวของยูโรครั้งนี้ มิชาเอล บัลลัค,มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ บาสเตียน ชไวน์สไต เกอร์ (เยอรมัน) และ ดาเนียล กิซ่า (สเปน) ยิงกันไปคนละสองประตู
เยนส์ เลห์มันน์ จะต้องพบกับเพื่อนร่วมทีมอาร์เซน่อล เชส ฟาเบรกาส,ส่วน คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ ต้องพบกับ อีเคร์ กาซียาส ที่เล่นในเรอัล มาดริด ด้วยกัน และ ดาวิด โอดอนคอร์ กับ ฆวนนีโต้ ที่เล่นอยู่ เรอัล เบติส
เควิน คูรานยี่ ถ้าเกมนี้ได้ลงสนามจะเป็นเกมที่ 50 ของเขาหลังจากลงเล่นเกมแรกในเดือนมีนาคม 2003 ในเกมที่เสมอกับ ลิทัวเนีย 1-1
ดาวิด บิย่า ยังคงเป็นดาวซัลโวของยูโรครั้งนี้อยู่ แต่ว่าไม่มีโอกาสจะยิงประตูเพิ่มได้แล้วเพราะว่าบาดเจ็บจนต้องถอนตัวออกจากการแข่งขัน
โรแบร์โต้ โรเซ็ตติ เคยลงตัดสินเยอรมันในเกมกระชับมิตรเมื่อวันที 28 เมษายน 2004 และเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่น่าตกตะลึงเพราะโดน โรมาเนีย กดไป 5-1 และ โรเซ็ตติ มาตัดสิน เยอรมันอีกครั้งในยูโรรอบคัดเลือก2008 ที่พบกับ สาธารณรัฐเช็ก โดยอินทรีเหล็กชนะไป 2-1
ส่วนทางด้านของ สเปน โรเซ็ตติ เคยตัดสินในเกมฟุตบอลโลก 2006 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย สเปน แพ้ ฝรั่งเศส 1-3 ในยูโร 2008 รอบคัดเลือก ตัดสินในเกมที่สเปน เอาชนะ สวีเดนได้ 3-0


ขอขอบพระคุณข้อมูลจาก http://www.siamsport.co.th/25510629-023.html

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      


อยากหัวเราะภาษาสเปนเป็นครั้งที่ 3

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
       ขิงก็รา ข่าก็แรง เชียร์ทีมในดีวุ๊ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
       คืนนี้เจอกัน หมีแพนด้าทุกท่าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
       แย่แล้ว อินทรีย์ปีกหักไป 1 แว๊ว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
      


Soy tan feliz haaa haaaa


หัวเราะภาษาสเปน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
       ตอร์เรสซัดกระทิงแชมป์! ขวิดอินทรีผงาดรอบ44ปี
พลพรรค"กระทิงดุ" สเปนประกาศศักดิ์ดาผงาดครองเจ้ายุโรปในรอบ 44 ปี หลังโค่น"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน 1-0 เฟร์นานโด ตอร์เรส สวมบทฮีโร่ซัดชัยพาทีมคว้าแชมป์ศึกยูโร 2008 ได้อย่างยิ่งใหญ่ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา


ยูโร 2008 นัดชิงชนะเลิศ
วันอาทิตย์ที่ 29 มิ.ย. 51
เยอรมัน 0 - 1 สเปน

สนาม : แอร์นทส์ ฮัปเปิ้ล สเตเดี้ยม, เวียนนา, ออสเตรีย

"อินทรีเหล็ก" เยอรมันเต็มพิกัดทุกขุมกำลัง กัปตันคนเก่ง มิชาเอล บัลลัค ซึ่งเจ็บน่องจนลงซ้อมไม่ได้ตลอดสองวันที่ผ่านมาเช็คความฟิตผ่าน ขณะที่มิดฟิลด์จอมเก๋า ทอร์สเท่น ฟริงก์ส ก็กลับมาลงบู๊เป็นตัวจริงอีกหนตามคาดเสียบแทน ไซม่อน โรลเฟส ที่มีแผลแตกใต้ตา

ด้าน สเปน ปราศจาก ดาบิด บีย่า ดาวยิงตัวฉกาจที่เดี้ยง และตัดสินใจใช้บริการ เชส ฟาเบรกาส กองกลางดวงเด่นลงเล่นแทน นอกนั้นล้วนเป็นผู้เล่นชุดเดิมทั้งสิ้น

เกมเริ่มต้นโดย สเปน ได้เขี่ยบอล แต่แค่สามนาที เซร์คิโอ รามอส แบ็คขวา กระทิงดุ ก็ทำพลาดตั้งแต่ไก่โห่เมื่อจ่ายบอลขวางสนามในแดนตัวเองสั้นเกินไปทำให้ มิโรสลาฟ โคลเซ่ วิ่งเข้าฉกควบหนี คาร์เลส ปูโยล เข้าเขตโทษได้ แต่จังหวะสุดท้ายกองหน้าอินทรีเหล็ก แตะบอลแรงไปนิดเลยหลุดออกเส้นหลังหมดสิทธิ์สับไกอย่างน่าเสียดาย

ผ่านมาถึงนาทีที่ 9 ทีมเมืองเบียร์ ซึ่งออกสตาร์ตได้อย่างกร้าวแกร่งและมั่นใจมากกว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัดก็ได้ลุ้นอีกหนจากที่ โคลเซ่ ป้ายบอลขึ้นหน้าให้ โธมัส ฮิตเซิ่ลสแปร์เกอร์ ลากขึ้นไประยะ 18 หลา แต่ไม่รุนแรงพอ อีเคร์ กาซิยาส จึงรับเอาไว้อย่างสบาย

เยอรมัน เจตนาเดินเกมรุกทางซ้ายโจมตี รามอส เป็นหลัก กระนั้นนาทีที่ 14 ทีมเมืองกระทิง ก็เกือบได้ประตูนำก่อนจากโอกาสขึ้นเกมรุกครั้งแรกโดย ชาบี เอร์นานเดซ แทงบอลเข้าเขตโทษด่านซ้ายให้ อันเดรียส อีเนียสต้า หลุดเข้าไปล็อคยิงแล้วบอลแฉลบ คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์ พุ่งเข้าหากรอบประตูที่เสาแรก ดีที่ว่า เยนส์ เลห์มันน์ ไหวตัวทันจึงผวาปัดทิ้งช่วยเซฟให้ทีมเมืองไส้กรอก ได้อย่างหวุดหวิด

เกมของ สเปน เริ่มเข้าฝักทันที และนาทีที่ 23 อินทรีเหล็ก ก็น่าจะปีกหักอีกครั้งเมื่อ รามอส เติมเกมเยี่ยมได้ตักบอลมาจากริมเขตโทษด้านขวาเปิดโอกาสให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส โดดโขกที่เสาไกล แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ เทคตัวคุมไม่อยู่แล้ว แต่โชคไม่เป็นใจบอลชนเสาก่อนที่ โจน คัปเดบิล่า จะเข้าเก็บตกหน้าเขตโทษเฉี่ยวกรอบประตูไปไม่ถึงฟุต

ขยับมาอีกสองนาที เยอรมัน เกือบทำให้สาวกได้เฮเช่นกัน เมื่อ บัลลัค เอี้ยวตัววอลเลย์ลูกโยนจากกราบขวาได้ แต่ รามอส ไม่ยอมง่ายๆ กระโดดใช้สีข้างบล็อคได้ทัน

เกมเริ่มแลกกันสนุกแล้วเมื่อต่างก็ผลัดกันรุกรับมีสิทธิ์ได้เสียประตูพอกันในทุกๆ จังหวะ กระทั่งนาทีที่ 31 สเปน ก็ต่อบอลกันขึ้นมาเป็นทอดๆ แล้วจบที่ ฟาเบรกาส ซัดลูกเรียดจากระยะ 25 หลาถูก เลห์มันน์ อดีตเพื่อนร่วมสังกัดรับนิ่มๆ

แต่แล้วอีกสองนาทีถัดมา ทีมเมืองกระทิง ก็ฉวยความสะเพร่าของกองหลังเมืองเบียร์ สอยตาข่ายจนได้ในจังหวะที่ ชาบี แทงบอลเข้าเขตโทษด้านขวาโดยที่ ฟิลิป ลาห์ม เข้าหาบอลได้ก่อน ตอร์เรส แต่ตัดสินใจพลาดไม่เล่นบอลพยายามบังเพื่อปล่อยให้ เลห์มันน์ ที่วิ่งออกมาตะครุบจึงถูก เฟร์นานโด ตอร์เรส วิ่งเข้าตวัดบอลผ่านนายทวารเมืองเบียร์ เข้าตุงตาข่ายที่เสาไกลพาทีมเต็งแชมป์ขึ้นนำ 1-0

จากนั้นในนาทีที่ 35 สเปน ก็ขึ้นเกมเร็วจนเกือบเพิ่มสกอร์ได้ แต่จังหวะสุดท้าย อีเนียสต้า ชิพบอลจากริมเขตโทษด้านซ้ายไปอีกฟากให้ ดาบิด ซิลบา วิ่งเข้ากระทุ้งโด่งออกไปไกล

ล่วงมาอีกพักเดียว บัลลัค ก็หลั่งเลือดแถวเปลือกตาขวาจากจังหวะโดดโขกบอลแล้วศีรษะชนกับ มาร์กอส เซนน่า จนแตกต้องออกไปเย็บสดริมสนามก่อนจะกลับมาสู้ต่อ

ช่วงเวลาที่เหลือ เยอรมัน ไม่ถอดใจง่ายๆ โหมบุกใส่ สเปน อย่างหนักในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่แล้วในนาทีที่ 43 บัลลัค ก็มีปัญหากับ ปูโยล แล้ว กาซิยาส ออกมาวุ่นวายด้วยผู้ตัดสินจึงเรียกกัปตันของทั้งคู่มารับใบเหลืองก่อนที่สกอร์ใน 45 นาทีแรกจะยุติโดย สเปน ยังนำอยู่หนึ่งเม็ด

นาทีที่ 81 สเปน เกือบได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 เมื่อ ซานติ กาซอร์ล่า ตัวสำรองได้เติมขึ้นมาทางด้านกราบขวาก่อนที่เจ้าตัวจะเปิดบอลโด่งไปเสาสองให้กับ ดาเนี่ยล กีซ่า โหม่งกลับมาให้ มาร์กอส เซนน่า ที่หน้าประตูคนเดียวโล่งๆ ปแต่กองกลางเท้าหนักกลับเข้าไม่ถึง ปล่อยให้บอลหลุดออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

ครึ่งหลัง เยอรมัน ปรับแท็คติกในเกมรับเอา มาร์แซล แยนเซ่น ออกลงแทน ฟิลิปป์ ลาห์ม ขณะที่ทาง สเปน ไม่มีการขยับอะไร และเล่นมา 5 นาทีเกมก็ต้องชะงักหลังจาก มิโรสลาฟ โคลเซ่ บาดเจ็บเพราะโดน การ์ลอส มาเชน่า เข้าปะทะต้องปฐมพยายาลกันยกใหญ่

นาทีที่ 54 จากลูกเตะมุมของ สเปน บอลโดนสกัดมาเข้าเท้า ดาบิด ซิลบา ตั้งป้อมยิงในกรอบทางขวา บอลพุ่งเข้าไปทางเสาไกล เซร์คิโอ รามอส พยายามตอกส้นเปลี่ยนทางแต่ไม่โดน ลูกเลยออกหลังน่าเสียดาย

อีก 6 นาทีถัดมา เยอรมัน เองก็ได้ลุ้นเหมือนกันหลังจาก มาร์แซล แยนเซ่น เติมมาได้ทางมุมธงทางซ้ายแล้วเปิดมาเสาแรก บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ แตะคืนให้ มิชาเอล บัลลัค ยิงเร็วทันที บอลหลุดเสาแรกนิดเดียว

สเปน ปรับหมากเอากองกลางตัวรุกอย่าง เชส ฟาเบรกาส ออกแล้วให้ ชาบี อลอนโซ่ ตัวรับลงมาแทนเน้นเกมรับให้แน่นหนาขึ้น และอีกไม่นานนาทีก็เอา ซานติ กาซอร์ล่า ลงมาแทน ดาบิด ซิลบา

นาทีที่ 68 เป็นกระทิงดุที่หวิดได้เพิ่มเมื่อ ชาบี เอร์นานเดซ โยนฟรีคิกทางขวาไปเสาไกล เซร์คิโอ รามอส สอดมาโขกเต็มหัวแต่โดน เยนส์ เลห์มันน์ ปัดออกมา จังหวะเตะมุมถัดมา อันเดรียส อิเนียสต้า ก็ยิงไปโดน ทอร์สเท่น ฟริกง์ส หวดทิ้งจากเส้นออกมา อีกนาทีเดียว อิเนียสต้า ก็ยิงยัดติด เลห์มันน์

เยอรมัน พยายามตีเสมอแต่โดน สเปน ตั้งรับแน่นรอสวน เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้บอลจิ้มหนีกองหลังแต่ เยนส์ เลห์มันน์ ออกมาตัดได้ในนาทีที่ 76 ของเกม

นาที่ที่ 86 สเปน ได้ลุ้นประตูอีกครั้งเมื่อ เควิน คูรานี่ ทำฟาวล์ มาร์กอส เซนน่า หน้ากรอบเขตโทษ แต่ว่า ชาบี เอร์นานเดซ กลับยิงข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้ทำให้จบเกม สเปน เอาชนะ เยอรมัน 1-0 คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 2 ไปครองหลังจากเคยทำได้เมื่อ 44 ปีที่แล้วและทำให้ หลุยส์ อราโกเนส กุนซือทีมกระทิงดุ กลายเป็นเทรนเนอร์อายุมากที่สุดที่พาทีมเป็นแชมป์รายการนี้ด้วยวัย 70 ปี

ขอขอบคุณข้อมูลเเละรูปจาก http://www.siamsport.co.th/25510630-012.html

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
       Estupendo hasta luego, Adios

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       เพื่อนแม่บ้านที่โรงเรียนลูกวิเคราะห์ว่า เยอรมัน ตัวใหญ่วิ่งแป๊บเดียวก็ไม่ทันลูก ไม่เหมือน สเปนตัวเล็กคล่องตัวกว่า

ได้รายละเอียดแบบ ไม่ต้องดูเบิ่งขี้ตาดูเอง แต่ตัองอ่านเอง

เจ้าลูกชายคนโตทายถูก (เดี๋ยวจะรอ 10 ล้าน ส่งไปตั้ง 2 ใบ)

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
       สมควรแพ้จริง ๆครับ เล่นห่วยเอง แทคติคสู้ไม่ได้

เกมส์บนพื้นดินสู้ไม่ได้จริง ๆ เสียลูกง่าย ๆ
ยังดันทุรังสู้แบบเอาจุดด้อยไปสู้กับจุดเด่นของเขา
แทนที่จะโยนบอม ใช้ประโยชน์จากความสูงใหญ่

เอา บัลลัค ไปทุบหัวได้แล้ว น่าจะถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ครึ่งแรก

แสดงความคิดเห็นย่อย