คำตอบที่ 1
      
ภาพนี้ถ่ายจาก วัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 2
      

ภายในศาลาหลังใหม่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 3
      

ต่อจากภาพด้านบน อุปกรณ์ชิ้นนี้วางอยู่หลังนาฬิกาปลุก ข้างๆรูปหลวงปู่ชา

จะเป็นครกตำหมากก็ไม่น่าใช่ ท่านใดจะบอกได้ไหมครับว่าคืออะไร ?

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 4
      

วัดป่านานาชาติ ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 14 กม. ตามทางหลวงหมายเลข 226 จัดเป็นวัดสาขาอันดับที่ 19 ของวัดหนองป่าพง เดิมชื่อว่า วัดอเมริกาวาส และมาเปลี่ยนชื่อเป็น วัดป่านานาชาติ ภายหลัง โดยมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า WAT PAH NANACHAT. BUNG WAI FOREST MONASTERY. ซึ่งเป็นวัดที่มีพระภิกษุชาวต่างชาติ เช่น อังกฤษ อเมริกัน ออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์และญี่ปุ่น เป็นต้น มาจำพรรษาอยู่มิได้ขาด




จุดกำเนิดของวัดป่านานาชาตินั้น ต้องย้อนไปเมื่อ พ.ศ.2510 ซึ่งเป็นปีแรกที่ วัดหนองป่าพง ได้มีโอกาสต้อนรับอาคันตุกะชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ในสมณะเพศในพระพุทธศาสนา โดยพระภิกษุรูปนั้นมีนามว่า "โรเบิร์ต" ฉายา "สุเมโธ" ซึ่งวัตถุประสงค์ของการมาครั้งนี้คือ เพื่อมาถวายตัว เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ชา สุภัทโธ

ต่อมา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ.2518 ท่านสุเมโธ และพระภิกษุรูปอื่นๆ ได้ดินทางไปพักอยู่ในเขตป่าช้า บ้านบุ่งหวาย ต.บุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านบุ่งหวายจึงปลูกกระท่อมให้อยู่อาศัย เพื่อการปฏิบัติธรรม และเมื่อจวนจะเข้าพรรษา หลวงปู่ชา สุภัทโธ ได้อนุญาตให้พระชาวต่างประเทศไปจำพรรษารวมกันที่กระท่อมนั้น และได้มอบหมายให้ท่าน สุเมโธ เป็นประธาน เพื่ออบรมพระสามเณรเหล่านั้น เพราะนานครั้งหลวงปู่ชา สุภัทโธ จะไปให้โอวาทสักครั้ง โดยวัตถุประสงค์ที่ให้พระชาวต่างประเทศไปอยู่รวมกัน เพื่อเป็นการเตรียมตัวไว้ เมื่อถึงคราวพระเหล่านี้ กลับไปประเทศของตน จะได้สะดวกในการปกครอง ถ้ามีสิ่งใดบกพร่อง จะได้แก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

การที่พระภิกษุสามเณรไปอยู่รวมกัน ก็ได้รับการอุปถัมภ์อย่างดี จากชาวบ้านบุ่งหวาย ห้วยขยุง ชาวตลาดวารินฯ และชาวตลาดฝั่งอุบลฯ จนทำให้เกิดสิ่งก่อสร้างเท่าที่จำเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบันนี้ วัดป่านานาชาติ ได้มีพระภิกษุสามเณรชาวต่างชาติมาจำพรรษาจำนวนมาก เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และปฏิบัติทางวิปัสสนากรรมัฎฐาน พระภิกษุในวัดเกือบทุกรูป จะสามารถพูดภาษาไทย สวดภาษาบาลีได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นพระที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป

สนใจติดตามต่อได้ที่

http://www.watpananachart.org/


ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก

http://guideubon.com/news/view.php?t=18&s_id=18&d_id=17

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 5
       ภาพในคำตอบที่สามไม่ทราบครับ


แต่พระพุทธรูปในคำตอบที่สอง คือ พระพุทธรูป ปางปฐมเทศนา
องค์จริงทำด้วยหินอ่อน ประดิษฐานที่ พิพิธพัณฑ์ สารนารถ เมืองพาราณสี ประเทศอินเดีย
เป็นพระพุทธรูปที่ทำได้สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา

ใต้ฐานพระพุทธรูปนี้ จะมีคนห้าคน คือ ปัญจวัคคีย์ทั้งห้า หญิง 1 และเด็ก 1
มีกวาง หมายถึงพระองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา ที่ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน
(อ่านว่า-อิ- สิ- ปะ- ตะ- นะ- มะ- ลึก- คะ- ทาย- ยะ- วัน) ซึ่งเป็นป่าที่มีเนื้อจำพวกกวางอยู่มาก
เพราะเป็นป่าที่ได้รับการ อภัยทาน จากกษัตริย์

ส่วนองค์ที่จำลองมานี้ ใต้ฐานจะแตกต่างจากองค์จริงเล็กน้อยที่มีจำนวนคนไม่เท่ากับองค์จริง
อยากทราบจำนวนขอเชิญที่วัดป่า นานาชาติ วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี
หรือที่ วัดป่า รัตนวัน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นสาขาของวัดป่านานาชาติ

ด้านหลังจะเป็นเทวดา ที่มาฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง

ธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนี้ คือ บทธรรมจักรกัปปวัตตนสูตร นั่นเอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 6
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 7
       "พระไตรปิฎก" ถือว่าเป็นคัมภีร์หลักของพระพุทธศาสนา เช่นเดียวกับ
"ไบเบิล" ของทางคริสตศาสนา
"อัลกุรอาน" ของศาสนาอิสลาม
หรือ "ไตรเภท" ของพราหมณ์


พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์ที่บรรจุคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ที่รวบรวมเอาไว้เป็นหมวดหมู่
ปิฎกทั้งสามหมดคือ

1 พระวินัยปิฎก ว่าด้วยพระวินัย ข้อบัญญัติเกี่ยวกับ ความประพฤติ ความเป็นอยู่ ของภิกษุและภิกษุณี

2 พระสุตตันตปิฎก ว่าด้วยพระสูตรต่าง ๆ ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเทศนาแก่บุคคลต่าง ๆ ในสถานที่และเวลาต่าง ๆ กัน

3 พระอภิธรรมปิฎก ว่าด้วยหลักธรรมต่าง ๆ ในแง่วิชาการ ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคลหรือเหตุการณ์ใด ๆ


สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ หลักธรรมคำสอนของท่านยังมิได้จัดเป็นหมวดหมู่
มิได้เป็นระเบียบแบบแผนแต่อย่างใด ยังไม่มีพระไตรปิฎกบันทึกคำสอนของท่านอย่างสมัยปัจจุบัน

คำสอนของพระพุทธเจ้ามีชื่อเรียกกันในสมัยนั้น 2 อย่างคือ

1 พฺรหฺมจริย (พรหมจรรย์)
2 ธมฺมวินัย (ธรรมวินัย)


ภายหลังมีการทำสังคายนาสืบต่อเนื่องมาหลายครั้ง ตามที่ อ.von ได้เคยลงให้ความรู้มาแล้ว
ซึ่งการนับจำนวนครั้งของการทำสังคายนา ของแต่ละที่ไม่ตรงกัน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 8
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 9
       พระสุตตันตปิฎก หรือเรียกสั้น ๆ ว่าพระสูตร
เป็นการประมวลคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงแก่บุคคลต่าง ๆ ต่างชั้น ต่างวรรณะ

มีเนื้อหาสาระแห่งคำสอนของพระองคื และบทสรุปว่าผูฟังได้ผลเช่นไรหลังจากที่ได้ฟังคำเทศนาแล้ว
พระสุตตันตปิฎกแบ่งออกเป้น 5 นิกายคือ

1 ทีฆนิกาย รวมพระสูตรที่ยาว ๆ เข้าไว้ด้วยกัน

2 มัชฌิมนิกาย รวมพระสูตรขนาดกลาง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน

3 สังยุตนิกาย รวมพระสูตรที่มีเนื้อหาเดียวกันเข้าไว้ด้วยกัน

4 อังคุตตรนิกาย รวมพระสูตรที่มีข้อธรรมจากน้อยไปหามาก

5 ขุททกนิกาย รวมพระสูตรเบ็ดเตล็ดต่าง ๆ
ที่ตกหล่นนอกเหนือจาก 4 นิกายข้างต้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 10
      
พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่ใช้หลัก "มัชฌิมา ปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
แต่ไม่ใช่ทางสายกลางแบบ ที่นักการเมืองชอบเอามาอ้างกัน

พระองค์ทรงสอนหลัก "ปฏิจจสมุปบาท" หรือ "อิทัปปัจจยตา"
สิ่งทั้งหลายเกิดเพราะเงื่อนไขเกิด และดับไปเมื่อเงื่อนไขหมด

ดังในปฐมเทศนา ณ วัน อาสาฬหบูชา ที่พระองค์ทรงตรัสเทศนา ต่อปัญญวัคคีย์ ว่า
"ยังกิญจิ สมุททย ธัมมัง สัพพันตัง นิโรธ ธรรมมันติ" ซึ่งแปลว่า
สิ่งทั้งหลายที่มีเกิดขึ้นเป็นธรรมดาย่อมมีดับไปเป็นธรรมดา

โปรดสังเกตุว่า พระองค์ใช้คำว่า สิ่งทั้งหลาย หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต
เกิดเมื่อเงื่อนไข และดับไปเมื่อหมดเงื่อนไข จึงชี้ชัดไปตายตัวไม่ได้


หลักปฏิจจสมุปบาท นอกจากจะเป็นการว่าด้วยการเกิดและการดับแล้ว
ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้อธิบายกฎแห่งเหตุและปัจจัยอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ดังที่ อ.von ได้เคยกล่าวเอาไว้ในกระทู้ก่อน ๆ

เมื่อพระองค์ทรงบรรลุธรรม พระองค์ทรงเห็นว่าธรรมที่พระองค์ทรงบรรลุนั้นลึกซึ้ง
เกินกว่าคนที่มีกิเลสทั้งหลายจะเข้าใจได้ จึงทรงดำริที่จะไม่แสดงแก่ใคร
สหัมบดีพรหมจึงมาอัญเชิญพระองค์ ให้ทรงแสดงธรรม สั่งสอนแก่คนทั้งหลาย

ในบทอาราธนาพระธรรม จึงขึ้นต้นด้วย
"พรัหมา จะ โลกาธิปะติ สะหัมปะติ กัตอัญชะลี อันธิวะรัง อะยาจะถะ สันตีธะ
สัตตาปปะระชักขะชาติกา เทเสตุ ธัมมัง อะนุกัมมิมัง ปะชัง ฯ"

พระองค์ทรงดำรัสแสดงถึงเหตุผลที่ไม่อยากแสดงธรรมว่า

ธรรมที่เราบรรลุแล้วนี้ ลึกซึ้ง
เห็นยาก รู้ตามยาก สงบ ประณีต
หยั่งไม่ได้ด้วยตรรกะ ละเอียด บัณฑิตเท่านั้นพึงรู้
หมู่สัตว์นี้ยินดีในอาลัย สนุกในอาลัย(กิเลส)
หมกมุ่นในอาลัย การที่หมู่สัตว์ผู้ยินดี สนุก หมกมุ่น
อยู่ในอาลัย จะเห็น ธรรมะ คือ
ปฏิจจสมุปบาท หรือ อิทัปปัจจยตานี้ เป็นไปได้ยาก


คำเชิญของ สหัมบดีพรหม มีเหตุผลคือ
"หมู่สัตว์ที่มีธุลีในดวงตาน้อย (กิเลสเบาบาง) ก็มีอยู่ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงธรรม
เขาก็จะเสื่อมจากธรรม ไม่มีโอกาสได้รู้"

พระองค์ทรงเปรียบหมู่สัตว์เหมือนดอกบัว 3 ประเภท ไม่ใช่ 4 ประเภท
ประเภท 4 เพิ่มมาในภายหลัง แสดงว่าทัศนะของพระองค์ ไม่มีคนที่
เรียกว่า "โปรดไม่ขึ้น" ทุกคนเป็น "เวไนยสัตว์" หรือสัตว์ที่ฝึกได้ ทั้งสิ้น

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 11
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 12
      


พระพุทธศาสนาเป็นเรื่องของเราทุกคน “ พระพุทธเจ้า สามารถเอาความคิดที่ลึกซึ้งของเราออกมาพูดเป็นภาษาคน เพราะฉะนั้น การได้พบพระพุทธศาสนาเท่ากับได้พบตัวเอง ทำให้เข้าใจการสอนของครูบาอาจารย์ที่ว่า พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องของตำรา ไม่ใช่เรื่องของวัดวา ไม่ใช่เรื่องของนักบวช เป็นเรื่องของเราทุกคน เรื่องของหัวใจมนุษย์" ” เรื่องของพุทธศาสนา คือ เรื่องของตัวเองและเรื่องการละ เรื่องการบำเพ็ญ ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือจากสิ่งที่มีอยู่ในใจของเรานี่แหละ ”



คติธรรม ท่านพระอาจารย์ ชยสาโร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 13
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 14
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 15
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 16
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 17
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 18
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 19
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 20
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 21
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 22
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 23
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 24
       ขออนุโมทนา...ครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 25
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 26
       สาธุ สาธุ สาธุ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 27
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 28
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 29
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 30
      

แสดงความคิดเห็นย่อย