คำตอบที่ 331
       ช่วงเวลาระหว่างปีที่พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 สวรรคตคือราวๆ ค.ศ.1150 ถึง ค.ศ.1181 ซึ่งเป็นปีขึ้นครองราชย์ของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั้นไม่มีจารึกเขมรที่จารึกในระยะนี้หลงเหลืออยู่เลยสิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับยุคนี้เก็บได้จาก จารึกที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้จารึกขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงโลกทัศน์ของพระองค์ตลอดจนสิ่งที่ทรงประสงค์จะให้ราษฎรเชื่อ


ที่เห็นข้างหน้าเรียกว่ากำแพงซ่อน แล้วกำแพงซ่อนมันเป็นอย่าไรก็เดินตามผมมา ดูแล้วไม่รู้เลยครับว่าเป็นกำแพงซ่อนต้องหาทางเข้ากันพอสมควร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 332
       ศ.เซเดส์เสนอผลงาน ออกมาในปี 1930ได้เห็นต่อไปว่าในรัชสมัยของพระองค์นั้นมีสิ่งที่ขัดแย้งกันหลายอย่างพระเจ้าชัยวรมันเป็นพระอนุชราชสกุลวงศ์ของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ทรงเป็นโอรสของเจ้าชายธรณินทรวรมันและอาจได้เป็นกษัตริย์อยู่ช่วงสั้นๆ



ทางเข้ากำแพงซ่อนยิ่งเดินใกล้เข้าไปยิ่งเห็นความสวยของกำแพงเพราะมีน้องๆอัปสราอยู่เต็มไปหมดทุกพื้นที่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 333
       นี่ไงทางเข้ากำแพงซ่อน ไม่มีที่ว่างเลย มีแต่รูปสลักเต็มไปหมดทุกพื้นที่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 334
       ศ.โกรสลิเยร์ ได้ตั้งข้อสงสัยต่อการอ้างสิทธิอันนี้เพราะมีหลักฐานสนับสนุนน้อยมาก และการอ้างว่าชัยวรมันเป็นทายาทสายตรงแห่งราชบัลลังก์เช่นนี้ ทำให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับชีวิตของพระองค์เท่าที่เรารู้กลับยิ่งเข้าใจยากขึ้นไปอีกอย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟังมาแล้วเมื่อครั้งพาเดินเที่ยวปราสาทบายน


เข้ากำแพงซ่อนมาแล้วครับแต่ละรูปสวยจนถ่ายรูปมือเป็นลิงไปหมดเนื่องจากอยู่ในหลืบแม้จะไม่มีหลังคาเลยทำให้รูปสลักยังสวยงามสมบูรณ์ดีกว่าที่อื่นๆอีกหลายๆที่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 335
       เป็นไปได้ว่า เมื่อครั้งยังหนุ่มพระเจ้าชัยวรมันที่7คงจะรับราชการอยู่ในราชสำนักพระเจ้ายโศกวรมัน ดูเหมือนระหว่าง ค.ศ.1166 – 1177 พระเจ้าชัยวรมันที่7ไม่ได้อยู่ในเขตเมืองพระนคร อาจไปอยู่เขตใกล้ปราสาท พระขรรค์ที่กำปงสวาย

แม้ชัยวรมันจะไปอยู่อย่างคล้ายถูกเนรเทศ พระองค์ก็สามารถควบคุมแรงงาน จำนวนไม่น้อยได้อย่างเป็นระบบสังเกตุได้จากสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่กำปงสวาย เมืองพระขรรค์นี่เป็นคู่แข่ง ของเมืองพระนครมิใช่เมืองในปกครอง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 336
       ชัยวรมันสัมพันธ์กับกษัตริย์ผู้ยึดอำนาจจากยโศวรมันได้อย่างไร คงจะนึกออกจากที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปแล้วนั้นก็คือสัมพันธ์ภาพระหว่างพระองค์กับแคว้นจามปาทางตะวันออกนั้นดียิ่ง และเป็นเหตุให้พระองค์นิ่งเฉยให้จามปาตีพระนครจนแตกแล้วจึงเข้าไปยึดพระนครคืนอีกที

เราจำเป็นต้องถามคำถามที่อาจตอบได้แบบนี้ เพื่อจะได้เข้าใจชีวิตช่วงต้นๆ ของพระองค์ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ.1187 และเพื่อจะได้เข้าใจกรอบรอบของการเมืองกับต่างประเทศ ของขอมยุคนั้นด้วย



น้องอัปสรคนนี้เป็นไงบ้างครับ สวยจ๊าบบะฮึ่มสะใจจริง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 337
       นี่ไงหลักฐานที่ผมเคยบอกไว้ว่าขอมติดต่อตรงกับอินเดียแล้วไทยเรารับเรื่องฮินดูเกี่ยวกับเทวะกษัตริย์นรายณ์อวตารเอามาจากขอมอีกที เพราะว่าขอมเจริญกว่าเราในสมัยนั้น เราไม่ได้อยู่ในสายตาของอินเดียเลยแม้แต่น้อยเพราะสยามยังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนเมื่อเทียบกับขอม

อย่าลืมนะครับว่าตอนที่รูปเหล่านี้สลักขึ้นกรุงสุโขทัยยังเป็นป่าหญ้าอยู่เลย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 338
       เพื่อไม่ให้ขัดความสำราญหน้าตู้ ผมขอพักประวัติศาสตร์ไว้ก่อน มาเดินชมน้องๆอัปสรากันดีกว่า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 339
       น้องๆอัปสราชุดนี้กองกับดินเลยครับแต่สวยมากทรงเครื่องเป็นนางกษัตริย์ อย่างที่ผมพูดไว้ว่าของในพิพิธภัณฑ์บ้านเราแต่บ้านเขากองกับดิน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 340
       ด้านนี้เรียกว่ากำแพงนาค จะมีนาคห้าเศียรอยู่กลางกล่มนางอัปสรา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 341
       ดูกลุ่มน้องๆอัปสราแบบชัดอีกนิด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 342
       น้องๆอัปสรายังคงทรงเครื่องนางกษัตริย์สวยงามทุกคนเหมือนปากทางเข้า

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 343
       สองนางนี่เด่นมากหน้าตาแปลกกว่าชาวบ้าน

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 344
       นอกจากมีอัปสราแล้วตามมุมมียักข์คุมขบวนด้วยดูแปลกดี

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 345
       เหมือนภาพนูต่ำที่ปราสาทบายอนเลยครับ เป็นท่ารำต้นตำหรับของนรายณ์ทรงรำเป็นท่าครูนาฎศิลป์อย่างไงล่ะครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 346
       ชุดนี้เรียงกันสวยมาก สวยทุกคนเลย สวยระดับดารานอกตู้

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 347
       ดูใกล้ๆเลยว่าสวยเหมือนเพิ่งแกะสลักเมื่อวานนี้เองทั้งที่สร้างมาตั้งแต่พ่อขุนราคำแหงยังไม่เกิดเลยมั้ง

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 348
       ผมอยากเล่าเรื่องนายโอยสลาในนิทานถกเขมรของหม่อมคึกฤิทธิ์ ปราโมทย์ ว่านายโอยสลาเป็นช่างหินเก่งมากแต่แกะนางอัปสราอย่างไรก็ไม่สวย ไม่อ่อนไหว แกะแล้วเป็นหินไม่ใช่คน

นายโอยสลาก็ไปปรึกษาครูว่าจะทำอย่างไรดี ครูเลยบอกว่าจะเกะรูปสัตว์อะไรก็ต้องใช้เวลากับสัตว์นั้นจนรู้ว่ามันคืออะไรแล้วจะแกะได้สวย อยากแกะนางอัปสราก็ต้องไปอยู่กับนางอัปสราจนรู้ว่านางคืออะไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 349
       แล้วโอยสลาก็โดนพาไปขึ้นครูจนรู้ว่าผู้หญิงคืออะไร เพราะตามท้องเรื่องนายโอยสลายังซิงๆไม่เคยให้หญิงใดเชยชมมาก่อน


ตามเรื่องที่หม่อมท่านเขียนไว้แทรกมุขว่านายโอยสลาโดนนางอัปสราเปิดซิงขึ้นครูจนฟ้าเหลืองเข่าอ่อนแทบหมดแรงเดินกลับปราสาทหินเลย


ตั้งแต่นั้นมานายโอยสลาก็สร้างงานฝีมือระดับนางอัปสราหินที่พริ้วไหวเหมือนเป็นเนื้อจริงๆไม่ใช่หินไปทั่วนครวัด นรคธม

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 350
       จบรายการเดินที่ลานช้างและกำแพงซ่อนแล้วครับ เสียดายที่บางช่วงผมไม่ได้ถ่ายรูปมาอย่างต่อเนื่องสาเหตุจากกล้องของผมมันรวนจากการที่มันร่วงจากมือที่ปราสาทบายอนทำให้ภาพลานหน้าวังหลวงไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไร

แล้วผมกับรุจก็เดินไปร้านค้าหน้าลานวังเพื่อหาอะไรใส่ท้องกันในเที่ยงวันแรกของการเดินชมปราสาทหินในพื้นที่รอบในตัวเมืองนครธม ร้านค้าสะอาดสะอ้านดูดีว่ากินแล้วท้องไม่เสียในตอนบ่าย

ที่นี่กินอะไรก็แล้วแต่ ร้านรถเข็นข้างถนนก็ต้องมีเงินสามเหรียญต่อข้าวผัดจานหนึ่ง ใช่แล้วครับข้าวผัดจานละร้อยกว่าบาทราคาพอๆกับในโรงแรมดีๆบ้านเราเลย

แค่พาเที่ยวยังไม่พ้นเที่ยงวันแรกเลยนะครับซัดไปสิบสองหน้าแล้ว กว่าจะหมดนครธมในตอนเย็นแล้วข้ามวันข้ามไปเดินนครวัดอีกเต็มวันอีกวัน แล้วกว่าจะเที่ยวปราสาทอื่นๆในรัศมีหกสิบกิโลเมตรรอบเสียมเรียบ ไม่ซัดไปหกสิบกว่าหน้าพิมพ์เป็นหนังสือขายได้เลยมั้งเนี่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 351
       คืนนี้พอเท่านี้ก่อนครับ

พรุ่งนี้ผมจะให้รุจเอาอาหารเที่ยงที่นครธมมาลงให้ดูกันว่าอาหารราคาจานละสามเหรียญหน้าตาเป็นอย่างไร

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 352
       อ.วอน ค่อยๆ ลงให้อ่านแบบนี้ก็ดีนะครับ ผู้อ่านจะได้ค่อยๆอ่าน ติดตามแบบสบายๆ.....

ขอบพระคุณครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 353
      

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 354
      
ข้าวเที่ยง หิว.. หิว

มื้อนี้ อ.von สั่ง ข้าวผัดเนื้อ ของตัวเองเป็น ผัดถั่วฝักยาวกับหมู ข้าวเปล่า

รูปอยู่ไหนเอ่ย

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 355
       หลังจากที่อิ่มท้องกันแล้วผมก็พามาจนสุดทางของกลุ่มปราสาทนครธมโดยให้นายมาตินขับรถพามาทิ้งที่ปราสาทสุดท้ายแล้วเดินกลับไปทางทิศใต้ย้อนไปทางลานพระเจ้าขี้เรื้อนอีกครั้ง

ปราสาทที่ผมจะพาไปเที่ยวในช่วงบ่ายคือปราสาทพระพิธู

ปราสาทพระพิธูเป็นกลุ่มของปราสาทหินขนาดเล็กห้าหลังซ่อนตัวในดงไม้ครึ้มบรรยากาศดูลึกลับผมกับรุจไปเดินเกือบจะไม่มีคนเดินเลยทำให้รู้สึกเหมือนผมกับรุจเดินอยู่ในเมืองร้างไม่มีใครมารบกวนเลย

ดีจังไม่เห็นจะเหมือนไปเที่ยวบ้านเราที่เดินตรงไหนก็มีแต่คนหัวดำๆเต็มกล้องไปหมด

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 356
       ปราสาทพระพิธูสร้างมาเมื่อแปดร้อยปีที่แล้วในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่2 และเพิ่มเติมในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่8 ดังนั้นกลุ่มของศิลปะจะคละกันหลายยุคและที่สำคัญคือเป็นกลุ่มปราสาทที่ผสมกันของฮินดูและพุทธมหายาน

เรามาเดินดูกันเลยดีกว่าครับ ผมชอบจังเลยได้เดินในเมืองร้างที่ไม่มีคนแถมยังอยู่ในดงไม้ครึ้มจนรู้สึกถึงความเย็นของหินแผ่ขึ้นมาถึงผิว

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 357
       จุดที่เดินขึ้นเหมือนพิมาณอากาศคือมียกพื้นและบันไดนาคที่ต่างกันคือขนาดเท่านั้น พระพิธูดูเล็กกว่าประมาณหนึ่งในสี่ของพิมาณอากาศ เป็นปราสาทในยุคฮินดูลัทธิไศวนิกายที่ยังมีศิวลึงค์อยู่

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 358
       เดินเข้าไปเรื่อยก็ยิ่งเห็นปราสาทชัดเจนขึ้น ถึงได้รู้ว่ามันไม่เล็กเหมือนที่รู้มา ของจริงมันขนาดพอๆปราสาทหินบ้านเรานั่นแหละ แต่ที่นั่นเรียกว่าเล็กๆ

ปราสาทหลังนี้สร้างในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่2 ก่อนยุคสุโขทัยบ้านเรา

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 359
       งานศิลปะเรียบง่ายไม่ค่อยจะมีของสวยงามเหมือนปราสาทด้านทิศใต้ที่เดินมาเมื่อเช้า แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีของสวยให้ขุดดู

ผมพาย้อนยุคไปดูของที่เก่ากว่าชุดเมื่อเช้าครับ

แสดงความคิดเห็นย่อย

คำตอบที่ 360
       เข้าถึงตัวปราสาทแล้วครับ

วันนี้ผมจะไม่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ จะพาเดินดูอย่างเดียว

เรื่องพระเจ้าชัยวรมันที่7 เกิดที่จังหวัดสุริทร์ ขอค้างไว้ก่อนเพราะผมยังไม่มีไฟจะเล่าอะไรในช่วงนี้ เล่าตอนนี้ก็เรื่องแห้งๆไร้รสชาดเสียเรื่องเสียรูปเปล่าๆ

แสดงความคิดเห็นย่อย