WeekendHobby.com
เครื่องมือในการใช้งาน website =>> สมัครสมาชิก | Login | Logout | เปลี่ยนไอคอนส่วนตัว | เกี่ยวกับเรา | ติดต่อโฆษณา         View stat by Truehits.net


สามวันที่นครศรีธรรมราช
baron
จาก von Richthofen
IP:125.24.51.45

อาทิตย์ที่ , 27/5/2550
เวลา : 23:18

อ่านแล้ว = ครั้ง
 เก็บเข้ากระทู้ส่วนตัว
แจ้งตรวจสอบกระทู้
 แจ้งลบ
ส่งหาเพื่อน ส่งหาเพื่อน

       เที่ยวฉลองเสร็จงานไปชิ้นหนึ่งที่กินเวลานั่งโต๊ะอยู่เกือบห้าเดือน ห่างหายจากหน้าเวปที่ผมเข้ามาพาเที่ยวในแบบประจำของผมไปหลายเดือน

ผมเลยพาเพื่อนเที่ยวนครฯในแบบของผมครับ ผมจะพาไปดูเมืองนครฯในมุมมองของคนไม่เคยเดินเที่ยวแบบเจาะรายละเอียดเมืองนครฯ ขับรถไปเรื่อยๆ เจออะไรชอบแวะนานหน่อย มีเรื่องเล่าความเชื่อและตำนานของคนนครฯและเกร็ดประวัติศาสตร์แบบมาตราฐานหอพระสมุดและแบบพงศาวดารกระซิบตามแบบของผม

เริ่มเดินทางย้อนเวลากลับไปเมืองศรีวิชัย นครแห่งแรกของสุวรรณภูมิได้เลยครับ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

แจ้งเพื่อเก็บขึ้นกระทู้พิเศษ คลิ๊กที่นี่แจ้งเพื่อนำขึ้นกระทู้พิเศษ

คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

คำตอบที่ 91
      


วันนี้ผมนั่งทำงานแล้วปวดหัวมากจนต้องหาเรื่องอะไรเบาหัวทำเพื่อให้ชีวิตรอดถึงเย็นวันนี้ นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีเรื่องที่ทำค้างไว้ในกระทู้นครฯที่ยังเขียนไม่ถึงครึ่ง ก็ดีใจที่ยังมีตัวช่วยอีกตัวผมเริ่มเขียนเลยครับ

เอาเป็นเรื่องเบาๆจากจารึกโบราณแล้วจะจบด้วยเรื่องหนักๆของมุมมองประวัติศาสตร์ในความเป็นจริงกับตำนานที่เชื่อกันมาในพื้นบ้าน



หลักฐานทางเอกสารชิ้นสำคัญ คือศิลาจารึกหลักที่ 24 พบที่วัดเสมาชัย ปัจจุบันคือวัดเสมาเมือง ในเขตเมืองนครศรีธรรมราช เป็นจารึกภาษาสันสกฤต มีศักราชที่กล่าวถึงตรงกับพ.ศ.1773 มีใจความว่า

สวัสดี พระผู้เป็นใหญ่แห่งตามพรลิงค์ ทรงประทานความดีงามอันเลิศเสมือนพระอินทร์ ทรงพระราชสมภพเพื่อยังประชาชนที่ถูกชนชาติต่ำกว่าปกครองมาแล้ว ให้สว่างรุ่งเรือง จริงอยู่พระองค์เป็นธรรมราชาเสมือนพระจันทร์ พระอาทิตย์ และกามเทพอย่างพร้อมบูรณ์ ทรงพระปรีชาฉลาดในราชนิติเทียบเท่าพระเจ้าธรรมโศกทรงเป็นผู้ใหญ่ยิ่งเหนือราชวงศ์ทั้งหมด

สวัสดี พระองค์เข้มแข็ง เป็นใหญ่ในตามพรลิงค์ ทรงปกครองปัทมวงศ์จนถึงกับถูกขนานพระนามว่า ภีมเสน ได้ทรงเสด็จอุบัติมา เพราะอานุภาพแห่งบุญกุศลของมนุษย์ทั้งหลาย

พระองค์ทรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศแผ่ไปทั่วโลก เพียงดั่งอานุภาพของพระจันทร์และพระอาทิตย์ จึงทรงพระนามาภิไธยราชฐานันดรว่า จันทรภาณุ เป็นปีกลียุคล่วงแล้ว 4332 (พ.ศ.1773)







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 12:09  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9306

คำตอบที่ 92
       เมืองตามพรลิงค์ที่ปรากฏในศิลาจารึกดังกล่าว มีหลักฐานว่าเป็นชื่อเมืองที่มีมาก่อนพ.ศ.1773 อย่างแน่นอน ในคัมภีร์มหานิเทศของอินเดีย ราวพุทธศตวรรษที่ 7-8 ซึ่งเป็นภาษาบาลีได้กล่าวชื่อเมืองนี้ไว้ว่า "ตามพลิงคม"

และในศิลาจารึกภาษาสันสกฤตประมาณพุทธศตวรรษที่ 11 หลักหนึ่งก็กล่าวถึงชื่อตามพรลิงค์ ในจดหมายเหตุจีนเจาจูกัวและวังตาหยวน บันทึกถึงแคว้นที่ชื่อว่า ตัง-มา-หลิ่ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชื่อในภาษาสันสกฤตแล้วก็คือ ตามพรลิงค์อย่างไม่ต้องสงสัย

ดังนั้น การพบชื่อเมืองตามพรลิงค์ ในศิลาจารึกหลักที่ 24 พร้อมด้วยพระนามของพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองในพ.ศ.1773 นั้น ย่อมเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการสืบเนื่องของอาณาจักรนี้มาแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 7-8 อย่างแน่นอน แต่ว่าหลังจากศิลาจารึกหลักที่ 24 นี้แล้ว ก็ไม่ปรากฏชื่อเมืองตามพรลิงค์อีกในเอกสารของยุคต่อมา

ยกเว้นพระนามของพระมหากษัตริย์ คือ จันทรภาณุ ศรีธรรมราช นั้นไปปรากฏในหนังสือตำนานพงศาวดาร เช่น ตำนานมหาวงศ์ของลังกา และตำนานเมืองนครศรีธรรมราชว่าเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช

ข้อมูลดังกล่าวนี้ชี้ให้เห็น ว่าเมืองตามพรลิงค์ คงเปลี่ยนมาเป็นเมืองนครศรีธรรมราชแทน

มาถึงตอนนี้ ปัญหาจึงมีอยู่ว่า ชื่อเมืองนครศรีธรรมราชปรากฏแน่นอนที่สุดเมื่อไหร

หลักฐานที่มีความแน่นอนกล่าวถึงชื่อเมืองนครศรีธรรมราช ได้แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 1 ของกรุงสุโขทัย ที่ระบุว่า

สังฏราชปราชญ์ เรียนปฏิไตรหลวกกว่าปู่ครู ในเมืองนี้ ทุกคนลุกแต่เมืองศรีธรรมราชมา

ถือเป็นหลักฐานที่แจ่มแจ้งในตัวเองว่านครศรีธรรมราชมีความรุ่งเรือง เป็นแหล่งที่เผยแผ่พระพุทธศาสนาและนักปราชญ์ราชครูมายังกรุงสุโขทัย

นอกจากศิลาจารึกแล้ว ยังมีเอกสารที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้เกี่ยวกับเมืองนครศรีธรรมราช คือชินกาลมาลีปกรณ์ ซึ่งพระเถระชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นปราชญ์แห่งล้านนา ในสมัยพระเมืองแก้วได้แต่งไว้ มีข้อความกล่าวถึงเมืองนครศรีธรรมราชว่าในพ.ศ.1799 พระร่วงโรจนราชแห่งกรุงสุโขทัย ได้เสด็จมาเยี่ยมพระเจ้าสิริธรรมนคร ทรงทราบเรื่องพระพุทธสิหิงค์ที่ลังกา ทรงอยากได้ พระเจ้าสิริธรรมนครจึงส่งทูตไปขอกษัตริย์ลังกาให้ จึงได้พระพุทธสิหิงค์มาบูชาที่กรุงสุโขทัย

ข้อความจากชินกาลมาลีปกรณ์นี้ สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างเมืองนครศรีธรรมราชกับเมืองสุโขทัย ดังมีระบุในศิลาจารึกกรุงสุโขทัยหลักที่ 1 ตามที่กล่าวมาแล้ว และยิ่งกว่านั้นยังแสดงให้เห็นว่าเมืองนครศรีธรรมราชมีความใกล้ชิดเกี่ยวข้องกับลังกาด้วยเป็นเรื่องสอดคล้องกับคัมภีร์มหาวงศ์จากศรีลังกา ที่ว่าพระเจ้าจันทรภาณุแห่งนครศรีธรรมราช เคยเสด็จยกกองทัพไปตีเมืองลังกาถึง 2 ครั้ง

สำหรับเรื่องพระเจ้าจันทรภาณุกับลังกานี้ ในศิลาจารึกของลังกาหลักหนึ่งเป็นของพระเจ้าปรณวิธาน ได้ค้นพบว่า ในศิลาจารึกของลังกาหลักหนึ่งเป็นของพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 6 ทรงจารึกเรื่องราวของพระเจ้าจันทรภาณุ บรรพบุรุษของพระองค์ไว้ ว่าพระเจ้าจันทรภาณุทรงเป็นโอรสของพระเจ้ามาฆะ ผู้เป็นใหญ่ในตามพรลิงค์ ตั้งตัวเองเป็นใหญ่ในเมืองปาฏลิปุร

ปาตลีบุตร คือเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งตำนานพงศาวดารไทยมักใช้ชื่อนี้เสมอ








 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 12:19  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9307

คำตอบที่ 93
       เอกสารที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนครศรีธรรมราชเรื่องต่อมา ก็คือตำนานเมืองนครศรีธรรมราช และตำนานพระมหาธาตุนครศรีธรรมราช ซึ่งกล่าวถึงประวัติการสร้างเมือง และที่สำคัญคือพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนี้มักมีพระนามว่า ศรีธรรมาโศกราช เป็นการลอกเลียนแบบพระนามของพระเจ้าอโศกมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ของอินเดีย

เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับข้อความที่พบในศิลาจารึกหลักที่ 24 ที่เปรียบเทียบพระเจ้าจันทรภาณุ ว่าทรงเปรียบได้กับพระเจ้าอโศกมหาราช และได้รับการยกย่องว่าเป็นศรีธรรมราชนั้น คือพระนามเฉพาะของพระมหากษัตริย์ผู้ปกครองเมืองนครศรีธรรมราช ในทำนองเดียวกันกับพระนามรามาธิบดีที่เลียนพระนามพระรามในคัมภีร์รามายณะของอินเดีย ว่าเป็นพระมหากษัตริย์ปกครองกรุงศรีอยุธยา ดังนั้น พระเจ้าศรีธรรมมาโศกราชจึงอาจมีหลายพระองค์ก็ได้

สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่ง ก็คือในตำนานพระมหาธาตุเมืองนครศรีธรรมราชตอนหนึ่ง ระบุถึงการสู้รบระหว่างพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ตอนหนึ่ง ระบุถึงการสู้รบระหว่างพระเจ้าศรีธรรมาโศกราช กับพระเจ้าอู่ทองในเขตอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นปัญหาเกี่ยวกับเขตแดน การสู้รบได้สิ้นสุดลงด้วยการเป็นไมตรี และแบ่งปันเขตแดนกัน ใมนการนี้พระเจ้าศรีธรรมาโศกราช ได้ทรงฝากฝังพระเจ้าอู่ทองให้ทรงพระราชอนุชาทั้งสองของพระองค์ คือพระยาจันทรภาณุและพระยาพงสุราหะด้วย ถ้าหากสิ้นพระองค์แล้ว ซึ่งพระเจ้าอู่ทองก็รับคำด้วยไมตรี

หลักฐานที่ได้เพิ่มเติมในระยะหลังๆ ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีความสัมพันธ์กับเมืองนครศรีธรรมราช เห็นจะได้แก่ ศิลาจารึกหลักที่ 35 พบที่ดงแม่นางเมือง อันเป็นเมืองโบราณร้างแห่งหนึ่งในเขตอำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ กรมศิลปากรพบเมื่อพ.ศ.2499 จารึกด้านหนึ่งเป็นภาษาบาลี อีกด้านหนึ่งเป็นภาษาขอม ศักราชที่ปรากฏเป็นมหาศักราชซึ่งตรงกับพ.ศ.1710 มีใจความว่า พระราชาธิบดีองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าศรีธรรมาโศกราช มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าสุนัตอุทิศที่ดิน ไร่ นา ข้าทาส และสัตว์ ถวายเป็นสิ่งกัลปนาแก่พระสถูปที่บรรจุพระอัฐิของกมรเตงชคตศรีธรรมโศก คือหมายถึงพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชสวรรคตไปแล้ว

ข้อความที่เป็นปัญหาในการสอบค้นเรื่องราวประวัติศาสตร์จากศิลาจารึกหลักนี้ ก็คือพระนามพระเจ้าศรีธรรมาโศกราชถึง 2 พระองค์ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในพ.ศ.1710

แต่ก็ยังไม่มีข้อยุติหรือคำอธิบายที่มีหลักฐานเพียงพอ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 12:33  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9308

คำตอบที่ 94
       ผมชอบแนวทางการมองประวัติศาสตร์ของ อาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม นะครับ ท่านมองได้ลึกซึ้ง มองได้แจ้ง มองอะไรเป็นประเด็นใหม่เสมอ

ดังนั้นวันนี้เราเปิดประเด็นใหม่ในเรื่องของประวัติศาสตร์ ผมอยากจะทำความเข้าใจว่า ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนกันที่เราศึกษากันมีสองชนิด ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของอดีต มนุษย์ก็มีมิติของอดีต อดีต ปัจจุบัน อนาคตมนุษย์เกี่ยวข้องอยู่เสมอ ปัจจุบันนี้เรามักจะเน้นปัจจุบันกับอนาคต แล้วก็เน้นไม่ตลอดหรอกเพราะว่ามันจะต้องอธิบายถึงความเป็นมา

เพราะฉะนั้นความเป็นมนุษย์มันมีทั้งอดีต ปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะมิติอดีตสำคัญ เมื่อใดที่เราไปผลักมิติของอดีตเราจะเป็นคนไม่มีรากเหง้าอะไรเลย ผมต้องการอธิบายความเป็นมาของตัวเองจากอดีตเสมอ เพราะฉะนั้นความเป็นอดีตเป็นเรื่องของประวัติศาสตร์ แต่ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติต้องแบ่งออกเป็นสองเรื่องด้วยกัน

เรื่องแรกเป็นเรื่องที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์แต่เดิมเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับสมมุติ อดีตของมนุษย์หลายๆ ชาติ หลายๆ ภาษาเป็นเรื่องสมมุติทั้งสิ้นไม่ใช่เรื่องที่มาจากความจริง พอมาถึงยุคหนึ่งเราพยายามจะค้นอดีตในเชิงที่เป็นความจริงเมื่อเราได้รับอิทธิพลกรีก เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ที่เราเรียนในมหาวิทยาลัยเป็นประวัติศาสตร์ที่ไขว่หาความจริง หาตัวตนคนจริงในประวัติศาสตร์ เป็นอิทธิพลมาจากทางตะวันตก มาจากกรีก แต่ประวัติศาสตร์ของคนทั่วไปทั่วโลกเป็นสิ่งสมมุติทั้งสิ้น

สิ่งสมมุติในภาษาไทยเราเรียกตำนาน แต่เวลาเราไปเรียนประวัติศาสตร์เราไปหาความเป็นจริง แต่ที่จริงแล้วถ้าเราศึกษาในสังคมไทยก่อนเราจะมีการสอนประวัติศาสตร์ในมหาวิทยาลัย เรามีการเรียนประวัติศาสตร์จากตำนานพงศาวดารทั้งสิ้น

ถ้าถามว่าตำนานนี้เป็นจริงหรือเปล่า ขอตอบว่าไม่จริงหรอก เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ แต่ว่าเป็นสิ่งที่เป็นจริงสำหรับการเป็นมนุษย์ ตำนานเป็นสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นจริงและเป็นสิ่งที่เป็นความจริงของการเป็นมนุษย์ แต่เวลาเราไปเรียนประวัติศาสตร์เราไปหาความจริงต้องพิสูจน์ว่าเป็นจริงอย่างโน้นอย่างนี้ อย่างขณะนี้เราพยายามจะหาความจริงจากบั้งไฟพญานาค ไม่รู้จะหาได้อย่างไรเพราะมันเป็นความเชื่อแต่ก็เชื่อว่าเป็นความจริง

มนุษย์ต้องอธิบายในสิ่งที่ตัวไม่รู้แต่เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ เขาก็สมมุติขึ้นมาแล้วก็กลายเป็นความเชื่อไป เพราะฉะนั้น ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติที่แท้จริงเริ่มมาจากตำนานก่อน คือเรื่องสมมุติ แล้วในตำนานนี้ท่านจะเห็นว่ามีบุคคลที่อยู่ในตำนานมาก ใช่ไหมครับบุคคลที่อยู่ในตำนานนี้ บุคคลที่อยู่ในตำนานนี้ก็ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในประวัติศาสตร์ เพราะหนึ่งยืนยันในมิติเวลาไม่ได้ สองพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นใครแน่นอน นั่นคือบุคคลในตำนาน บุคคลในตำนานที่เราเรียก culture hero หรือ ผู้นำวัฒนธรรม สังคมไทยเราสับสนเรื่องนี้มาตลอด เพราะเวลาเราสร้างประวัติศาสตร์ไทยในสมัยใหม่โดยเฉพาะเริ่มตั้งแต่สกุลดำรงราชานุภาพ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 12:44  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9309

คำตอบที่ 95
       คือสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพท่านพยายามจะเริ่มต้นของการศึกษาประวัติศาสตร์อย่างมีตัวตน ท่านยังสบสน ท่านดึงบุคคลในตำนานมาเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์จริงๆ เรื่องพระเจ้าอู่ทอง เห็นไหม พระเจ้าอู่ทองไม่ใช่บุคคลในประวัติศาสตร์แต่ท่านเป็นบุคลในตำนาน

ท่านลากเข้ามาหาบุคคลที่เป็นจริงในประวัติศาสตร์คือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ แล้วก็วงเล็บว่าพระเจ้าอู่ทอง รวมทั้งเรื่องพระร่วงก็พยายามจะดึงพระร่วงให้เป็นพระเจ้ารามคำแหง ถ้าหากท่านไปอ่านในตำนาน เรื่องของพระร่วงในตำนานคนละเรื่องกับพระเจ้ารามคำแหงเลย เพราะบอกไม่ได้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ในเวลาใด จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อทั้งสิ้น

เรื่องพระเจ้าอู่ทองก็เช่นเดียวกันแล้วแถมพระเจ้าอู่ทองและพระร่วงมีตั้งหลายองค์ พระเจ้ารามคำแหงมีองค์เดียว พระเจ้าอู่ทองนี้ก็มีตั้งหลายองค์ ที่จริงในประวัติศาสตร์มีองค์เดียว แล้วแถมดึงตำนานผิดด้วย ตำนานพระเจ้าอู่ทองไปสัมพันธ์กับตำนานเมืองเชียงราย กรมดำรงฯ สร้างบุคคลจากตำนานมาเป็นประวัติศาสตร์ ในตำนานที่เชียงรายนี้เขาพูดถึงกษัตริย์กลุ่มหนึ่งที่มาจากแถวๆ ไทยใหญ่ชื่อ สิงหนวัติ ได้เคลื่อนย้ายจากแม่น้ำชเวลี แม่น้ำมาว แม่น้ำสาละวินเข้ามาแม่น้ำกก แล้วมาตั้งถิ่นฐานบริเวณที่เรียกว่า เวียงหนองล่ม ที่เขตอำเภอเชียงแสน

ตรงนั้นที่บริเวณเวียงหนองล่ม แล้วสร้างบ้านแปลงเมืองโดยความร่วมมือของพญานาค เมืองนั้นชื่อว่า โยนกนาคพันธุ์ แล้วพระเจ้าสิงหนวัติเป็นกษัตริย์ปกครองเรื่อยมา มีลูกมีหลานสืบเรื่อยมา มาช่วงหนึ่งกษัตริย์ราชวงศ์สิงหนวัติได้ไปครองเชียงรายอะไรทำนองนั้น ตอนหลังก็ถูกข้าศึกตีแตกมา ก็เคลื่อนมาอยู่ที่แถวกำแพงเพชร ไตรตรึงส์ แล้วต่อมาก็เป็นกษัตริย์ปกครองที่อยุธยา

คือตำนานที่พยายามจะลากเข้าหา พูดถึงพระเจ้าอู่ทองว่าเป็นเชื้อสายกษัตริย์ราชวงศ์มาจากเชียงราย ถ้าใครอ่านประวัติศาสตร์จะพูดถึงราชวงศ์เชียงรายทั้งสิ้น ถ้าใครเรียนประวัติศาสตร์จะบอกว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นราชวงศ์เชียงรายมาจากทางเหนือ

แต่หากว่าท่านไปมองตำนานอีกตำนานหนึ่งซึ่งฝรั่งจดไว้ในสมัยอยุธยา ฝรั่งบอกว่าพระเจ้าอู่ทองชื่อ เจ้าอู่ เป็นลูกชายเจ้ากรุงจีน พ่อไม่ชอบจึงขับไล่ ถูกเนรเทศมากับขบวนเรือสำเภา แล้วมาขึ้นฝั่งที่ตั้งแต่ปัตตานี นครศรีธรรมราช กุยบุรี เพชรบุรี โดยเฉพาะที่เพชรบุรีเกิดมีกษัตริย์ที่ชื่อพระเจ้าอู่ทองอยู่ เห็นไหมฮะ พระเจ้าอู่ทองมาคนละทาง กรมดำรงฯ บอกมาทางเชียงรายแต่ตำนานที่พิสูจน์ได้ชัดเจนก็คือ อู่ทองมาจากทางทะเล มาจากทางจีน แล้วมาขึ้นบกที่ปัตตานี นครศรีธรรมราช กุยบุรี เพชรบุรี

เราจะเห็นว่าถ้าเราไปเขตนี้โดยเฉพาะเพชรบุรี จะเห็นตำนานพระเจ้าอู่ทองว่าพระเจ้าอู่ทองครองที่เพชรบุรี แล้วพระเจ้าอู่ทององค์นี้ไปรบกับกษัตริย์ที่นครศรีธรรมราชชื่อ ศรีธรรมาโศกราช แบ่งเขตแดนกัน แถมเจ้าอู่ทองนะฮะ มีถนนจากเพชรบุรีมาราชบุรี มีถนนท้าวอู่ทอง ชื่ออู่ทองเต็มไปเลย จนกระทั่งเป็นที่ยอมรับว่าพระเจ้าอู่ทองเป็นกษัตริย์ของดินแดนภาคกลาง

ทีนี้เวลาเราดึงเข้ามาเป็นประวัติศาสตร์กลายเป็นพระเจ้าอู่ทองรามาธิบดีไป แต่ถ้าอ่านตำนาน โอ้โฮ มีตั้งหลายองค์

เพราะฉะนั้น ความเป็นบุคคลในตำนานหรือผู้นำวัฒนธรรมเป็นความเชื่อว่าเป็นจริงไม่สามารถพิสูจน์ได้ในเวลาที่แน่นอน เขาไม่มีตัวตนในประวัติศาสตร์

เวลาเราเรียนประวัติศาสตร์ไทย เราแยกไม่ออกหรอกครับว่า อะไรเป็นตำนานหรืออะไรเป็นประวัติศาสตร์ เป็นจุดอ่อน คือปัญหาว่าเราไม่ถกกันตรงนี้ แล้วพอเกิดถกขึ้นมาแสวงหาความเป็นจริงก็ทะเลาะกันวุ่นวาย รวมไปถึงกษัตริย์บุคคลในตำนานบางองค์มีตัวจริงแต่เผอิญสวรรคตไปแล้วเป็น culture hero






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 12:51  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9310

คำตอบที่ 96
       ยกตัวอย่างอย่าง พระเจ้ากรุงธนบุรี พระเจ้ากรุงธนบุรีเป็น culture hero เพราะชื่อท่านยังปรากฏเป็นชื่อถนน ผสมกับศาลพระองค์ท่านก็เป็นความเชื่อ ที่สำคัญคือ คนนครศรีธรรมราชเชื่อว่าท่านไม่ได้ถูกสำเร็จโทษ

คนนครศรีธรรมราชเชื่อว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีหนีไปอยู่ที่นครศรีธรรมราช ไปจำศีลอยู่ที่แถวๆ บางสกา แล้วก็ไปสวรรคตที่ตรงนั้น ยังมีภูเขาที่ท่านไปจำศีลอยู่เลย เชื่อว่าท่านไม่ตาย แต่ท่านเปลี่ยนจากบุคคลในประวัติศาสตร์เป็นบุคคลในตำนาน คือตัวอย่างของการเป็น culture hero

แล้วเวลานี้ถ้าไปภาคใต้ ไปบอกว่าพระเจ้าตากสินถูกประหารชีวิต ถูกสำเร็จโทษนะ คนนครศรีธรรมราชไม่เชื่อหรอก เข้าไปเขาแถวบางสกายิ่งมีเรื่องของพระเจ้าตากสินมากเลย แถมดีไม่ดีผีเข้าตรงนั้นน่ะ บอกว่าท่านมาบอกว่าอย่างโน้นอย่างนี้ คือเป็นความเชื่อ

สิ่งเหล่านี้อยู่ในเรื่องราวของการอธิบายอดีต ถ้าถามว่าทำไมถึงมีสิ่งเหล่านี้ ก็ต้องตอบไปว่ามนุษย์ทุกชาติภาษาต้องการที่มา เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคมอยู่โดดๆ ไม่ได้ ต้องอยู่เป็นกลุ่ม เพราะฉะนั้น การสร้างสำนึกร่วมในกลุ่มคือความเชื่อในเรื่องราวตำนาน คือการสร้างสำนึกร่วมว่าเขาคือพวกเดียวกัน แล้วเมื่อสร้างเป็นเรื่องราวแล้วก็ต้องมีผู้นำที่เป็นตัวเชื่อมโยง เค้าสมมุติขึ้นมา บางทีอาจจะเอาเรื่องราวจากคนจริงๆ มาสร้างเป็นเรื่องสมมุติให้คนเคารพร่วมกันเป็นศูนย์รวมทางจิตใจ อันนี้คือผู้นำทางวัฒนธรรม

เพราะฉะนั้น ผู้นำทางวัฒนธรรมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีตัวตนชัดเจนในมิติเวลาที่ถูกต้อง แต่เป็นบุคคลที่เขาเชื่อว่ามีความเป็นจริง แล้วก็ผู้นำวัฒนธรรมมีหลากหลาย







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 13:05  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9313

คำตอบที่ 97
       ทีนี้มาพูดถึงเรื่องหวนกลับไปทางพระเจ้าอู่ทอง พระเจ้าอู่ทองคือผู้นำทางวัฒนธรรมของบ้านเมืองในภาคกลาง ตั้งแต่เพชรบุรี และเขตตะวันออก ชลบุรี ระยอง ขึ้นไปถึงนครสวรรค์ ตรงนี้เป็นอิทธิพลของผู้นำวัฒนธรรมที่ทรงพระนามว่า ท้าวอู่ทอง

ถ้าจะพบสถานที่ที่เรียกว่าวัดท้าวอู่ทอง สระน้ำท้าวอู่ทอง มากมายเหลือเกิน แล้วที่ใดก็ตามที่มีชื่อของท้าวอู่ทอง ว่ากันว่าเก่ามาก มีตำนานเก่าๆ พูดถึงความเป็นมาจะไปสัมพันธ์กับอู่ทองทั้งสิ้น เขาไม่แคร์หรอกว่าองค์ไหนเป็นองค์ไหน เขาพูดถึงเรื่องอู่ทอง ชาวบ้านจะรู้ว่าท้าวอู่ทอง

ถ้าต่ำจากชุมพรลงไปมี culture hero อีกองค์หนึ่งที่เป็นคนใต้ทั้งหมด คือ ศรีธรรมาโศกราช เห็นไหมเวลานี้คนใต้ต้องการมหาวิทยาลัยศรีธรรมาโศกราช ต้องการอะไรที่เกี่ยวกับศรีธรรมาโศกราชขึ้น นั่นเป็น culture hero ซึ่งเราไม่เข้าใจไง เหมือนเราจะไปสร้างมหาวิทยาลัย เราก็จะเอาใครก็ไม่รู้ที่ต่างถิ่นไปทำ แต่ชาวบ้านเขาต้องการของเขา

ทีนี้พูดถึงคนนครศรีธรรมราชนี้มี culture hero ที่เป็นกษัตริย์อยู่สององค์คือ พระเจ้าศรีธรรมาโศกราชกับพระเจ้าตากสิน เป็น culture hero เห็นไหม คือมันประหลาดมากถ้าเราไปดูจะมีศาล มีการกล่าวถึง แล้วพระเจ้าตากท่านประหลาดมาก

ท่านไปเป็น culture hero ของคนจันทบุรี ทั้งที่ท่านไปตีจันทบุรี เท่าที่ดูเวลานี้ ที่เมืองจันทบุรีมีศาลหลักเมือง ใกล้ๆ ศาลหลักเมืองศาลพระเจ้าตากใหญ่ แล้วพระพุทธยอดฟ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาถ คือทหารเอกของพระเจ้าตาก ไปดูซิคือประหลาดท่านไปตีเมืองจันทบุรีแต่ท่านกลายเป็น culture hero ของคนจันทบุรี มากราบไหว้กันตรงนี้ ฉะนั้นต้องแยกระหว่างความเชื่อของบุคคลในตำนานบุคคลในความเชื่อและบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์

ทีนี้ทางนครศรธรรมราชลงมาคือศรีธรรมาโศกราชที่ลงมาคือศรีธรรมาโศกราชทั้งสิ้น แล้วความสำคัญของศรีธรรมาโศกราชคือ ท่านเป็นผู้สถาปนาพุทธศาสนาในเขตนั้น สร้างวัดสร้างอะไรต่างๆ ทั้งสิ้น นั่นก็เป็นผู้นำวัฒนธรรมที่สำคัญ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 13:15  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9314

คำตอบที่ 98
       อย่างเวลานี้ เช่นเรามองภาคใต้ ภายใต้บารมีของศรีธรรมาโศกราช ปัตตานีเป็นส่วนหนึ่งของสยามประเทศ เป็นส่วนหนึ่งของนครศรีธรรมราช มีตำนานเรื่องมะโรงมหาวงศ์ มีตำนานสิบสองนักษัตร เมืองปัตตานี เมืองอะไรต่างๆ อยู่ในมะโรงมหาวงศ์ทั้งสิ้น อันนี้เป็นตอนหนึ่ง เราไม่เข้าใจ


ตำนานว่าเขาคิดยังไงและสัมพันธ์ยังไง เพราะสมัยพระเจ้าธนบุรีจึงมีฉันท์ มีคำกลอนเยินยอเกี่ยวกับพระเกียรติ์ของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีว่า “ ปัตตานีนเรศเจ้านครา ส่งดอกไม้มาถวาย ” เพราะสมัยนั้นธนบุรีคุมปัตตานีเรื่องเศรษฐกิจ เราได้บุหงามาสกับเขา เขาก็ยกย่องและดูแลป้องกันกัน คือตำนาน

เวลาเราย้อนเข้าไปถึงประวัติศาสตร์ถ้าตีความในตำนานได้ เราจะเข้าใจคนเหล่านี้ดี แล้วก็ตำนานบางทีขยายจากพระมหากษัตริย์ซึ่งบำเพ็ญกรณี พระมหากษัตริย์องค์ใดบำเพ็ญกรณีทำประโยชน์ให้กับบ้านเมืองมักจะถูกยกย่องให้เป็นผู้นำ เพราะฉะนั้นไม่ใช่พระมหากษัตริย์ทุกองค์เป็นผู้นำวัฒนธรรมนะครับ

บางองค์เกิดมาสามเดือนถูประหารชีวิตไป ไม่ใช่ผู้นำทางวัฒนธรรม ผู้นำทางวัฒนธรรมต้องมีตำนานปรากฏอยู่ อย่างสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระเจ้าตากสิน แล้วขณะนี้เราก็มีผู้นำวัฒนธรรม

ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มีผู้นำวัฒนธรรมหลายองค์ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 5 ท่านเป็นผู้นำที่เป็นปราชญ์มาก แล้วนอกจากท่านเป็นผู้นำทางวัฒนธรรมแล้วท่านนำแฟชั่นมา เพราะไม่มีใครถ่ายรูปได้โก้เท่าท่าน ท่านโพสท่าแอ๊คชั่นน่าดูมาก แล้วรูปนั้นกลายเป็นรูปศักดิ์สิทธิ์ไป

น่าประหลาดมากครั้งหนึ่งผมไปจันทบุรี มีร้านหนึ่งที่จันทบุรี เขาตั้งรูปรัชกาลที่ 5 ซะเบ้อเริ่มเลย สวยมากเลยเขาบอกตั้งมาตั้งแต่รุ่นพ่อและปู่ย่าตายายแล้ว และมีดอกไม้บูชา แล้วรัชกาลที่ 5 ท่านสง่า ตามประเพณีจีนการที่จะเอาป้าย เอารูปของคนไปกราบไหว้บูชาเขาทำเฉพาะคนที่ตายแล้ว แต่ตอนที่รัชกาลที่ 5 เสด็จนิวัติพระนคร มันมีซุ้มเยอะใช่ไหม คนจีนตั้งรูปตั้งกระจกหมดเลย เพราะฉะนั้นรัชกาลที่ 5 เป็นผู้นำวัฒนธรรมที่โดดเด่นที่สุดในสมัยรัตนโกสินทร์

เวลาพูดถึงรัชกาลที่ 5 พูดถึงความนุ่มนวลทั้งนั้น ทีนี้ปรากฏในพระนิพนธ์ของ นมส.ที่พูดถึงว่า “ สยามมินทร์ปิ่นธเรศเจ้าจุลจอมจักริน นึกพระนามความหอมห่อหุ้ม ” คือท่านละเอียดอ่อนไปหมดเลย ท่านเป็นผู้นำวัฒนธรรม

แล้วผู้นำวัฒนธรรมอีกองค์หนึ่งคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะนี้ ซึ่งเบรกฟังชั่นมายา เพราะว่าท่านเป็นพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่ได้อยู่ในวังให้เหินห่างกับประชาชน ท่านเสด็จไปที่โน่นที่ ไปแก้ไขสิ่งต่างๆ เป็นการนำ การที่ทรงเป็นกษัตริย์เกษตรไปทำโน่นทำนั่นคือเป็นผู้นำวัฒนธรรมที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เห็นได้ชัด เพราะว่าการบำเพ็ญกรณีกิจระหว่างพระมหากษัตริย์ที่เกิดขึ้นจะถูกตราไว้ในความทรงจำของประชาราษฎร์

แล้วเมื่อผ่านไปก็ถูกพูดเป็นเรื่องความเชื่อ อย่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นำวัฒนธรรมที่น่าประทับใจในปัจจุบันนี้ รวมทั้งสมเด็จพระเทพรัตนฯ ด้วย สมเด็จพระเทพรัตนฯ มีตำนานนะ เพราะท่านไปที่ไหน ที่นั่นจะเกิดเป็นตำนาน บางทีท่านไปแค่นั้นเอง แต่อาจขยายตำนานใหญ่โตก็ได้ ท่านจะไปสร้างโน่น สร้างไว้

เวลาเรามองในประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์กับผู้นำทางวัฒนธรรมสัมพันธ์กันมาก ทำให้เรารู้ว่าในประวัติศาสตร์ไทยพระมหากษัตริย์เป็นผู้นำทางวัฒนธรรมที่สำคัญทำให้ประเทศบ้านเมืองดำเนินอยู่เรื่อยมา

ทีนี้ท่านเป็นผู้นำทางวัฒนธรรมในศาสนาไหน ถ้าเป็นศาสนาที่เป็นฮินดูหรือเป็นมหายานเรียบร้อยไปแล้ว เพราะว่าพระมหากษัตริย์เหล่านั้นเป็นเทพเจ้า

แต่พระมหากษัตริย์ไทยเป็นสมมุติราช เป็นผู้ที่มาจากคนธรรมดาแต่บำเพ็ญกรณี เรื่องราวของพระมหากษัตริย์จึงไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวของพระโพธิสัตว์ เรื่องราวของพระมหากษัตริย์ไทยไปสัมพันธ์กับสมมุติราช แล้วสมมุติราชหมายถึงเป็นบุคคลธรรมดาซึ่งทำความดีแล้วประชาชนยกย่องขึ้นมาเป็นพระมหากษัตริย์ ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าซึ่งบำเพ็ญมาตั้งแต่ชาติต่างๆ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.39.9 ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 13:26  IP : 125.24.39.9   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9315

คำตอบที่ 99
       คนนครศรีธรรมราชเชื่อว่าพระเจ้ากรุงธนบุรีหนีไปอยู่ที่นครศรีธรรมราช ไปจำศีลอยู่ที่แถวๆ บางสกา แล้วก็ไปสวรรคตที่ตรงนั้น ยังมีภูเขาที่ท่านไปจำศีลอยู่เลย เชื่อว่าท่านไม่ตาย แต่ท่านเปลี่ยนจากบุคคลในประวัติศาสตร์เป็นบุคคลในตำนาน คือตัวอย่างของการเป็น culture hero


ครั้งหน้าผมกับรุจจะพาไปตามหา culture hero พระเจ้ากรุงธนบุรี ที่ลานสกาโดยเจ้า สตราด้าม้าแก่ที่ใช้ควบวิ่งเที่ยวในนครฯ ไปให้ถึงที่ลานสกา ไปให้ถึงถ้ำบนเขาที่ท่านไปบวชและอยู่จนท่านสวรรคต

ไปนั่งยองๆพังคนแก่พูดถึงพระเจ้าตาก พระนางเลือดขาวที่ลิ้งค์กันวุ่นวายน่าสับสนกับพระนางประไหมสุหรีของภูเก็ตในตำนานของมาลายู



วันนี้ขอขอบคุณห้องสมุดมูลนิธิ เล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์ ที่ให้ข้อมูลจารึกโบราณ และอาจารย์ศรีศักร วัลลิโภดม ที่ให้แนวทางผมเดินกระทู้แนวคิดเรื่อง culture hero โดยที่ผมจะไม่โคลนนิ่งแนวของท่านใหม่ ท่านคิดอย่างไรพูดอย่างไรก็เอาแบบนั้นเลยด้วยความเคารพครับ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen ศุกร์, 15/6/2550 เวลา : 13:40  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9316

คำตอบที่ 100
      


" ขอขอบพระคุณครับ สำหรับความรู้ครับ "



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree เสาร์, 16/6/2550 เวลา : 18:09  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9334

คำตอบที่ 101
      


อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม
ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสม
เจริญสมถะ วิปัสนา พ่อชื่นชม
ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
พระพุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 22:41  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9501

คำตอบที่ 102
       วันนี้ผมจะเล่าเรื่องพระยาตากอีกเรื่องที่ไม่มีในหนังสือประวัติศาสตร์ เป็นพงศาวดารกระซิบล้วนๆ และเป็น culture Hero ของชาวนครศรีฯ เป็นทั้งตำนานและเรื่องจริงที่ผมจะสอดแทรกมาเรื่อยๆเพื่อให้ตำนานไม่หลุดจากความเป็นจริงมากนัก

ถึงผมจะกระซิบอย่างไร ผมจะพิจราณาตัดเรื่องแหกตาทั้งหมดออกเหลือแต่ เรื่องจริงและตำนานที่น่าเชื่อถือได้เท่านั้น

ตามผมมาเลยครับเราจะขับรถไปบางสกากัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 22:50  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9502

คำตอบที่ 103
       หลังจากคลำทางไปเรื่อยๆจากความทรงจำของคุณแม่ของรุจที่เคยสอนที่ วค.นครฯ เมื่อหลายสิบปีก่อน ก็ได้รู้ว่าวัดนี้ชื่อวัดเขาขุนพนม อ.พรหมคีรี เป็นวัดที่ชาวนครฯเชื่อว่าพระเจ้าตากท่านไม่โดนประหาร แต่ท่านหลบมาอยู่และบวชที่นี่

ต้นตอของเรื่องที่พูดกันและเป็นที่นิยมแพร่หลายมากขึ้น ๆ สรุปว่าพระเจ้าตากสินทรงยืมเงินจากรัฐบาลจีนจำนวนมากเพื่อใช้ในการต่อสู้ป้องกันบ้านเมือง จนถึงปลายรัชกาลก็ไม่มีเงินใช้หนี้รัฐบาลจีนซึ่งคุกคามทวงหนี้คืน หาไม่ก็จะเอาไทยเป็นเมืองขึ้น หรืออะไรทำนองนั้น


สมเด็จพระเจ้าตากสินจึงทรงแก้สถานการณ์นี้โดยการตกลงอย่างลับ ๆ กับสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งเป็นพระสหายและลูกน้องคนสนิท โดยพระองค์เองแสร้งกระทำการประหนึ่งวิกลจริตเพื่อให้พระสหายยึดอำนาจจากพระองค์เสีย


สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกก็ต้องเสียสละชื่อเสียงเกียรติยศในการหักหลังเพื่อนโดยการยึดอำนาจจากพระเจ้าตากสิน ทั้งทำข่าวให้ระบือไปว่าได้ประหารชีวิตพระเจ้าตากสินเสียแล้ว แต่ความจริงผู้ที่ถูกประหารคือข้าเก่าที่มีรูปร่างหน้าตาละม้ายพระเจ้าตากสินเท่านั้น


ส่วนตัวพระเจ้าตากสินนั้น ถูกส่งอย่าง "ลับ ๆ" ให้ไปดำเนินพระชนม์ชีพในบั้นปลายที่เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งมีพระราชโอรสของพระองค์ คือเจ้าพระยานคร (น้อย) อยู่ในฐานะเป็นบุตรของเจ้าพระยานครพัด

นี่คือตำนานที่คนนครส่วนใหญ่เชื่อกันมาหลายชั่วรุ่นคน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 22:58  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9503

คำตอบที่ 104
       มีเรื่องหนึ่งที่ผมเล่าให้ฟังไปเมื่อตอนที่แล้วว่า ตำนานเป็นสิ่งที่มนุษย์เชื่อว่าเป็นจริง และเป็นสิ่งที่เป็นความจริงของการเป็นมนุษย์

เปิดใจให้กว้าง แล้วมาดู ตำนานสลับความจริงในเรื่องเดียวกันบ้าง ผมจะเล่าในแบบของผม ถ้าอ้างอิงไม่ได้ผมไม่เล่า เพราะผมไม่ชอบนั่งเทียนไม่ว่าจะเป็นตำนานหรือไม่ก็ตาม

ผมอยากให้อ่านเรื่องหนึ่งที่อ้างอิงจาก พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ พ.ศ. 2481 กรมพระยาดำรงค์ราชานภาพเขียนถึงทวดของท่าน หรือพระพุทธยอดฟ้าฯพระสหายร่วมรบกู้ชาติของพระเจ้าตาก ท่านเขียนไว้ว่า


มุขมนตรีทั้งหลายพร้อมกันกราบทูลว่า พระเจ้าแผ่นดินละสุจริตธรรมเสีย ประพฤติสุจริตธรรมเสีย ประพฤติการทุจริตฉะนี้ ก็เห็นว่าเป็นเสี้ยนหนามหลักตออันใหญ่อยู่ในแผ่นดินจะละไว้มิได้ ควรจะให้สำเร็จโทษเสีย

จึงมีรับสั่งให้มีกระทู้ถามเจ้าตากสินเจ้าแผ่นดินผู้ทุจริตว่า ตัวเป็นเจ้าแผ่นดินใช้เราไปกระทำการสงครามได้ความลำบากกินเหงื่อต่างน้ำ เราก็อุตสาหะอาสากระทำศึกมิได้อาลัยแก่ชีวิต คิดแต่จะทะนุบำรุงแผ่นดินให้สิ้นเสี้ยนหนาม จะให้สมณพราหมณาจารย์ และไพร่ฟ้าประชากรอยู่เย็นเป็นสุขสิ้นด้วยกัน ก็เหตุไฉนอยู่ภายหลังตัวจึงเอาบุตรภรรยาเรามาจองจำทำโทษ แล้วโบยตีพระภิกษุสงฆ์ และลงโทษแก่ข้าราชการและอาณาประชาราษฎร เร่งรัดเอาทรัพย์สินโดยพลการด้วยหาความผิดมิได้

กระทำให้แผ่นดินเดือดร้อนทุกเส้นหญ้า ทั้งพระพุทธศาสนาก็เสื่อมทรุดเศร้าหมองดุจเมืองมิจฉาทิฏฐิฉะนี้ โทษตัวจะเป็นประการใดจงให้การไปให้แจ้ง และเจ้าตากสินก็รับผิดทั้งสิ้นทุกประการ

จึงมีรับสั่งให้เอาตัวไปประหารชีวิตสำเร็จโทษเสียเพ็ชฌฆาตกับผู้คุมก็ลากเอาตัวขึ้นแคร่หามไปกับทั้งสังขลิกพันธนาการ เจ้าตากสินจึงว่าแก่ผู้คุมเพ็ชฌฆาตว่าตัวเราก็สิ้นบุญจะถึงที่ตายอยู่แล้ว ช่วยพาเราแวะเข้าไปหาท่านผู้สำเร็จราชการ จะขอเจรจาด้วยสักสองสามคำ ผู้คุมก็หามเข้ามา ได้ทอดพระเนตรเห็นจึงโบกพระหัดถ์มิให้นำมาเฝ้า

ผู้คุมและเพ็ชฌฆาตก็หามออกไปนอกพระราชวังถึงหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์ ก็ประหารชีวิตตัดศีร์ษะเสียถึงแก่พิราลัย จึงรับสั่งให้เอาศพไปฝังไว้ ณวัดบางยี่เรือใต้และเจ้าตากสินขณะเมื่อสิ้นบุญถึงทำลายชีพนั้นอายุได้สี่สิบแปดปี






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 23:08  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9504

คำตอบที่ 105
       ฮะฮ้า... เห็นหรือเปล่าว่าท่านโดนตัดหัวไม่ใช่โดนทุบด้วยท่อนจันทน์เสียสักหน่อย และคนที่บอกว่าโดนตัดหัวคือเหลนของท่านเองแท้ๆ และเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทยเสียด้วย

แล้วที่เราโดนสอนว่าท่านโดนท่อนจันทร์ก็ไม่จริงอีกแล้วน่ะซิครับ ถูกแล้วครับ ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าประวัติศาสตร์ที่เขียนให้อ่านทำไมมีสองเวอร์ชั่น

ฉบับหลวง ก็มีเยอะตั้งแต่พระราชพงศาวดารฉบับชำระแล้ว หมายเหตุของกรมหลวงนรินทรเทวี หลานสาว รัชกาลที่1 และวิจารณ์โดย รัชกาลที่5 นี่ของทางการครับ อ่านก็ต้องคิดตามว่าคนเขียนเป็นผู้สืบสกุลมาจาก รัชกาล1 ยังไง ก็คงไม่เขียนเรื่องเท็จให้ตระกูลตนเองเสียได้หรอกครับ

แต่ก็น่าสนใจและต้องอ่านคู่กับพงศาวดารญวน จีน เขมร พม่า กรมศิลปากรเคยจัดพิมพ์ โดยเฉพาะพงศาวดารญวนเขาเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลของประวัติศาสตร์ในช่วงผลัดแผ่นดินเอาไว้ตรงๆ เลย

ถามว่า โดนประหารไหม โดนประหารจริงครับ ตัดหัวเลยที่ป้อมวิชัยประสิทธิ์นี่แหล่ะ ตอนจะประหารผู้คุมใส่โซ่ตรวนเจ้าตากผ่านมายังจวนผู้สำเร็จราชการ เจ้าตากบอกขอคุยกับพระยาจักรี หน่อยเถอะก่อนตาย ผู้คุมก็หามมาถึงใกล้จวนผู้สำเร็จราชการ พอพระยาจักรี เห็นเท่านั้น ก็โบกพระหัตถ์ไม่ให้พบ ผู้คุมจึงนำไปประหาร

ไม่ใช่ทุบด้วยท่อนจันทน์เก้าทีอย่างที่แต่งให้ดูดีหรอกครับ หลักฐานมาจากกรมหลวงนรินทรฯ หลาน รัชกาล 1 เอง ถือว่ารับฟังได้ไหมครับ ชัดเจนเลย

แต่เขาเขียนว่าทุบโดยท่อนจันทน์ แต่อธิบายได้ว่า ในการผลัดแผ่นดินสมัยอยุธยาตั้งแต่ครั้งก่อนใช้วิธีการล้างไพ่เริ่มใหม่เป็นเรื่องปกติอย่าเอามาตราฐานคนสมัยนี้ไปวัดกับมาตราฐานคนโบราณ บางเรื่องเราอาจจะดูแล้วแปลกแต่เป็นเรื่องธรรมดาในสมัยนั้น

กรมพระราชวังบวรได้ให้ความเห็นให้ประหารกลุ่มเจ้าตากฯ และวงศ์ตระกูลให้หมด เมียท่านถอดลงเป็นหม่อม ลูกสาวไม่ประหาร

ถ้าหากพระเจ้าตากบ้าแล้วทำไมไม่ยกราชสมบัติให้ลูกชายท่านเล่าครับ กรมขุนอินทรพิทักษ์ก็อยู่ในวัย 27 แล้ว ก็โดนประหารด้วย

ขุนนางเก่งๆ ฝ่ายเจ้าตาก อย่างพระยาพิชัยดาบหัก พระยานครราชสีมาก็ถูกประหาร สามสิบชีวิตขุนนางที่ภักดีต่อบ้านเมืองจะภักดีกับคนบ้ากระนั้นหรือ

ประวัติศาสตร์ฉบับที่เราเรียนกันนี่มันสมเหตุผลหรือเปล่าลองคิดดู





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 23:20  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9505

คำตอบที่ 106
       พงศาวดารญวนที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับการเปลี่ยนแผ่นดินของเรา เขาบันทึกว่าพระยาจักรีได้ชะลอการรบกับแม่ทัพญวนที่ล้อมทัพหลวงของกรมขุนอินทรพิทักษ์ลูกเจ้าตากสิน จากนั้นพระยาจักรี เข้ากรุงธนบุรีมาจัดการเรื่องภายในให้เรียบร้อย

หลักฐานหลายๆแหล่งน่าจะหนักแน่นกว่าการใช้หลักฐานแหล่งเดียวของหลักฐานมาจากกรมหลวงนรินทรฯที่เป็นหลาน รัชกาล 1 ถ้าพูดตรงกันก็คือสิ่งที่น่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง

เขียนแค่นี้ก็พอรู้แล้วว่า อะไรเป็นอะไร ปิดคดีนิยายโกหกเรื่องพระองค์ท่านเป็นบ้าตามที่เราเคยเรียนมาตั้งแต่เด็กๆได้แล้วครับ ก็แค่การผลัดแผ่นดินตามวิธีของคนยุคก่อนไม่ต่างกับวิธีการที่ใช้ในสมัยกรุงศรีอยุธยาก็เท่านั้นเอง

อย่าเอามาตราฐานคนยุคใหม่ไปใช้นะครับ สภาวะสังคมและการปกครองไม่เหมือนกัน บางเรื่องเรามองแปลกแต่สมัยนั้นคือเรื่องปกติ






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 23:24  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9506

คำตอบที่ 107
       ในพระราชพงศาวดารก็ตาม จดหมายเหตุของฝรั่งที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารขณะนั้นก็ตาม จดเอาไว้อย่างเดียวกันว่า พระองค์ท่านโดนสำเร็จโทษหน้าป้อมวิชัยประสิทธิ์

แต่ต่อมามีผู้เชื่อบ้าง สันนิษฐานกันบ้างว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมิได้เสด็จสวรรคตโดยถูกสำเร็จโทษ หากแต่มีผู้ลอบพาพระองค์เสด็จฯหนีไปทรงผนวชและจำพรรษาอยู่ที่เมืองนครศรีธรรมราช จนกระทั่งเสด็จสวรรคต ณ ที่นั้น

ตามพระราชพงศาวดาร และจดหมายเหตุของฝรั่งนั้นยกเอาไว้ เพราะชี้ลงไปเลยว่าโดนประหาร
แต่ก็มีเหตุผลอันชวนให้คิดว่า พระองค์ท่านอาจเสด็จฯหลบหนีไปได้ก่อน มิได้ถูกสำเร็จโทษในค่ำคืนวันนั้น 7 เมษายน พ.ศ.2325


อันตัวพ่อ ชื่อว่า พระยาตาก
ทนทุกข์ยาก กู้ชาติ พระศาสนา
ถวายแผ่นดิน ให้เป็น พุทธบูชา
แด่ศาสนา สมณะ พระพุทธโคดม
ให้ยืนยง คงถ้วน ห้าพันปี
สมณะพราหมณ์ ปฏิบัติ ให้พอสม
เจริญสมถะ วิปัสนา พ่อชื่นชม
ถวายบังคม รอยบาท พระศาสดา
คิดถึงพ่อ พ่ออยู่ คู่กับเจ้า
ชาติของเรา คงอยู่ คู่พระศาสนา
พระพุทธศาสนา อยู่ยง คู่องค์กษัตรา
พระศาสดา ฝากไว้ ให้คู่กัน







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 23:35  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9507

คำตอบที่ 108
       มีผู้หวังดีโทรมาเตือนผมว่า ผมเกิดอาการเมามันเฉี่ยวอาการโรคปอดไอเสียง คุก คุก เหมือนที่ผมเขียนเรื่องแหม่มแอนนากับรัชกาลที่4 อีกแล้ว

คือว่าถ้าผมจะเล่าพงศาวดารกระซิบ ผมมีหลักฐานอ้างอิงครบถ้วน ไม่ใช่ยกเมฆนั่งเทียนเขียนแบบเอามันเข้าว่า

ให้ผมคิดดูก่อนว่าจะคุ้ยพงศาวดารกระซิบ แล้วไอ คุก คุก ต่อดีไหม

หรือจะเข้าเรื่องตำนานพระเจ้าตากที่บางสกาเลย เรื่องตำนานค่อนข้างจะ ประนีประนอมมากกว่าเรื่องจริง


เพื่อนๆว่าอย่างไรครับ มีความเห็นอย่างไร จะเอาเรื่องแบบไหนในครั้งหน้า



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.47.150 อังคาร, 19/6/2550 เวลา : 23:47  IP : 125.24.47.150   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9508

คำตอบที่ 109
       ผมชอบเสียงไอครับ

ฟังดูแล้วมันเร้าอารมณ์



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

somsaks จาก หนุ่มกระโทก 202.91.18.200 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 00:22  IP : 202.91.18.200   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9510

คำตอบที่ 110
       ด้วยความเคารพครับ


ผมเชื่อว่าหลักฐานที่มีอยู่จริง เเละเจตนาที่ดี เพื่อถ่ายทอดความรู้เป็นวิทยาทาน ผนวกกับความบริสุทธิ์ใจเป็นที่ตั้ง จะเป็นวัคซีนป้องกันโรคดังกล่าวเเน่นอนครับ









 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

kupree จาก kupree พุธ, 20/6/2550 เวลา : 07:58  IP :   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9513

คำตอบที่ 111
       ลูกหลานพระเจ้าตาก
พรินท์เก็บไว้แล้วครับ



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

จาก POM CRONOS 203.149.12.234 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 08:08  IP : 203.149.12.234   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9514

คำตอบที่ 112
       ขอขอบพระคุณ ในความรู้เชิงประวัติศาสตร์ ในอีกมุมหนึ่ง ที่ไม่เคยได้ยิน ได้ฟังมาก่อน

อ.วอนคงต้องเสียสละเวลาอ่านหนังสือหลายเล่ม กว่าจะรวบรวม เขียนเป็นบทความ แบบนี้ได้

ผมเป็นผู้หนึ่งที่ชอบ ประวัติศาสตร์ แม้จะมีความรู้แค่หางอึ่งก็ตาม

เสียดายที่ ปัจจุบันนี้ การศึกษาภาคบังคับ เราให้ความสนใจกับประวัติศาสตร์น้อยมาก ไปให้ความสนใจกับเทคโนโลยีมากเกินไป

ผมมีความเชื่อว่า หากเราจะพัฒนาปัจจุบันให้ดีไปสู่อนาคต เราต้องทราบประวัติศาสตร์ก่อนเป็นพื้นฐาน

ปัจจุบันนี้ มีหลายบุคคล หลายท่าน ไม่สามารถแยกได้ว่า อันไหนเป็นประวัติศาสตร์ อันไหนเป็นตำนาน อันไหนเป็นเรื่องเล่า และอันไหนเป็นเรื่องแต่ง

และที่น่าเสียดายที่สุด ที่เด็กๆ ในปัจจุบัน ไม่ทราบประวัติความเป็นมาของประเทศไทย ไม่สามารถเรียงลำดับเจ้าแผ่นดินแต่ละยุค แต่ละสมัยได้.....

สิ่งที่อ.วอนเล่า เขียนมาทั้งหมด นับเป็นความรู้ที่น่าศึกษามากครับ................



 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

a_anan จาก a_anan 203.118.120.42 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 09:31  IP : 203.118.120.42   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9518

คำตอบที่ 113
       ตกลงครับ ผมจะเอาพงศาวดารมาเล่าต่ออีกหนึ่งตอนก่อนจะข้ามไปเล่าเรื่องพระเจ้าตากภาคตำนานพื้นบ้านที่ผมกับรุจไปบุกถึงสุสานพระเจ้าตาก มีจารึกภาษาจีนบางชุดที่ไชปริศนาตำนานพระเจ้าตากด้วย อ่านอักษรจีนชุดนี้แล้วได้เรื่องอย่างไรอีกสองวันค่อยเอาลง

เพื่อให้เรื่องราวกระจ่างในแง่ของประวัติศาสตร์ ผมจะเอาข้อความในหนังสือพงศาวดารประมาณห้าเล่มมาตัดต่อข้อความเรียงใหม่ตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง ในการผลัดแผ่นดิน ผมจะดำเนินเรื่องตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนกว่าๆจนจบเหตุวันที่ 6เมษา

ถูกต้องครับ วันนั้นคือวันจักรี วันหยุดราชการในตอนนี้ วันสถาปนาราชวงค์จักกรี หลังจากพระเจ้าตากโดนจับตัวและโดนพิจรณาโทษในวันนั้นเอง

เรื่องราวมีการวางตัวบุคคลและขุมกำลังของทั้งสองฝ่ายอย่างไรลองอ่านดูครับ ผมจะดำเนินเรื่องที่เป็นกลางโดยไม่ใส่อารมณ์รักเกลียดอะไรกับประวัติศาสตร์ ผมต้องการให้บทความของผมเป็นวิชาการที่สุด

เรื่องในบันทึกพงศาวดารที่ผมจับมาเรียงแล้วภาพมันออกมาดูง่ายๆไม่งง ดูด้วยใจเป็นกลาง อย่าเอามาตราฐานการปกครองปัจจุบันไปเปรียบเทียบ เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ผลัดแผ่นดินกันแบบนี้ ทุกประเทศในยุโรปหรือเอเซียในประวัติศาสตร์ก็ผลัดแผ่นดินกันแบบนี้ไม่แตกต่าง

ห้ามเอามาตราฐานปัจจุบันไปเทียบกับมาตราฐานในประวัติศาสตร์โดยเด็ดขาด เพราะคนละยุคคนละแนวความคิดกัน





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:08  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9523

คำตอบที่ 114
       ผมจะเริ่มที่เงื่อนงำแรกของการวางขุมกำลังเข้าปราบกัมพูชาเป็นตัวแปรในการเข้ายึดกรุงธนบุรีและผลัดแผ่นดินพระเจ้าตากในเวลาต่อมา

ตัวแปรสำคัญคือการย้ายพระยากำแหงสงครามเจ้าเมืองโคราชกลับมารับราชการในกรุงธนบุรีแล้วให้หลวงนายฤทธิ์หลานเจ้าพระยาจักรีขึ้นนั่งเมืองแทน นี่คือเงื่อนงำแรกของการตอนขุมกำลังของฝ่ายจงรักภักดีพระเจ้าตากและให้หลวงนายฤทธิ์ขึ้นนั่งหน้าด่านเพื่ออำนวยความสะดวกตอนยกทัพกลับจากเขมร หลวงนายฤทธิ์ได้ปูมตำแหน่งเป็นพระยาสุริยอภัยและเป็นตัวเอกในการเข้าควบคุมสถานะการณ์กรุงธนบุรี

ประมาณสองเดือนก่อนกรุงธนบุรีโดนยึด พระเจ้าตากได้ให้ทหารเองตัวเก่งของพระองค์ทั้งหมดเข้าทำศึกเขมรโดยมีการเตรียมการก่อนหน้านั้นหนึ่งปีมาแล้วคือเดือนยี่ปีชวด โดยแผนกำหนดให้พระยาจักกรีเข้ายึดเสียมราช ทัพของกรมขุนอิทรพิทักษ์พระเข้ายึดบันทายเพชรร่วมกับพระยากำแหงสงครามและพระยาสุรสีห์ ส่วนพระเจ้าหลานเธอกรมขุนรามภูเบศและพระยาธรรมาให้ยึดกำแพงสวาย และเดินทัพในเดือนยี่ปีฉลูคืออีกปีหนึ่งถัดมา

แผนนี้ทำให้ทหารตัวเก่งต้องออกไปนอกกำแพงเมืองธนบุรีทั้งหมดเหลือเพียงพระเจ้าหลานเธอกรมขุนอนุรักษ์สงครามและพระยารามัญวงค์เป็นกำลังในเมืองเท่านั้น แต่หลังจากเคลื่อนทัพไปแล้วก็เกิดความไม่สงบในเมืองธนบุรีลุกลามใหญ่โตจนล้มราชบัลลังก์ในที่สุด

เงื่อนงำเรื่องเวลาที่น่าสนใจถอดระหัสได้บันทึกไว้ในหนังสือไทยรบกับพม่าในพระนิพนธ์ของกรมพระยาดำรงค์ราชานุภาพไว้ว่า ข่าวที่เกิดวิปริตในกรุงธนบุรีเข้าถึงหูสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกราวเดือน 11 จึงให้รอทำสงครามญวนเอาไว้ก่อนแล้วให้พระยาสุริยอภัยผู้หลายเข้ารอฟังเหตุการณ์ที่เมืองโคราช ถ้าเห็นว่าบ้านเมืองเกิดจราจลขึ้นให้ยกทัพกลับเข้ามารักษาพระนครฯ

ความทรงจำของกรมพระยาดำรงค์ฯไม่คลาดเคลื่อนแน่ๆเพราะถ้าเป็นเดือน 11-12 ทัพพระยาจักรียังอยู่ในโคราช เพราะว่าพระยาจักกรีเดินทัพไปเขมรตอนเดือนยี่ ประมาณได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในกรุงธนบุรีเป็นเหตุการ์ก่อนที่พระยาจักรีเดินทัพไปเขมรทั้งสิ้น เป็นการเตรียมทัพข้ามปีโดยพระยาสุริยอภัยตั้งแต่ปลายปีชวดโดยพระยาจักรี และที่สำคัญคือเป็นการเตรียมทัพก่อนจะเกิดเหตุกบฎพระยาสรรค์ในตัวเมืองธนบุรีเสียอีก

มันแหม่งๆเรื่องมีกลิ่นตุๆใช่หรือเปล่าครับ เตรียมการตั้งแต่ยังไม่เกิดเรื่อง ทำให้ผมเห็นช่องว่างหนึ่งช่อง คือเรื่องบางเรื่องโดยเขียนหลังเกิดเรื่องหรือเปล่า และเรื่องบางเรื่องโดนลบออกไปจากประวัติศาสตร์เนื่องจากไปทำให้เหตุผลบางเรื่องน้อยลง

ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุกถ้ารู้จักคิด รู้จักค้นหาความจริง จะน่าเบื่อมากถ้าต้องท่องแบบไร้เหตุผลเหมือนที่เคยโดนบังคับตอนเด็กๆ และจะสนุกเพิ่มขึ้นเมื่อเราจับเรื่องผิดคิวได้เหมือนนั่งหัวเราะตอนดูหนังแล้วเจอคิวหลุดในจอ







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:15  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9524

คำตอบที่ 115
       เรื่องนี้ข้อความตรงกันกับพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา พระยาสรรค์ในเวลานั้นต้นปีฉลูไม่รู้ตัวเองเลยว่าจะเป็นผู้ร่วมพลิกประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี และตัวเองต้องกลายเป็นกบฎพระยาสรรค์ในที่สุด

เงื่อนงำอีกข้อในพระราชวิจารณ์ของพระจุลจอมกล้านั้นชัดเจนมากว่า "พระยาจักกรีห่วงหน้าพวงหลังเรื่องการภายในอยู่มากแล้ว จึงได้รั้งรอไม่ทำการเดินออกเร็ว" อันที่จริงยังมีระหัสสำคัญที่ต้องถอดว่า พระยาสุริยอภัยได้แจ้งข่าวพระยาจักรีเรื่องกบฎพระยาสรรค์ พระยาจักรีได้ให้พระยาสุริยอภัยยกทัพลงมาก่อนแล้วทัพหลวงจะยกตามลงมาทีหลัง บังเอิญว่าพงศาวดารดันมีช่องว่างของเวลาอยู่ช่วงหนึ่งคือตัดฉากกลับมาที่การยกรบระหว่าพระยาสุริยอภัยและกรมขุนอนุรักษ์สงครามที่รักษาเมืองธนบุรีอยู่ แล้วจึงตัดฉากย้อนกลับมาพูดถึงเหตุการณ์ที่พระยาจักกรีสั่งให้พระยาสุริยอภัยลงมารักษาเมืองธนบุรี

เมื่อต่อสองฉากนี้เข้าหากันทำให้เห็นอีกฉากหนึ่งที่คิดไม่ถึงในพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาความว่า

ฝ่ายเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ก็พระยาจักรีนั่นแหละ) ให้พระยาสุริยอภัยมาแล้ว จึงแต่งหนังสือข้อราชการเรื่องการจลาจลในเมืองธนบุรีให้คนนำหนังสือไปแจ้งแก่เจ้าพระยาสุรสีห์ที่พนมเปญให้ยกกำลังเข้าล้อมกรมขุนอินทรพิทักษ์ไว้ไม่ให้รู้ความ แล้วรีบเลิกทัพกลับพระนครโดยเร็ว แล้วให้บอกเรื่องกับพระยาธรรมาที่ตั้งทัพที่กำแพงเมืองสวายให้จับจับกรมขุนรามภูเบศร์จำเครื่องครบไว้แล้วให้เลิกทัพกลับเข้าพระนคร

น่าจะจับความการผลัดแผ่นดินได้ตั้งแต่ยังรบกับเขมร พอได้รู้ว่ากรุงธนบุรีไม่สงบก็ส่งสารไปให้เจ้าพระยาสุรสีห์ที่พนมเปญล้อมทัพของกรมขุนอินทรพิทักษ์ลูกพระเจ้าตากไว้ไม่ให้รู้ข่าวและจับลูกพระเจ้าตากอีกคนกรมขุนรามภูเบศร์ที่อาจจะรู้เรื่องแล้วใส่ขื่อคาครบเครื่องไม่ให้มีการเคลื่อนไหวในการต่อต้านได้ แต่ยังก่อนมีหลักฐานเด็ดกว่านี้ในพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาอีกข้อหนึ่ง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:19  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9525

คำตอบที่ 116
       ข้อความในพระราชหัตถเลขาคือพระยาจักกรีได้เข้าไปทำสัญญาลับกับญวนให้สงบศึกโดย เหงเวียนหืวถว่าย กับพระยาจักรีได้ทำสัญญาเป็นมิตรกันโดยเอาธงและกระบี่มาหักเป็นสองท่อนแล้วต่างเก็บกันคนละท่อน แล้วให้ทัพญวนและเขมรที่เปลี่ยนจากศัตรูมาเป็นมิตรล้อมทัพขุนอิทรพิทักษ์ลูกพระเจ้าตากเอาไว้ แสดงให้เห็นโดยชัดเจนว่าการผลัดแผ่นดินกรุงธนบุรีทำตั้งแต่ยังอยู่ในเขมร

การที่กรมขุนอิทรพิทักษ์เห็นว่าเป็นกองกำลังต่างชาติจึงไม่รู้ว่าโดนทัพหลวงของพระยาจักรีเอาศัตรูที่แอบไปทำสัญญามาล้อมทัพพวกเดียวกันเอง จึงส่งหนังสือมาแจ้งข่าวแก่กรุงธนบุรี แต่กว่าข่าวจะไปถึงกรุงธนบุรีก็โดนผลัดแผ่นดินไปแล้ว

ความในพงศาวดารพระราชหัตถเลขากล่าวว่า สมเด็จทั้งสองพระองค์ (รัชกาลที่1และพระราชวังบวร ) ได้ทรงทราบก็ทรงพระสรวล จึงดำรัสว่าอ้ายหูหนวกตาบอดมิรู้การแผ่นดินเป็นเช่นไร กลับกล่าวโทษกูมาถึงกูอีกเล่า

เหตุการณ์ที่ผมเอาพงศาวดารที่มีการบันทึกไว้มาเรียงใหม่ตามเวลาที่เกิดขึ้นจริงๆเหล่านี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนพระยาสรรค์ยกเข้าตีกรุงธนบุรีเสียอีก ข้อความมันชัดเจนว่า พระยาจักรีเตรียมการผลัดแผ่นดินมานานแล้ว การอ้างภายหลังว่าทำไปเพราะต้องการปราบกบฎพระยาสรรค์นั้นเป็นการอ้างเวลาถอยหลัง

หรือใครจะเถียงข้อความในพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาที่ผมจับมาเรียงใหม่ให้ไม่อ่านแล้วงง เนื่องจากบันทึกจริงเรื่องมันกระโดดเวลาไปกระโดดเวลามาครับ พอเรื่องมันไม่กระโดดไปมาเรื่องก็อ่านง่ายเข้าใจง่ายขึ้น

เพื่อนที่บวชมาด้วยกัน เพื่อนที่ตีฝ่าพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยามาด้วยกัน เพื่อนที่กู้ชาติสร้างเมืองมาด้วยกัน เป็นผู้รับช่วงผลัดแผ่นดินในเวลาต่อมานี่เอง






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:20  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9526

คำตอบที่ 117
       ในทางการเมือง พระยาจักรีได้สร้างแหล่งข่าวสำคัญเอาไว้ คือหลวงสรวิชิตและนายแสง ที่ข้อความปรากฎใน "คำปฤกษาตั้งราชการในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่1" หลวงสรวิชิต ได้แต่งคนเอากิจการหนักเบาใรกรุงธนบุรีออกไปแจ้งใต่ฝ่าละอองทุลีพระบาทถึงด่านพระจริต นายแสงได้ทูลเกล้าถวายหนังสือลับ ให้ทรงพระราชดำหริรักษาพระองค์รู้กิจการ

ดังนั้นสาเหตุการยกทัพเข้าเมืองธนบุรีจึงไม่ใช้จากกบฎพระยาสรรค์ แต่เป็นจาก ผู้ร้ายป่วนเมือง มากกว่า และข้อความจาก ราชสัมภารากรลิขิต เรื่องลำดับกรกูณท่านพระยาสีหราชเดโชไชยกล่าวว่าขณะที่ทัพพระยาสุริยอภัยยกลงมากรุะนบุรีนั้นเมืองยังไม่เกิดจลาจล

ผมจะย้อนหลังก่อนยึดกรุงธนบุรีหนึ่งเดือนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ขณะที่ทัพใหญ่เตรียมตัวยกจากเขมรกลับพระนคร พระเจ้าตากยังไม่ทราบเรื่องใดๆทั้งสิ้น ได้ให้ขุนแก้วน้องพระยาสรรค์ไปคุมการต่อยหินปากนกโดยเอาปืนไปด้วย 1000กระบอก แล้วขุนแก้วก็เริ่มทำการก่อกบฎทันที เวลาเดียวกันนายบุญนากบ้านแม่ลาและขุนสุระนายกองบ้านวังม่วงก็คิดก่อกบฎขึ้น ทั้งคู่เป็นทหารเก่าพระยาจักกรีโดยจะยกทัพมาจับพระเจ้าตากสำเร็จโทษเสียแล้วยกบ้านเมืองให้พระยาจักรี

มีเหตุประจวบเหมาะอีกเรื่องคือเกิดเหตุปล้นจวนพระพิชิตณรค์ที่สัมประทานขุดสมบัติที่กรุงเก่าและได้บุกเข้าฆ่าลูกเมียลูกเมียเจ้าเมืองกรุงเก่าจนพระยาอินทรอภัยต้องหนีมากราบบังคมทูลให้ทราบเรื่อง เมื่อทรงทราบแล้วจึงให้พระยาสรรค์ขึ้นไปปราบโจรเหล่านี้เสีย แต่พอพระยาสรรค์ไปถึงกรุงเก่ากลับโดนพวกโจรเกลี้ยกล่อมให้เป็นพวกเสียอีก

ลองมาดูเรื่องประจวบเหมาะอีกเรื่องนะครับ เหตุการณ์ที่ผมเล่ามาเกิดเมื่อแรมเดือนสี่หรือต้นเดือนมีนาคม เริ่มจากกลุ่มนายบุญนากเข้าปล้นฆ่าพระพิชิตณรค์และเกลี้ยกล่อมพระยาสรรค์เข้ามาเป็นพวกแล้วยกทัพเข้ามากรุงธนบุรีในวันที่9มีนาคม ใช้เวลาไม่ถึงสิบวัน เรื่องมันจะลงตัวในเวลาอะไรขนาดนั้น

แล้วลองย้อนดูทัพของพระยาสุริยอภัยที่พระยาจักรีให้ล่วงหน้ามาก่อน และทัพใหญ่พระยาจักรีที่ตามมา สรุปได้ว่ามีสามทัพเข้าล้อมเมืองในเวลาไล่ๆกัน ซึ่ทั้งหมดเป็นกำลังในการดุแลของพระยาจักรีหรือไม่ก็ทหารในบังคับเก่าทั้งสิ้น เรื่องมันประจวบเหมาะอย่างที่ผมบอกนั่นแหละ

เรื่องในบันทึกพงศาวดารที่ผมจับมาเรียงแล้วภาพมันออกมาดูง่ายๆไม่งง ดูด้วยใจเป็นกลาง อย่าเอามาตราฐานการปกครองปัจจุบันไปเปรียบเทียบ เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ผลัดแผ่นดินกันแบบนี้ ทุกประเทศในยุโรปหรือเอเซียในประวัติศาสตร์ก็ผลัดแผ่นดินกันแบบนี้ไม่แตกต่าง







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:30  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9528

คำตอบที่ 118
       ผมจะเล่าเรื่องวันกรุงธนบุรีแตกว่ามีเหตุอะไรบ้างให้เห็นภาพกันกระจ่างแจ้งไปเลย เอาตั้งแต่เช้าวันนั้จนถึงโดนจับตัว

เช้าวันนั้ทัพพระยาสรรค์ได้เข้าล้อมพระนครโดยตั้งทัพอยู่ที่คลองมอญด้านเหนือพระราชวังปากซอยบ้านผมที่อยู่ตอนนี้นี่แหละ พระเจ้าตากให้ทหารเข้าตรึงกำลังไว้ เอกสารฝรั่งของมองซิเอร์เดอคูลาแวร์ได้กล่าวถึงว่า มีทหารเข้ารีตสามสิบหกคนเอาปืนเข้าต้านพวกก่อการจราจลไว้จนสว่าง สอดคล้องกับเอการของกรมหลวงนริทรเทวีที่เขียนจากความทรงจำไว้ว่า พระเจ้าตากประทมตื่นคว้าพระแสงทรงเสด็จขึ้นพระที่นั่งเย็นตรัสเรียกฝรั่งประจำป้อม ฝรั่งได้ยิงปืนใหญ่ถูกเรือข้าศึกล่ม พอถึงเวลาเช้าได้ทรงทราบว่าพระยาสรรค์ออกมาตีเมืองจึงได้ทรงฟันตรางปล่อยข้าหลวงฝ่ายในออกมาให้หาทางหนีทีไล่

ยิงตอบโต้จนรุ่งสางจากฝ่ายพระเจ้าตากโดย พระยาธิเบศ์ พระยาอำมาตย์ พระยารามัญ ได้ทรงให้หยุดรบแล้วบอกว่า สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแกไพร่เลย ฝ่ายยึดเมืองทำการสำเร็จในเวลาสิบชั่วโมง โดยพระยาสรรค์ถวายพรให้ทรงผนวช เหตุตอนนี้ได้บันทึกไว้จากจดหมายเหตุความทรงจำบอกว่าเป็นเวลา 3โมงเช้า แต่พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถ์เลขาบอกว่าค่ำลงเพลายามเศษ แต่ฉบับพันจันทรนุมาศบอกว่าเวลา 3ทุ่ม เป็นวันที่10 มีนาคม2324

พงศาวดารไทยไม่ได้จดจนนาทีสุดท้าย แต่มีข้อความในพงศาวดารเขมรได้กล่าวถึงอารมณ์ไม่แพ้พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาที่กล่าวบนเชิงเทินว่า สิ้นบุญพ่อแล้ว อย่าให้ยากแกไพร่เลย เลย ข้อความในพงศาวดารเขมรกล่าวว่า กูวิตกกว่าศัตรูมาแต่ประเทศเมืองไกล แต่เดี๋ยวนี้ไซร้ลูกหลานกูเอง ว่ากูคิดผิดเป็นบ้าบอแล้วดังนี้ จะให้พ่อบวชก็ดี ฤๅจะใส่ตรวนพ่อก็ดี พ่อจะยอมรับทำตามใจลูกทั้งสิ้น

พระราชดำรัสนี้ทรงทราบดีอยู่ว่าสิ่งที่ตามมาคืออะไร






 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:33  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9529

คำตอบที่ 119
       ทัพพระยาสรรค์เข้ายึดเมืองแล้วได้นั่งเมืองมาสิบวันก็มีทัพพระยาสุริยอภัยเข้าประชิดเมืองกลับพบว่าเมืองถูดตีตัดหน้าไปแล้ว พระยาสรรค์ทราบว่ามีทัพพระยาสุริยอภัยมาประชิตที่บ้านสวนมังคุตทางตอนเหนือของวังหรือตอนนี้เป็น รพ.ศิริราช ก็เข้าเจรจาว่าได้จัดการเมืองไว้รอพระยาจักรีมานั่งเมืองไว้แล้ว

มาภายหลังพระยาสรรค์คิดจะเอาเมืองไว้เองข้อความนี้ไร้เหตุผลมารองรับ เนื่องจากพระยาสรรคทราบว่า ทัพของพระยาสุริยอภัยมีกำลังมากกว่าและยังมีทัพหลวงของพระยาจักรีตามาสมทบอีกหากยังคิดเอาราชสมบัติในสภาพแบบนี้ก็คงโดนคนรุ่นหลังว่าเป็นบ้าแทนพระเจ้าตากไปแล้ว นับว่าเป็นข้อความที่แปลกกว่าที่จะเดาเหตุผลได้ในพระราชพงศาวดรฉบับพระราชหัตถเลขา

ความตอนหนึ่งที่ยังแปลกใจคิดตามไม่ถูกไปอีกชั้นคือพระยาสรรค์ไปขอความช่วยเหลือจากหลานสนิทพระเจ้าตาก กรมขุนอนุรักษ์สงครามทั้งที่รู้อยู่ว่าถ้ารบชนะหลานก็จะต้องถวายราชสมบัติคืนพระเจ้าตากอยู่ดี ดังนั้นเมื่อหลานถูกปล่อยออกจากจองจำก็ไปทูลเชิญพระเจ้าตากให้ออกมาแต่งทัพสู้ ความนี้ปรากฎในบันทึกความทรงจำของกรมหลวงนริทรเทวีว่า "เรียกท่านที่ทรงผนวชว่าประจุออกมาเถิด"

ผมให้ความสำคัญต่อบันทึกนี้เพราะกรมหลวงนริทรเทวีที่เขียนบันทึกท่านเกิดทันและอยู่ในเหตุการณ์นี้ทุกตอน ขณะที่พงศาวดารฉบับพระราชหัตถ์เลขาเขียนชำระเมื่อรัชกาลที่5 ตอนนั้นทุกคนในเหตุการ์ตายไปหมดแล้ว

ข้อความยังมีอะไรที่ต้องตีความต่ออีกตรงที่พระยาสรรค์ถวายพรให้ทรงผนวชได้ให้ความเห็นว่า ให้ทรงผนวชชำระดวงเมืองสามเดือน เข้าทำนองที่ว่าพระยาสรรค์จะปราบพวกก่อการจนสงบแล้วจึงถวายราชบัลลังค์คืนพระเจ้าตาก

อ่านแล้วอย่าตีความจนเกินเลย เพราะประวัติศาสตร์จะเพี้ยนได้ถ้าเอาความคิดและความรู้สึกเข้าจับเรื่อง เรื่องบันทึกแบบนั้นก็อ่านแบบนั้น

ส่วนจะสมเหตุผลหรือไม่ต้องเอาหลายๆเล่มเข้ามาชนเรื่องกันแล้วจะเห็นรอยต่อของเรื่องที่บันทึก





 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:35  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9530

คำตอบที่ 120
       ยังมีเรื่องที่เป็นหนังคนละม้วนอีกเรื่องคือข้อความของหนังสือราชสัมภารากรลิขิต ได้เขียนว่าบ้านเมืองวุ่นวายพระเจ้าแผ่นดินเฟือนพระสติ พระยาสุริยอภัยคาดว่าบ้านเมืองคงจะจลาจลแน่จึงสะสมเสบียงและกำลังไว้ที่บ้านสวนมังคุต พระเจ้าตากท่านทรงให้กรมขุนอนุรักษ์สงครามและพระยาสรรค์จับตัวพระยาสุริยสงครามมาให้ได้ แต่ทั้งสองรบแพ้ พระยาสรรค์กลับใจเข้ากับฝ่ายพระยาสุริยอภัยแล้วขอตีเมืองธนบุรีไถ่โทษ

เหตุการ์นี้เข้ากันได้ดีกันพระราชพงศาวดารหลังศึกธนบุรีแล้วว่าพระยาสรรค์ไปนั่งเสนอหน้าเอาความดีความชอบกับพระยาจักรีเหมือนไม่รู้ไม่เห็นเรื่องกบฎที่ตนเองได้ทำลงไปจนมีผู้ซัดทอดว่ามีส่วนรู้เห็นร่วมในเหตุนี้ทั้งหมดจึงยอมรับ

ความขัดแย้งที่เห็นนี้ยังคงเป็นปริศนาดำมืดอีกข้อของพงศาวดารหลายๆฉบับที่บอกไม่ตรงกัน แต่คงพอเดาได้ว่าอันไหนน่าเชื่อกว่ากัน

ผมขอตัดประเด็นของข้อความของหนังสือราชสัมภารากรลิขิตที่เป็นหนังคนละม้วนออกก่อน แล้วกลับเข้าไปบันทึกความทรงจำของกรมหลวงนริทรเทวีที่เกิดทันและอยู่ในเหตุการณ์ว่า เมื่อพระเจ้าตากท่านได้รับคำเชิญของกรมขุนอนุรักษ์สงครามให้นำทัพเข้าสู้กับพระยาสุริยอภัย พระองค์ท่านได้อ่านสภาวะของกำลังที่มีอยู่ออกแล้วว่าคงยากที่จะต่อต้าน ได้ตรัสว่าคงไม่รอด เมืองเป็นของเขาสองคนพี่น้อง ถ้ากรมขุนอนุรักษ์สงครามไม่ตายก็ฝากตัวเขาให้ดีเถิด

แต่กรมขุนอนุรักษ์สงครามกลับไม่เชื่อได้แต่งทัพออกรบป้องกันพระนครร่วมกับพระยาสรรค์ ได้ทำการรบตั้งแต่เวลาค่ำวันที่ 2 เมษาจนถึง 11โมงวันที่ 3 เมษา และพ่ายแพ้แก่ทัพพระยาสุริยะอภัย นับว่าเป็นจุดจบของสงครามกลางเมืองครั้งนี้







 แสดงความคิดเห็นย่อย แสดงความคิดเห็นย่อย

baron จาก von Richthofen 125.24.46.129 พุธ, 20/6/2550 เวลา : 17:39  IP : 125.24.46.129   

edit แก้ไขคำตอบ   delete ลบคำตอบ 9531

      

ยังมีคำตอบมากกว่านี้นะครับ คลิ๊กเพื่อดูหน้าถัดไป


คำตอบแบ่งหน้าละ 30 คำตอบ ขณะนี้คุณอยู่ที่หน้า 4 จาก >>> 1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  



website รองรับการใช้งานทุกระบบปฏิบัติการของ PC Tablet SmartPhone ทุกระบบสามารถโพสข้อความและรูปภาพได้โดยไม่ต้องย่อไฟล์
เพื่อความปลอดภัยในการใช้ website WeekendHobby.Com สมาชิก เท่านั้น จึงจะตั้งกระทู้ หรือ ตอบกระทู้ได้ครับ
Login Click ที่นี่
สมัครสมาชิก Click ที่นี่



Since 22, Feb 2001 hit counter View My Stats  Truehits.net      วันจันทร์,17 กุมภาพันธ์ 2568 (Online 7081 คน)